WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2335
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2335
ตอนที่ 2,335 : ทำลายมหาค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาค!
เหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนไม่คิดลงมือกวาดล้างเหล่าปีศาจทั้งหลายก่อนในตอนนี้…รวมถึงทำลายชนเผ่าปีศาจที่แข็งแกร่งอะไรนั้น ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย…
กล่าวง่ายๆเลยว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเองก็หวั่นเกรงบรรพบุรุษปีศาจอะไรนั่นไม่น้อย
ถึงแม้ว่าตอนนี้เผ่าปีศาจมนุษย์จะตกอยู่ในกำมือต้วนหลิงเทียนแล้ว หากแต่ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์นั่นสามารถรอดพ้นเงื้อมมือเขาไปได้เพราะมันมียันต์หลบหนีอัคคีผลาญโลหิต
แน่นอนว่าเขาไม่ได้กลัวประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์หยางเจิ้นซิงอะไรนั่นย้อนกลับมาเอาคืนแม้แต่น้อย เพราะอาศัยพลังของมัน ย่อมไม่นับเป็นตัวอะไร…
ทว่าจากวาจาฝากแค้นที่หยางเจิ้นซิงกล่าวทิ้งเอาไว้ มีความเป็นไปได้สูงที่มันจะไปนำพาตัวตนที่เรียกวว่า บรรพบุรุษ ปีศาจมา…ไม่แน่ว่าอาจมียอดฝีมือเฒ่าที่เร้นกายจากเผ่าปีศาจมนุษย์อะไรอื่นด้วย
หากเขายังคงรั้งอยู่ในภูมิภาคเบื้องล่าง กระทั่งอยู่ในเมืองเหรินโม่เชิ่ง มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะต้องเผชิญหน้ากับตัวตนดั่งบรรพบุรุษปีศาจ ที่สมควรเป็นเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์เป็นอย่างต่ำ…!
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเร่งรุดจากมาทันที
‘ความแข็งแกร่งของข้าตอนนี้ แม้ว่าจะยกระดับพัฒนาให้ก้าวหน้าได้อีก…ทว่าอาศัยเวทย์พลังกับวรยุทธ์เซียนคงยากจะบรรลุผลเลิศล้ำใดๆ เพราะพวกมันแทบถึงขีดจำกัดแล้ว ที่น่าจะเห็นผลมากที่สุดก็มีแต่ เคล็ดบำเพ็ญจิตเต๋ากระบี่สูงสุดอย่าง ยอดใจกระบี่…’
ต้วนหลิงเทียนย่อมกระจ่างในสถานการณ์ของตัวเองดี
ตอนนี้เขาได้บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นผู้ฝึกตนธรรมดาที่บรรลุระดับพลังสูงในในระนาบโลกียะแล้ว
ไฉนที่กล่าวว่าผู้ฝึกตนธรรมดานั้น เนื่องเพราะเขาเดินในหนทางฝึกตนตามปกติ แตกต่างจากหนทางของเซียนอมตะเสเพล
เซียนอมตะเสเพล คือตัวตนที่บังเกิดขึ้นมาจากความล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ จำต้องใช้อีกเส้นทางที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง
เซียนอมตะเสเพล 2 ทัณฑ์ มีพลังเทียบได้กับครึ่งก้าวเซียนอมตะ
เซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์นั้น มีพลังเหนือกว่าครึ่งก้าวเซียนอมตะ!
ยิ่งเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์เป็นต้นไป ก็มีความแข็งแกร่งน่ากลัวมากขึ้น
ต้วนหลิงเทียนในฐานะครึ่งก้าวเซียนอมตะ แต่ด้วยเวทย์พลังสนับสนุนอย่างปฐมเวทย์กลืนกิน รวมถึงมรรคากระบี่สูงสุดอย่างยอดใจกระบี่ขอบเขตที่ 4กระบี่ใจกระจ่าง เมื่อใช้ออกด้วยกระบวนท่า กายกระบี่รวมหนึ่งนั้น ทำให้พลังรบของเขาพุ่งทะยานขึ้นมาถึงขั้นเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ หรือกระทั่งเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์!
