WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2337
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2337
ตอนที่ 2,337 : นั่นเป็นไปไม่ได้!
กลิ่นอายพลังลี้ลับที่กำจายออกมานั้นให้ความรู้สึกเก่าแก่โบราณดั่งมีมนตร์ขลังประการหนึ่ง ทั้งกลิ่นอายที่ว่ายังแผ่ออกมาปานไร้สิ้นสุด…
และรอบๆแท่นบูชาลี้ลับดังกล่าว ก็ปรากฏรูปปั้นที่มีอริยาบทแตกต่างกันหลายรูป มีทั้งมนุษย์ ปีศาจ…
และรูปปั้นมนุษย์กับปีศาจทั้งหลาย ก็ตั้งล้อมรอบรูปปั้นมนุษย์ร่างหนึ่งที่ใหญ่โตมหึมากว่ารูปปั้นใดๆ มองไปประหนึ่งดาวล้อมเดือนก็ไม่ปาน
รูปปั้นมนุษย์ที่ว่า เป็นรูปปั้นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง เส้นผมหยิกหยอยทอดยาวลงมาปรกบ่าอย่างกระเซอะกระเซิง ร่างกายแลดูกำยำแข็งแกร่งเปลือยอกเผยให้เห็นกล้ามเนื้ออันแข็งแกรงเด่นชัด แต่ละมัดกล้ามที่ปรากฏ ยังราวกับจะอัดแน่นไปด้วยพลังดิบเถื่อนที่พร้อมระเบิดออกมาได้ทุกเวลา…
รูปปั้นใหญ่โตเปลือยอกไร้เสื้อสวมใส่นี้ ยังถือขวานชี้ตรงไปยังฟ้าเบื้องบน ศีรษะแหงนมองขึ้นไปบนฟ้า แววตาแลดูดุดันราวกับจะต่อสู้กับสวรรค์!
“ท่านบรรพบุรุษ!”
“ท่านบรรพบุรุษ!”
……
เสียงเรียกหาด้วยความเคารพของหยางเจิ้นซิง ดังก้องสะท้อนไปมาในพื้นที่แท่นบูชาอันวังเวงที่ตลบไปด้วยกลิ่นอายลี้ลับโบราณ…
เสียงสะท้อนดังกล่าว มันเกิดจากผนังเขาที่ตั้งรายล้อมพื้นที่แท่นบูชา
“ผู้ใดมาทำเสียงเอะอะโวยวายที่นี่!”
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง บังเกิดเสียงเยียบเย็นไม่สบอารมณ์ดังขึ้น ยังก้องสะท้อนราวกับดังออกมาจากทุกทิศทาง
สิ้นเสียงเยียบเย็นไม่พอใจ ก็ปรากฏร่างหนึ่งผุดโผล่ออกมาจากอากาศธาตุเหนือแท่นบูชาราวภูตผี เป็นชายชราที่แลดูกระฉับกระเฉงมาในชุดสีเขียว ทั่วกายเปล่งกลิ่นอายพลังอันร้ายกาจน่าพรั่นพรึง
ชายชราผู้นี้เส้นผมของมันเป็นสีเทาล้วน เรือนผมเทายาวของมันยังมัดรวบพาดไว้ด้านหลัง คิ้วคมกล้าปานมีดดาบ แววตาดุดันราวพยัคฆ์ ยามใบหน้าฉายออกถึงความไม่สบอารมณ์ยังให้ความรู้สึกอันน่าเกรงขามยากที่ใครจะหาญกล้าตอแย ทั่วร่างยังแผ่รัศมีพลังอันตรายออกมากดดันในบรรยากาศ
“อะ…อาจารย์ลุง?”
ทันทีที่แลเห็นใบหน้าของร่างชราที่แลดูดุดันปานพยัคฆ์เหี้ยม หยางเจิ้นซิงอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความตกใจ!
วินาทีต่อมาสายตาที่มันใช้มองชายชราดังกล่าว ก็เผยความหวาดผวาปานเห็นภูตผี!
นั่นเพราะใบหน้าของชายชราหาได้แปลกตาของมันไม่!
