WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2344
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2344
ตอนที่ 2,344 : สู้!
ผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 หมอกพิรุณของ 7 ทวาราเที่ยงแท้นั้นเป็นตัวตนที่ยากจะอุบัติขึ้นนัก และไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาเป็นเวลานับหมื่นปีแล้ว!
เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไรสำหรับคนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน
และมีเพียงผู้สืบทอดของหมอกพิรุณปรากฏตัวขึ้นมาแล้วเท่านั้น 7 ทวาราเที่ยงแท้ถึงจะสามารถหวนคืนสู่ยุทธภพออกมาวาดลวดลายช่วงชิงความเป็นใหญ่ได้!
เพราะสุดท้ายแล้วผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ทุกรุ่น ก็คือผู้สืบทอดหมอกพิรุณ!
ผู้สืบทอดหมอกพิรุณไม่ปรากฏวันหนึ่ง 7 ทวาราเที่ยงแท้ก็เหมือนมังกรไร้เศียรไปอีกวัน! เมื่อไร้หลักไหนเลยจะเข้ามาช่วงชิงความเป็นใหญ่ในยุทธภพได้? เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อไม่มีจุดศูนย์รวมอย่างตัวผู้นำที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ทั้งหมดก็เหมือนเม็ดทรายกระจัดกระจายไม่อาจรวมเป็นหนึ่ง…
ด้วยเหตุนี้ เมื่อ 7 ทวาราเที่ยงแท้เปิดตัวขึ้นเมื่อไม่กี่ปีก่อน ทุกผู้คนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน จึงตระหนักได้ทันที…
ว่าผู้สืบทอดหมอกพิรุณ ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดและเป็นผู้นำของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ได้ถือกำเนิดแล้ว!
ดังนั้นทำให้ตั้งแต่ที่ทุกคนรับทราบถึงการปรากฏตัวของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ พวกมันก็ได้แต่สงสัยกันหนักหนา…
ว่าใครคือผู้สืบทอด หมอกพิรุณกันแน่!
ทว่าวันนี้ผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 ได้ปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาผู้คนในเมืองแห่งหนึ่ง จึงทำให้ผู้คนในเมืองดังกล่าวได้รับทราบคำตอบเสียที…และพวกมันก็ได้รับทราบคำตอบก่อนใคร!
กระทั่งในขณะเดียวกันพวกมันยังได้รู้ก่อนใครด้วยว่า…
ที่แท้ ผู้สืบทอดหมอกพิรุณนั้น…ไม่ใช่คนแปลกหน้าและตัวตนลึกลับอันใด! กระทั่งยังมีชื่อเสียงเลื่องลือจนพวกกมันรู้จักกันดีแต่แรก!!
ต้วนหลิงเทียน แห่งลัทธิบูชาไฟ!
“ชายชราผู้นั้นอ้างตัวว่ามันคือเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ ที่เหนือกว่าเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ที่เหนือล้ำกว่า ครึ่งก้าวเซียนอมตะอีกที…คราวนี้จักได้รู้ว่ามันกล่าวจริงหรืออวดโอ่!”
ผู้ชมทั้งหลายบนถนนหน้าเหลาอาหารพากันจับจ้องมองไปยังร่างชราตาเขม็ง ทว่ามีบางคนที่อดพึมพำขึ้นมาไม่ได้…
และด้ววยบรรยากาศบนถนนบัดนี้ที่มันช่างคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นดินปืนนัก จึงทำให้มันช่างเงียบสงัดถึงขั้นไม่มีผู้ใดกล้าแม้แต่จะหายใจแรง…
ทำให้เสียงพึมพำด้วยความลุ้นระทึกของมัน ดังเข้าหูทุกคนทั้งถนนทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…
“หึ!”
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เสียงอยากรู้อยากเห็นดังขึ้น เสียงแค่นสบถเยียบเย็นหนึ่งก็ดังขึ้นตามติด เป็นเฉินอี้หรูที่เตรียมลงมือเล่นงานต้วนหลิงเทียนได้หยุดลงชั่วขณะพ่นลมสบถออกมา!
