WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2319
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2319
ตอนที่ 2,319 : ไม่ใช่นักรบมังกรอีกต่อไป
เพียงเวลาแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น เมื่อแตะถูกลำแสงเบญจรงค์ที่กำลังสาดส่องอาบร่างต้วนหลิงเทียนนั่นเข้า แขนขวาทั้งข้างของจ้าววังวิญญาณอสุราก็สลายหายไปไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย!
เรื่องราวทั้งหมดแต่ต้นจนจบ มันอุบัติขึ้นในชั่วพริบตา!
ฉีหนานฟง จ้าววังวิญญาณอสุราผู้มีพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ไม่อาจต่อต้านพลังอำนาจของลำแสงเบญจรงค์นั่นได้เลย!
ต้องทราบด้วยว่าเมื่อครู่นั้น ประมุขเผ่าปีศาจเพียงใช้พลังไร้สภาพควบคุมแขนของมันให้ไปแตะถูกลำแสงเท่าแค่ชั่วพริบตาก่อนจะรั้งร่างฉีหนานฟงกลับมา! แต่ทว่ามันกลับไม่อาจต้านทานพลังอำนาจนั่นได้เลย!!
และอันที่จริงเมื่อครู่ ฉีหนานฟงก็พยายามเร่งเร้าพลังทั้งหมดหมายป้องกันแล้ว…
น่าเสียดายที่ไม่มีประโยชน์!
ลำแสงเบญจรงค์นั่น คือบางสิ่งที่สามารถช่วยให้ผู้ฝึกตนในระนาบโลกียะสามารถเพาะสร้างพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดได้ มันย่อมเป็นอะไรที่เชื่อมต่อกับพลังอำนาจของระนาบเทวโลกโดยตรง!
ไม่ต้องกล่าวถึงตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนด้วยซ้ำ ต่อให้เป็นตัวตนขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะ หากเผลอไปแตะถูกเข้าอย่างเลินเล่อเกรงว่าคงหนีความตายไม่พ้น!!
ลำแสงเบญจรงค์นั้นเพียงรู้จักแต่ผู้ที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จเท่านั้น หากในช่วงเวลาที่มันช่วยให้ผู้ที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์เพาะสร้างพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด มีใครหาญกล้าก่อกวนวุ่นวาน…ย่อมจบไม่สวยแน่นอน!
“ขอบคุณท่านประมุขที่เมตตา!”
หลังจากห้ามเลือดจากแขนข้างที่สลายหายไปแล้ว ฉีหนานฟงไม่เพียงแต่ไม่กล้าที่จะมีโมโห มันยังโค้งคำนับประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ด้วยความกลัว กระทั่งสำนึกขอบคุณอีกฝ่าย
มาตอนนี้มันก็พึ่งจะนึกขึ้นได้
ว่ายามที่ผู้ใดข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จจนแสงเบญจรงค์สาดส่องลงมา ไม่มีใครสามารถเข้าไปยุ่งวุ่นวายหรือขัดขวางได้!
ไม่แม้แต่ตัวตนครึ่งก้าวเซียนอมตะ!
แล้วเมื่อครู่มันทำอะไร?
มันกล้าขอให้ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์เข้าไปขัดขวางการบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะของต้วนหลิงเทียน นั่นยังมิใช่จงใจขอให้ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ไปตายรึไง?
ตอนนี้พอมานึกขึ้นได้ฉีหนานฟงก็หน้าเสียนัก ยังตระหนักได้ว่าเมื่อครู่มันเลอะเลือนเพียงใด ยังโง่เขลาเพียงไหน! ทำให้มันหวาดกลัวจนเหงื่อแตกพลั่ก!!
“หากข้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้ามีความจงเกลียดจงชังกับตำหนักเมฆาครามอันเป็นขุมพลังของพวกมนุษย์ แล้วเจ้ากล้ามาขอให้ข้าขัดขวางต้วนหลิงเทียนจากการบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะแบบเมื่อครู่…ป่านนี้เจ้าถูกลำแสงเบญจรงค์เผาเป็นขี้เถ้าไปแล้ว…”
ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
“ขอบคุณท่านประมุขที่เมตตา! ขอบคุณท่านประมุขที่เมตตา…”
ได้ยินคำของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ ฉีหนานฟงก็เร่งประสานมือโค้งคารวะกล่าวคำขอบคุณออกมาซ้ำๆด้วยทีท่านอบน้อมต้อยต่ำถึงที่สุด
ตอนนี้คล้ายมันจะลืมเลือนไปแล้วว่าแขนขวาของมันก็ถูกประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ทำลายอ้อมๆ
เป็นธรรมดาว่าไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ฉีหนานฟงคล้ายจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วเลย ต่อให้มันจดจำได้มันก็ไม่กล้าที่จะแสดงความไม่พอใจใดๆต่อหน้าประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์!
