WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2359
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2359
ตอนที่ 2,359 : ข้ารับใช้…เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์?
ถังซวน จ้าวลัทธิบูชาไฟ…ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนผู้รั้งอยู่ในอันดับที่ 4 ของรายนามยอดเซียน…
ทว่าตอนนี้ตัวตนดังกล่าวกำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าต้วนหลิงเทียน ราวกับผู้มีศรัทธากำลังเคารพบูชาเทพเจ้า..
หากมองให้ชัดจะพบว่า
ทั่วร่างถังซวนยามนี้มันสั่นระริกปานเนื้อเต้น! คล้ายคนกำลังพยายามเร่งเร้าพลังถึงขีดสุดหมายขัดขืนดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพลังอำนาจที่สะกดกัก อนิจจาสุดท้ายก็เปล่าประโยชน์…!!
พลังที่สะกดกักบังคับร่างมันเอาไว้ ช่างยิ่งใหญ่สุดไพศาลปานห้วงมหรรณพ!
และตัวมันประหนึ่งเรือใบลำน้อยที่ลอยคออยู่ในห้วงสมุทรสุดไพศาล ไม่รู้ชะตาว่าจะถูกห้วงสมุทรกลืนกินลงไปเมื่อใด…
“นิ…นี่มันอะไรกัน…”
ตอนนี้เหล่ารองจ้าวลัทธิทั้งชนชั้นผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟทั้ง 4 ก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง และได้แลเห็นภาพถังซวนกำลังคุกเข่าให้ต้วนหลิงเทียนชัดถนัดตา
ฉากเรื่องราวแลดูสงบเงียบงัน หากแต่สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้ลูกนัยน์ตาพวกมันไม่น้อย!
“นั่นท่านจ้าวลัทธิกำลังทำอันใดอยู่กัน!?”
“ไฉนท่านจ้าวลัทธิ…ถึงไปคุกเข่าให้ต้วนหลิงเทียนแบบนั้น…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
…
เหล่าอาวุโสทั้งหลายของลัทธิบูชาไฟตกใจไม่น้อยเมื่อแลเห็นภาพดังกล่าว
ถังซวนนั้นเป็นจ้าวลัทธิบูชาไฟของพวกมัน เป็นตัวตนสูงสุดในลัทธิบูชาไฟ ยิ่งใหญ่เสมือนเทพเจ้าในสายตาของพวกมัน!
ทว่าตอนนี้เทพเจ้าที่ว่า กำลังคุกเข่าอย่างว่านอนสอนง่ายเยี่ยงสุนัข!
เรื่องพรรค์นี้จะไม่ให้พวกมันตกใจได้อย่างไรไหว?
ตอนนี้ภาพจำแห่งความยิ่งใหญ่เหนือผู้ใดประหนึ่งเทพเจ้าของถังซวนในสายตาของเหล่าคนลัทธิบูชาไฟ ได้แตกสลายพังทลายลงไม่มีชิ้นดี!
“ท่านจ้าวลัทธิ!”
ผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ของลัทธิ์บูชาไฟได้แต่มองเรียกถังซวนที่กำลังคุกเข่าให้ต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด!
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าย่อมทำให้พวกมันตกใจไม่น้อยไปกว่าศิษย์และอาวุโสลัทธิบูชาไฟโดยรอบเลย!
ต้องทราบว่านั่นคือจ้าวลัทธิของพวกมันนะ!
เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!
ตัวตนที่รั้งอยู่ในอันดับ 4 ของรายนามยอดเซียน!
ขวับ! ขวับ! ขวับ!
…
ไม่นานสายตาของเหล่าผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ของลัทธิบูชาไฟ ก็หันขวับไปจับจ้องยังร่างชายชราปริศนาที่ไม่ทราบกลับไปหยุดลอยอยู่เบื้องหลังต้วนหลิงเทียนอีกครั้งตั้งแต่เมื่อไหร่…
ชายชราปริศนาผู้นี้เป็นอะไรที่น่าประหลาดใจนัก!เมื่อครู่ในชั่วพริบตา คนก็คล้ายไปผุดโผล่เบื้องหน้าจ้าวลัทธิของพวกมันปานภูตผี…
ตั้งแต่วินาทีนั้นพวกมันก็ตระหนักได้ทันทีว่า…
พลังฝีมือของชายชราผู้นี้สูงส่งกว่าพวกมันหลายขุม!
