WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2314
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2314
ตอนที่ 2,314 : สถานการณ์พลิกผัน!
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นจ้าววังเซียนสัญจรอวี่เหวินฮ่าวเฉิน หรือจ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟงก็ไม่อาจทราบได้จริงๆ
พวกมันไม่อาจทราบได้ว่าไฉนประมุขเผ่าของพวกมันถึงได้มาเร็วนัก! และสาเหตุที่อีกฝ่ายมาถึงเร็วไวนั้นมิใช่เพราะใดอื่น ทั้งหมดเพียงเพราะว่า…
อีกฝ่ายอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก!
แน่นอนว่ามันต่างจากคนของ 3 วัง 6 ตำหนักอยู่บ้าง เพราะเมื่อมาถึงก็ปกปิดตัวตนหลบซ่อนอยู่เหนือแพเมฆหายนะสู่สวรรค์มาโดยตลอด ไม่ได้ลงมาปรากฏตัวด้านล่าง
“ท่านประมุข!”
ได้ยินเสียงคารวะทักทายของอวี่เหวินฮ่าวเฉินกับฉีหนานฟง เหล่าสมาชิกเผ่าปีศาจมนุษย์ทุกตนของ 3วัง 6 ตำหนัก ไม่เว้นเผิงไหล ก็เร่งโค้งคารวะทักทายด้วยความเคารพ
อันที่จริงแล้วในที่นี้นอกจากอวี่เหวินฮ่าวเฉินกับฉีหนานฟง ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยได้เห็นหน้าค่าตาของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ผู้นี้
หากไม่ใช่เพราะอวี่เหวินฮ่าวเฉินกับฉีหนานฟงคารวะทักทายประมุขเผ่าปีศาจจนเปิดเผยอัตลักษณ์ออกมา เกรงว่าพวกมันก็คงไม่รู้ว่าผู้ที่ปรากฏกายที่แท้ก็คือผู้นำสูงสุดของเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์…ประมุขเผ่า!!
“ความเร็วของท่านประมุขเผ่าช่างเหนือล้ำยิ่ง! เพียงพริบตาก็มาถึงแล้ว!!”
“ความเร็วนี้จักไม่ว่องไวถึงขั้นอภินิหารไปหน่อยหรือไร เพียงลูกแก้วแสงม่วงนั่นสว่างวาบ ท่านประมุขก็ปรากฏตัวออกมาในพริบตา!?”
“ข้ายังรู้สึกว่ามันเหลือเชื่อเกินไป…จากช่วงเวลาที่แสงสว่างสีม่วงนั่นวาบขึ้น ไม่ทันไรท่านประมุขเราก็มาถึงแล้ว! อย่างไรก็ต้องมีช่วงเวลาที่สัญญาณส่งไปไม่ใช่หรือไร ไฉนถึงคล้ายไร้ช่วงเวลาล่าช้าจากการส่งสัญญาณอันใดเลยเล่า?”
…
เหล่าผู้ชมโดยรอบตอนนี้ได้แต่มองร่างผู้มาใหม่อันเป็นประมุขเผ่าของพวกมันด้วยสายตาตกตะลึงทำราวกับแลเห็นผีกลางวันแสกๆ ยังไม่อาจคิดออกได้ว่าไฉนท่านประมุขของพวกมันถึงได้รวดเร็วเพียงนี้!
‘นั่นน่ะเหรอประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์? ครึ่งก้าวเซียนอมตะ?’
ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ต้วนหลิงเทียนลืมตาขึ้นมา หากแต่ตอนนี้เขาไม่ได้หลับตาอีกต่อไป สายตาของเขามองตกไปยังร่างประมุขเผ่าปีศาจ ยังมองสำรวจอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังมองพินิจประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ ด้านประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนอยู่เช่นกัน
“ต้วนหลิงเทียน…”
หลังจากปรากฏตัวออกมา ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ก็ไม่แยแสการคารวะทักทายของ อวี่เหวินฮ่าวเฉิน ฉีหนานฟง และคนอื่นๆแม้แต่น้อย…
สายตาของมันมองจ้องไปที่ต้วนหลิงเทียนก่อนใคร พลางกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ต้องบอกเลยว่าเจ้านั้นช่างมีวาสนายิ่งใหญ่นัก…กลับได้รับพลังอำนาจที่ทัดเทียมกับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด ที่สมควรเป็นพลังที่มีอยู่แต่ในระนาบเทวโลกมาครองได้!”
