WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2294
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2294
ตอนที่ 2,294 : ต้วนหลิงเทียน!
“พริบตาดุจลัดนิ้วมือ เวลาก็ได้ล่วงเลยไปเกือบครบพันปีแล้ว…หายนะทัณฑ์สวรรค์รอบที่ 4 ของข้ากำลังจักลงมา หากข้ายังรั้งอยู่ที่นี่เกรงว่าข้าคงมิอาจทุ่มความสนใจ ทั้งเตรียมการรับมือหายนะทัณฑ์สวรรค์รอบที่ 4 ได้อย่างเต็มที่”
ชายชราที่ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์เรียกหาว่าอาจารย์ได้แต่อธิบายออกมาพลางทอดถอนใจ
“คราวนี้เด็กน้อยของวังเซียนสัญจรนั่นมันสามารถชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จและกำลังจักกลายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้ว…นี่นับเป็นวาสนาครั้งใหญ่ของเผ่าปีศาจมนุษย์เรา ด้วยมีมันกับเจ้าคอยปกปักษ์ดูแล ข้าเองก็สามารถจากไปได้อย่างวางใจ…”
ชายชราในชุดสีเทาผู้นี้ มิคาดกลับเรียกหาจ้าววังเซียนสัญจรว่า เด็กน้อย!
ต้องทราบด้วยว่าจ้าววังเซียนสัญจร อวี่เหวินฮ่าวเฉิน ที่ปากมันเรียกหาว่าเด็กน้อยนั่น จะอย่างไรก็คือผู้ที่กำลังจะบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนสวรรค์อมตะเชียวนะ!!
ยังดีว่าที่นี่ไม่มีใครอื่นอยู่!
หาไม่แล้วหากใครมาได้ยินวาจาประโยคนี้ของชายชราชุดเทา คงหวาดกลัวจนหัวใจกระดอนออกปาก!
อย่างไรก็ตาม แม้จะได้ยินว่าอาจารย์ของตัวเรียกหาจ้าววังเซียนสัญจรว่าเด็กน้อย ประมุขเผ่าปีศาจกลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจหรือไม่สมควรอะไร ราวกับว่าเป็นเช่นนี้ก็ถูกต้องเหมาะสมแล้ว
“อา เวลามัน…หายนะทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่ 4 ของท่านอาจารย์กำลังใกล้เข้ามาแล้วจริงๆ…”
ประมุขจเผ่าปีศาจมนุษย์พยักหน้ารับ ยิ่งมาความไม่ยินยอมพร้อมใจบนใบหน้ายิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นไม่นานมันก็เอ่ยถามออกมาว่า “ท่านอาจารย์…แล้วท่านจะจากไปเมื่อไหร่หรือ?”
“หลังจากที่เด็กน้อยนั่นข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จและบรรลุถึงครึ่งก้าววเซียนอมตะ…ข้าคิดสนทนากับมันสักพักแล้วค่อยจากไป”
ชายชรากล่าว
“ศิษย์เข้าใจแล้วขอรับ”
ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์พยักหน้ารับ “เช่นนั้นหลังจากที่มันข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้เมื่อไหร่ ศิษย์จักไปกับท่านอาจารย์ด้วย”
“พวกเราออกไปกันตอนนี้เลยเถอะ…หลังจากนี้อีกมิกี่ชั่วยาม อัสนีทัณฑ์สายแรกสมควรฟาดลงมาแล้ว! กล่าวไปนี่ก็นับว่านานมากแล้วที่ข้ามิได้เห็นวิธีการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ของจ้าววังเซียนสัญจรที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น…”
สิ้นคำกล่าวของชายชราร่างคนก็ไหววูบคราหนึ่ง กลับกลายเป็นกลุ่มหมอกควันสีเทา ทั้งยังพวยพุ่งทะยานลัดฟ้าไปด้วยความเร็วอัศจรรย์! ราวเมฆเทาจุดระเบิด!!
และทิศทางที่หมอกควันสีเทากำลังพุ่งไปก็คือน่านฟ้าวังเซียนสัญจร!
ฟุ่บ!!