และด้วยความที่ต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้ว ทำให้เขามาถึงขีดจำกัดในการบ่มเพาะพลังในร่าง ทำให้แค่รอให้พลังอำนาจของสวรรค์ปรากฏ และฉุดดึงเขาขึ้นสวรรค์เท่านั้น
ทำให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ทันที ว่าตอนนี้หากเขาคิดยกระดับพลังต่อสู้ของเขาให้สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด มีแต่ต้องบรรลุถึงขอบเขตที่ 5 ของยอดใจกระบี่ให้ได้!
ยอดใจกระบี่มีทั้งสิ้น 5 ขอบเขต…และขอบเขตสุดท้ายอันเป็นขอบเขตที่ 5 นั่นก็คือ
ใจกระบี่รวมหนึ่ง!
เมื่อเขาบรรลุขอบเขตสุดท้ายของยอดใจกระบี่ได้สำเร็จ พลังรบของเขาย่อมสูงขึ้นอย่างยิ่งยวด!
ส่วนเวทย์พลังนั้น ถึงจะทำความเข้าใจมันเพิ่มและประสบความสำเร็จ แต่มันก็เพิ่มพลังอำนาจให้เขาแค่เล็กน้อยเท่านั้น
เพราะเวทย์พลังอื่นๆนั้นไม่เหมือนปฐมเวทย์กลืนกิน ที่ยามเมื่อบรรลุถึงขั้นตอนไร้ตำหนิแล้วจะให้ผลลัพธ์อันน่าสะพรึงกลัวอย่างนี้ เวทย์พลังอื่นๆต่อให้บรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิ ก็ช่วยให้พลังรบโดยรวมของเขาเหนือกว่าตอนนี้ไม่เท่าไหร่
‘แต่ต่อให้ข้าจะบรรลุถึงขอบเขตที่ 5 ของยอดใจกระบี่อย่าง ใจกระบี่รวมหนึ่ง กระทั่งบรรลุเวทย์พลังที่เหลือทั้งหมดถึงขั้นตอนไร้ตำหนิ แต่พลังรบของข้าคงทำได้แค่ทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์เท่านั้น เผลอๆจะสู้ยอดฝีมือด่านพลังนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ’
‘และนี่ก็เสมือนขีดจำกัดที่ข้าจะสามารถบรรลุถึงได้ในระนาบโลกียะแล้ว…เพราะสุดท้ายข้าก็เดินในหนทางปกติ ไม่ได้เดินบนหนทางคนไม่ใช่ผีไม่เชิงเหมือนพวก เซียนอมตะเสเพล…’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
‘กล่าวได้ว่า…หากยังอยู่ในระนาบโลกียะ พลังฝีมือของข้าคงยากจะเทียบกับพวกเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ได้ เอาแค่เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์…ไม่สิ กระทั่งพวกเคี่ยวๆขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์ ก็ไม่แน่ว่าข้าจะสู้พวกมันได้!’
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มขื่นขมออกมา
เพราะในระดับหนึ่ง…
หนทางการบ่มเพาะแบบปกตินั้น…ดูแล้วไม่มีทางทรงพลังทัดเทียมหนทางคนไม่ใช่ผีไม่เชิงและเสี่ยงอันตรายเหมือน เซียนอมตะเสเพลเลย…
‘อย่างไรก็ตาม หนทางของเซียนอมตะเสเพลนั้นอันตราย ทั้งเสี่ยงเกินไป กว่า 9 ส่วนของเซียนอมตะเสเพล ล้วนไม่อาจข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ทั้ง 10 รอบ เพื่อขึ้นสวรรค์ด้วยซ้ำ!’
