WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2327
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2327
ตอนที่ 2,327 : ร่างภูตปีศาจพยัคฆ์!
เสียงของรองจ้าววังวิญญาณอสุราชิงหยวนป้าแม้ไม่ได้ดังมากมายอะไร หากแต่พอมาพูดขึ้นในจังหวะที่บรรยากาศเงียบสงบ ทำให้ทุกคนที่มามุงชมไม่เว้นต้วนหลิงเทียนได้ยินชัดถนัดหู!
‘เซียนอมตะเสเพล!’
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้รู้แล้ว
ที่แท้ในโลกนี้ยังมีตัวตนอย่างเซียนอมตะเสเพลดำรงอยู่! และจุดเริ่มต้นของมันก็คือเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยนที่ล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์…ทว่าได้โกงความตายด้วยการถอดจิตลี้ร่าง! กระทั่งหากเวลาผันผ่านนานเข้าไม่เพียงแต่พลังอำนาจจะเทียบได้กับครึ่งก้าวเซียนอมตะ กระทั่งยังก้าวข้ามครึ่งก้าวเซียนอมตะ!!
ต้องบอกเลยว่าคำของชิงหยวนป้าก็เสมือนเปิดประตูสู่โลกใหม่ให้ต้วนหลิงเทียนเหมือนกัน
ทำให้เขารู้ได้ทันที
ว่าในระนาบโลกียะแห่งนี้ ผู้ที่เข้มแข็งที่สุดหาใช้ครึ่งก้าวเซียนอมตะไม่…แต่เป็นเซียนอมตะเสเพล!
กล่าวให้ชัดก็คือเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ขึ้นไป!
“เซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์…ตัวตนที่มีพลังอำนาจเหนือกว่าครึ่งก้าวเซียนอมตะงั้นหรือ”
สำหรับแม่ลูกอย่างซือหลิงกับเค่อเอ๋อ คำพูดของชิงหยววนป้าก็เสมือนเปิดประตูสู่โลกใหม่ให้พวกนางไม่ต่าง ขณะเดียวกันพวกนางก็อดห่วงความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียนขึ้นมาไม่ได้!
เพราะก่อนหน้านี้พวกนางคิดเพียงว่า ‘เลี่ยวหนันเจียง’ อาจารย์ของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ ก็สมควรเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะที่ร้ายกาจขึ้นมาหน่อย แต่พวกนางไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายกลับเป็นตัวตนที่ทรงพลังเหนือกว่านั้น…เหนือกว่าครึ่งก้าววเซียนอมตะ!!
‘เซียนอมตะเสเพล…’
ใบหน้าเย็นชาของหวงเหวินจิ้งตอนนี้ก็ฉายชัดถึงความเคร่งขรึม
เดิมทีนางคิดว่าด้วยพลังฝีมือที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ของต้วนหลิงเทียน ย่อมทำให้อีกฝ่ายรอดพ้นคราวเคราะห์ไปได้แน่แล้ว…
แต่นางไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าอยู่ๆจะมีอาจารย์ของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ปรากฏตัวขึ้นมา!
ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็นถึง เซียนอมตะเสเพล 3ทัณฑ์ ตัวตนที่อยู่เหนือครึ่งก้าวเซียนอมตะไปอีก!!
“นายท่าน!”
“น้องหลิงเทียน!”
จังหวะนี้ในใจของเผิงไหลรวมถึงหวงฉี่หลิงรู้สึกเสมือนถูกแขวนอยู่หน้ารถไฟเพาะก็ไม่ปาน!
“ข้าไม่คาดหวังไว้เลยว่าอาจารย์ของท่านประมุขเผ่ายังมีชีวิตอยู่! ที่สำคัญยังกลายเป็นเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์! ตัวตนที่เหนือล้ำยิ่งกว่าครึ่งก้าวเซียนอมตะ! เช่นนั้นคิดฆ่าต้วนหลิงเทียนมิใช่ง่ายดายแล้วหรือ?!”
