WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2287
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2287
ตอนที่ 2,287 : จ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง!
นกตัวมหึมาประหนึ่งเนินเขาย่อมๆ ยืนตระหง่านแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่กลางห้องหับที่กลับกลายเป็นซากปรักหักพังดั่งขุนเขา หากแต่เปลวเพลิงสีทองทั่วร่างนั้น…คล้ายยังลุกโชนแผดเผาอยู่ตลอดเวลา!
มันยืนตระหง่านดั่งปราการไร้ทลาย คอยปกปักษ์พิทักษ์ต้วนหลิงเทียนที่กำลังปิดด่านบ่มเพาะเอาไว้ ไม่ให้สิ่งใดจากโลกภายนอกเข้าไปรบกวน
หากตอนนี้ต้วนหลิงเทียนออกจากการปิดด่านมาเห็น เขาย่อมรู้ได้ทันที
ว่าวิหกเพลิงตัวนี้ที่ก่อร่างขึ้นมาจากเปลวเพลิงสีทองและกำลังปกป้องเข้าในขณะที่ปิดด่านบ่มเพาะอยู่นั้น มันคือนกอะไร! มันคือ อีกาทองคำ 3 ขา!!
อีกาทองคำ 3 ขา ก็คือวิหกเทพสุริยัน ที่มีอยู่แต่ในตำนานของโลกเก่าที่ต้วนหลิงเทียนเคยอยู่
และผู้เฒ่าหั่ว วิญญาณประจำเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติที่อาศัยอยู่ในชั้นแรกนั้น ก็คืออีกาทองคำ 3 ขาที่แท้จริง!
อีกทั้งยังเป็นอีกาทองคำ 3 ขา ตัวสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่ของ อวี้หวงเทียน ระนาบสวรรค์แห่งหนึ่ง!
เช่นนั้นอีกาทองคำ 3 ขานี้ เค่อเอ๋อ ก่านหรูเยี่ยน รวมถึงเผิงไหล ย่อมไม่รู้จักเป็นธรรมดา!
และในเมื่อผู้ใหญ่ทั้ง 3 ยังไม่รู้จัก ไหนเลยเด็กหญิงอย่างต้วนซือหลิงจะรู้จักได้
“นายหญิง พวกเราสมควรทำอย่างไรกันดี…”
เผิงไหลมองไปยังเค่อเอ๋อพร้อมกล่าวถามออกมาด้วยรอยยิ้มขื่นขม “พวกเรามิอาจล่าช้าได้…ท่านจ้าววังสมควรมาถึงในอีกไม่นาน! หากท่านจ้าววังมาถึง พวกเราคงไม่มีโอกาสหลบหนีได้อีก!”
“เจ้าพาพวกนางสองคนไปก่อน…ข้าจะพยายามปลุกมันอีกครั้ง!”
แทบจะทันทีที่เสียงถามไถ่ของเผิงไหลดังจบคำ เค่อเอ๋อไม่ทันได้ตอบอะไรก็เป็นก่านหรูเยี่ยนที่กล่าวขึ้นมาก่อน
ฟังจากวาจาของนาง เห็นชัดว่าคิดให้เผิงไหลพาเค่อเอ๋อกับต้วนซือหลิงหนีไปก่อน แล้วปล่อยให้นางอยู่ที่นี่เพื่อปลุกต้วนหลิงเทียนคนเดียว!
ในสายตาของนาง ชีวิตน้องสาวฝาแฝดก็สำคัญกว่าตัวนางเช่นกัน!
“พี่หญิงข้าจักมิไปไหนจนกว่าพี่เทียนจะตื่นจากการบ่มเพาะ”
เค่อเอ๋อกล่าวคำขาดออกมา
การพลัดพรากจากกันในอดีต ทำให้นางหวงแหนทุกสิ่งตรงหน้าเป็นอย่างมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะยอมแยกจากบุรุษของนางอีกครั้ง
“อาวุโสเผิงไหลท่านช่วยพาพี่สาวข้ากับลูกสาวข้าหนีไปก่อนเถอะ…ข้าจะรั้งอยู่ที่นี่เพื่อปลุกพี่เทียนเอง”
กล่าวยื่นคำขาดกับก่านหรูเยี่ยนจบ เค่อเอ๋อ ก็หันไปมองเผิงไหล ค่อยพูดออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน
นางอยากอยู่กับบุรุษของนาง
แม้นางรู้ดีว่าสุดท้ายอาจต้องตาย แต่นางก็ไม่เสียใจ!