เป็นธรรมดาว่ามีได้ก็ต้องมีเสีย
‘นอกจากนั้นข้าเองก็มีเวลาเหลือในระนาบโลกียะอีกไม่นานแล้ว…’
‘ตอนแรกหลังบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะมาความรู้สึกยังไม่ชัดเจน…’
‘แต่พอใช้ปฐมเวทย์กลืนกินดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินทั่วทั้งเมืองเหรินโม่เชิ่งรวมถึงสายแร่หินเซียนและชีพจรวิญญาณจนหมด ทำให้พลังเพิ่มพูนขึ้นถึงขีดจำกัดเท่าที่ปฐมเวทย์กลืนกินจะทำได้…’
‘ข้าจับสัมผัสได้อย่างเลือนราง…จากที่ไหนสักแห่ง มีกลิ่นอายพลังลึกลับหนึ่งกำลังเรียกหาข้า…’
‘ดูเหมือนนั่นจะเป็น พลังจากระนาบเทวโลก ที่จะชักนำข้าให้ขึ้นสู่สวรรค์…’
ต้วนหลิงเทียนลอบคาดเดาในใจ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงตระหนักได้ไม่ยาก ว่าเวลาที่เขาเหลืออยู่บนระนาบโลกียะแห่งนี้มันมีอีกไม่มากแล้ว!
ดังนั้นทำให้เวลาทุกวินาทีบนโลกใบนี้ เขาต้องหวงแหนมันให้มากที่สุด!!
เมื่อพลังอำนาจที่จะชักนำให้ขึ้นสู่สวรรค์มาถึง ต่อให้เขาแข็งแกร่งเพียงใดและต่อต้านขัดขืนเพียงใดก็ไร้ผล! ทำได้แต่ยอมจำนนและถูกชักนำขึ้นไปแต่โดยดี
‘หากพลังอำนาจของสวรรค์ชักนำให้ข้าขึ้นไปแล้ว…ไม่รู้ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วข้าจะยังย้อนกลับมาได้หรือไม่…’
‘ต้องจัดการทุกอย่างเพื่อเตรียมการให้ทุกคนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนขึ้นสวรรค์…เพราะสุดท้ายแล้วหากทุกคนเกิดเรื่องหลังจากข้าไป ก็ไม่มีใครช่วยได้เลย’
ครอบครัวและสหายในโลกใบนี้ เป็นห่วงกังวลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับต้วนหลิงเทียนก่อนที่เขาจะขึ้นสู่สวรรค์
‘โดยเฉพาะอย่างยิ่งเค่อเอ๋อ เสี่ยวซือหลิง เฟยเอ๋อ กับเนี่ยนเอ๋อ…ยังมีท่านพ่อท่านแม่อีก ก่อนที่ข้าจะต้องขึ้นสวรรค์ ข้าต้องทำให้มั่นใจว่าทุกคนปลอดภัย และไม่หลงเหลือภัยคุกคามใดๆบนโลกอีก!’
ถึงแม้เรื่องนี้จะยากกระทำให้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนจะพยายามกระทำให้เต็มที่…และจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อไม่ให้ครอบครัววและสหายของเขาเหลือภัยคุกคามใดๆหลังเขาขึ้นสู่ระนาบเทวโลก
‘หืม? นั่นมันมหาค่ายกลเคลื่อนย้ายที่พวกปีศาจจัดตั้งงั้นเหรอ?’
ไม่ทันรู้ตัว ต้ววนหลิงเทียนก็พบว่าเขาได้นำพาพวกเค่อเอ๋อกับลูกทั้ง 3 มาถึงสถานที่ตั้งมหาค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคเรียบร้อยแล้ว
อีกทั้งต้วนหลิงเทียนยังได้พบอีกว่า ตอนนี้พววกปีศาจกำลังง่วนอยู่กับการจัดตั้งมหาค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคกันอยู่!
ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์จารึกเซียนคนหนึ่งและบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ เพียงแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบเรื่องราว เขาก็พบได้ไม่ยาก…
การจัดตั้งมหาค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคชุดใหม่ ใกล้จะเสร็จเต็มที…
“หึ!”