มุมปากอวิ๋นฟู่เหย่อดไม่ได้ที่จะยกแสยะขึ้นมาอย่างชั่วร้าย
แม้มันจะแทบตั้งตัวไม่ทันด้วยเรื่องราวพลิกผันไปไม่หยุด แต่ตอนนี้มันรู้สึกกว่าต้วนหลิงเทียนต้องตายแน่นอน!!
ในขณะที่ทุกผู้คนกำลังตกตะลึงหลังชิงหยวนป้าอธิบายเรื่องการดำรงอยู่ของเซียนอมตะเสเพล
“เจ้าหนูมนุษย์!”
ด้วยอานุภาพพลังอันเหนือล้ำ ทำให้ความว่างรอบกายเลี่ยวหนันเจียงบิดเบือนไร้เสถียร มองไปราวกับจะพังทลายลงได้ทุกเวลา พออยู่ๆก็ตะคอกกล่าวออกมาเสียงดัง…ทำให้ไม่เพียงแต่แก้วหูผู้คนปริฉีก! ยังทำให้ทั้งหลายบังเกิดความหวาดกลัวจนตัวสั่น!!
ถึงแม้เสียงตะคอกดุร้ายของมันจะไม่ได้พุ่งเป้าไปที่คนอื่น แต่ยังทำให้หลายคนที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยและไร้คนกกางม่านพลังคุ้มกันถึงกับแก้วหูแตกเลือดไหลออกเป็นสาย ถึงขั้นหูดับไปก็มี!
แน่นอนว่าเลี่ยวหนันเจียงย่อมตะโกนใส่ต้วนหลิงเทียน!
“ยามเจ้าเดินไปบนหนทางสู่ปรโลก…ก็จงจดจำใส่หัวเจ้าเอาไว้เสียให้ดี ว่าผู้ที่ฆ่าเจ้าก็คือข้า! เซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ เลี่ยวหนันเจียง!!”
หลังคำรามออกมาอย่างดุร้ายหมายประกาศศักดิ์ดา พลังอันมหาศาลก็สะท้านไปทั่วบรรยากาศ เหนือฟ้าบังเกิดแรงสั่นสะเทือนปานแผ่นดินไหว!!
ฟังจากวาจาของมัน ดูเหมือนจะพิพากษาโทษตายให้ต้วนหลิงเทียน!
สิ้นคำเลี่ยวหนันเจียง ผู้ชมโดยรอบก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง สองตาหันไปจับจ้องมองร่างเลี่ยวหนันเจียงเขม็งทันที…
พวกมันย่อมรู้
เลี่ยวหนันเจียงกำลังจะลงมือแล้ว!
และแทบจะพร้อมกันกับที่เลี่ยวหนันเจียงกล่าวจบคำ ลูกตามันพลันหดเล็กลงเผยประกายดุร้าย!
ตูม!!
พร้อมกับเสี่ยงระเบิดดังก้องหล้า ร่างเลี่ยวหนันเจียงพลันไหววูบก่อนจะเลือนหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน ประหนึ่งคนจะสาบสูญไปในความว่างเปล่า!!
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่พอจับร่องรอยการเคลื่อนไหวของเลี่ยวหนันเจียงได้อยางคลุมเครือ
และตัวตนเหล่านี้ล้วนมีพลังฝึกปรือตั้งแต่ขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนขึ้นไปทั้งสิ้น!
ในเมืองมักลือกันว่าในบรรดา 3 วัง 6 ตำหนักนั้น มีเพียงจ้าววังทั้ง 3 เท่านั้นที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!
ทว่าอันที่จริงแล้ว ในบรรดาจ้าวตำหนักทั้ง 6 พวกมันล้วนบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนกันแล้วทั้งสิ้น เพียงแค่ปกปิดข่าวเอาไว้!
กระทั่งก่อนหน้าพลังฝีมือของพวกมันยังถือว่าอ่อนด้อยกว่าชนชั้นจ้าววังทั้ง 3 แค่เล็กน้อย
“นี่มัน…”
และแทบจะทันทีที่ร่างเลี่ยวหนันเจียงอันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตา…ผู้ชมทั้งหมดก็อดไม้ได้ที่จะตกใจ!
นั่นเพราะความว่างเปล่า ณ จุดที่เลี่ยวหนันเจียงเคยลอยร่างอยู่ก่อนหน้า มันยุบฮวบลงไปก่อนจะคืนตัวกลับมาดั่งยาง …คล้ายจะฉีกขาดได้ทุกเมื่อ!!
