WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2281
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2281
ตอนที่ 2,281 : เล่ห์ร้าย
“นายน้อยตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียน…มันมิใช่เป็นแค่เด็กน้อยพลังฝึกปรืออ่อนด้อยคนหนึ่งหรือไร ไฉนอยู่ๆถึงได้กลายเป็นร้ายกาจขึ้นมาขนาดนี้ได้?”
“นั่นสิ มิใช่ว่าตราผนึกมารของมันถูกยอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนบุกลงมาช่วงชิงไปถึงถิ่นหรอกรึ แล้วไฉนกลับมาอยู่ในมือของมันแบบนี้ได้เล่า?”
“มันออกจากภูมิภาคเบื้องล่างเพื่อขึ้นไปภูมิภาคเบื้องบนได้กี่ปีกัน อีกทั้งตอนนั้นด่านพลังของมันยังไม่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนด้วยซ้ำ…ไฉนตอนนี้กลับมีพลังทัดเทียมกับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนได้เล่า?”
…
หลังได้ฟังคำยืนยันว่าภาพมนุษย์ที่เห็น และเป็นคนเดียวกันกับยอดฝีมือที่สังหาร 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจสุกรจากปากผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสีชาด ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรทมิฬรวมถึงผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสายฟ้าถึงกับอื้ออึงยากจะดึงสติกลับคืนได้อยู่นาน
ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะพวกมันอยู่ในภูมิภาคเบื้องล่าง ไหนเลยจะล่วงรู้ความเป็นไปของภูมิภาคเบื้องบน…
หาไม่แล้วพวกมันคงไม่สงสัยและครุ่นคิดกันจนหัวหมุนแบบนี้
ต้องทราบด้วยว่าในภูมิภาคเบื้องบนนั้น ข่าวลือเรื่องต้วนหลิงเทียนอดีตผู้ถือครองตราผนึกมารคนก่อนได้ฆ่าเซี่ยจงอาวุโสลัทธิอารามทมิฬที่เคยบุกไปชิงตราผนึกมาร จนในที่สุดก็ยึดตราผนึกมารกลับไปครอง ไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับอีกต่อไป
“ที่พวกเจ้าสงสัย ข้าเองก็เคยไตร่ตรองมาก่อน”
ขณะเดียวกันด้านผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสีชาด หลังได้ฟังคำถามด้วยสงสัย มันก็กล่าวออกมาด้วยคิ้วที่ยู่ย่นเป็นปม “และในที่สุดข้าก็พอจะคาดเดาเรื่องราวได้…”
“เจ้าคาดเดาว่าอย่างไรรึ?”
ได้ยินคำของผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสีชาด ผู้นำอีก 2 คนหันมาให้ความสนใจมัน และเป็นผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสายฟ้าที่เร่งถามออกไปด้วยความสงัสย
“ข้าเดาว่า…ความจริงเรื่องที่ยอดศาสตราเซียนอย่างตราผนึกมารนั้นถูกยอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนบุกลงมาช่วงชิงไปจากมือต้วนหลิงเทียนถึงตำหนักเมฆาคราม ล้วนมิใช่อะไรมากไปกว่าเรื่องลวง! เป็นตำหนักเมฆาครามที่จงใจเผยแพร่ข่าวลวงออกมาไม่ผิดแน่! ทั้งหมดเพื่อทำให้ยอดฝีมือในภูมิภาคทั้งหลายตัดใจ! ชักนำให้ทุกคนละความสนใจไปจากต้วนหลิงเทียน!!”
“เพราะหากตราผนึกมารอยู่กับต้วนหลิงเทียนหนึ่งวัน ต้วนหลิงเทียนก็ถูกยอดฝีมือมากมายจับตาดูเพิ่มอีกวัน…หากลำพังมีแค่ยอดฝีมือของภูมิภาคเบื้องล่าง ตำหนักเมฆาครามคงไม่กลัวอะไร แต่จากข่าวที่ได้ยินมา….ในปีนั้นกระทั่งยอดฝีมือจากขุมพลังต่างๆของภูมิภาคเบื้องบน ก็ส่งคนลงมาจับตาดูเพื่อเฝ้ารอโอกาสอีกด้วย…”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสีชาดกล่าวบอกเรื่องที่มันคาดคิดออกมา
และการคาดเดาของมัน ก็นับว่ามีเหตุผลรองรับไม่น้อย ทำให้อีก 2 ผู้นำเริ่มเชื่อว่าที่แท้เรื่องราวอาจเป็นแบบนี้จริงๆ
“เรื่องนี้เป็นไปได้สูงยิ่ง”
“สมควรเป็นเช่นเจ้าว่าจริงๆ”
ทั้งสองจึงพยักหน้ากล่าวรับคำด้วยเห็นชอบ
“ไม่สิ!”