“เจ้าหาญกล้าใช้สายตาเช่นนั้นมองนายท่านของข้างั้นเหรอ หาที่ตาย!!”
ทันใดนั้นวาจาที่ชายชรากล่าวออกยามบรรลุถึงเบื้องหน้าจ้าวลัทธิของพวกมันก็ดังซ้ำขึ้นในหู กระทั่งเสียงสบถเยียบเย็นนั่นก็ตราตรึงในใจให้หวาดกลัวไม่หาย…
นายท่าน?
“นายท่านที่มันกล่าวถึง…หรือว่า…”
ทันใดนั้นสายตาของเหล่าผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟทั้ง 4แต่ละคนก็หันไปจับจ้องยังร่างของต้วนหลิงเทียน ลูกตายังหดเล็กลงจนแทบปิด!
“ท่านจ้าวลัทธิที่กำลังคุกเข่าให้ผู้พิทักษ์หลิงเทียนอยู่เห็นชัดว่าไม่ได้ยินยอมพร้อมใจเป็นแน่…มองจากร่างท่านจ้าวที่กำลังสะท้านบอกให้รู้ว่าท่านกำลังดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง!”
“เช่นนั้นกล่าวได้ว่ายามนี้ท่านจ้าวลัทธิ…กำลังถูกบีบคั้นให้คุกเข่าลงตรงหน้าผู้พิทักษ์หลิงเทียน?”
“นี่มันอะไรกันแน่? ต่อให้เป็นตัวตนครึ่งก้าวเซียนอมตะ ก็ไม่น่าจะมีพลังอำนาจบีบคั้นท่านจ้าวได้เช่นนี้หรือไร?”
…
หลังจากเหล่าผู้พิทักษ์ทั้ง 4 หันมามองสบตาหารือกันผ่านพลัง ในใจพวกมันก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาพร้อมๆกัน…
ชายชราที่อยู่เบื้องหลังต้วนหลิงเทียน สมควรเป็นเซียนอมตะเสเพล!
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเซียนอมตะเสเพลที่มีพลังฝีมือเหนือกว่าครึ่งก้าวเซียนอมตะ…กล่าวได้ว่าอย่างน้อยๆก็ต้องเป็นตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 3ทัณฑ์กระทั่งอาจจะแข็งแกร่งกว่านั้น!!
“วิธีการพลิกฟ้าคว่ำดินอันใดที่ผู้พิทักษ์หลิงเทียนทำให้เซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์หรือกระทั่งเหนือกว่านั้นยินยอมเป็นข้ารับใช้ได้ทั้งๆที่เวลายังพึ่งผ่านไปได้ไม่กี่ปี?”
เรื่องนี้เหล่าผู้พิทักษ์ทั้ง 4 คิดอย่างไรก็ไม่อาจเข้าใจได้เลย
ด้วยมีพลังของเฉินอี้หรูสะกดกัก จ้าวลัทธิบูชาไฟถังซวนยามนี้ กระทั่งโงหัวขึ้นมายังทำไม่ได้! หลังจากดิ้นรนไปสักพักมันก็เริ่มบังเกิดความสิ้นหวัง เช่นนั้นจึงไม่คิดจะขัดขืนพลังสะกดให้เหนื่อยแรงสืบไป…
“ใต้เท้า…ใต้เท้าท่าน…ที่แท้เป็นผู้ใดกันแน่?”
ถังซวนที่ก้มหัวอยู่ พยายามเอ่ยถามออกมาอย่างยากลำบาก
และฟังจากสิ่งที่มันพูด เห็นชัดว่ากำลังกล่าวถามเฉินอี้หรู
อย่างไรก็ตาม เฉินอี้หรูไม่แม้แต่จะแยแสคำถามของถังซวนแม้แต่น้อย…
สำหรับเฉินอี้หรูแล้ว…
ถังซวนที่เป็นเพียงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนนั้น ไม่ได้ต่างอะไรจากมดตัวกระจ้อยสักเพียงนิด! มันจะบดบี้ให้แหลกกลาญตายตกเมื่อไหร่ก็ทำได้ง่ายดาย…
สำหรับตัวตนที่กระจ้อยร่อยเช่นนี้ ไหนเลยมันต้องสนใจจะตอบคำถามอีกฝ่ายด้วย?
