WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2340
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2340
ตอนที่ 2,340 : ความรับผิดชอบ
7 ทวาราเที่ยงแท้นั้น เป็นการรวมตัวกันของผู้ที่มีพลังฝีมือโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ทั้ง 7!
ต้วนหลิงเทียนเองก็เป็นทายาทของ หมอกพิรุณ ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1!
นอกจากเขาแล้วก็มีอีก 6 ผู้สืบทอด
ทว่าในบรรดาผู้สืบทอดที่เหลือทั้ง 6 ของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ ยกเว้นก็แต่ผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 2 ความลับสวรรค์แล้ว เขารู้จักทั้งหมด!
กระทั่งยังกล่าวได้ว่าสนิทกันแทบทั้งสิ้น!
‘นี่มัน…บังเอิญเกินไปหน่อยรึเปล่า?’
‘ไม่! ต่อให้เป็นเรื่องบังเอิญจริง ก็ไม่มีทางบังเอิญได้ถึงขนาดนี้…ไฉนข้ารู้สึกเหมือน 7 ทวาราเที่ยงแท้เป็นขุมกำลังส่วนตัวข้าเลย แต่ละคนล้วนเป็นคนที่ข้ารู้จักทั้งสิ้น ราวกับมีใครจงใจเฟ้นหาคนรู้จักของข้ามาสืบทอด!’
พอคิดถึงจุดนี้ขึ้นมาต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจปล่อยตกไปได้อยู่นาน
มันจะเป็นเรื่องบังเอิญได้เหรอ?
บนโลกมีเรื่องบังเอิญซ้ำซ้อนแบบนี้จริงๆ?
ต่อให้คนอื่นจะเชื่อว่าอาจมี แต่ต้วนหลิงเทียนคนนึงที่ไม่เชื่อ!
“ท่านพ่ออ่า…ท่านคิดอะไรอยู่เหรอ ไฉนไม่สนใจซือหลิงแล้วเล่า?”
หลังต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดไปไม่นาน เขาก็ต้องถูกเสียงใสๆของเด็กสาวดึงสติ เรียกว่าเสียงใสๆเต็มไปด้วยความน้อยใจนั้น ปลุกสติต้วนหลิงเทียนให้ตื่นดียิ่งกว่าเอาน้ำเย็นราดรด
“พ่อจะไม่สนใจซือหลิงได้ยังไง…พอดีพ่อคิดเรื่องอะไรบางอย่างอยู่น่ะ”
ต้วนหลิงเทียนลูบศีรษะน้อยๆของซือหลิงด้วยความเอ็นดูพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม หากแต่ลึกลงไปในแววตานั้นยังเผยความหวาดหวั่นขึ้นมาเล็กน้อย ‘เรื่องนี้ใครมันอยู่เบื้องหลังกันแน่…’
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้พาลูกสาว เค่อเอ๋อ แล้วก็ก่านหรูเยี่ยนมานั่งเหลาอาหารในเมืองใหญ่ที่เจริญรุ่งเรืองแห่งหนึ่งของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน เขาจงใจเลือกห้องส่วนตัวที่ติดกับโถงรวมเพื่อรับฟังเรื่องราวข่าวสารโดยเฉพาะ…
และเรื่องทั้งหมดที่ต้วนหลิงเทียนได้รู้เกี่ยวกับทวาราเที่ยงแท้ ก็เป็นบทสนทนาของผู้ที่มาดิ่มกินในเหลาอาหารแห่งนี้ทั้งสิ้น!
“7 ทวาราเที่ยงแท้…ปรากฏตัวออกมาอีกครั้งจริงหรือนี่?”