ทันใดนั้นสายตาเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นเยียบเย็น พร้อมกันกับที่พ่นลมสบถออกมา พลังเซียนต้นกำเนิดที่ผสานไว้ด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดก็ปะทุออกท่วมร่าง บังเกิดรังสีกระบี่มากมายนับหมื่นพันแผ่พุ่งออกมาจากร่างกาย!
และเมื่อรังสีกระบี่นับหมื่นพันแผ่พุ่งออกมาเวียนวนรอบร่างกายต้วนหลิงเทียนแล้ว พวกมันก็เปล่งพลังอำนาจอันร้ายกาจออกมา สะเทือนสะท้านจนความว่างโดยรอบปริฉีก!
“ใจกระบี่เหิน!”
เพียงห้วงคิด รังสีพลังกระบี่นับหมื่นพันของต้วนหลิงเทียนที่ลอยล่อยในความว่าง ก็เริ่มสั่นสะเทือน! บังเกิดเสียงกู่ร้องของพลังดังเวิงๆ!!
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
……
รังสีกระบี่นับหมื่นพันร่วงหล่นฟ้าไปฉับไวดังห่าพิรุณกระหน่ำ! แต่ละเล่มยังคล้ายมีดวงตางอกเงย พวกมันพุ่งทำลายไปยังมหาค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคที่ยังจัดตั้งไม่เสร็จทำลายทุกสิ่งจนพินาศสิ้น!ยังเข่นฆ่าปรมาจารย์หลอมสร้างของพวกปีศาจที่กำลังทำงานอยู่จนเกลี้ยง!!
หลังจากทำลายมหาค่ายกลกับปรมาจารย์ของพวกปีศาจที่กำลังทำงานแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็พุ่งเป้าไปยังปีศาจทั้งหลายที่อยู่ในละแวกนี้
หลังจากนั้นไม่นาน
“อ๊าคคค!!”
“ไม่!!”
……
ไม่เพียงมหาค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคที่ยังจัดตั้งไม่เสร็จจะพังทลายไม่เหลือชิ้นดี และปรมาจารย์ทั้งหลายตกตายหมดสิ้น
กระทั่งเหล่าปีศาจที่มาควบคุมดูแลความเรียบร้อยทั้งหมดยังไม่มีตนใดรอดพ้นความตาย! แน่นอนว่าในบรรดาปีศาจที่ว่าย่อมมีตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนไม่น้อย! อนิจจาทั้งหมดตกตายอย่างไร้ซึ่งหนทางต่อต้านใดๆ รังสีพลังกระบี่เสือกทะลวงหว่างคิ้วป่นทำลายดวงจิตของพวกมันในชั่วพริบตา!!
ล้อกันเล่นหรือ?!
ตอนนี้พลังต้วนหลิงเทียนยังไม่ตกลงจากตอนอยู่ในวังเซียนสัญจรแม้แต่น้อย!!
ถึงแม้หลังออกจากเมืองเหรินโม่เชิ่งมาแล้ว แน่นอนว่าพลังที่ได้จากปฐมเวทย์กลืนกินตามปกติก็ต้องสลายหายไปตามเวลา ทว่าเขาเลือกที่จะใช้ปฐมเวทย์กลืนกินดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินเพื่อคงสภาวะพลังสูงสุดนั่นไว้ตลอดเวลา! เรียกว่าพลังอ่อนด้อยลงเมื่อใดเขาก็เติมเต็มมันทันที!!
ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ายามนี้ หากยอดฝีมือเซียนอมตะเสเพลไม่มา ยังจะมีใครหาญกล้าต่อกรเขาได้!