สำหรับนางแล้ว กการได้ตายตกพร้อมบุรุษอันเป็นที่รักย่อมเป็นความสุขที่สุดในโลก!
สำหรับพี่สาวกับลูกสาวนั้น นางย่อมอยากให้ทุกคนสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไป
“ท่านแม่! ข้าไม่ไปไหนนะ! ข้าจะอยู่ที่นี่กับท่านพ่อ!!”
ตอนนี้ต้วนซือหลิงเองก็ไม่ใช่เด็กหญิงตัวน้อยไม่รู้ความอีกต่อไป นางอายุได้ 12 ขวบปีแล้ว เป็นเด็กสาวนางหนึ่งที่มีหัวคิด ทั้งมีความดื้อรั้นตามประสา
“ซือหลิงเด็กดี ลูกหนีไปกับท่านป้าก่อนเถอะ พอพ่อเขาตื่นเมื่อใดจะได้พาแม่ไปหาพวกเจ้าทีหลัง…”
เค่อเอ๋อมองกล่าวกับต้วนซือหลิง ใบหน้างดงามเผยรอยยิ้มบางๆออกมาอย่างอ่อนโยน
หากแต่ลึกลงไปในแววตายังเผยความไม่ยินยอมพร้อมใจประการหนึ่ง เพราะนางรู้ดีว่าหากรั้งอยู่นั้นสมควร 9 ตาย 1 รอด
พอคิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้าบุตรสาวอีก กระทั่งไม่ได้อยู่เห็นบุตรสาวเติบใต ในใจย่อมบังเกิดความอาลัยอย่างช่วยไม่ได้
“ข้าไม่ไป! หากท่านพ่อท่านแม่ไม่ไปด้วยกัน ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น!”
ต้วนซือหลิงคล้ายตระหนักได้ถึงเรื่องราวบางอย่าง นางจึงดื้อรั้น ยืนกรานไม่ยินยอมไปถ่ายเดียว
ในขณะที่เค่อเอ๋อคิดจะกล่าวเกลี้ยกล่อมต้วนซือหลิงนั้นเอง เป็นก่านหรูเยี่ยนที่พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ถ้างั้นพวกเรามาหาวิธีปลุกมันเถอะ!”
คำนี้ของก่านหรูเยี่ยนเห็นได้ชัดว่าปฏิเสธคำที่เค่อเอ๋อพูดกับเผิงไหลก่อนหน้าชัดเจน!
เพราะนั่นหมายความว่าก่านหรูเยี่ยนเองก็ไม่คิดไปไหนเหมือนเค่อเอ๋อ!
พอเห็นแบบนี้เค่อเอ๋อก็ได้แต่เผยยิ้มขื่นขมออกมา เพราะนิสัยของพี่สาวฝาแฝดนางดื้อรั้นเพียงใด ตัวนางเองก็ย่อมรู้ดี
หลังจากนั้น ทั้ง 4 คน ไม่ว่าจะแม่ลูก ก่านหรูเยี่ยน และเผิงไหล ก็ได้พยายามร่วมมือกันทำทุกทางเพื่อปลุกต้วนหลิงเทียนให้ตื่นจากการบ่มเพาะให้จงได้
พยายามลองควบแน่นพลังมหาศาลส่งเสียงก็แล้ว กระทั่งตะโกนมันตรงๆก็แล้ว กระทั่งลองใช้พลังทำเสียงดังๆก็แล้ว…
อนิจจาไม่อาจปลุกต้วนหลิงเทียนให้ตื่นขึ้นมาได้เลย
นั่นเพราะไม่ว่าจะเป็นเสียงในรูปแบบไหน ก็ไม่อาจผ่านพ้นวิหกผู้พิทักษ์ของต้วนหลิงเทียน ‘อีกาทองคำ 3 ขา’ เข้าไปถึงหูต้วนหลิงเทียนได้
ในช่วงเวลาสุ่มเสี่ยงแบบนี้ ยิ่งล่าช้าก็ยิ่งมากอันตราย
ห่างออกไปไกลจากทั้ง 4 ร่าง อีกาทองคำ 3 ขา ที่ก่อขึ้นมาจากเปลวเพลิงสีทองยังคงยืนตระหง่านดั่งปราการคงกระพันไร้วันทลาย ปกปักษ์ต้วนหลิงเทียนให้บ่มเพาะพลังไปโดยไร้สิ่งใดรบกวนให้วอกแวก
อีกาทองคำ 3 ขานี้ ก็ถูกสร้างขึ้นมาจากพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดของต้วนหลิงเทียนเอง