“เป็นพลังที่ร้ายกาจอะไรจะขนาดนั้น ความว่างเปล่าแทบพังทลายแล้ว!”
“นี่น่ะเหรอพลังอำนาจของเซียนอมตะเสเพล 3ทัณฑ์! แค่ระเบิดพลังพุ่งร่างออกไปอานุภาพกก็สะท้านสะเทือนจนแผ่นฟ้าแทบถล่ม!”
“สมแล้วที่เป็นตัวตนอันทรงพลังเหนือล้ำครึ่งก้าวเซียนอมตะ!”
…
เมื่อเห็นความว่างเปล่า ณ จุดที่เลี่ยวหนันเจียงหายตัวไป มันยุบฮวบและคืนตัวกลับจนกระเพื่อมไหวไปอย่างแรง ผู้ชมของ 3 วัง 6 ตำหนักก็อดไม่ได้ที่จะแตกกตื่นฮือฮา
ตอนนี้พวกมันตระหนักได้ถึงพลังอำนาจอันน่ากลัวของตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ได้ชัดเจน!
“มิใช่ว่ากระทั่งครึ่งก้าวเซียนอมตะ…ต่อให้ลงมือเต็มกำลัง ก็มิอาจทำให้ความว่างเปล่ายุบตัวลงได้เช่นนี้หรอกหรือ?”
ผู้ชมทั้งหลายยิ่งมายิ่งหวาดกลัวแล้ว!
หากกจะถามว่าในปัจจุบันมีใครที่จับการเคลื่อนไหวของเลี่ยวหนันเจียงได้ทันบ้าง ก็เห็นจะมีแค่ 3 คนเท่านั้น
หนึ่งในนั้นย่อมเป็นหยางเจิ้นซิงประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ ศิษย์ส่วนตัวของเลี่ยวหนันเจียง ซึ่งบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ!
อีกหนึ่งย่อมเป็นจ้าววังเซียนสัญจรอวี่เหวินฮ่าวเฉิน!
วันนี้จะอย่างไรอวี่เหวินฮ่าเฉินก็สามารถเอาชนะหายนะทัณฑ์สวรรค์มาได้ มันย่อมบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้วเช่นกัน
คนสุดท้าย แน่นอนว่าย่อมเป็นต้วนหลิงเทียน เป้าหมายการพุ่งเข้าใส่ของเลี่ยวหนันเจียง!
‘ความเร็วไม่เบาเลย’
‘แถมพลังก็ร้ายกาจไม่ใช่ชั่ว!’
ในสายตาของต้วนหลิงเทียน เขาย่อมเห็นชัดเจนว่าขณะที่เลี่ยวหนันเจียงพุ่งมานั้น ความว่างเปล่าคล้ายบิดเบือนแหวกมาเป็นทาง! อีกทั้งยิ่งมาพลังในร่างมันก็ยิ่งสูงขึ้นจนทำให้ความว่างบิดเบี้ยวเหยเกปานจะพังทลายได้ทุกเวลา!
เรียกว่าในที่นี้ต้วนหลิงเทียนมองเห็นร่างเลี่ยวหนันเจียงได้ชัดเจนที่สุด!
ส่วนครึ่งก้าวเซียนอมตะทั้ง 2 อย่างหยางเจิ้นซิงกับอวี่เหวินอ่าวเฉินนั้น ไม่อาจแลเห็นได้ชัดเท่าเขา!
“หืม?”
ทันใดนั้นเอง คล้ายต้วนหลิงเทียนได้เห็นอะไรที่แปลกประหลาดบางอย่าง ลูกตาของเขาหดหยี คิ้วยังโค้งขึ้นทันที
เป็นเขาเห็นว่า เลี่ยวหนันเจียงที่โจนทะยานเข้ามาได้ถึงครึ่งทางนั้น อยู่ดีๆร่างกายของมันก็สลายกลับกลายเป็นหมอกควันสีเทา ก่อนที่จะควบร่างกลับกลายเป็นสัตว์ประหลาดคล้ายเสือตัวเขื่องประหนึ่งเนินเขาย่อมๆ! หากแต่แลดูก็รู้ว่าไม่ใช่เสือธรรมดา เพราะทั่วร่างของมันกลับลุกโชนไปด้วยเปลวไฟสีเทา!!