ทว่าทันใดนั้นเองผู้นำเผ่าปีศาจสายฟ้าพลันอุทานออกมา สีหน้าของมันคล้ายฉุกคิดได้ถึงอะไรบางอย่าง คิ้วมันเริ่มขมวดย่นเป็นปมอีกรอบ “หากนับเวลาจากกที่ตำหนักเมฆาครามประกาศเรื่องตราผนึกมารถูกยอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนช่วชิงไป เรื่องราวยังผ่านไปไม่ถึง 10 ปีหรอกหรือไร?”
“แล้วไฉนในเวลาแค่ไม่ถึง 10 ปี ต้วนหลิงเทียนนั่นจะมีพลังฝีมือเพิ่มพูนสูงขึ้นอย่างผิดปกติเช่นนี้ได้?”
“หรือมัน…ซุกซ่อนพลังฝีมือเอาไว้แต่แรก?”
ผู้นำเผ่าปีศาจสายฟ้าได้กล่าวคำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบออกมา พาลให้อีก 2 ผู้นำหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที
“เรื่องนี้…ข้าเองก็ไม่รู้”
“ข้าเองก็คิดไม่ออกจริงๆ…”
สุดท้ายทั้ง 2 ก็ได้แต่ยอมรับว่าคิดไม่ออก
“ขุมพลังอย่างตำหนักเมฆาครามของเจ้าพวกมนุษย์นี่…มันช่างลึกลับเสียจริง…”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสายฟ้ากล่าว “เท่าที่ข้ารู้มา ยามเมื่อทัพหน้าของกองทัพเผ่าปีศาจมนุษย์บุกไปหมายยึดครองพื้นที่แถบนั้น…ก็ได้ถูกเข่นฆ่าจนล้มตายไปกว่าครึ่ง แถมคนของตำหนักเมฆาครามก็ค่อยอพยพไปหลังรู้ว่าทัพหน้าของพวกปีศาจมนุษย์มีทัพมาเสริมด้วยซ้ำ หากไร้กำลังเสริมข้าว่าคงตายตกกันหมดทัพ!”
“เรื่องนี้ข้าเองก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน…ว่ากันว่าตอนนั้นจ้าวตำหนักเมฆาคราม กับยอดฝีมืออีกคนของตำหนักเมฆาคราม พอลงมือเคลื่อนไหวก็กวาดล้างทัพหน้าของเผ่าปีศาจมนุษญ์ไปกว่าครึ่งได้ในเวลาอันสั้น ถึงแม้ทัพหน้านั่นส่วนใหญ่จะเป็นเพียงศิษย์ของพวก 3 วัง 6 ตำหนักก็ตาม แต่อย่างไรพลังฝีมือก็มิใช่ชนชั้นต่ำทราม…”
“กระทั่งศิษย์ปิดสำนักของจ้าววังวิญญาณอสุราเอง ก็ตกตายด้วยน้ำมือยอดฝีมือของตำหนักเมฆาครามทั้ง 2!”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสีชาดพยักหน้ารับคำ
“ข้าหลงคิดว่าในภูมิภาคเบื้องล่างจักไร้ซึ่งยอดฝีมือระดับนี้อยู่เสียอีก…แต่ตอนนี้ดูเหมือนตำหนักเมฆาครามนั่นจะมียอดฝีมือซุ่มซ่อนอยู่ไม่น้อย! เดิมทีหากมิใช่เผ่าปีศาจมนุษย์พบเจอสถานที่แห่งนั้นก่อนเผ่าปีศาจสุกรเราก้าวหนึ่ง ก็คงเป็นเผ่าปีศาจสุกรเราที่ต้องส่งคนไปตาย!!”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรทมิฬกล่าวออกเสียงหนัก
“มาตอนนี้ด้วยมีต้วนหลิงเทียนนั่นอยู่อีกคน…เว้นเสียแต่ท่านผู้เฒ่าอาวุโสจะออกโรงด้วยตัวเอง เกรงว่าคงเป็นการยากที่เผ่าปีศาจสุกรของพวกเราจะต่อกรตำหนักเมฆาครามได้!”