พลังเซียนต้นกำเนิดในร่างของต้วนหลิงเทียนนั้น แตกต่างจากทุกคนในระนาบโลกียะแห่งนี้
เพราะพลังเซียนต้นกำเนิดของเขา ได้ผสานไว้ด้วยพลังสุริยันของอีกาทองคำ 3 ขาอย่างผู้เฒ่าหั่ว
ถึงแม้ว่าพลังอำนาจของพลังสุริยันที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้พลังต้นกำเนิดจะเหมือนด้อยประสิทธิภาพลงเรื่อยๆ แต่อย่างไรมันก็คือพลังอำนาจเฉพาะของอีกาทองคำ 3 ขา!
ยามเมื่อต้วนหลิงเทียนทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน และสามารถใช้ความสามารถถอดวิญญาณออกจากร่างได้นั้น
เขาที่จมจ่อมอยู่กับการบ่มเพาะพลังนั้นก็ไม่ได้รู้เลย
ว่าในขณะที่เขาบ่มเพาะพลังอยู่ พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดของเขาอยู่ๆก็ได้แยกตัวออกมาส่วนหนึ่งโดยที่เขาไม่รู้ตัว และสุดท้ายก็ก่อร่างเป็นอีกาทองคำ 3 ขา ที่เสมือนมีชีวิตคอยปกป้องเขาเอาไว้!
และความแข็งแกร่งของอีกาทองคำ 3 ขาที่เกิดจากพลังเซียนสิรุยันต้นกำเนิดของเขาควบรวมสร้างขึ้น ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน!
ทำให้ต้วนหลิงเทียนไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นด้านนอก
ตอนนี้เขากำลังตั้งมั่นอยู่กับการสั่งสมพลังหมายทะลวงให้ถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนให้จงได้!
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
……
ทันใดนั้นเองปรากฏเสียงของสายลมพัดกรรโชกมาหลายสำเนียง ราวกับมีบางสิ่งมาถึงคฤหาสน์ของต้วนหลิงเทียนเรียบร้อยแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับเผิงไหลครั้งใหญ่!
“ข้าเกรงว่ายามนี้ต่อให้พวกเราคิดไป ก็มิอาจไปไหนได้แล้ว…”
เผิงไหลเผยยิ้มขื่นขมออกมา
เพราะในขณะที่ได้ยินเสียงของสายลมที่พัดมาถึงหลายสายนั้น เผิงไหลก็จับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังที่คุ้นเคย…
และกลิ่นอายพลังนั่นยังขู่ขวัญมันนัก! เพราะเจ้าของกลิ่นอายพลังที่สัมผัสได้…ล้วนแล้วแต่เป็นเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนทั้งสิ้น!!
กล่าวอีกอย่างได้ว่า ผู้ที่มาถึงคฤหาสน์ของต้วนหลิงเทียนนั้น สมควรเป็นชนชั้นรองจ้าววังเซียนสัญจร!
ด้านนอกคฤหาสน์ สูงขึ้นไปบนอากาศ
ชนชั้นรองจ้าววังเซียนสัญจรทุกคน นำโดย อวิ๋นฟู่เหย่ ได้มาถึงแล้ว!
“มันยังมิได้หนีไป!”
ถึงแม้สำนึกเทวะของอวิ๋นฟู่เหย่จะไม่อาจตรวจพบตัวตนของต้วนหลิงเทียนได้เลย หากแต่มันย่อมตรวจพบอีกาทองคำ 3 ขาที่ควบแน่นจากพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดนั่น!