แทบจะพร้อมกันกับที่รางชายชราชุดเทาสลายร่างกลับกลายเป็นหมอกควันทะยานลัดฟ้าหายไป ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ก็ย่ำเท้าออกอย่างพิสดาร ร่างทะยานเหินติดตามไปด้วยความเร็วสูงสุด ไม่นานก็ติดตามมาทัน
“ท่านอาจารย์ข้าเองก็เคยได้ยินมาว่าวังเซียนสัญจรนั้นมีกลวิธีข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น…แต่ทว่ากลวิธีดังกล่าวมีเพียงชนชั้นจ้าววังเซียนสัญจรเท่านั้นที่เข้าถึงได้หรือ?”
ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์มองไปมองควันสีเทาเบื้องหน้าด้วยสายคามากเคารพ เอ่ยถามออกมาด้วยความอยากรู้
“อืม…เป็นเช่นนั้น”
หมอกควันสีเทาที่ไร้รูปร่าง มิคาดกลับสามารถกล่าวตอบประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ได้ แถมเสียงตอบยังเป็นน้ำเสียงแหบแห้งของชายชราในชุดสีเทาก่อนหน้า “หากแต่กลวิธีข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ของจ้าววังเซียนสัญจรนั้น กว่าจะใช้ได้สักครั้งต้องเสียเวลาเตรียมการนานนัก…”
“เช่นนั้นโดยปกติแล้ว มีเพียงชนชั้นจ้าววังเซียนสัญจรเท่านั้น ถึงจักมีสิทธิ์เพลิดเพลินไปกับกลวิธีนั่น…”
ฟังจากคำของชายชราในชุดเทา คล้ายมันคุ้นชินกับกลวิธีการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ของชนชั้นจ้าววังเซียนสัญจรดี
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง…”
ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์เองก็พอจะเข้าใจเรื่องราวได้ว่าไฉนวังเซียนสัญจรถึงไม่แจกจ่ายให้คนอื่นในวังจากนั้นมันก็เหินร่างตามหมอกควันสีเทาที่เป็นนอาจารย์ของมันไปยังวังเซียนสัญจรอย่างเงียบงัน
ฟุ่บ!
ไม่นานหมอกควันสีเทาดังกล่าวก็บรรลุถึงน่านฟ้าเหนือวังเซียนสัญจร!
กล่าวให้ชัดเป็นน่านฟ้าเหนือคฤหาสน์ที่พักของจ้าววังเซียนสัญจร
และแผ่นฟ้าเบื้องหน้าของมันยามนี้ ปรากฏเป็นเมฆสีดำทะมึนปานแพหนา ทั้งมีเมฆหลากสีก่อตัวอยู่เบื้องบน เปล่งแสงสีงดงามตระการตานัก
ภายใต้เมฆหลากสีเหล่านี้ ไม่เพียงมีเมฆดำทะมึนมืดเท่านั้น ยังมากล้นไปด้วยเส้นสายอัสนีจำนวนนับไม่ถ้วน มองไปปานอสรพิษสีม่วงตัวน้อยกำลังเลื้อยลดไปมาดำผุดดำว่ายอย่างสนุกสนาน
เมฆดำทะมึนมืดเหล่านี้ ก็คือกลุ่มเมฆหายนะ!
ยังเป็นเมฆหายนะสู่สรรรค์ บททดสอบของผู้ที่คิดจะตัดผ่านสู่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ!!
วูววว!
ดั่งมีสายลมพัดกรรโชกมาหอบหนึ่ง เป็นหมอกควันสีเทาที่วูบมาหยุดลง และพริบตาหมอกควันสีเทาดังกล่าว ก็รวมตัวก่อเกิดร่างมีสภาพ!
ชายชราชุดเทาปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง
แทบจะเป็นเวลาเดียวกวันกับที่ร่างชายชราในชุดสีเทาปรากฏตัว ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ที่มาถึงช้ากว่ากันเล็กน้อย ก็หยุดร่างลงข้างๆชายชราในชุดสีเทา เฝ้ามองฉากเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงเบื้องหน้าด้วยกันกับชายชรา
ภายใต้เมฆหลากสีสันราวเมฆมงคลนั่น ก็คือแพเมฆหายนะทัณฑ์สวรรค์ที่มากล้นไปด้วยอัสนีสีม่วง!
และภายใต้เมฆหายนะมากล้นไปด้วยอัสนีสีม่วงลงไปไกลตาจนเห็นเป็นจุดเล็กๆ ก็เป็นจวนอันใหญ่โตหลังหนึ่ง มันคือเคหะสถานส่วนตัว ทั้งยังเป็นสถานทีบ่มเพาะของจ้าววังเซียนสัญจร อวี่เหวินฮ่าวเฉิน!