วาจาดังกล่าวของผู้นำเผ่าปีศาจสุกกรทมิฬ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสายฟ้าหรือผู้นำเผ่าปีศาจสุกกรสีชาดล้วนเห็นด้วยอย่างยิ่ง
เพียงแต่พวกมันทั้ง 3 ไม่ได้ล่วงรู้เลย
กระทั่งตัวต้วนหลิงเทียนเอง ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้เลยด้วยซ้ำว่าคนของตำหนักเมฆาครามได้ไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ถึงแม้เขาจะอยากกลับไปตำหนักเมฆาครามเพื่อผนึกกำลัง เขาก็ทำไม่ได้!
“เอาล่ะ ช่างเรื่องพวกกนั้นเถอะ…ว่าแต่ตอนนี้พวกเราจะเอาอย่างไร ในเมื่อยืนยันได้แล้วว่ายอดฝีมือมนุษย์นามต้วนหลิงเทียนนั่น ที่แท้เป็นนายน้อยตำหนักเมฆาครามทั้งยังถือครองตราผนึกมารอยู่ พวกเราจะปล่อยข่าววเรื่องนี้ออกไปดีหรือไม่?”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสีชาด มองไปยังผู้นำอีก 2 คนพร้อมถามออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
2 ผู้นำพอถูกถามก็ได้แต่หันหน้ามองสบตากันพักหนึ่ง สุดท้ายก็ส่ายหัวไปมา “เรื่องนี้มิอาจรีบร้อน…ต้วนหลิงเทียนนั่นตั้งแต่บุกมาฆ่าเด็กน้อยทั้ง 3 ไป มันก็คล้ายจะเงียบหายเข้ากลีบเมฆไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลย”
“บางทีตอนนี้มันยังไม่ได้ลงมือกับปีศาจเผ่าอื่น…หากพวกเราวู่วามปล่อยข่าวของมันออกไป เกรงว่าจะเป็นการยั่วโทสะของมัน ไม่แน่มันอาจจะเอาโทสะมาลงกับเผ่าปีศาจสุกรของพวกเรา”
วาจาของผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสายฟ้าเผยให้เห็นความหวั่นกลัวไม่น้อย “และเรื่องนั้นมิใช่เรื่องดีสำหรับเผ่าปีศาจสุกรของพวกเราแน่…”
“เฮ่อ…สุดท้ายพวกเราก็วกกลับมาจุดเริ่มต้น…”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสีชาดได้แต่คลี่ยิ้มขื่นขม
ปีที่แล้วแม้พวกมันยังไม่รู้ว่ายอดฝีมือลึกลับหนุ่มนั่นคือนายน้อยตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียน แต่พวกมันก็หวาดกลัวจนไม่กล้าเคลื่อนไหวบุ่มบ่าม
มาตอนนี้ถึงแม้พวกมันจะรู้แล้วว่ายอดฝีมือลึกลับหนุ่มนั่น ที่แท้คือต้วนหลิงเทียนนายนอยตำหนักเมฆาคราม แต่พวกมันก็ไม่กล้าลงมือเคลื่อนไหวอะไรอยู่ดี
เพราะสุดท้ายแล้วนั่นก็ไม่ใช่ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนธรรมดาๆ แต่เป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่มีตราผนึกมารอยู่ในมือ!
และตราผนึกมารนั่น ก็เป็นดาวข่มปีศาจอย่างพวกมัน!
“จริงสิ เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้ยินข่าวว่าวังเซียนสัญจร ได้แต่งตั้งรองจ้าววังคนใหม่ที่พลังฝีมือสูงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน…”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรทมิฬพูดเปลี่ยนเรื่อง “อีกทั้งรองจ้าววังเซียนสัญจรคนใหม่ผู้นั้น…ยังมีนามว่าต้วนหลิงเทียนเช่นกัน!”