และนอกจากวิหกไฟแล้ว มันยังตรวจพบเค่อเอ๋อกับลูกสาวรวมถึงก่านหรูเยี่ยนที่เป็นคนรอบกายต้วนหลิงเทียนอีกด้วย ทั้งหมดยังอยู่ครบ!
ดังนั้นมันจึงมั่นใจว่าต้วนหลิงเทียนเองก็สมควรยังไม่จากไปไหน
“นั่นมันเผิงไหลมิใช่หรือไร…ตอนนี้มันเองก็สมควรได้รับทราบข่าวลือแล้วเช่นกันว่าต้วนหลิงเทียนเป็นนายน้อยตำหนักเมฆาคราม ขุมพลังของพวกมนุษย์ที่เคยยึดครองพื้นที่แถบนี้ แต่มันกลับไม่ไปไหนยังง่วนอยู่กับพวกนั้น…บอกให้รู้ชัดว่ามันเลือกจะทรยศวังเซียนสัญจรของพวกเรา!”
รองจ้าววังเซียนสัญจรคนหนึ่งกล่าวออกด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“เรื่องนี้นับว่าเล็กน้อยไร้สำคัญ…ขอเพียงเจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นมันยังไม่ไปไหนก็พอ!”
อวิ๋นฟู่เหย่ส่ายหัวไปมา “มองจากสถานการณ์ตอนนี้…เจ้าพวกนั้นสมควรพยายามปลุกต้วนหลิงเทียนที่กำลังปิดด่านบ่มเพาะกันอยู่ แต่เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นดูเหมือนจะถูกนกไฟประหลาดนั่นปกป้องเอาไว้ ไม่ให้สิ่งเร้าจากภายนอกรบกวนมัน…”
ในฐานะศิษย์เอกของจ้าววังเซียนสัญจร รวมไปถึงอดีตรองจ้าววังอันดับ 1 อวิ๋นฟู่เหย่ย่อมไม่ใช่ชนชั้นธรรมดา!
เป็นเรื่องง่ายดายที่มันจะมองสถานการณ์ด้านล่างได้ทะลุปรุโปร่ง
“เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเรา…เพราะหากเจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นมันคิดหลบหนีไปจริง ข้าเกรงว่าพวกเราคงไม่อาจหยุดมันเอาไว้ได้!”
อวิ๋นฟู่เหย่กล่าวสืบต่อเสียงเข้ม ลึกลงไปในแววตายังเผยความหวาดกลัวให้เห็น
ถึงแม้มันจะไม่เคยเห็นต้วนหลิงเทียนมาก่อน และเพียงเคยได้ยินเรื่องต้วนหลิงเทียนมาจากอาจารย์เท่านั้น แต่มันก็รู้ดีว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนนั้นอยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนจริงๆ!
ถึงมันจะได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับ 1 ใต้ขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนของวังเซียนสัญจร แต่มันก็ยังไม่หยิ่งผยองลำพองถึงขั้นคิดว่าตัวเองจะต่อกรกับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนได้…
และวาจาดังกล่าวของอวิ๋นฟู่เหย่ ก็ได้รับการเห็นด้วยจากรองจ้าววังทั้งหมด
แต่ในขณะที่รองจ้าววังทั้งหลายกกำลังจะขานรับคำของอวิ๋นฟู่เหย่เพราะเห็นด้วย…
ทันใดนั้นเอง
ปรากฏเสียงดังสนั่นลั่นฟ้ามาจากด้านนอกไกลๆ ยังไม่ต่างใดจากฟ้าลั่นสักเพียงนิด!
“จ้าววังอวี่เหวิน! ข้าฉีหนานฟงมารบกวนเจ้าแล้ว!”
เสียงดังกล่าวนั้นไม่เพียงดังก้องไปทั่วคฤหาสน์ของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น แต่ยังดังกึกก้องไปทั่วทั้งอาณาเขตของวังเซียนสัญจร!
“บัดซบ! เป็นฉีหนานฟง จ้าววังวิญญาณอสุรา!!”