และตอนนี้รอบๆคฤหาสน์ของอวี่เหวินฮ่าวเฉินก็ไม่ได้สงบแต่อย่างใด
เมื่อบังเกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตที่นี่อันเป็นจุดศูนย์กลางวังเซียนสัญจร เช่นนั้นแล้วเหล่าศิษย์และอาวุโสของวังเซียนสัญจรย่อมได้รับทราบกันหมด ต่างพากันมารวมตัวกันจากทั่วทั้งวัง!
พอต่างทยอยกันมาถึง น่านฟ้าแถบนี้ก็เรียกว่าอึกทึกครึกโครมทั้งวุ่นวายไม่น้อย
“ยังไม่เริ่มอีกหรือ?”
“เมฆหายนะสู่สวรรค์ยังพากันมาเคลื่อนจากทั่วสารทิศอยู่เลย ท่าทางยามเมื่อเมฆหายนะทั้งหมดมาบรรจบกัน หายนะทัณฑ์สวรรค์จึงจะเริ่มต้นขึ้นใช่หรือไม่?”
“อา! ข้าล่ะแทบอดใจรอดูชมไม่ไหวแล้ว! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชั่วชีวิตนี้ข้าจักมีโอกาสได้เป็นพยานการถือกำเนิดของครึ่งก้าวเซียนอมตะ! ที่สำคัญครึ่งก้าวเซียนอมตะผู้นี้ยังเป็นท่านจ้าววังเซียนสัญจรของพวกเรา!!”
“ข้าก็ตื่นเต้นยิ่ง!”
……
ตราบใดที่ยังเป็นคนของวังเซียนสัญจร แล้วไม่ได้ปิดด่านบ่มเพาะอย่างสันโดษตัดขาดการติดต่อ ทั้งหมดล้วนมารวมตัวกันเพื่อรอชมวินาทีประวัติศาสตร์ของจ้าววังเซียนสัญจรของพวกมันทั้งสิ้น
ต้องทราบด้วยว่าฉากเรื่องราวนี้ หาใช่คิดอยากจะเห็นก็ได้เห็นกันง่ายๆไม่!
“หายนะสู่สวรรค์หรือ…ข้าเองก็เคยได้อ่านมาจากในบันทึกโบราณเท่านั้น…ว่ากันว่ากว่าที่หายนะทัณฑ์สวรรค์จะบังเกิด ยังต้องรอให้เมฆหายนะควบรวมก่อเกิดอยู่ราวๆครึ่งชั่วยาม”
“ราวๆครึ่งชั่วยาม? เช่นนั้นอีกไม่นานแล้วสิท่านผู้อาวุโส…เพราะนี่มันก็เลย 2 เค่อมาแล้ว!”
“ท่านอาวุโสขอรับ เช่นนั้นหมายความว่าอีกเพียง 2เค่อ…เมฆหายนะสู่สวรรค์จักก่อตัวแล้วเสร็จ และหายทัณฑ์สวรรค์ของครึ่งก้าวเซียนอมตะจะเริ่มฟาดผ่าหรือท่าน!?”
“มิผิด เป็นเช่นนั้น!”
…
ท่ามกลางเหล่าศิษย์อาวุโสของวังเซียนสัญจร อาวุโสบางคนที่ได้ศึกษาเรื่องนี้มา ก็มีความเข้าใจเกี่ยวกับหายนะทัณฑ์สวรรค์ของครึ่งก้าวเซียนอมตะไม่น้อย
หลังได้รับทราบว่าหายนะทัณฑ์สวรรค์กำลังจะเริ่มต้นในเวลาไม่ถึง 2 เค่อ เหล่าศิษย์และอาวุโสที่ไม่รู้เรื่องราวก็ทำตาลุกวาวขึ้นมาทันที ทั้งหมดยังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เฝ้ารอเวลาอย่างใจจดจ่อ
ภายในลานว่างของคฤหาสน์
จ้าววังเซียนสัญจร อวี่เหวินฮ่าวเฉิน ยืนนิ่งอยู่กลางลาน สีหน้าเฉยเมยไม่เผยอารมณ์ความรู้สึกว่าทุกข์หรือสุข
และห่างออกไปไม่ไกลจากมัน ก็ปรากฏร่างศิษย์เอกทั้งยังควบฐานะรองจ้าววังเซียนสัญจรอันดับ 1 อวิ๋นฟู่เหย่ยืนรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องรองจ้าววังคนใหม่ ต้วนหลิงเทียน ที่ไม่ได้เป็นแม้แต่คนของเผ่าปีศาจมนุษย์!