ถึงแม้วิธีนี้จะกินแรงอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังพอประคองได้ไหว
กล่าวได้ว่า…
ตอนนี้แม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ใช้ขอบเขตที่ 4 ของยอดใจกระบี่อย่างกระบี่ใจกระจ่าง ด้วยกระบวนท่า กายกระบี่รวมหนึ่ง แต่เอาแค่รังสีกระบี่ที่ควบคุมทำลายด้วยเคล็ดกระบี่อยู่ที่ใจอย่าง ‘ใจกระบี่เหิน’ก็มีอานุภาพเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ได้อย่างง่ายดาย!
ต่อให้พื้นที่จัดตั้งมหาค่ายกลเคลื่อนย้ายมีเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์มาเฝ้าคุ้มกัน มันก็ยังต้องตาย แล้วยังจะนับประสาอะไรกับไร้แม้แต่ตัวตนเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์? ปีศาจที่มาคุ้มกันอย่างดีก็มีแค่เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเท่านั้น พวกมันไหนเลยจะหนีพ้นเทศกาลนองเลือดครานี้ไปได้!
“กลืน!”
หลังเข่นฆ่าสังหารเหล่าปีศาจจนเกลี้ยง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดให้พวกมันตายเปล่า เขาใช้ปฐมเวทย์กลืนกินพรสววรรค์รากวิญญาณของพวกมันที่ยังไม่ทันจางหายไปในสวรรค์และโลก เพิ่มพรสวรรค์รากวิญญาณของเค่อเอ๋อทันที…
แน่นอนว่าในกระบวนการดังกล่าวต้วนหลิงเทียนก็ระวังถึงขีดสุด
เพราะก่อนที่เค่อเอ๋อจะมีพลังมากพอต้านทานหายนะทัณฑ์สวรรค์ ที่เกิดจากการยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณให้กลายเป็นสีดำ เขาจะไม่ทำให้พรสวรรค์รากวิญญาณของเค่อเอ๋อเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างสะเพร่าเด็ดขาด!
“เจ้า…นี่เจ้าทำลายมหาค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคงั้นเหรอ!?”
ก่านหรูเยี่ยนย่อมตระหนักเรื่องนี้ได้ทันที เพราะมองไปเบื้องล่างนางก็พบว่ามีแต่ศพกับซากปรักหักพัง!
“อืม”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“มีอะไร ไว้ไปให้ถึงภูมิภาคเบื้องบนก่อนค่อยคุย”
เมื่อเห็นก่านหรูเยี่ยนกำลังจะพูดอะไรเพิ่มเติม ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวตัดบทนางออกมา
ขณะเดียวกันเขาก็หอบหิ้วทั้ง 3 ให้พุ่งร่างลงไปยังบริเวณซากปรักหักพังของมหาค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาค
“น่าจะเป็นแถวๆนี้..”
ต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้นคราหนึ่งก็ควบรวมพลังสร้างกระบี่พลัง
ไม่นานมันก็กลับกลายเป็นกระบี่พลังมีสภาพสีขาวราวกระบี่จริง
‘ตอนนี้อาศัยแค่รังสีกระบี่ธรรมดายังไม่ต้องควบรวมเป็นกระบี่พลังมีสภาพอะไร พลังทำลายก็เหนือล้ำกว่าศาสตราพันอาคมเซียนเสียอีก…’
‘แต่นั่นก็ไม่แปลก อย่างไรตอนนี้พลังในร่างข้าก็ผสานไว้ด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด และนั่นคือพลังของระนาบเทวโลก ถึงศาสตราพันอาคมเซียนจะไม่อ่อนแอ…แต่อย่างไรมันก็คืออาวุธในระนาบโลกียะ ไม่เพียงตอนนี้จะไร้ประโยชน์สำหรับข้า แต่ยังทนพลังข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ…’
หลังบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ทันที
สำหรับตัวตนขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะขึ้นไป ศาสตราพันอาคมเซียนใดๆก็ไม่อาจช่วยเพิ่มพลังให้ได้อีกต่อไป เพราะมันไม่อาจจะทนรับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดได้ไหวด้วยซ้ำ…จึงไม่ต่างอะไรกับเศษเหล็กเกะกะ!