สึบบ!!
และแทบจะพร้อมกันกับเสียงพ่นลมเยียบเย็น เสียงราวกับบางสิ่งทะลุเลือดเนื้อก็ดังขึ้น
ครู่ต่อมา…
ตุบ!
ท่ามกลางสายตาของทุกผู้คน ชายที่กล่าวคำออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นนั้น ได้หงายหลังล้มลงไปนอนกองกับพื้นเสียงดังจนฝุ่นฟุ้ง…
และถึงแม้มันจะล้มหงายลงไปนอนกองแล้ว แววตาของมันยังคงฉายความลุ้นระทึกไม่หาย…
อนิจจาหว่างคิ้วมันกลับมีหลุมโลหิตอันน่าสยดสยองหนึ่งปรากฏขึ้น และเลือดยังคงทะลักดังปรี๊ดๆออกมาปานน้ำพุชวนให้ผู้คนหวาดกลัวเสียขวัญนัก!
ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
…
เสียงสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บดังขึ้นระงม ไม่นานสายตาทั้งหลายก็ละจากร่างไร้วิญญาณไปมองเฉินอี้หรูอีกครั้งด้วยความขนพองสยองเกล้า…
คนเพียงกล่าวคำด้วยความอยากรู้ไปตามประสาเท่านั้น กลับถูกฆ่าทิ้งเสียแล้ว…
และแต่ต้นจนจบพวกมันไม่อาจรู้ด้วยซ้ำ ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้สหายดวงกุดผู้นี้ล้มหงายลงไปนอนเป็นศพ…
‘สมแล้วที่เป็นเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ กระแสพลังที่มันยิงออกมาจากสายตาส่งๆนั่น ไม่ได้ด้อยไปกว่าการลงมือเต็มกำลังของครึ่งก้าวเซียนอมตะเลย…’
ต้วนหลิงเทียนย่อมเป็นเพียงคนเดียวในที่นี้ที่เห็นได้ชัดเจนว่าชายชราลงมือฆ่าคนด้วยวิธีใด…
เพียงแค่มันหันไปเหลือบมอง สองตาพลันแผ่พุ่งกระแสพลังขุมหนึ่ง ตัดระยะไปเจาะทะลวงหว่างคิ้วผู้โชคร้ายในชั่วพริบตา…
ด้วยมีบทเรียนให้เห็นเป็นเยี่ยงอย่างเบื้องหน้า ผู้ชมทั้งหลายประหนึ่งร้อยด้ายเย็บปากสนิทไม่กล้าพูดอะไรเป็นการสงสัยในตัวเฉินอี้หรูอีก พวกมันได้แต่คิดในใจเงียบๆบ้างก็ส่งเสียงผ่านพลังสนทนากับสหาย…
ทันใดนั้นบรรยากาศหน้าเหลาก็กลายเป็นเงียบงันไร้สำเนียงใด
อย่างไรก็ตามแม้เฉินอี้หรูจะฆ่าคนทิ้งไปได้ในชั่วพริบตา แต่ผู้ชมหน้าเหลาทั้งหลายก็ยังไม่อาจทำความเข้าใจระดับพลังของเฉินอี้หรูได้เลย…
เพราะเอาแค่ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนลงมือ พวกมันก็ไม่อาจแลเห็นร่องรอยใดๆได้แล้ว
ดังนั้นทำให้พวกมันทั้งหลายได้แต่คงความสงสัยต่อไป ว่าเฉินอี้หรูใช่ทรงพลังร้ายกาจอย่างปากว่าหรือไม่…
‘ไม่ว่ามันจะร้ายกาจดั่งปากว่าจริงหรือไม่…เดี๋ยวข้าก็จะได้รู้แล้ว’
‘ข้ากำลังจะได้เห็นการต่อสู้ของ ต้วนหลิงเทียน ผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 หมอกพิรุณจริงๆหรือเนี่ย…โชคดีชะมัดยาดเลย!’