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะมันเคยได้แลเห็นชายชราผู้นี้ตัวเป็นๆมากับตาตัว
ที่มันจดจำชายชราที่ลอยอยู่ในอากาศเบื้องหน้าได้ ทั้งหมดเป็นเพราะมันเคยเห็นรูปโฉมอีกฝ่ายจากในรูปที่ห้อยแขวนไว้ในห้องพักของอาจารย์มัน!
“อาจารย์ลุง?”
ได้ยินคำอุทานของหยางเจิ้นซิง ชายชราตาดุที่แลดูแข็งแกร่งผู้นี้อดไม่ได้ที่จะชักสีหน้าฉงนใจ เพราะมันลองถามตัวเองดูก็บอกได้ทันทีว่าไม่รู้จักอีกฝ่าย กระทั่งยังพึ่งเคยพบหน้าเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ…
“ท่านอาจารย์ลุง อาจารย์ของผู้น้อยก็คือเลี่ยวหนันเจียงขอรับ ผู้น้อยเป็นศิษย์ปิดสำนักของท่านอาจารย์…”
เมื่อเห็นถึงความสงสัยของชายชราที่แลดูแข็งแกร่งน่าเกรงขามหยางเจิ้นซิงไม่กล้ารอช้า เร่งกล่าวอธิบายด้วยความนอบน้อม กล่าวบอกฐานะออกไปด้วยน้ำเสียงมากเคารพ
ตอนนี้ในใจหยางเจิ้นซิงเองก็ดั่งจะมีมรสุมก่อเกิด
เพราะมันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลย…
ว่าศิษย์พี่ของอาจารย์มันอย่างอาจารย์ลุงจะยังคงมีชีวิตอยู่!
ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ไปเนิ่นนานแล้หรือ? มิใช่ลงบันทึกว่าถอดจิตลี้ร่างไม่สำเร็จ จนตายตกไปแล้วหรือไร?
‘นับจากเวลาที่ลงบันทึกไว้…นี่มันก็ผ่านไปกว่า 4,000 ปีแล้วที่ท่านอาจารย์ลุงผู้นี้ล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ นั่นหมายความว่าบันทึกนั่นปิดปิดความจริง! และยามนี้ท่านอาจารย์ลุงสมควรบรรลุถึงเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์!!’
ใจหยางเจิ้นซิงอดสะท้านไปไม่ได้
ถึงแม้มันเองก็รู้วว่าในโลกหล้ายังมีเซียนอมตะเสเพลดำรงอยู่ แต่มันก็ไม่เคยรู้เลยว่ามีเซียนอมตะเสเพลทั้งสิ้นเท่าไหร่
ก่อนถึงวันนี้มันรู้จักเซียนอมตะเสเพลแค่สองเท่านั้น และนั่นก็คือเลี่ยวหนันเจียงอาจารย์ของมันที่เป็นเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ และบรรพบุรุษของเผ่าปีศาจมนุษย์!
เหตุผลเดียวที่ทำให้มันรู้จักบรรพบุรุษของเผ่าปีศาจมนุษย์ ก็เพราะหลังจากที่มันกลายเป็นประมุขของเผ่าปีศาจมนุษย์ มันก็ได้รับทราบเรื่องราวจากประมุขของเผ่าปีศาจมนุษย์คนก่อน ที่กล่าวบอกมันเอาไว้ก่อนจะขึ้นสวรรค์ว่า…บรรพบุรุษของเผ่าปีศาจมนุษย์ยังมีชีวิตอยู่! รวมถึงยังบอกวิธีติดต่อกับบรรพบุรุษของเผ่าปีศาจมนุษย์เอาไว้อีกด้วย!!
ดังนั้นมันจึงมาปรากฏตัวยังสถานที่แห่งนี้
สำหรับเรื่องเซียนอมตะเสเพลนอกเหนือจากทั้งสองมันก็ไม่รู้แล้ว ว่ามีดำรงอยู่กี่คนแล้วเป็นผู้ใดบ้าง
ทว่าตอนนี้พอได้เห็นร่างชายชราเบื้องหน้า…
มันก็รู้ได้ทันทีว่าในเผ่าปีศาจมนุษย์ยังมีตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพลนอกเหนือจากอาจารย์ของมันกับบรรพบุรุษดำรงอยู่! และหนึ่งในนั้นก็คืออาจารย์ลุงของมัน หยางฉงจวิน!!