ถึงแม้ว่าอาณาเจตของเผ่าปีศาจสุกรจะอยู่ไม่ไกลจากเผ่าปีศาจมนุษย์มากนัก แต่ด้วยเพราะเป็นปีศาจต่างเผ่า จึงไม่ค่อยข้องแวะสุงสิงกันเท่าไหร่
หากไม่ใช่เพราะคนของเผ่าปีศาจสุกรที่ออกไปตามหาวัตถุดิบที่จำเป็นต้องใช้ในการจัดตั้งมหาค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาค ได้พบกับคนของเผ่าปีศาจมนุษย์ที่บังเอิญมาหาวัตถุดิบในพื้นที่เดียวกัน เกรงว่าคงไม่อาจล่วงรู้ถึงเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงของวังเซียนสัญจร
“วังเซียนสัญจรกลับแต่งตั้งรองจ้าววังคนใหม่ที่มีพลังฝึกปรือบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนงั้นเหรอ…แถมยังมีชื่อว่าต้วนหลิงเทียนอีก เรื่องนี้ไฉนบังเอิญได้ถึงเพียงนั้น”
ได้ยินคำของผู้นำเผาปีศาจสุกรทมิฬ ผู้นำเผ่าสุกรสีชาดอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
“ข้าเกรงก็แต่นี่จะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
หลังจากกนั้นผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสายฟ้าที่อายุมากที่สุด ก็ฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง พลันกล่าวออกเสียงหนัก
มันยังหันมองไปยังผู้นำเผ่าปีศาจสุกรทมิฬทันที เอ่ยถามออกมาว่า “เจ้ารู้ความเป็นมาของรองจ้าววังเซียนสัญจรคนใหม่ของวังเซียนสัญจรหรือไม่? ว่าที่แท้เดิมมันเป็นอาวุโสของวังเซียนสัญจรมาก่อนแล้วได้เลื่อนตำแหน่ง หรือเป็นผู้ที่พึ่งเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจร?”
“เรื่องนี้ข้าได้ยินมาว่า รองจ้าววังเซียนสัญจรคนใหม่ เป็นผู้ฝึกมารไร้สังกัดที่พึ่งเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรเมื่อปีก่อน…”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรทมิฬกล่าว
“หืม? พึ่งเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรเมื่อปี่ก่อน แถมยังเป็นผู้ฝึกมารอิสระงั้นเหรอ?”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสายฟ้าคล้ายตระหนักได้ถึงบางสิ่ง ทันใดนั้นลูกตามันก็หดหยีลงทันใด สีหน้ายังแปรเปลี่ยนไปมหันต์ “ผู้ที่จะเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรได้ ล้วนมีแต่มนุษย์ที่มีสายเลือดบริสุทธิ์เท่านั้น…หากผู้ที่คิดเข้าร่วมไม่มีสายเลือดมนุษย์บริสุทธิ์ ต่อให้เป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ วังเซียนสัญจรก็ไม่ต้อนรับ!”
“รองจ้าววังคนใหม่นั่น กลับมีสายเลือดมนุษย์บริสุทธิ์ อีกทั้งยังมีนามว่าต้วนหลิงเทียนอีก…เรื่องนี้ข้าสงสัยว่า…”
ผู้นำเผ่าปีศาจสายฟากล่าวไม่ทันจบคำ ก็ถูกผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสีชาดโพล่งขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสงสัยว่ารองจ้าววังคนใหม่ของวังเซียนสัญจรก็คือยอดฝีมือของพวกมนุษย์ ต้วนหลิงเทียน นายน้อยตำหนักเมฆาครามที่สังหารเด็กน้อยทั้ง 3ของพวกเราเมื่อปีก่อนเช่นนั้นรึ!?”
“มิผิด!”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสายฟ้าพยักหน้ารับ กล่าวออกเสียงขรึม “ปีที่แล้วมันบุกมาสังหารเด็กน้อยทั้ง 3ของเผ่าปีศาจสุกรเรา…ประจวบเหมาะกับเมื่อ 1 ปีที่แล้ว วังเซียนสัญจรกลับแต่งตั้งรองจ้าววังคนใหม่ แถมยังเป็นผู้ฝึกมารที่เป็นมนุษย์สายเลือดบริสุทธิ์อีก…”
“เจ้าคิดว่า…ใต้หล้ามีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้ด้วยหรือ?”