เพราะมันรู้ดีว่าเมื่อครู่ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์เมตตามันมากแล้ว!
ต้องทราบด้วยว่าเมื่อครู่มันไม่เพียง กล่าวคำไม่เห็นหัวจนไม่ต่างใดกับการหมิ่นเกียรติของอีกฝ่าย กระทั่งมันยังหาญกล้าขอให้ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ไปตายในแสงเบญจรงค์!
มันลองแทนตัวเองในฐานะประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ดู ก็บอกได้คำเดียวว่าอย่างมันไม่มีวันมีเมตตากับเรื่องแบบนี้แน่!!
“จ้าววังฉีหนานวู่วามเกินไปแล้ว…”
ตอนนี้เองหลายๆคนของ 2 วัง 6 ตำหนักที่เหลือ ต่างรู้สึกว่าคราวนี้เป็นฉีหนานฟงเลอะเลือนกระทำวู่วามเกินไปแล้วจริงๆ
“แต่นี่ก็เข้าใจได้มิยาก…อย่างไรศิษย์ปิดสำนักที่มันเอ็นดูมากที่สุดก็ถูกจ้าวตำหนักเมฆาครามฆ่าตาย!มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนลูกชายของศัตรูแค้นกำลังจะกลายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ ไหนเลยมันยังจะทนได้?”
ยังมีหลายคนที่เข้าใจการกระทำของฉีหนานฟง
“แต่มันก็เลอะเลือนเกินไปอยู่ดี…ให้ลูกชายศัตรูกำลังจะเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้วอย่างไร? หรือมันลืมเลือนไปแล้วว่าที่นี่ยังมีท่านประมุขเผ่าอยู่ อย่างต้วนหลิงเทียนที่พึ่งบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ คิดจริงๆหรือว่าจะมีปัญญารอดพ้นเงื้อมมือประมุขเผ่าเราไปได้?”
“มิผิด! ต้วนหลิงเทียนนั่นไม่ใช่แค่ลูกชายของศัตรูแค้นมันเท่านั้น…แต่ยังเป็นมนุษย์ด้วย! มนุษย์ที่บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ อย่างท่านประมุขเผ่ามิมีวันปล่อยมันไปให้สร้างเภทภัยแก่พวกเราภายหลังแน่!!”
“ใช่ วันนี้หากมนุษย์ที่ร้ายกาจเช่นมันรอดชีวิตไปได้…วันหน้าไม่ทราบจะก่อเภทภัยให้เผ่าปีศาจมนุษย์เราใหญ่หลวงเพียงใด กระทั่งมันอาจจะสร้างปัญหาให้กับทั้งเผ่าปีศาจด้วยซ้ำ!!”
…
ตอนนี้ผู้ชมทั้งหมดไม่เพียงเข้าใจว่าไฉนฉีหนานฟงถึงเลอะเลือนทำอะไรสิ้นคิด แต่ยังรู้อีกด้วยว่าต้วนหลิงเทียน ที่เป็นนายน้อยตำหนักเมฆาครามขุมพลังของพวกมนุษย์นั้น ไม่มีทางรอดจากวังเซียนสัญจรไปไหนทั้งยังมีลมหายใจแน่นอน!
ก็จริงที่ต้วนหลิงเทียนที่บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้ว สมควรมีพลังแข็งแกร่งเหนือล้ำกว่าอวี่เหวินฮ่าวเฉินที่พึ่งบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะเช่นกันน…
อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะมีปัญญารับมือประมุขเผ่าของพวกมันได้!
ทว่าในขณะที่พวกมันกำลังมองโลกในแง่ดีอยู่นั้น ด้านประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ที่เป็นจุดศูนย์รวมความเชื่อมั่นกำลังจับจ้องไปยังลำแสงเบญจรงค์ที่สาดส่องอาบร่างต้วนหลิงเทียนอยู่ด้วยสายตาเคร่งเครียด!
‘นกไฟที่สมควรสร้างขึ้นจากพลังที่มีอำนาจทัดเทียมกับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดนั่น มันมิอาจใช้ออกได้อีกเพราะพลังที่ว่าสมควรหมดสิ้นไปจากร่างของมันแล้ว…จึงมิใช่อันใดที่ทำให้ข้าต้องห่วง แต่มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บนั่น มันสร้างขึ้นจากพลังอันใดกันแน่?’