‘รีบตีกันเสียที! ลงมือฆ่ากันได้แล้ว! ให้ข้าชมดูหน่อยเถอะ…ว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้วจริงๆหรือไม่! กระทั่งให้ข้าดูเป็นบุญตาที…ว่าครึ่งก้าวเซียนอมตะกับเซียนอมตะเสเพลอันใดนั่นมันร้ายกาจเพียงใด!!’
…
ถึงแม้ตอนนี้ผู้ชมโดยรอบจะไม่กล้ากล่าววาจาอะไรออกมาแม้ครึ่งคำ แต่ลึกลงไปในใจพวกมันก็ลุ้นระทึกนัก
ทุกสายตาจับจ้องไปยังร่างต้วนหลิงเทียนกับเฉินอี้หรูอย่างจดจ่อ
หนึ่งในสองคนนั้นคือผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟ ที่ปัจจุบันได้เผยฐานะผู้สืบทอดหมอกพิรุณ ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 และยังเป็นผู้นำของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ออกมา ส่วนอีกคนคือชายชราลึกลับที่อ้างตัวว่ามีด่านพลังเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ที่พวกมันไม่เคยได้ยินมาก่อน…
อย่างหลังใช่สมควรเหนือกว่าจริงหรือไม่?
เพียงให้ทั้งสองเริ่มสู้กัน เดี๋ยวพวกมันจักได้รับทราบ!
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในระนาบโลกียะแห่งนี้…จักไม่มีต้วนหลิงเทียน!!”
เมื่อสายตาของเฉินอี้หรุหันมาจับจ้องต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง มันก็ตะคอกออกมาเสียงเย็น ชุดคลุมหรูหราของมันเริ่มโบกสะบัดรุนแรง!
อีกทั้งยามนี้ทั่วร่างยังแผ่กลิ่นอายพลังมหาศาลออกมา จนพาลให้คลื่นลมปั่นป่วนปานพายุเข้า!
“ช่างพูดได้ไม่อายปาก…”
ได้ยินเสียงตะคอกเย็นชาของอีกฝ่าย ต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มออกมาอย่างรังเกียจ พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่เพิ่มพูนขึ้นจากปฐมเวทย์กลืนกินเริ่มโคจรพุ่งพล่าน มวลพลังมหาศาลเริ่มหลั่งไหลไปทั่วชีพจรเซียน 99 สายบรรลุถึงช่องพลังทั่วกาย พาลให้ร่างคนคล้ายกลับกลายเป็นมังกรพิโรธมีพลานุภาพสะท้านสะเทือนความว่างเปล่า!
และหากไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียนระงับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดส่วนใหญ่เอาไว้ เกรงว่าแค่การปะทุพลังออกมาก็ทำให้ความว่างเปล่ารอบกายต้องพังทลายลงเผยรอยแยกมิติออกมาแล้ว!
“ข้าจะอายปากหรือไม่ เดี๋ยวเจ้าจักได้รู้!”
เฉินอี้หรูแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมาอย่างย่ามใจ มันยกมือขึ้นคราหนึ่ง ทันใดนั้นมวลพลังมหาศาลก็ปะทุพวยพุ่งขึ้นฟ้าราวคลื่นสมุทรคุ้มคลั่ง!
เฉินอี้หรูที่ยืนตระหง่าน เปล่งพลังมหาศาลออกมาราวคลื่นสมุทรคุ้มคลั่งให้สภาวะกล้าแข็งราวกับมันกลายเป็นเทพในสายตาของผู้ชมโดยรอบ!
“วันนี้ข้า เฉินอี้หรู จักประหารผู้สืบทอดหมอกพิรุณ ผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ ต้วนหลิงเทียน ทิ้งเสีย!!”
ขณะเดียวกันกับที่กล่าวประกาศอย่างอหังการ มือของมันก็ทำท่าราวกับจะคว้าจับบางสิ่ง!