“ข้าสงสัยว่า…เมื่อปีที่แล้วนายน้อยตำหนักเมฆาครามต้วนหลิงเทียนนั่น มันคิดแทรกซึมเข้าไปยังวังเซียนสัญจรแต่แรก แต่ทว่า 9 ใน 10 เป็นมันที่บังเอิญผ่านทางมาเขตปีศาจสุกรของพวกเราพอดีจึงลงมือเข่นฆ่าเด็กน้อยทั้ง 3 นั่นของพวกเราทิ้ง!”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรกล่าววความคิดของตัวเองออกมา หลังกล่าวจบมันก็ยิ่งเชื่อมั่นในข้อสันนิษฐานนี้มากกขึ้นเรื่อยๆ
“นั่นมัน…กล่าวไปก็มีความเป็นไปได้จริงๆ!”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรทมิฬกล่าววออกเสียงหนัก
“ช้าก่อน…เมื่อปีที่แล้วจากม่านแสงสะท้อนลักษณ์ ยามต้วนหลิงเทียนนั่นลงมือ กลับไร้ซึ่งไอมารใดๆนี่นา มิใช่นั่นหมายความว่ามันไม่ได้เป็นผู้ฝึกมารหรือไร?”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสีชาดที่นึกได้ เอ่ยถามออกด้วยสงสัย
“แล้วเจ้าคิดว่า…มันเป็นเรื่องยากเย็นนักหรือไร ที่ผู้ฝึกตนมนุษย์ขอบเขตพลังเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนจะปลอมตัวเป็นผู้ฝึกมาร?”
ผู้นำเผ่าปีศาจสายฟ้ากล่าวถามออกมาอย่างมีวาทศิลป์
ได้ยินดังนั้นผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสีชาดก็ถึงกับพูดไม่ออก บังเกิดอาการใบ้รับประทานขึ้นมาทันที
ในเมื่อตัวมันเองก็เป้นตัววตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนผู้หนึ่ง ไหนเลยยังไม่รู้ว่าขอบเขตความสามารถของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนนั้นทำอะไรได้บ้าง
“ข้ามั่นใจกว่า 9 ส่วนว่ารองจ้าววังคนใหม่ของวังเซียนสัญจรนั่น คือนายน้อยตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียน ไม่ผิดแน่! และคนในวังเซียนสัญจรนั่นจนป่านนี้ก็ยังมิมีใครล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของมัน!!”
สองตาผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสายฟ้าทอประกายสว่างวาบ กล่าวออกด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“ว่ากันว่า…รองจ้าววังคนใหม่ของวังเซียนสัญจร หลังจากได้รับการแต่งตั้งแล้ว ก็ปิดด่านบ่มเพาะไม่รับแขกมาตลอดระยะเวลา 1 ปี ด้วยเหตุนี้คนวังเซียนสัญจรจะไม่ล่วงรู้ฐานะนายน้อยตำหนักเมฆาครามของมันก็ไม่แปลก”
“เพราะคงแทบไม่มีผู้ใดพบเห็นมันเลย!”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรทมิฬกล่าว
“เช่นนั้นพวกเรา…มาส่งของขวัญให้พวกกวังเซียนสัญจรกันหน่อยเถอะ!”
มุมปากผู้นำเผ่าปีศาจสายฟ้ายกแสยะเผยยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “หากคนในวังเซียนสัญจรได้แลเห็นภาพเหมือนของนายน้อยตำหนักเมฆาครามอย่างต้วนหลิงเทียน ว่าเหมือนกันกับใบหน้าของรองจ้าววังพวกมันราวกับแกะ ไม่ทราบพวกมันจะทำหน้ากันอย่างไร….”
“ความคิดอันประเสริฐนัก!!”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสีชาดถึงกับตบมือดังชาด โพล่งคำออกมาอย่างคึกคัก
“ล้ำลึก!”
ลูกตาของผู้นำเผ่าปีศาจสุกรทมิฬเองก็สองตาลุกวาวจ้าขึ้นมาทันใด “ลงมือเลยเถอะ!!”