“ที่แท้เจ้าเป็นศิษย์ของเลี่ยวหนันเจียง หยางเจิ้นซิง?”
เมื่อได้ยินคำแนะนำตัวของหยางเจิ้นซิง ชายชราชุดเขียวก็ลดทอนความดุร้ายในแววตาลงทันที ใบหน้าเย็นชาปานน้ำแข็งก็อ่อนลง แทนที่ด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่าบัดนี้เจ้าได้กลายเป็นประมุขของเผ่าปีศาจมนุษย์ของพวกเราแล้ว…”
“ศิษย์หยางเจิ้นซิงขอคารวะท่านอาจารย์ลุง!”
ตอนนี้เองหยางเจิ้นซิงก็ประสานมือคารวะทักทายอย่างเป็นทางการออกมา
“แต่ว่า…ไฉนอยู่ๆเจ้าถึงมาหาท่านบรรพบุรุษได้เล่า?เกิดเรื่องอันใดขึ้นในเผ่าปีศาจมนุษย์กันแน่ จะว่าไปต่อให้เกิดเรื่องอันใด ก็สมควรเป็นอาจารย์เจ้าที่มามิใช่หรือ…ไฉนถึงเป็นเจ้าที่มา?”
หยางฉงจวิน กล่าวถามออกมา
ถึงแม้ก่อนวันนี้หยางเจิ้นซิงจะไม่รู้ว่ามีเซียนอมตะเสเพลอื่นใดนอกเหนือจากอาจารย์ของมันกับบรรพบุรุษ แต่ด้านหยางฉงจวินนั้นรู้ดีว่าหยางเจิ้นซิงเป็นประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์คนปัจจุบัน
นอกจากนี้มันยังรู้อีกด้วยว่านอกจากหยางเจิ้นซิงแล้ว ยังมีอาจารย์ของหยางเจิ้นซิงที่เป็นศิษย์น้องของมันอย่าง เลี่ยวหนันเจียง เซียนอมตะเสเพล 3ทัณฑ์ ที่คอยดูแลความเป็นไปของเผ่าปีศาจมนุษย์อยู่ลับๆ
ในสายตาของมัน
ต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นในเผ่าปีศาจมนุษย์ของมันจริง อาศัยแค่ศิษย์น้องของมันอย่างเลี่ยวหนันเจียงก็ควรแก้ไขเรื่องราวทุกอย่างได้ง่ายดาย ไหนเลยต้องมาลำบากถึงบรรพบุรุษเช่นนี้…
และนั่น…ทำให้ในใจของหยางฉงจวินบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลหนึ่งขึ้นมาทันที!
“ท่านอาจารย์ลุง…ท่านอาจารย์…ท่านอาจารย์ตายแล้วขอรับ!”
แทบจะทันทีที่หยางฉงจวินกล่าวถามจบคำ สีหน้าของหยางเจิ้นซิงก็เผยความโศกเศร้าเสียใจออกมา น้ำเสียงยังสั่นเครือไปไม่น้อยกล่าวออกมาอย่างสะทกสะท้อน ทำให้บรรยากาศรอบกายมันคล้ายสลดลงทันที
“ว่าอะไร!?”
“หนันเจียง…ตายแล้ว?”
เมื่อสังหรณ์อัปมงคลในใจกลับกลายเป็นความจริง สีหน้าหยางฉงจวินเปลี่ยนไปทันใด ยังหันไปมองจ้องหยางเจิ้นซิงเขม็งพลางกล่าวถามออกมาเสียงหนัก “ใคร…ใครหน้าไหนมันกล้าฆ่าหนันเจียง!?”
“ใช่สารเลวจากเผ่าปีศาจราชสีห์อุบาทว์นั่นหรือไม่?หรือจะเป็นเฒ่าบัดซบจากเผ่าปีศาจพยัคฆ์คำรน?หรือเป็นไอพวกเผ่าปีศาจวัวชาติชั่วนั่น!?”