สีหน้าอวิ๋นฟู่เหย่กลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากทันที
สีหน้าของรองจ้าววังคนอื่นๆเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ามันสักเท่าไหร่
เพราะตอนนี้พวกมันตระหนักได้ว่า…
เรื่องที่พวกมันกังวลมากที่สุด ได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ!
ทันทีที่มีข่าวลือว่ารองจ้าววังคนใหม่ของพวกมัน ต้วนหลิงเทียน ก็คือนายน้อยตำหนักเมฆาครามอดีตขุมพลังของพวกมนุษย์ในดินแดนแห่งนี้แพร่ไปทั่วทั้งวังเซียนสัญจรนั้น พวกมันก็ตระหนักได้ว่ากระดาษย่อมมิอาจห่อไฟได้นาน!
ไม่ช้าก็เร็วเรื่องดังกล่าวต้องแพร่ออกไปนอกวังเซียนสัญจรแน่นอน กระทั่งยังจะแพร่ไปทั่วทั้งเมืองเหรินโม่เชิ่งของเผ่าปีศาจมนุษย์!
อย่างไรก็ตามแม้พวกมันจะคิดถึงเรื่องนี้ไว้แต่แรก แต่พวกมันก็ไม่คิดเลยว่าข่าวลือจะแพร่ไปได้ไวถึงขนาดนี้!
นี่ยังพึ่งผ่านไปนานเท่าไหร่กัน?
แต่จ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง กลับมาถึงวังเซียนสัญจรของพวกมันแล้ว!
แน่นอนว่าอวิ๋นฟู่เหย่และชนชั้นรองจ้าววังคนอื่นๆ ก็ไม่ได้แปลกใจอะไรที่ ฉีหนานฟง จ้าววังวิญญาณอสุราจะมาเยือนเป็นคนแรก
เพราะพวกมันรู้ดีว่าในบรรดาเผ่าปีศาจมนุษย์ จ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง ผู้นี้ สมควรเคียดแค้นชิงชังตำหนักเมฆาครามยิ่งกว่าปีศาจตนใดในเผ่าปีศาจมนุษย์!
และทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นจากศิษย์ปิดสำนักที่ฉีหนานฟงรักและเอ็นดูมากที่สุด ได้ถูกจ้าวตำหนักเมฆาครามอย่างต้วนหรูเฟิงกับยอดฝีมืออีกคนของตำหนักเมฆาครามร่วมมือกันฆ่าทิ้ง!
ตอนนี้พออีกฝ่ายได้ยินข่าวเรื่อง นายน้อยของตำหนักเมฆาครามได้แฝงตัวเข้ามาอยู่ในวังเซียนสัญจรของพวกมัน…
จะให้ฉีหนานฟงนั่นนั่งอยู่เฉยๆคอยดูเรื่องราวได้อย่างไร?
“โชคดีนักที่ข้าเลือกจัดตั้งอาคมปิดกั้นเสียงคลุมคฤหาสน์ของท่านอาจารย์ไว้แต่แรก…หาไม่แล้วท่านได้เสียสมาธิตื่นขึ้นเพราะเสียงฉีหนานฟงเมื่อครู่เป็นแน่!”
ตอนนี้สีหน้าอวิ๋นฟู่เหย่บิดเบี้ยวนัก
ฟุ่บ!!
ทันใดนั้นเองสีหน้าที่บิดเบี้ยวขออวิ๋นฟู่เหย่ก็ยิ่งกลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยาก
“บังอาจ!!”
เพียงเพราะว่า อวิ๋นฟู่เหย่สามารถตระหนักได้ชัดเจน
ว่ามีสำนึกเทวะหนึ่งได้กำจายออกมาปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ ตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างในวังเซียนสัญจรอย่างไม่คิดไว้หน้า ทำราวกับไม่เห็นหัวผู้ใด!
“แย่แล้ว! เป็นจ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง!!”
ภายในคฤหาสน์ของต้วนหลิงเทียน เผิงไหล ที่ได้ยินเสียงดังลั่นฟ้าเมื่อครู่หน้าก็เปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง!
มันไม่เพียงได้ยินเสียงของฉีหนานฟงเท่านั้น ยังสัมผัสได้ถึงสำนึกเทวะที่กวาดออกมาเมื่อครู่ของฉีหนานฟงด้วย!