“ในเมื่อมันอุตส่าห์ถามว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าก็ตอบมันไปเถอะ”
ทว่าทันใดนั้นเองเสียงแผ่วเบาหนึ่งพลันดังเข้าหูเฉินอี้หรู ซึ่งทำให้เฉินอี้หรูสะดุ้งตกใจเบาๆ ก่อนที่จะเร่งหันไปมองร่างชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าทั้งกล่าวคำออกมาด้วยเคารพ
“ขอรับ นายท่าน”
เสียงแผ่วเบาที่ดังเข้าหูเฉินอี้หรู ย่อมมาจากต้วนหลิงเทียนเอง
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็เหลือบมองถังซวนที่กำลังคุกเข่าเบื้องหน้าด้วยสายตาเฉยเมย ไม่ยินดียินร้ายอะไร…
หากเป็นเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ลองได้เห็นภาพถังซวนมาคุกเข้าก้มหัวขอขมาเขาแบบนี้ ไม่พ้นต้องตกใจถึงขั้นอธิบายไม่ถูกแน่นอน…
เพราะถังซวนไม่ใช่แค่เป็นจ้าวลัทธิบูชาไฟเท่านั้น ยังเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!
ทว่าตอนนี้พอได้มาเห็นถังซวนคุกเข่าก้มหัวต่อหน้า…ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย!
สาเหตุย่อมมาจากพลังฝีมือของเขาในตอนนี้มันแตกต่างจากเมื่อไม่กี่ปีที่แล้วมากมายนัก!
ตอนนี้หากเขาคิดฆ่าถังซวน ก็ง่ายดายเหมือนเหยียบย่ำหนอนแมลง!
“นายท่าน?”
“ชายชราผู้นั้นเรียกหาผู้พิทักษ์หลิงเทียนว่านายท่าน?”
เสียงของเฉินอี้หรูแน่นอนว่าย่อมทำให้คนของลัทธิบูชาไฟทั้งหลายตกตะลึงกันยกใหญ่!
มาตอนนี้พวกมันย่อมพอตระหนักกันได้แล้ว
สาเหตุที่จ้าวลัทธิผู้ยิ่งใหญ่ปานเทพเจ้าของพวกมันกำลังคุกเข่าก้มหัวให้ต้วนหลิงเทียนนั้น สมควรเกี่ยวข้องกับชายชราที่เรียกหาต้วนหลิงเทียนว่านายท่านอย่างแยกไม่ออก!
เพราะเมื่อครู่พวกมันก็ได้เห็นว่าอยู่ๆชายชราผู้นั้นก็ไปปรากฏตัวต่อหน้าจ้าวลัทธิของพวกมันปานภูตผี
และครู่ต่อมาก่อนที่พวกมันจะทันได้รู้สึกตัวหรือแลเห็นอะไร จ้าวลัทธิของพวกมันก็ไปคุกเข่าก้มหัวอยู่ตรงหน้าตวนหลิงเทียนเสียแล้ว!
เห็นได้ชัดว่า 9 ใน 10 สมควรเป็นเพราะถูกชายชราผู้นี้สยบ!
กล่าวอีกอย่างได้ว่า…
ความแข็งแกร่งของชายชราผู้นี้ เหนือกว่าจ้าวลัทธิบูชาไฟของพวกมัน!
“ผะ…ผู้พิทักษ์หลิงเทียน ไปได้รับข้ารับใช้ที่มีพลังฝีมือร้ายกาจขนาดนี้มาจากที่ใดกัน?”
“ถึงขั้นสามารถบีบคั้นให้ท่านจ้าวตกอยู่ในสภาพแบบนั้นได้…ชายชราผู้นี้อย่างน้อยก็สมควรเป็นยอดฝีมือครึ่งก้าวเซียนอมตะใช่หรือไม่?”