ได้ยินผู้ที่มาดื่มกินในเหลา ก่านหรูเยี่ยนเองก็ชักสีหน้าแตกตื่นไม่น้อย
ในฐานะที่นางเองก็เป็นศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่งของลัทธิบูชาไฟ กระทั่งยังเป็นถึงศิษย์ส่วนตัวของชนชั้นผู้พิทักษ์ ทำให้นางรู้เรื่องราวของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ดีกว่าคนทั่วไป
นั่นคืออดีตขุมพลังอันดับ 1 ที่เคยอยู่ ณ จุดสูงสุดของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ถูกนำพาโดยเซียนกระบี่มือหนึ่งที่ร้ายกาจที่สุด! และในช่วงเวลาที่เซียนกระบี่นามฟงชิงหยางผู้นั้นโลดแล่น เหล่าขุมพลังยักษ์ใหญ่อย่าง 3 ลัทธิรวมถึง ลัทธิบูชาไฟของนาง ก็แทบไม่อาจโงหัวขึ้นมาได้…
ในยุคสมัยนั้นหากไม่ใช่เพราะเซียนกระบี่ฟงชิงหยางไม่ได้คิดจะทำลายล้าง 3 ลัทธิจริงๆ เกรงว่าต่อให้ 3 ลัทธิรวมพลังกันก็ยากจะต้านทานเซียนกระบี่ผู้นี้ได้…
ต้องทราบด้วยว่าเซียนกระบี่ฟงชิงหยางคนนี้ ได้ถูกคนทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ายอมรับนับถือว่า เป็นเซียนกระบี่มือหนึ่ง!
เซียนกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนดิน!
ยิ่งใหญ่ถึงขั้นไหน?
“7 ทวาราเที่ยงแท้…พวกมันเป็นตัวประหลาดจากที่ใดกัน ไฉนออกมาคราเดียวก็เสมือนเปลี่ยนชีวิตข้าให้แลดูตกต่ำได้ขนาดนี้! โดยเฉพาะเหล่าสตรีของ 7 ทวาราเที่ยงแท้นี่อะไรกันแน่ ไฉนร้ายกาจถึงขั้นทำให้ผู้คนสนใจได้ทั้งแดนดิน!”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ในแววตาของก่านหรูเยี่ยนตอนนี้ฉายความหดหู่เซื่องซึม ทั้งอับจนออกมา
นาง ก่านหรูเยี่ยน คือรุ่นเยาว์อัจฉริยะคนหนึ่งของลัทธิบูชาไฟ และนางก็ภาคภูมิใจในเรื่องนี้มาตลอด…
ทว่าตอนนี้พอมาล่วงรู้วีรกรรมของบรรดาศิษย์สตรีใน 7 ทวาราเที่ยงแท้เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้า นางก็รู้สึกเสมือนถูกหมุดตอกลงกลางอกย้ำให้สำเหนียกถึงคำ เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคนดำรงอยู่!แน่นอนว่านางไม่นับรวมต้วนหลิงเทียนแต่แรก…
ต่อหน้าศิษย์สตรีของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ เรียกว่านางถูกกลบรัศมีจนมิด ไม่เหลือความโดดเด่นอันใดเลย…
“ฮึ่ม! รอดูกันไปเถอะ ด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าตอนนี้ หลังกลับไปถึงดินแดนศักดิ์ของลัทธิบูชาไฟแล้วได้บ่มเพาะดีๆเมื่อไหร่ เดี๋ยวข้าจะทิ้งห่างพวกนางไปนับพันลี้ในสักวัน! แค่ไม่นานพลังฝึกปรือข้าต้องไล่ตามทันแน่!!”
กล่าวถึงตรงนี้ แววตาก่านหรูเยี่ยนก็กลับมาฉายชัดถึงความมุ่งมั่นอีกครั้ง ความสลดหดหู่สลายหายไปไม่มีเหลือ
และความมั่นใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาง ย่อมเกิดจากพรสวรรค์รากวิญญาณในปัจจุบันของนาง
รากวิญญาณสีม่วงเข้ม!!