“นายน้อยตำหนักเมฆาคราม?”
หลังได้รับทราบอัตลักษณ์ที่แท้จริของต้วนหลิงเทียน สีหน้าของอวี่เหวินฮ่าวเฉิน จ้าววังเซียนสัญจรก็ไม่อาจคงความสงบเอาไว้ได้สืบไป! คิ้วมันขยดย่นเป็นปมอย่างเห็นได้ชัด บ่งบอกถึงความแปลกใจไม่น้อย!!
“แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน?”
อวี่เหวินฮ่าวเฉินมองจ้องอวิ๋นฟู่เหย่ ถามออกเสียงแข็ง
“ตอนนี้มันสมควรยังอยู่ที่คฤหาสน์ส่วนตัวของมัน และน่าจะยังมิได้ออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ…แต่ถึงมันจะออกจากการปิดด่านบ่มเพาะแล้ว มันก็ไม่อาจหลบหนีไปที่ใดได้! เพราะยามนี้จ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง ก็ได้ถือวิสาสะเข้ามาเฝ้ารอมันถึงในวังเซียนสัญจรของพวกเรา! ทันทีที่เจ้านั่นมันกล้าออกนอกเขตวังเซียนสัญจรของพวกเรา จ้าววังวิญญาณอสุราย่อมลงมือฆ่ามันทันทีแน่!!”
อวิ๋นฟู่เหย่กล่าว
“ดี!”
อวี่เหวินฮ่าวเฉินพยักหน้ารับทราบ “เอาล่ะ เรื่องของมันไว้ข้าข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์เสร็จแล้วข้าจะจัดการเอง…ตอนนี้ข้าต้องไปเตรียมตัวก่อน หลังจากนี้อีกเพียงเค่อเดียว เมฆหายนะสู่สวรรค์สมควรก่อตัวแล้วเสร็จ หายนะทัณฑ์อัสนีสายแรกก็สมควรฟาดลง!”
กล่าวจบคำ ก็ไม่รอให้อวิ๋นฟู่เหย่ตอบสนองใดๆ ร่างอวี่เหวินฮ่าวเฉิน พลันก้าวทะยานขึ้นไปในอากาศ พริบตาก็ไปหยุดลอยบนฟ้าเหนือคฤหาสน์
เหนรือขึ้นไปจากศีรษะมันด้านบน บัดนี้แผ่นฟ้าที่เคยสว่างไสวกับหมองหม่นไปด้วยเมฆหายนะสู่สวรรค์สีดำทะมึน! ยังเป็นแพเมฆหายนะอันกว้างใหญ่ไพศาลปานจะปิดฟ้าบังตะวัน!!
ขณะเดียวกัน นอกจากแพเมฆหายนะหนาแน่นด้านบนแล้ว จากทุกทั่วสารทิศยังปรากฏเมฆหายนะที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาควบรวมไม่หยุดหย่อน
อีกไม่นานเหล่าเมฆหายนะทั้งหลายก็จะมาควบรวมบรรจบกับแพเมฆหายนะหนาแน่นเหนือหัวอวี่เหวินฮ่าวเฉิน ทำให้ยิ่งมาแพเมฆก็ยิ่งหนาแน่น กลิ่นอายอันน่าเกรงขามเปล่งออกมากขึ้นทุกขณะเวลา…
อัสนีสีม่วงก็ทวีจำนวนฟาดผ่าแลบลั่นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด!
ต่อมาเหล่าอัสนีสีม่วงเดิมที่เคยมีขนาดเท่าอสรพิษก็เริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
…
ในระหว่างที่เมฆหายนะเริ่มเคลื่อนตัวมาควบรวม เสียงฟาดผ่าอัสนีก็ดังกังวานลงมาจากฟากฟ้าไม่หยุด ดั่งโลกหล้ากำลังจะถึงกาลวิปโยคเต็มที!