อีกทั้ง 2 ตาของเสือประหลาดตัวนี้ยังแดงฉานปานก้อนโลหิต ทำให้ผู้คนที่เผลอไปสบตาเข้าอดไม่ได้ที่จะขนลุกไปด้วยหวาดกลัว!
“โฮกสสส์!!”
แทบจะในวินาทีที่ร่างเลี่ยวหนันเจียงกลับกลายเป็นพยัคฑ์ตัวเขื่องประหนึ่งเนินเขาย่อมๆ ต้วนหลิงเทียนรวมถึงคนอื่นๆก็ได้ยินเสียงคำรามสนั่นโลกดังขึ้น ประหนึ่งสัตว์ร้ายอันเกรี้ยวกราด!
เสียงคำรามของสัตว์ร้ายนี้แม้จะได้ดังถึงที่สุด แต่ก็สะเทือนแก้วหูผู้ชมในวังเซียนสัญจรหลายคนจนสะท้าน!
เรียกว่าเหล่าศิษย์วังเซียนสัญจรที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยที่ได้เร่งรุดถอยออกไปแต่แรก ได้แต่ยกมือขึ้นมาปิดหูชุ่มเลือดด้วยความหวาดกลัว สองตาชมมองความว่างเปล่าที่สั่นไหวอย่างหวาดผวา!!
ด้วยพลังฝึกปรือของพวกมัน ตอนนี้ก็แลเห็นได้เพียงความว่างเปล่าที่ยุบฮวบลงไป ณ จุดแรกก่อนที่จะปรากฏภาพบิดเบือนลากขึ้นกลางฟ้าจี้เข้าหาต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วสูงล้ำประหนึ่งประกายแสง แน่นอนว่าพวกมันไม่อาจแลเห็นร่างเลี่ยวหนันเจียงได้เลย!
“ร่างภูตปีศาจพยัคฆ์!”
ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ หยางเจิ้นซิง เผยความตกใจออกมาไม่น้อย ด้วยไม่คิดเลยว่าอาจารย์ของมันจะใช้พลังทั้งหมดเพื่อลงมือกับต้วนหลิงเทียน!
‘ดูเหมือนว่ากระทั่งท่านอาจารย์เองก็ไม่กล้าประมาทต้วนหลิงเทียนในยามนี้…ยามลงมือถึงกับใช้พลังสูงสุด!’
ในฐานะศิษย์ส่วนตัวของเลี่ยวหนันเจียง หยางเจิ้นซิงย่อมทราบได้ทันทีว่าการคืนร่างภูตปีศาจพยัคฆ์ตั้งแต่ต้นเช่นนี้ เป็นอาจาร์ยของมันกำลังเอาจริงถึงขีดสุด!
อาจารย์ของมันนั้นเป็นทายาทที่บังเกิดขึ้นจากกผู้ฝึกมารมนุษย์กับภูตปีศาจพยัคฆ์ ทำให้เลือดที่ไหลเวียนในกายเป็นของภูตปีศาจพยัคฆ์อยู่ครึ่งหนึ่ง!
และเพื่อแปลงเป็นร่างภูตปีศาจพยัคฆ์ อาจารย์ของมันถึงกับเผาผลาญแก่นโลหิตภูตปีศาจพยัคฆ์ในร่าง! กระทั่งผสานกับเวทย์พลังและวรยุทธ์ที่ฝึกปรือ!!
กล่าวได้ว่านี่คือการรีดเค้นพลังอานุภาพทั้งหมดให้บรรลุถึงจุดสูงสุด! เป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่อาจารย์ของมันจะใช้ออกได้!!
‘อย่างไรก็ตามการลงมือครั้งนี้ของอาจารย์ย่อมเสียแก่นแท้โลหิตไปไม่น้อย…กว่าจะฟื้นฟูแก่นแท้โลหิตภูตปีศาจพยัคฆ์ในร่างให้กลับมาสมบูรณ์ก็ใช้เวลาไม่ใช่เล่นๆ…’
‘ได้แต่หวังว่าท่านอาจารย์จะฟื้นตัวได้ทันก่อนวันที่หายนะรอบที่ 4 จะมาถึง…หาไม่แล้วเกรงว่าคงยากกที่ท่านอาจารย์จะข้ามผ่านมันไปได้!’