เมื่อตอนที่นางยังอยู่ในภูมิภาคเบื้องล่าง ความเร็วในการบ่มเพาะของนางก็เหนือกว่าตอนอยู่ในภูมิภาคเบื้องบนมากแล้ว!
ต้องทราบด้วยว่าสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะของภูมิภาคเบื้องล่างนั้น มันเทียบเบื้องบนไม่ติดฝุ่นเลย
และไฉนที่ความเร็วในการบ่มเพาะที่ภูมิภาคเบื้องล่างของนางเหนือกว่าเบื้องบนนั้น
เพราะหลังไปถึงภูมิภาคเบื้องล่าง ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของนางจากสีครามให้กลับกลายเป็นสีม่วงเข้ม!
มาตอนนี้พอกลับมาถึงภูมิภาคเบื้องบน นางย่อมรู้ได้ทันที
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ความเร็วในการบ่มเพาะของนางจะพุ่งกระฉูด! เรียกว่าเดี๋ยวต้องก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่แน่!!
“7 ทวาราเที่ยงแท้…เซียนกระบี่ฟงชิงหยาง?”
ตอนนี้เองเค่อเอ๋อก็กลับมารู้สึกตัวหลังเหม่อฟังเรื่องราวด้านนอกอยู่พักใหญ่ ยังหันมามองต้วนหลิงเทียนก่อนใดอื่น กล่าวถามด้วยการส่งเสียงผ่านพลังออกมาด้วยสงสัยทันที “พี่เทียน อาวุโสฟงชิงหยาง…มิใช่คนที่เหลือมรดก ยอดใจกระบี่ ไว้ให้ท่านหรือ?”
ในฐานะคู่ชีวิตคนหนึ่ง มีเรื่องราวหลายอย่างที่ต้วนหลิงเทียนได้บอกเค่อเอ๋อเอาไว้ให้รู้
ดังนั้นเค่อเอ๋อจึงรู้ว่าต้วนหลิงเทียนได้รับสืบทอดยอดใจกระบี่มา และยังรู้อีกด้วยว่าผู้ที่เหลือมรดกยอดใจกระบี่ไว้นั้น ก็คือเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง ยังเป็นคนที่บุรุษของนางนับถือเป็นอาจารย์
“ใช่”
ได้ยินคำถามของเค่อเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็ส่งเสียงตอบกลับไปทันที “อดีต ผู้สืบทอดหมอกพิรุณของ 7ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 ก็คืออาวุโสฟงชิงหยางที่ทิ้งมรดกยอดใจกระบี่เอาไว้จนข้าได้รับสืบทอดมา…ข้าจำได้ว่าตอนที่ข้าได้รับสืบทอดมรดกจากอาวุโสฟงชิงหยาง ข้าเองก็เป็นทายาทหมอกพิรุณคนใหม่เช่นกัน”
“เพียงแต่ตอนนั้นข้าไม่เคยรู้เลยว่าผู้สืบทอดหมอกพิรุณคืออะไร กระทั่งมีความสำคัญอย่างไร…เพราะข้าไม่รู้ว่าผู้อาวุโสฟงชิงหยางมีส่วนเกี่ยวข้องกับ 7 ทวาราเที่ยงแท้…ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีขุมพลังอย่าง 7 ทวาราเที่ยงแท้อยู่ในโลกนี้ด้วย”
หลังจากที่ส่งเสียงตอบกลับไป ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“เป็นแบบนี้นี่เอง…”
ได้ยินเสียงตอบกลับของต้วนหลิงเทียน เค่อเอ๋อก็เข้าใจเรื่องราวได้ทันที จึงส่งเสียงถามต่อว่า “งั้นพี่เทียนก็พึ่งรู้ตัวว่าท่านคือผู้นำของ 7 ทวาราเที่ยงแท้สิ”
“ใช่”
หลังส่งเสียงตอบกลับ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อนๆ ส่งเสียงไปอีกครั้ง “ข้าไม่คิดเลยว่าหลังจากรับสืบทอดมรดกของอาวุโสฟงชิงหยางแล้ว ยังมี ‘หลุม’ ใหญ่แบบนี้รอข้าอยู่…”
ผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ไม่เพียงแต่เป็นผู้นำจิตวิญญาณของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ แต่มันยังเป็นภาระอีกด้วย
ในกาลก่อนนั้น กระทั่ง 3 ลัทธิยังไม่อาจโงหัวขึ้นมาได้
ทว่าหลังจากที่อาวุโสฟงชิงหยางขึ้นสวรรค์ไป เหล่าทวาราเที่ยงแท้ในสมัยนั้นไม่ขึ้นสวรรค์ตามไปก็ตายตก ทำให้ 7 ทวาราเที่ยงแท้ตกอยู่ในสภาพง่อนแง่นกระท่อนกระแท่น สุดท้ายก็ถูก 3 ลัทธิรุกไล่กลับจนบังเกิดความสูญเสียอย่างหนัก กระทั่งแทบจะถูกทำลายล้าง…
นี่เป็นสาเหตุให้ 7 ทวาราเที่ยงแท้เกือบหายไปจากดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!
เพราะทันทีที่ 3 ลัทธิได้รับทราบเบาะแสผู้สืบทอดของ 7 ทวาราเที่ยงแท้เมื่อไหร่ พวกมันจะส่งยอดฝีมือออกไปไล่ฆ่าทันที!
พวกมันต้องการตัดรากถอนโคน 7 ทวาราเที่ยงแท้ให้สิ้นซาก!
แน่นอนว่าพวกมันทำแบบนี้ไม่เพียงแค่คิดล้างความอัปยศในครั้งอดีต แต่พวกมันยังทำไปเพราะความหวาดกลัวอีกด้วย…หวาดกลัวว่าจะมี ฟงชิงหยาง คนที่ 2 และนำพา 7 ทวาราเที่ยงแท้ให้หวนคืนสู่ความรุ่งโรจน์ และกำราบพวกมันทั้ง 3 ลัทธิอีกครั้ง!!
ดังนั้นตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ก็มีผู้คนนับไม่ถ้วนที่ต้องตกตายเพราะน้ำมือของ 3 ลัทธิ
‘ข้ายอมรับมรดกยอดใจกระบี่จากท่านอาวุโสฟงชิงหยาง เช่นนั้นข้าต้องแบกรับนามหมอกพิรุณเอาไว้เช่นกัน…’
‘ถึงตอนที่ข้ารับสืบทอดมรดกข้าจะไม่เคยรู้เรื่อง 7ทวาราเที่ยงแท้อะไรเลย…แต่ในเมื่อข้ารับมรดกไปแล้ว ก็ถือว่าข้าได้แบกรับความรับผิดชอบในฐานะผู้สืบทอด หมอกพิรุณ’
ในเมื่อต้วนหลิงเทียนสืบทอดมรดกของฟงชิงหยางมา แน่นอนว่าย่อมต้องสืบทอดนามหมอกพิรุณมาด้วย เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่นิ่งดูดายเรื่องนี้และเพิกเฉยความรับผิดชอบในฐานะผู้สืบทอดหมอกพิรุณ
‘ตอนนี้ในเมื่อข้าเป็นผู้สืบทอดหมอกพิรุณ และเป็นผู้นำของ 7 ทวาราเที่ยงแท้…บัญชีเก่าระหว่าง 7 ทวาราเที่ยงแท้กับ 3 ลัทธิ ข้าในฐานะผู้นำต้องสะสางให้สิ้น!’
คิดถึงจุดนี้ สองตาต้วนหลิงเทียนก็เผยประกายเยียบเย็น ปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน
ถึงแม้รังสียะเยือกจากแววตาต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้พุ่งเป้าไปที่สตรีทั้ง 3 ในห้องส่วนตัว หากแต่ทั้ง 3 ก็อดไม่ได้ที่จะหนาวสะท้านขึ้นมาเมื่อเห็นแววตาเย็นชาของต้วนหลิงเทียน
เรียกว่าในห้องส่วนตัวกลับกลายเป็นเงียบงัน ปานต่อให้เข็มร่วงตกสักเล่มยังได้ยินทันที
‘แบบนี้ก็ดี…ไหนๆข้าย้อนกลับมาภูมิภาคเบื้องบนครั้งนี้ ก็กะมาคิดบัญชีแค้นให้ท่านผู้เฒ่าหั่วอยู่แล้ว’
‘ในเมื่อ 3 ลัทธิมีหนี้เลือดกับ 7 ทวาราเที่ยงแท้ เช่นนั้นข้าก็เริ่มสะสางหนี้เลือดที่ว่าด้วยชีวิต ถังซวน จ้าวลัทธิบูชาไฟก่อนเลยแล้วกัน…’
เพลิงแห่งความเคียดแค้นชิงชังในแววตาต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งร้อนแรง ขณะเดียวกันก็ยังคิดจะทำอะไรเพื่อ 7 ทวาราเที่ยงแท้ก่อนที่เขาจะต้องขึ้นสวรรค์ไป…
ทำลาย 3 ลัทธิ!
ในฐานะที่เขาเป็นผู้สืบทอดหมอกพิรุณ และเป็นผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ มันคือภาระผูกพัน!
“พวกเรากลับไปลัทธิบูชาไฟกันเถอะ”
เมื่อตัดสินใจได้ ต้วนหลิงเทียนก็ลุกพรวดขึ้นมายืนทันที กล่าวบอกเป้าหมายต่อสตรีทั้ง 3
เมื่อตระหนักได้ถึงอารมณ์เดือดดาลของต้วนหลิงเทียน สตรีทั้ง 3 ไม่กล่าวใดให้มากความ พวกนางลุกขึ้นยืนและเดินตามต้วนหลิงเทียนไปชำระค่าอาหารที่โต๊ะรับรองในโถงอาหารรวมทันที
เตรียมพร้อมออกกเดินทาง!
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเดินออกจากห้องส่วนตัวผ่านไปยังโถงกลางนั้น ก็บังเกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาไม่น้อย
นั่นเพราะด้านหลังเขานอกจากเด็กหญิงแล้ว ยังมีโฉมงามติดตามมาถึง 2
ด้วยใบหน้าทั้งรูปร่างอันไร้ที่ติ ยามปรากฏตัวออกมา ย่อมทำให้โดยรอบเสมือนหมองลงถนัดตา…
ที่สำคัญที่สุดก็คือ โฉมงามล่มเมืองทั้ง 2 นั่น ดันมีหน้าตาเหมือนกันทุกประการ!
หากทว่าโฉมงามล่มเมืองทั้ง 2 นั้น แต่ละคนกลับให้ความรู้สึกอักเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกัน ทำให้เป็นอาหารตาอันน่าดูชมของคนในเหลาไม่น้อย!
“เหอะ!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาหยาบโลนที่มองมายังเค่อเอ๋อด้วยจิตอกุศล ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงเย็นออกมาคราหนึ่ง
เสียงเย็นที่แค่นออกแม้คล้ายไร้เรื่องราว หากแต่กลับดังเข้าหูทุกคนในเหลา ยังดังประหนึ่งอัสนีฟาดผ่าในหู! พาลให้จิตวิญญาณพวกมันสะท้านสะเทือนทันที!!
พร้อมกันกับเสียงแค่นสบถเยียบเย็น กลิ่นอายยะเยือกขุมหนึ่งก็ฟุ้งตลบไปทั่วทั้งเหลา พาลให้ผู้ที่มาดื่มกินทั้งหลายรู้สึกราวกับฤดูหนาวมาเยือน…