เทียบได้กับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด!!
ทันทีที่ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์กล่าวคำนี้ออกมา ลูกตาต้วนหลิงเทียนถึงกับหดหยีลงโดยพลัน สีหน้ายังเปลี่ยนไปไม่น้อย!
เขาย่อมรู้เป็นธรรมดา ว่าพลังที่ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์เอ่ยถึงคือพลังอะไร…เป็นพลังสุริยันอันเป็นพลังเอกลักษณ์ของอีกาทองคำ 3 ขา อย่างผู้เฒ่าหั่วที่ถ่ายทอดเอาไว้ให้เขา!!
ก่อนหน้านี้เขาเองก็ได้ยินผู้เฒ่าหั่วกล่าวบอกเอาไว้
พลังสุริยันนั้น เป็นพลังอำนาจที่อยู่เหนือพลังใดๆในระนาบโลกียะ และเป็นพลังอำนาจที่เทียบได้กับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด!!
ทว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึงบัดนี้ ยังไม่เคยมีผู้ใดสามารถมองพลังของเขาได้ออก!
ทว่าประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ผู้นี้ ปรากฏตัวออกมาได้ไม่ทันไร กลับมองเห็นความจริงเรื่องนี้ และบอกได้ทันทีว่าพลังสุริยันของเขา เป็นพลังที่เทียบได้กับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด กระทั่งยังอนุมานได้ว่าเป็นพลังที่มาจากระนาบเทวโลก!!
กล่าวอีกอย่างได้ว่า…
ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ได้ค้นพบพลังสุริยันในร่างเขา และบอกได้ว่ามันไม่ใช่พลังธรรมดาๆ!!
“เทียบได้กับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด ทั้งยังเป็นพลังที่สมควรมีอยู่แต่ในระนาบเทวโลก?”
ในขณะที่สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก เผ่าปีศาจมนุษย์ทั้งหลายในที่นี้ไม่เว้นจ้าววังเซียนสัญจรอวี่เหวินฮ่าวเฉิน กับจ้าววังวิญญาณอสุราฉีหนานฟง ก็เผยสีหน้าตะลึงออกมา ยากจะดึงสติกลับมาได้อยู่นาน
“ท่านประมุขกล่าวว่า…พลังที่ต้วนหลิงเทียนถือครองอยู่ เป็นพลังที่ทัดเทียมกับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดเชียวหรือ?”
หลายคนที่สับสนงุนงงได้แต่หันหน้ามองตากันราวกับจะถามไถ่ แต่อนิจจาที่ทุกคนเองก็สับสนและไม่เข้าใจเรื่องราวไม่ต่างกัน
“หรือว่า…พลังของต้วนหลิงเทียนที่ท่านประมุขกล่าวถึงว่าเทียบได้กับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด…จะเป็นวิธีที่มันใช้ออกเมื่อครู่ วิหกเพลิงสีทองที่ทรงพลังร้ายกาจนั่นใช่เป็นอะไรที่ควบสร้างขึ้นจากพลังนั่นใช่หรือไม่?”
ดั่งจะมีประกายแสงส่องสว่างในความคิดของรองจ้าววังอัคคีสีชาด มันอดกล่าวพึมพำออกมาไม่ได้
และประโยคต่อมาของประมุขเผ่าปีศาจ ก็ได้ยืนยันข้อสันนิษฐานของรองจ้าววังอัคคีสีชาด
“หากแต่พลังอำนาจที่เจ้าใช้ควบรวมสร้างวิหกเพลิงประหลาดนั่น…มิใช่พลังที่เจ้าเพาะสร้างขึ้นมาเองเป็นแน่!”