จังหวะนี้หยางเจิ้นซิงอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลแทนอาจารย์ของมัน
ปง!
ปง!
ปง!
…
ในสายตาของต้วนหลิงเทียน เลี่ยวหนันเจียงที่กลายร่างเป็นภูตปีศาจพยัคฆ์ไปแล้ว กำลังทะยานร่างเข้าใส่เขาด้วยความเร็วอันน่ากลัว!
และทุกคราที่เท้าทั้ง 4 ของอีกฝ่ายตะกุยลงไปในอากาศ ความว่างเปล่าถังกับยวบยุบ ก่อเกิดเสียงดังสนั่นลั่นหล้า!
กระทั่งทุกย่ำเท้าที่ก้าวแหวกอากาศมา มองเห็นเป็นรอยเท้าพยัคฆ์ยุบบุ๋มลงไปในความว่างเปล่า!
ต้องทราบด้วยว่านี่คือความว่างเปล่าไม่ใช่พื้นดิน!
ทิ้งรอยเท้าไว้บนพื้นมันง่ายดายนัก! แต่การจะทิ้งรอยเท้าไว้ในความว่างเปล่าให้แลเห็นได้อย่างชัดตาแบบนี้นั้น…
เกรงว่าต่อให้เป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะที่ใช้ออกด้วยพลังทั้งหมด ก็ไม่อาจกระทำได้!
ชั่วพริบตา
ร่างเลี่ยวหนันเจียงที่แปรเปลี่ยนไปคล้ายพยัคฆ์ตัวเขื่อง ก็อยู่ห่างจากร่างต้วนหลิงเทียนไปไม่กี่สิบหมี่
มันกระโจนเข้ามาด้วยสภาวะปานจะขย้ำกลืนร่างต้วนหลิงเทียนในคำเดียว สองตาแดงฉานดั่งก้อนโลหิตคู่นั้น ฉายความโหดเหี้ยมอำมหิตออกชัด!
ทันใดนั้นเอง ร่างพยัคฆ์ตัวเขื่องก็อ้าปากออกกว้าง บอลพลังแสงสีเทาหนึ่งเริ่มควบรวมก่อเกิด กลิ่นอายพลังทำลายล้างอันน่าพรั่นพรึงประหนึ่งจะล้างผลาญได้ทุกสิ่งแผ่ออกมาอย่างน่ากลัว!
“ตาย!!”
ร่างเลี่ยวหนันเจียงที่กลายเป็นภูตปีศาจพยัคฆ์คำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นอำมหิต!
ซู่มมม!!
ทันใดนั้นบอลพลังแสงสีเทาที่ควบสร้างในปากก็พุ่งทะยานแหวกฟ้ามาทางต้วนหลิงเทียนประหนึ่งดาวตก!
และในขณะนั้นเอง
ยามเมื่อบอลพลังแสงสีเทาพุ่งทะยานมาได้ไม่ทันไร ฉากที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนถึงกับผงะไปก็อุบัติขึ้น!เพราะยามที่บอลพลังแสงสีเทาเปี่ยมล้นไปด้วยพลังอำนาจทำลายล้างนั้นพุ่งออกมาได้ไม่ทันไร! ร่างภูตปีศาจพยัคฆ์ของเลี่ยวหนันเจียงพลันสลายกลับกลายเป็นหมอกสีเทาอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งมาด้วยความเร็วที่เหนือล้ำยิ่งกว่า ห่อหุ้มรวมผสานไปกับบอลพลังทำลายล้างสีเทานั่น!!
และในขณะเดียวกันกับที่บอลแสงทำลายล้างคล้ายจะลุกโชนไปด้วยเพลิงสีเทา ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ชัดเจนว่า…
บอลพลังที่พุ่งมาทางเขา คล้ายพลังทำลายของมันจะยกระดับขึ้นมาอีกขั้น!