ขณะกล่าวถามออกมา สีหน้าหยางฉงจวินก็มืดดำคล้ำลง
และเผ่าปีศาจที่มันกล่าวถึงนั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเผ่าปีศาจที่ทรงพลังในบรรดาเผ่าปีศาจทั้งหลาย
และแน่นอนว่าในบรรดาตัวตนทรงพลังทั้งหลายนั้น ถึงแม้จะมีหลายคนที่ฆ่าศิษย์น้องของมันได้ แต่คงมีแค่ 3 เผ่าที่มันเอ่ยถึงเท่านั้นที่กล้ามาลูบคมเผ่าปีศาจมนุษย์!
ในสายตาของหยางฉงจวิ้น
มองไปทั้งแดนเนรเทศ ผู้ที่ขวัญกล้าพอจะฆ่าเซียนอมตะเสเพลของเผ่าปีศาจมนุษย์ น่ากลัวว่าจะมีแต่เซียนอมตะเสเพลของจากทั้ง 3 เผ่านี้เท่านั้น!”
“มิใช่ขอรับ…”
หยางเจิ้นซิงส่ายหัวไปมากล่าวออกด้วยความขื่นขม หากแต่ไม่ทันที่มันจะทันได้กล่าวจบ หยางฉงจวินก็กล่าวขัดออกมาเสียงหนัก “ไมใช่? แล้วเป็นตัวบัดซบจากเผ่าใด!?”
“ข้าอยากรู้นัก…ว่านอกจากเผ่าปีศาจราชสีส์ เผ่าปีศาจพยัคฆ์คำรนและเผ่าปีศาจวัวแล้ว ยังมีเผ่าปีศาจอันใดหาญกล้าตอแยกับเผ่าปีศาจมนุษย์ของเราเช่นนี้อยู่อีก!”
ยิ่งมาเสียงกล่าววของหยางฉงจวินยิ่งเย็นชาลง พาลให้ผู้คนเสมือนตกไปในหล่มน้ำแข็ง
“ท่านอาจารย์ลุง…ท่านอาจารย์ข้ามิได้ถูกคนของเผ่าปีศาจใดๆฆ่า…”
คำจอบของหยางเจิ้นซิงคราวนี้ทำให้หยางฉงจวินอดไม่ได้ที่กล่าววถามออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “แล้วเป็นเซียนอมตะเสเพลจากที่ใดฆ่าหนันเจียง!?”
“ท่านอาจารย์ลุง ยามนี้เผ่าปีศาจเราได้บุกเข้าไปยึดภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า แดนเซียนที่พวกเราถวิลหาได้สำเร็จแล้ว…”
หยางเจิ้นซิงย่อมตระหนักได้ทันที ว่าท่าทางอาจารย์ลุงหยางฉงจวินของมัน ยังไม่รู้ว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจได้ยกทัพบุกเข้าไปยึดภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้ตั้งแต่เมื่อไม่กี่ปีก่อน
ดังนั้นมันจึงค่อยๆอธิบายเรื่องราวอย่างอดทน บอกเล่าสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีหลังมานี้ให้อาจารย์ลุงของมันฟัง เพื่อจะได้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นชัดเจน
และสุดท้ายมันก็เล่าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด…
ว่านายน้อยตำหนักเมฆาครามอันเป็นขุมพลังของพวกมนุษย์นาม ต้วนหลิงเทียน ได้ลอบเข้ามาในวังเซียนสัญจรของ ขุมพลังเผ่าปีศาจมนุษย์ของพวกมัน ก่อนที่จะฉวยโอกาสตอนที่จ้าววังเซียนสัญจรคนปัจจุบันกำลังจะข้ามผ่านหายนะสู่สวรรค์ ชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ของตัวเองให้ปรากฏ และสุดท้ายก็สามารถข้ามผ่านไปได้สำเร็จ…บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ!
“หืม? มันฉวยโอกาสตอนจ้าววังเซียนนสัญจรชักนำหายนะสู่สวรรค์ ชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ของตัวเองให้ปรากฏ…กระทั่งข้ามผ่านได้สำเร็จ?”