“หากข้าเดาไม่ผิด…เจ้าสมควรพบพานวาสนาโดยบังเอิญบางอย่าง จนได้รับสืบทอดพลังดังกล่าวมาอย่างไม่คิดฝัน…”
ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์มองจ้องต้วนหลิงเทียน พลางกล่าวออกมาทีละประโยคอย่างไม่รีบไม่ร้อนด้วยน้ำเสียงเฉยชา
ราวกับมันจะล่วงรู้สถานการณ์ของต้วนหลิงเทียนเป็นอย่างดี
และสายตาที่มันจ้องมองมานั้น ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนตัวเปล่าเล่าเปลือย ต่อหน้าสายตานั่นเขาไม่อาจปกปิดอะไรได้เลย!
ถึงแม้ผิวเผินสีหน้าท่าทีของต้วนหลิงเทียนยามฟังคำของประมุขเผ่าปีศาจจะแลดูสงบใจเย็น
หากแต่ในใจนั้นเสมือนบังเกิดพายุพัดกระหน่ำแล้ว!
‘ให้ตายเถอะ สายตาของครึ่งก้าวเซียนอมตะมันเลิศล้ำขนาดนี้เลยเหรอ ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ผู้นี้ถึงกับมองออกว่า พลังสุริยัน ในร่างข้าไม่ใช่พลังที่ข้าเพาะสร้างขึ้นมาเอง แต่เป็นผลจากการได้รับถ่ายทอดมา…’
พลังสุริยันในร่างต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าไม่ใช่เขาเพาะสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง
มันเป็นผู้เฒ่าหั่ว อีกาทองคำ 3 ขา ที่ถ่ายทอดให้เขาโดยตรง! และพลังสุริยันนั้นมันจะคอยหนุนเสริมพลังเซียนต้นกำเนิดของเขาให้กลายเป็นพลังสุริยันต้นกำเนิดเท่านั้น เช่นนั้นเขาจึงไม่ต้องคอยเพาะสร้างมันแต่อย่างไร…
ทว่าตอนนี้เพื่อต้านทานอัสนีทัณฑ์สายที่ 80 พลังสุริยันกลับเคลื่อนไหวราวกับมีเจตจำนงค์ของตัวเอง จนทำให้สิ้นสูญพลังไปกว่าครึ่ง จนที่เหลืออยู่ก็มีไม่มากแล้ว
และด้วยความที่มันไม่ใช่พลังที่เขาเพาะสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง ย่อมหมายความว่าหากใช้แล้วย่อมมีหมดไป!
แม้จะเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังสงบไม่ตอบสนองใดๆ ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ก็ไม่ยี่หระ เพียงกล่าวสืบต่อด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
“เมื่อครู่นกไฟประหลาดที่ควบสร้างขึ้นจากเปลวไฟสีทองอันเป็นพลังที่เทียบได้กับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดนั่น…ถึงแม้มันจะช่วยให้เจ้าต้านทานอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 80 ได้…”
“ทว่ามันสมควรถูกใช้ไปแล้วกว่าครึ่ง ที่ยังหลงเหลืออยู่ก็คงมีไม่มากนัก! ไม่ทราบว่า…ข้าพูดถูกหรือไม่?”
วูบ!
ได้ยินวาจาดังกล่าวของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจคงความสงบเอาไว้ได้สืบไป สีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนไปทันที
เขาไม่คิดเลยจริงๆ
ว่าประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ผู้นี้ กลับมองสิ่งนี้ออก!
‘ตัวตนครึ่งก้าวเซียนอมตะมันร้ายกาจขนาดนี้เลยเหรอ!?’
มองไปยังประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์อีกครั้ง ในแววตาต้วนหลิงเทียนอดฉายถึงความหวาดหวั่นออกมาไม่ได้ ตอนนี้เขารู้สึกเสมือนไม่อาจปกปิดความลับใดๆต่อหน้าอีกฝ่ายได้เลย
“และหากข้าคาดเดามิผิด…อัสนีทัณฑ์สายที่ 81 ฟาดลงเมื่อใด พลังนั่นก็หลงเหลือไม่มากพอช่วยให้เจ้าต้านทานรับไหวอีกแล้ว กระทั่งต่อให้เจ้าจะทุ่มพลังทั้งหมดผสานกับพลังที่ทัดเทียมกับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดนั่น แต่ก็ยังมิพอจะต้านรับอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 81 ได้ไหว!”
ประโยคนี้ของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์เสมือนแหลนที่พุ่งมาแทงกลางใจต้วนหลิงเทียน!
พาลให้หน้าต้วนหลิงเทียนจมลงโดยพลัน
สิ่งที่ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์กล่าวออกมา ก็คือสิ่งที่เขากำลังวลอยู่ในขณะนี้…
ในสายตาคนอื่นๆนั้น
ด้วยความที่ต้วนหลิงเทียนสามารถต้านทานอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 80 ได้อย่างง่ายดายไร้เรื่องราว จึงไม่น่าจะใช่เรื่องยากอะไรที่จะต้านทานรับอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 81 ได้ และต้องข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ครานี้บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะได้แน่นอน
อย่างไรก็ตามตัวต้วนหลิงเทียนเองรู้ดีแก่ใจ
ถึงแม้พลังสุริยันจะหวนคืนร่างเขาแล้ว แต่ตอนนี้อาศัยพลังสุริยันที่ยังหลงเหลือ มันไม่พอจะช่วยให้เขาต้านทานอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 81 อันเป็นอัสนีสุดท้ายของหายนะสู่สวรรค์ได้ไหวสืบไป
“อะไรนะ!?”
สีหน้าท่าทีของก่านหรูเยี่ยนกับเผิงไหลเปลี่ยนไปทันใด หลังได้ยินวาจาประโยคนี้ของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์! และเมื่อเห็นสีหน้าต้วนหลิงเทียนที่เริ่มมืดลง ทั้งคู่ก็ตระหนักได้ถึงความเป็นจริง!
เดิมทีทั้งคู่ก็คิดเหมือนๆกับคนส่วนใหญ่ในที่นี้ ว่าหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนสามารถเอาชนะอัสนีทัณฑ์สายที่ 80 ได้ง่ายดาย เช่นนั้น่ยอมสามารถเอาชนะอัสนีทัณฑ์สายสุดท้ายและกลายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะได้แน่นอน!
แต่คาดไม่ถึงจริงๆว่าเรื่องราวกลับบังเกิดความพลิกผันอีกครั้ง ความเปลี่ยนแปลงที่บังเกิดขึ้นรอบแล้วรอบเล่าทำให้ทั้งคู่ตั้งตัวไม่ติดจริงๆ!
“ข้ายังหลงคิดว่าปาฏิหาริย์ได้บังเกิดขึ้นแล้ว…แต่มิคิดเลยว่าปาฏิหาริย์นี้ที่แท้จักเป็นแสงวาบสุดท้ายของตะเกียง!”
เผิงไหลได้แต่เผยยิ้มขื่นขม
“พี่เทียน!”
“ท่านพ่อ!”
เค่อเอ๋อกับต้วนซือหลิงที่แต่เดิมบังเกิดความรู้สึกโล่งใจขึ้นมากแล้ว อดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง
“ไฉนถึงเป็นเช่นนี้ไปได้…”
ใบหน้าเย็นชาของหวงเหวินจิ้งยามนี้ก็ซีดลง นางรู้สึกราวกับตกลงมาจากสวรรค์สู่ขุมนรกในพริบตา
หวงฉี่หลิงก็รู้สึกดุจเดียวกัน
“ที่แท้วิธีสยบอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 80 นั่นของต้วนหลิงเทียน เป็นดั่งแสงไฟที่ลุกโชนเป็นครั้งสุดท้ายของตะเกียงที่กำลังจักดับลง…ข้าล่ะหลงคิดว่ามันจักข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จแล้วเสียอีก!”
นี่คือความคิดในใจของผู้ชมส่วนใหญ่ในที่นี้
อวิ๋นฟู่เหย่ฉีกยิ้มแสยะ ฉีหนานฟงยิ้มร่าออกมาอย่างสะใจ
คนของ 3 วัง 6 ตำหนักที่เหลือพากันหัวเราะ
“ที่แท้เป็นเช่นนี้!”
มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง อวี่เหวินฮ่าวเฉินพลันกล่าวเย้ยออกมาด้วยสีหน้าถือไพ่เหนือกว่า “ต้วนหลิงเทียน ที่แท้เป็นข้าประเมินเจ้าสูงไป!”
“โชคดีที่ข้าเชิญท่านประมุขมาด้วยหมายร่วมมือกันจัดการเจ้า…แต่ตอนนี้ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องให้ท่านประมุขออกหน้า กระทั่งข้ายังไม่ต้องทำอะไร อาศัยอัสนีทัณฑ์สายสุดท้ายของหายนะสู่สวรรค์ครานี้ ก็สามารถฆ่าเจ้าได้แล้ว!”
เสียงกล่าวของอวี่เหวินฮ่าวเฉินยิ่งมายิ่งดังทั้งน้ำเสียงยังมากความค่อนแคะ
นอกจากนี้ไม่ว่าจะเป็นอวี่เหวินฮ่าวเฉิน ฉีหนานฟง กระทั่งคนของ 3 วัง 6 ตำหนักอื่นๆ ก็ตระหนักได้แล้วว่า…
ประมุขเผ่าของพวกมันสมควรอยู่ที่นี่แต่แรก!
หาไม่แล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าใจสถานการณ์ของต้วนหลิงเทียน รวมถึงรู้ซึ้งถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นดุจฝ่ามือ!
‘สมแล้วที่เป็นประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ สายตาแหลมคมจริงๆ…’
เมื่อเห็นความเย้ยหยันจากผู้ชมรอบข้าง หลังจากที่ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ได้เปิดโปงสถานการณ์ของตัวเขา ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะลอบทอดถอนในใจ
ขณะเดียวกันเขาก็หันหน้าไปมองเค่อเอ๋อกับต้วนซือหลิง
ตอนนี้สองตาเขาจับจ้องมองไปยังร่างทั้งคู่อย่างึลกซึ้ง ประหนึ่งจะสลักภาพภรรยากับลูกสาวของเขาเอาไว้ในใจ
‘ซือหลิง…อภัยให้พ่อด้วย เพราะพ่อคงไม่ได้อยู่จนเห็นเจ้าเติบใหญ่’
‘หากชาติหน้ามีจริงพ่อจะชดใช้ให้เจ้าเป็นสิบเท่า…’
ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะรู้ว่าสถานการณ์ของเขาไม่สู้ดีนัก กระทั่งรู้ว่าบทสรุปของเรื่องราวครานี้คงยากที่จะพลิกผันใดๆได้อีก
แต่ไม่ได้หมายความว่าเขา ต้วนหลิงเทียน จะยอมแพ้แล้วตายไปทั้งแบบนี้!
ไม่ว่าอัสนีทัณฑ์สายสุดท้ายของหายนะสู่สวรรค์ครานี้จะรุนแรงถึงเพียงใด แต่เขาก็ไม่คิดยืนรอความตายเฉยๆ!
เขาจะใช้พลังที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยทั้งหมดสู้กับอัสนีทัณฑ์สุดท้ายจนกว่าจะตายกันไปข้าง!!
ด้วยวิธีนี้ถึงแม้สุดท้ายเขาจำตองพินาศและล่วงหน้าไปสู่เส้นทางสายปรโลกจริงๆ แต่เขาก็จะไม่รู้สึกเสียใจที่ต้องตาย!