“ท่านอาจารย์…กำลังจะเริ่มข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์แล้วหรือ?”
ด้วยความเคลื่อนไหวด้านนอกนั้นใหญ่โตเอิกเกริกนัก ทำให้ในที่สุดหวงเหวินจิ้งที่ปิดด่านบ่มเพาะอยู่ก็ถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ นางออกจากห้องหับมายืนในลาน ทั้งแหงนขึ้นไปมองบนฟากฟ้าก่อนใดอื่น ปากกล่าวพึมพำออกมาด้วยความตะลึง
อวิ๋นฟู่เหย่เองก็กำลังมองจ้องขึ้นไปบนฟ้าไม่ต่าง
ในสายตาทั้งคู่ ปรากฏ 1 ร่างเหินตระหง่านท่ามกลางฟ้าดิน และแพเมฆหายนะก็คล้ายจะมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่หนึ่งร่างนั้น
“ศิษย์น้องเล็ก…”
ได้ยินเสียงเรียกหาอันคุ้นเคย หวงเหวินจิ้งพลันดึงสติกลับมาจากการเหม่อมอง ค่อยพบอวิ๋นฟู่เหย่ที่ไม่ทราบมาหยุดยืนข้างกายนางเมื่อไหร่กำลังแย้มยิ้มพูดว่า “ไม่ผิด ตอนนี้ท่านอาจารย์สามารถชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จแล้ว”
“กล่าวได้ว่าอีกไม่กี่วัน วังเซียนสัญจรของพวกเราก็จะอุบัติตัวตนครึ่งก้าวเซียนอมตะ! และยังเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะคนที่ 2 ของเผ่าปีศาจมนุษย์!!”
วาจาประโยคท้าย อวิ๋นฟู่เหย่ที่แหงนขึ้นไปมองหมู่เมฆหายนะบนฟ้าอีกครั้งก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างหาที่สุดไม่ได้!
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ครึ่งก้าวเซียนอมตะคนที่ 2 ที่กำลังจะอุบัติขึ้นในเผ่าปีศาจมนุษย์คนนี้ ก็คืออาจารย์ของมัน!!
“ท่านอาจารย์…”
ได้ยินคำของอวิ๋นฟู่เหย่ หวงเหวินจิ้งก็เงยหน้าขึ้นไปจับจ้องมองหนึ่งร่างกลางหาวที่ราวกับกำลังเย้ยฟ้าท้าเมฆหายนะอย่างอหังการทันที นอกจากความเคารพในแววตาแล้ว ยังแฝงไว้ด้วยความประหลาดใจประการหนึ่ง
อาจารย์ของนางกำลังจะเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้วหรือ!
ในฐานะศิษย์ปิดสำนัก หวงเหวินจิ้งย่อมรู้ดี
ว่าอาจารย์ของนางเฝ้ารอคอยวันนี้มาเนิ่นนานเท่าไหร่! และในที่สุดการรอคอยอันยาวนานของอาจารย์นางก็กำลังจะจบลง ท่านกำลังจะสมปรารถนาแล้ว!!
ในฐานะศิษย์ปิดสำนัก หวงเหวินจิ้ง ย่อมบังเกิดความยินดีกับอาจารย์ถึงที่สุด!
“ท่านอาจารย์กำลังจะเผชิญหน้ากับหายนะทัณฑ์สวรรค์…กล่าวได้ว่าอีกไม่กี่วันท่านอาจารย์ก็จักบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ สิ้นสุดการรอคอยอันยาวนานนั่นแล้ว?”
ในขณะเดียวกันกับที่หวงเหวินจิ้งบังเกิดความสุขความยินดีกับอาจารย์ของนาง อยู่ๆร่างชายหนุ่มในชุดม่วงก็ปรากฏขึ้นในใจอย่างไม่ทันรู้ตัว
และเมื่อร่างนี้ปรากฏขึ้น นางก็รู้สึกว้าวุ่นกระอักกระอ่วนทันที
แต่ทันใดนั้นเอง
“ต้วนหลิงเทียน!!”
หูของหวงเหวินจิ้งพลันได้ยินเสียงอวิ๋นฟู่เหย่อีกครั้ง…
หากทว่าคราวนี้น้ำเสียงของอวิ๋นฟู่เหย่กลับเปี่ยมไปด้วยโทสะ ราวกับได้พบพานศัตรูแค้น!