ด้วยความที่ในประวัติศาสตร์ของเผ่าปีศาจทั้งมวลไม่เคยมีบันทึกปรากฏว่ามีใครก่อการเช่นนี้ได้สำเร็จมาก่อน ทำให้หยางฉงจวินอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเมื่อได้ฟังเรื่องราวดังกล่าว
อย่างไรก็ตามเรื่องที่ทำให้มันตกตะลึงที่สุดก็คือเรื่องราวหลังจากนั้น
“ต้วนหลิงเทียน นายน้อยตำหนักเมฆาครามผู้นั้นหลังบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้ว มันอาศัยแค่เพียงเวทย์พลังสนับสนุนอย่างเดียวแต่กลับเพิ่มพูนพลังความแข็งแกร่งให้สูงขึ้นอย่างมหาศาล…กระทั่งยังมหาศาลอย่างที่ข้าเองก็ไม่อยากจะเชื่อ…”
เล่าถึงจุดนี้ร่างหยางเจิ้นซิงอดไม่ได้ที่จะสั่นไปด้วยความหวาดกลัว เพราะมันยังจดจำช่วงเวลานั้นได้ดี…
เพราะถ้าหากมันไม่อาจบดขยี้ ‘ยันต์หลบหนีอัคคีผลาญโลหิต’ ได้ทันเวลา มันคงได้ตกตายกลายเป็นผีคากระบี่ต้วนหลิงเทียนไปแล้ว!
ต้องทราบด้วยว่ากระทั่งอาจารย์ของมัน ‘เลี่ยวหนันเจียง’ ผู้ที่บรรลุถึง ‘เซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์’ ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนนั้น…ยังไม่อาจต่อต้านอะไรได้แม้แต่นิดเดียว! ถูกต้วนหลิงเทียนสังหารในชั่วพริบตา!!
“หนันเจียง…ถูกมันฆ่าในกระบวนเดียว?”
“แถมกระบี่ที่มันใช้สังหารหนันเจียง…ไม่เพียงสามารถฉีกเปิดความว่างเปล่า…กระทั่งรอยแยกมิตินั่นยังถึงขึ้นเปิดค้างในอากาศถึง 2 เค่อ?”
หลังได้รับทราบเรื่องราวดังกล่าวจากปากหยางเจิ้นซิง หยางฉงจวินก็ตกตะลึงไม่น้อย
“นั่นเป็นไปไม่ได้!”
เมื่อหยางฉงจวินมองไปยังหยางเจิ้นซิงอีกครั้ง มันก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา คล้ายไม่ยอมรับเรื่องราว
เพราะสามัญสำนึกของมันบอกว่า
ตัววตนที่พึ่งบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ ไม่มีทางที่จะมีพลังอำนาจมหาศาลถึงเพียงนี้!
ฉีกเปิดความว่างเปล่าได้ไม่พอ กระทั่งรอยแยกมิติที่ว่า ยังถึงกับปรากฏค้างเป็นเวลาราวๆ 2 เค่อกว่าจะคืนสภาพ?
เรื่องแบบนี้กระทั่งตัวมันเองยังไม่มีปัญญาจะทำ!!
ต่อให้มันลงมือด้วยพลังทั้งหมดเท่าที่มี แม้จะฉีกเปิดความว่างเปล่าได้ก็จริง หากแต่รอยแยกมิติที่มันสร้าง…เกรงว่าคงใช้เวลาแค่ไม่กี่อึดใจก็ปิดตัวลง หวนคืนสู่ปกติ…
“ฉีกความว่างเปล่า กระทั่งรอยแยกนั่นกลับคงค้างอยู่ถึง 1 เค่อ…เรื่องพรรค์นี้ข้าเกรงว่าคงมีแต่ตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์หรือสูงกว่านั้นถึงจะกระทำได้!”
“แต่ทว่าหากถึงขั้นที่สามารถฉีกเปิดความว่างเปล่า และรอยแยกมิตินั่นถึงกับอยู่ได้นานถึง 2 เค่ออย่างที่เจ้าว่าจริง เกรงว่าคงมีแต่เซียนอมตะเสเพลตั้งแต่ 6ทัณฑ์ขึ้นไปเท่านั้นที่ทำได้!!”
ด้วยเหตุนี้ทำให้หยางฉงจวินไม่อาจเชื่อได้ลงคอ ว่าตัวตนที่พึ่งบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ จะมีปัญญาทำเรื่องอะไรแบบนี้ได้!
ตัวตนที่พึ่งบรรลุถึงขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะ หากทว่ากลับมีพลังสามารถทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์…
นี่มันนิทานปาฏิหาริย์หลอกเด็กชัดๆ!