“ครึ่งก้าวเซียนอมตะ? ใต้หล้าตอนนี้มีตัวตนครึ่งก้าวเซียนอมตะด้วยหรือไฉนข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย? และหากเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะจริง…หรือว่าชายชราผู้นั้นจะเป็น ‘เนี่ยหวู่เทียน’ ผู้ที่อยู่ในอันดับ 1 ของรายนามยอดเซียน?”
“เจ้าหมายความว่าอะไร? เจ้าจะบอกว่า…ชายชราคนนี้ก็คือเนี่ยหวู่เทียนงั้นเหรอ?”
“นั่นเป็นไปไม่ได้! ข้าเคยเห็นภาพเหมือนของเนี่ยหวู่เทียนมาก่อน…เว้นเสียแต่มันกำลังปลอมแปลงรูปโฉมอยู่ หาไม่แล้วมิใช่เนี่ยหวู่เทียนแน่นอน!”
…
ในสายตาของเหล่าศิษย์และอาวุโสทั้งหลายของลัทธิบูชาไฟ ตัวตนขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะนั้นเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนดิน!
มีเพียงผู้อาวุโสบางคนรวมถึงผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ของลัทธิบูชาไฟเท่านั้น ที่ตระหนักได้ว่า…
พลังฝึกปรือของชายชราผู้นี้…ไม่น่าจะเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ!
“ข้าเฉินอี้หรู หรือ เฉิน 3 ดาบ!”
เมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าวมา เฉินอี้หรูไหนเลยจะกล้าขัดบัญชา มันหันมองไปยังถังซวนที่กำลังคุกเข่าก้มหัวท่ามกลางความว่างเปล่าตรงหน้าต้วนหลิงเทียน พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมยทันที
เฉินอี้หรู!
เฉิน 3 ดาบ!
ทันทีที่เฉินอี้หรูกล่าวออกมา ก็ทำให้สีหน้าแววตาของคนลัทธิบูชาไฟมากมายกลายเป็นว่างเปล่า…
“เฉินอี้หรู หรือเฉิน 3 ดาบ? เป็นผู้ใดกัน…ไฉนข้ามิเคยได้ยินมาก่อนเลย?”
“ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะมิใช่เนี่ยหวู่เทียนจริงๆ…สมควรเป็นยอดฝีมือครึ่งก้าวเซียนอมตะที่เร้นกายจากโลกหล้า!”
“คงอธิบายได้แค่นี้…หาไม่แล้วตัวตนที่ทรงพลังเช่นนี้จะผุดโผล่ออกมาจากที่ใดได้…”
……
หลังจากเหล่ากลุ่มคนของลัทธิบูชาไฟงงเป็นไก่ตาแตกไปพักหนึ่ง พวกมันก็เริ่มสรุปที่มาของเฉินอี้หรูว่าสมควรเป็นยอดฝีมือที่เร้นกายจากโลกหล้า กระทั่งยังบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้ว!
อย่างไรก็ตามหลังจากเสียงของเฉินอี้หรูดังจบคำไปไม่ทันไร
“เฉินอี้หรู? เฉิน 3 ดาบ?”
ลูกตาของถังซวนที่กำลังคุกเข่าก้มหน้าพลันหดหยีลงทันใด มันกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงยากลำบาก “ตะ..ใต้เท้า ทะ…ท่านคือเฉินอี้หรูที่อยู่ในอันดับ 2 ของรายนามยอดเซียนเมื่อ 5,000 ปีก่อน?!”
ในฐานะจ้าวลัทธิบูชาไฟ ถึงแม้ถังซวนจะไม่กล้ากล่าวว่ารู้ทุกสิ่ง แต่เรื่องตัวตนในรายนามยอดเซียนย้อนหลังไปหลายพันปีก่อนมันยังพอรู้มาบ้าง!
“มิผิด”
เฉินอี้หรูกล่าวตอบออกมาอย่างไร้แยแสด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน…
“เฉินอี้หรู…อันดับที่ 2 ของรายนามยอดเซียนเมื่อ 5,000 ปีก่อน…เฉิน 3 ดาบ ที่แท้เป็นคนผู้นั้น!?”