ทันใดนั้นมวลพลังมหาศาลปานคลื่นสมุทรพคลั่งเบื้องบน ก็ควบรวมก่อเกิดเป็นดาบมหึมา! ด้ามดาบถูกมือของมันกระชับจับไว้พอดิบพอดี!
ดาบเล่มเขื่องที่ควบสร้างจากพลังอันน่ากลัวของเฉินอี้หรู เริ่มกู่ร้องออกมาน่ากลัว!
ประหนึ่งดาบเล่มนี้ไม่ต่างใดกับสัตว์ร้ายที่พึ่งลืมตาตื่น!
ด้วยระดับพลังของเฉินอี้หรูที่บรรลุถึงเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ ย่อมไร้ซึ่งศาสตราเซียนใดๆในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าทานทนพลังมันได้อีกต่อไป กระทั่งให้เป็นยอดศาสตราเซียนทั้ง 10 ในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจหนุนเสริมพลังให้มันได้อีกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่เพียงไม่อาจหนุนเสริมพลังอันใด ยังจะกลายเป็นเกะกะขวางมือขวางเท้ามันอีก!
“แค่เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ แต่กล้าเยอะอย่างต่อหน้าข้าต้วนหลิงเทียน วันนี้ข้าจะให้เจ้ารู้…ว่าถึงข้าจะเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ แต่คิดสยบเจ้าก็ไม่ต้องใช้ถึง 10 กระบวนท่า!”
ได้ยินวาจาอวดโอ่ของเฉินอี้หรูต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกสนุกสนานนัก มองกลับด้วยสายตาเยียบเย็น กล่าวประชดออกมาพลางหัวร่อ
และแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ พลังอันน่ากลัวทั่วร่างของเขา ก็เริ่มแปรสภาพกลับกลายเป็นรังสีกระบี่คมกล้านับพัน ลอยล่องเวียนวนอยู่รอบกาย!
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนประหนึ่งอยู่ท่ามกลางพิรุณกระบี่ก็ไม่ปาน!
เพียงแค่ห่าพิรุณกระบี่นี้ล้วนอยู่ในความควบคุมของเขาทั้งสิ้น พวกมันม้วนวนรอบกายราวมังกรท่อง!
ซู่ววว!
สายลมแรงอันเกิดจากพลังกระบี่พาลให้ชุดคลุมสีม่วงตัวเก่งของต้วนหลิงเทียนเริ่มกระพือเบาๆ
อีกทั้งสายตาที่ต้วนหลิงเทียนใช้มองเฉินอี้หรูยังเผยแววหยามหยันรังเกียจ มุมปากยังยกแสยะออกเชิดๆ…
ทำราวกับไม่เห็นเฉินอี้หรูอยู่ในระดับเดียวกัน!
และอันที่จริงต้วนหลิงเทียนก็ไม่เห็นเฉินอี้หรูอยู่ในระดับเดียวกับเขาจริงๆ…!
ก่อนหน้านี้ตอนที่ยังอยู่ในภูมิภาคเบื้องล่าง ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบถึงการคงอยู่ของเซียนอมตะเสเพลมาแล้ว
ขณะเดียวกัน
เขาก็พอจะเข้าใจถึงพลังความแข็งแกร่งของเซียนอมตะเสเพลระดับต่างๆคร่าวๆ…อีกทั้งยังตระหนักแล้วด้วยว่า หากเขาลงมือเต็มพลังด้วยสภาวะที่เร่งเร้าพลังถึงขีดสุด การโจมตีของเขามีอานุภาพเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ กระทั่ง 6 ทัณฑ์!
ด้วยความมั่นใจระดับนี้ ไหนเลยเซียนอมตะเสเพล 4ทัณฑ์อย่างเฉินอี้หรูจะยังอยู่ในสายตาเขา?
ทุกสิ่งอย่างต้วนหลิงเทียนกระจ่างอยู่ในใจปานกระจก ทว่าด้านเฉินอี้หรูกลับไม่ได้รู้อะไรเลย!