พอนึกถึงร่างมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บที่ต้วนหลิงเทียนสร้างขึ้นเพื่อทำลายอัสนีทัณฑ์สายสุดท้ายขึ้นมา ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์อดไม่ได้ที่จะชักสีหน้าเคร่งเครียด
เพราะมันไม่อาจยืนยันได้ว่ามังกรนั่นเกิดจากพลังอะไรกันแน่ แล้วต้วนหลิงเทียนยังใช้ออกได้อีกหรือไม่?
เพราะตอนที่มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บที่สร้างจากพลังนั่นปรากฏตัว มันยังบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาจากส่วนลึกของใจ! สังหรณ์มันบอกว่านั่นมิใช่อะไรที่มันจะต่อกรด้วยได้เลย!!
“ท่านอาจารย์…”
สุดท้ายประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ก็ได้แต่ส่งเสียงผ่านพลังขึ้นไปถามชายชราชุดเทาที่ยังคงซ่อนตัวอยู่เหนือฟ้า
“วิธีสุดท้ายที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกเมื่อครู่มันอย่างไรกันแน่ขอรับ? มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บนั่นเกิดขึ้นจากอะไร? ใช่เวทย์พลังของมันหรือไม่?”
ถึงแม้แพเมฆหายนะจะกระจัดกระจายสลายหายไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครพบตัวชายชราชุดเทา เนื่องเพราะอีกฝ่ายได้ไปซ่อนตัวหลังม่านเมฆธรรมดา
“ไม่”
ชายชราชุดเทากล่าวตอบประมุขเผ่าปีศาจแทบจะทันที “มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บเมื่อครู่ของมัน เกิดขึ้นจากพลังมังกรที่อยู่ในร่างของมัน!”
“พลังมังกร?”
ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์อดสงสัยไม่ได้
“พลังมังกร เป็นพลังเฉพาะที่มีอยู่ในตัวนักรบมังกร…นอกจากนั้นมันยังเป็นดั่ง รากฐาน ที่ทำให้เจ้าหนูมนุษย์นั่นสามารถกลายร่างเป็นนักรบมังกร 9กรงเล็บได้! สมควรเป็นพลังที่มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บถ่ายทอดไว้ให้มัน!”
“หากแต่แม้จะเป็นมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บ ตลอดชั่วชีวิตก็สามารถถ่ายทอดพลังมังกรให้แก่มนุษย์ได้แค่ครั้งเดียว…ที่สำคัญพลังมังกรที่มันได้รับมา กล่าวไปในบางแง่ยังเป็นพลังที่มีอำนาจเหนือกว่าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดเสียอีก! ข้ามองจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว พลังมังกรในร่างมันไม่เพียงแต่จะช่วยให้มันแปลงเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บได้ แต่ยังมีเจตจำนงที่จะปกป้องเจ้าของพลังด้วยตัวเองอีกด้วย”
“เจ้าต้องรู้ด้วยว่าปกติแล้วพลังมังกรที่ได้รับมาจากมังกรเทพยดาทั่วไป นั้นยังไม่มีความสามารถอะไรเช่นนี้”
“อย่างไรก็ตาม…จากการตรวจสอบ ข้าพบว่าหลังมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บที่สร้างขึ้นจากพลังมังกรนั่นสลายไป มันกลับมิได้เปลี่ยนเป็นพลังมังกรแล้วหวนคืนสู่ร่างเจ้าหนูมนุษย์นั่น หมายความว่ายามนี้ในร่างของเจ้านั่นมันไร้ซึ่งพลังมังกรอีกต่อไป”
ชายชราชุดเทากล่าว
“ต้วนหลิงเทียนไม่มีพลังมังกรอยู่ในร่างแล้ว?”
ได้ยินคำของชายชราชุดเทาผู้เป็นอาจารย์ สองตาของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ถึงกับลุกวาวขึ้นมาทันที “เช่นนั้น…หมายความว่าหลังจากนี้มันไม่อาจแปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บได้อีกต่อไป?”
“เป็นเช่นนั้น”
ชายชราชุดเทากล่าวยืนยันความคิดของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์
ในขณะที่ลำแสงเบญจรงค์กำลังสาดส่องอาบร่างต้วนหลิงเทียนอยู่นั้น
ด้านเค่อเอ๋อ ต้วนซือหลิง ก่านหรูเยี่ยน ก็เฝ้ามองลำแสงเบญจรงค์ที่อาบร่างต้วนหลิงเทียนอยู่ ด้วยความตื่นเต้นยินดีทั้งสิ้น
ต้วนหลิงเทียนกำลังจะกลายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ!
สำหรับพวกนางแล้ว นี่เป็นข่าวที่น่ายินดีถึงขีดสุด!
ถึงแม้ด้านเหล่าปีศาจของ 3 วัง 6 ตำหนักจะพากันคิดไปว่า ต่อให้ต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้ว ก็ไม่มีทางรอดพ้นจากเงื้อมมือของประมุขเผ่าไปได้แน่นอน หากทว่าพวกนางนั้นไม่มีใครกังวลเรื่องนี้เลย!
เพราะพวกนารู้จักต้วนหลิงเทียนดี!
ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะนั้น ดั่งจะถูกจำกัดเอาไว้!
ไม่ต้องกล่าวถึงใดอื่น อย่างปฐมเวทย์กลืนกินที่เป็นเวทย์พลังสนับสนุนของต้วนหลิงเทียน ตั้งแต่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเขาก็ไม่ได้ใช้มันอีกเลย…
เพราะอะไรถึงไม่ใช้?
เพราะมันไม่จำเป็น!
ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนนั้น หากยังไม่บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ พลังเซียนต้นกำเนิดในร่างล้วนมีขีดจำกัด!
เมื่อพลังเซียนต้นกำเนิดเพิ่มพูนถึงขีดจำกัดนั่นแล้ว เวทย์พลังสนับสนุนก็ไม่มีผลอะไรอีกต่อไป หากคิดจะยกระดับพลังฝีมือก็มีแต่ต้องพึ่งสำนึกรู้ฟ้าดินเท่านั้น
ทว่าตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์จนบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะนั้น จะเริ่มเพาะสร้างพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดขึ้นมาในร่าง…
แม้พลังเซียนต้นกำเนิดจะถึงขีดจำกัดจนไม่อาจเพิ่มพูนขึ้นได้อีกต่อไป หากกทว่าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดนั้นสามารถกระทำได้!!
คนอื่นๆอาจไม่ล่วงรู้ถึงความร้ายกาจของปฐมเวทย์กลืนกินของต้วนหลิงเทียน แต่ในฐานะคนใกล้ชิดต้วนหลิงเทียนแล้ว พวกนางรู้ชัดเจนดี!!
‘ลองมันบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะได้เมื่อไหร่…ต่อให้เป็นประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์อะไรนั่น ก็ไม่พอมือมันแน่!’
ถึงแม้ว่าก่านหรูเยี่ยนจะชอบตั้งแง่กับต้วนหลิงเทียน แต่นางก็ตระหนักถึงความน่ากลัวของปฐมเวทย์กลืนกินที่ต้วนหลิงเทียนมีได้ชัดเจน นางเชื่อว่านั่นคือเวทย์พลังที่เหนือล้ำเวทย์พลังใดๆที่ดำรงอยู่ในระนาบโลกียะ!
ในแง่ของระดับแล้ว นางเชื่อว่าปฐมเวทย์กลืนกินของต้วนหลิงเทียนนั้นเทียบได้กับเวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหวของจ้าวลัทธิบูชาไฟ!!
และเวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหวของจ้าวลัทธิบูชาไฟ ถังซวน ก็เป็นที่ยอมรับนับถือกันทั้งภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าว่าเป็นเวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหวที่เหนือล้ำที่สุด!
อย่างไรก็ตาม เค่อเอ๋อ ต้วนซือหลิง และก่านหรูเยี่ยนมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียน แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆที่ให้ความสำคัญกับต้วนหลิงเทียนจะมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนด้วย!
ไม่ว่าจะเป็นหวงฉี่หลิง หวงเหวินจิ้ง หรือกระทั่งเผิงไหล ในฐานะคนของเผ่าปีศาจมนุษย์…ความแข็งแกร่งของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ได้หยั่งรากลึกลงในใจของพวกมันมาช้านาน!
ดังนั้นพวกมันจึงรู้สึกเหมือนกันกับคนอื่นๆในที่นี้ ว่าต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์จนบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะได้สำเร็จ ก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ได้!
‘หลังมันบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ ท่านอาจารย์เองก็ต้องบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะเหมือนกัน…ตอนนั้นหากข้าขอร้องให้ท่านอาจารย์ช่วยปกป้องมัน! ด้วยระดับพลังเดียวกัน…ท่านประมุขเผ่าอย่างไรก็สมควรเห็นแก่หน้าของท่านอาจารย์’
ตอนนี้ในใจหวงเหวินจิ้งเริ่มคิดอ่านเรื่องราวทำนองนี้ขึ้นมา…
นางคิดร้องขอชีวิตให้ต้วนหลิงเทียน!
ถึงแม้ว่าการดำรงอยู่ของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์จะทำให้นางสิ้นหวัง แต่นางก็ยังอยากจะลองดูสักตั้ง
เพราะท้ายที่สุดแล้วผู้ชายคนนี้ ก็เป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตของนาง ที่ทำให้หัวใจของนางเต้นรัว!
นางไม่อาจนิ่งดูดายทนเห็นอีกฝ่ายถูกฆ่าตายได้!