“สวรรค์ช่วย! เฉิน 3 ดาบผู้นั้น มิได้ลงบันทึกว่าล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์จนตายตกไปตั้งแต่เมื่อ 4,000 กว่าปีก่อนหรือไร! แล้วไฉนถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้!?”
“นั่นสิ! ล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์มิได้หมายความว่าต้องตายรึไง? แล้วไฉนมาอยู่ตัวเป็นๆตรงนี้ได้เล่า!?”
“หรือว่ามันกำลังสวมรอยผู้อื่น?”
…
เหล่าอาวุโสและศิษย์ของลัทธิบูชาไฟหลายคนก็มีอ่านบันทึกรายนามยอดเซียนย้อนหลังมาบ้าง พอมันได้รับทราบว่าชายชราผู้นี้คือเฉินอี้หรู พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกทั้งหวาดกลัว
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลายคนที่ไม่อยากจะเชื่อและคิดว่าชายชราผู้นี้กำลังสวมรอยเป็นเฉินอี้หรู!
หาไม่แล้วคนที่ล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ไปเมื่อ 4,000 กว่าปีก่อนจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร?
“ล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สววรรค์เมื่อ 4,000 กว่าปีก่อนงั้นหรือ…ชะ…เช่นนั้นมันคือเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์!?”
ตอนนี้เหล่าผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ของลัทธิบูชาไฟได้แต่หันหน้ามองสบตากันด้วยความตื่นตระหนก ถึงแม้ก่อนหน้าพวกมันจะมีเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่ตอนนี้ในสายตาของแต่ละคนล้วนสะท้อนความหวาดกลัวสยองขวัญให้เห็น!
เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์!
ชายชราคนนี้มิคาดกลับเป็นถึงเซียนอมตะเสเพล 4ทัณฑ์!!
ขณะเดียวกันเหล่าอาวุโสมากประสบการณ์ที่ล่วงรู้การดำรงอยู่ของเซียนอมตะเสเพล ก็เริ่มส่งเสียงบอกกล่าวสหายอาวุโส และเริ่มแจ้งให้เหล่าลูกศิษย์เพื่อให้กล่าวบอกเรื่องราวต่อศิษย์คนอื่นๆทันที
ทันใดนั้น ประตูสู่โลกใหม่เสมือนเปิดอ้าออกตรงหน้าของเหล่าคนลัทธิบูชาไฟกลางฟ้า…
หลังจากได้ฟังเรื่องราวจากอาวุโสและศิษย์พี่ทั้งหลาย…พวกมันจึงได้รับทราบกันวันนี้ ว่าที่แท้ตัวตนที่อยู่ ณ จุดสูงสุดของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า หาใช่ครึ่งก้าวเซียนอมตะไม่!
เพราะในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ายังมีตัวตนที่เรียกว่า เซียนอมตะเสเพล ดำรงอยู่!
และผู้ที่ยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอย่างแท้จริง ก็คือตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล!!
‘มันเป็นถึงเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ ตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ที่กล่าวกันว่ามีพลังก้าวข้ามครึ่งก้าวเซียนอมตะไปแล้ว…เช่นนั้นไฉนตัวตนร้ายกาจระดับมันถึงไปยอมรับต้วนหลิงเทียนเป็นนายได้?’
ตอนนี้ในใจทุกคนได้แต่บังเกิดคำถามดังกล่าว เพราะพวกมันไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ!
เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ ไม่ใช่ตัวตนที่สมควรหยิ่งทะนงมากศักดิ์ศรีหรือไร?
แล้วไฉนตอนนี้ถึงมายอมรับคนอื่นเป็นนายได้?
“ต้วนหลิงเทียนข้ายอมแพ้…”
ขณะเดียวกันด้านถังซวนที่คุกเข่าก้มหน้าอยู่กลางหาวแทบเท้าต้วนหลิงเทียน ก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอิดโรยคล้ายสูญสิ้นเรี่ยวแรงทั้งมวล…
และหากไม่ใช่เพราะเฉินอี้หรูใช้พลังสะกดร่างมันเอาไว้ ป่านนี้ร่างที่สิ้นแรงของมันไม่พ้นต้องร่วงตกฟ้าไปแล้ว…