หาไม่แล้วต่อให้มันมีความกล้ามากกว่านี้อีกร้อยเท่า มันก็ไม่กล้ามาแหยมกับต้วนหลิงเทียน!
“อย่างเจ้าน่ะรึ ไม่ต้องใช้ถึง 10 กระบวนท่าเพื่อสยบข้า?”
เฉินอี้หรูที่เร่งเร้าสภาวะดุร้ายเตรียมลงดาบ ถึงกับตะลึงค้างไปทันทีเมื่อได้ยินคำนี้ของต้วนหลิงเทียน
หลังจากดึงสติกลับมาอยู่กับร่องกับรอย มันก็อดไม่ได้ที่จะหัวร้อน มองตะโกนใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยโทสะ “ต้วนหลิงเทียน! ข้าอยากจะรู้นัก…ว่าเจ้าจะเอาปัญญาที่ไหนมาสยบข้าใน 10 กระบวนท่า!!”
“วันนี้…ข้า เฉินอี้หรู ไม่เกิน 3 ดาบก็ฆ่าเจ้าได้!!”
แทบจะพร้อมกันกับเสียงตะโกนกร้าวของเฉินอี้หรู มันก็เริ่มลงมือเคลื่อนไหว!
แม้ร่างมันจะยังยืนนิ่งอยู่บนถนน หากแต่ดาบพลังเล่มเขื่องที่มันถืออยู่ในมืออันเกิดจากพลังมหาศาลที่ปะทุออก พลันชี้ขึ้นฟ้า ก่อนจะยกมืออีกข้างมาจับดาบเอาไว้ด้วยสภาวะปานจะฟันฟาดนภาลัย!
วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!
…
ดาบพลังที่สองมือถือจับเริ่มกู่ร้องส่งสำเนียงหวญไปในอากาศ รังสีพลังที่ฉาบหุ้มรอบดาบเริ่มพวยพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ…
5 หมี่!
10 หมี่!
20 หมี่!
……
พริบตารังสีดาบก็พวยพุ่งขึ้นไปกว่าร้อยหมี่จึงจะหยุดลง!!
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ความสนใจของผู้ชมหาได้อยู่ที่รังสีดาบที่พวยพุ่งขึ้นไปกว่าร้อยหมี่ไม่!
“นั่นมัน…รอยแยกมิติหรือ!?”
“ดูเหมือนว่า…มันจะสามารถฉีกเปิดความว่างเปล่าได้จริงๆ!!”
“สวรรค์! มันสามารถทลายความว่างเปล่าได้ตามแต่ใจเลยเหรอ? มิใช่ว่าต่อให้เป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ ก็ได้แต่ฉีกเปิดความว่างเปล่าใกล้ๆกับตำแหน่งระนาบเทียมตามธรรมชาติหรือไร? และอย่างดีก็ทำได้แค่ฉีกเปิดมิติสร้างทางเข้าเท่านั้น?”
“มิผิดครึ่งก้าวเซียนอมตะทำได้แค่นั้น กระทั่งเมื่อมันสร้างทางเข้าสู่ระนาบเทียมได้แล้ว อาศัยแค่ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน หากสัมผัสถึงตำแหน่งทางเข้าระนาบเทียมที่ครึ่งก้าวเซียนอมตะเคยเปิดสร้าง ก็สามารถใช้พลังฉีกเปิดมิติบริเวณทางเข้าระนาบเทียมนั่นซ้ำได้อย่างมิยากเย็น…”
“แต่…รอยแยกมิติที่ปรากฏขึ้นตอนนี้ มิได้เหมือนเปิดง่ายดายเหมือน ‘ทางเข้าระนาบเทียม’ ที่ครึ่งก้าวเซียนอมตะฉีกเปิดแน่นอน!!”
…
เมื่อเหล่าผู้ชมโดยรอบแลเห็นรอยแตกที่อุบัติขึ้นกลางความว่างเปล่าเหนือศีรษะเฉินอี้หรู ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง!