WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2395
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2395
ตอนที่ 2,395 : เค่อเอ๋อก็เข้าไปด้วย!
“ท่านอาจารย์ ท่านมิได้ยินที่มันพูดหรือ หากไม่ใช่เซียนอมตะเสเพลที่ไร้ร่างกาย เมื่ออายุเกิน 100 ปีก็มิน่าจะเข้าสู่แดนลับเซียนกระบี่ได้…”
พอได้ยินคำพูดของอาจารย์ก่านหรูเยี่ยนก็ตื้นตันใจไม่น้อย ทว่าเมื่อฉุกคิดได้นางก็กล่าวเตือนเรื่องนี้ออกมา
นางเองก็เชื่อข้อสันนิษฐานของต้วนหลิงเทียน
“อย่างไรก็เพียงการคาดเดาของผู้พิทักษ์หลิงเทียนเท่านั้น…ในเมื่อแดนลับเซียนกระบี่ของอาวุโสฟงชิงหยางมิได้จำกัดเซียนอมตะเสเพลที่มีอายุมากกว่า 100 ปี แล้วไฉนยังต้องจำกัดผู้คนทั่วไปที่มีอายุเกิน 100 ปีด้วยเล่า?”
ฟังจากคำของชิงหั่ว เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ปักใจเชื่อข้อสันนิษฐานของต้วนหลิงเทียน
เนื่องจากชิงหั่วติดปากกับการเรียกหาต้วนหลิงเทียนว่าผู้พิทักษ์หลิงเทียนไปแล้ว จนป่านนี้จึงยังคงเรียกหาแบบเดิมไม่เปลี่ยน
ได้ยินว่าชิงหั่วไม่ค่อยเชื่อในความคิดของตัวเอง ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ว่าอะไรเพียงยิ้มกล่าวแนะ “ผู้พิทักษ์ชิงหั่วแล้วท่านไม่ลองคิดแบบนี้ดูเล่า ในอดีตผู้อาวุโสฟงชิงหยางถึงแม้จะมีพลังสามารถถึงขั้นฆ่าได้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์…แต่จะอย่างไรด่านพลังฝึกปรือก็เป็นเพียงครึ่งก้าวเซียนอมตะเท่านั้น”
“นั่นกล่าวได้ว่าระดับพลังวิญญาณของอาวุโสก็สมควรรั้งอยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะเช่นกัน…ในเมื่อระดับพลังวิญญาณมีเพียงเท่านี้ ไหนเลยจะมีพลังอำนาจจัดตั้งข่ายอาคมห้ามเซียนอมตะเสเพลได้? ท่านเองก็ทราบว่าเซียนอมตะเสเพลคือร่างพลังวิญญาณ และเมื่อระดับพลังเพิ่มพูนพลังวิญญาณไหนเลยจะไม่เพิ่มพูนตาม?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวเสริมออกมารวดเดียวจบ
และคำพูดของต้วนหลิงเทียนก็ทำให้ชิงหั่วเงียบไปพักหนึ่ง
ครู่ต่อมาสองตาชิงหั่วพลันทอประกายกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้ากล่าวเช่นนี้มิสู้ให้ข้าลองพิสูจน์ดู…หากทางเข้าแดนลับเซียนกระบี่ปิดกั้นผู้ที่ไม่ใช่เซียนอมตะเสเพลและมีอายุเกิน 100 ปีจริง เช่นนั้นเมื่อข้าเข้าใกล้ก็สมควรต้องมีพลังผลักไสบางประการ…”
กล่าวจบก็ไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นตอบสนองใด ชิงหั่วพลันเหินร่างเข้าหาทางเข้าแดนลับเซียนกระบี่ทันที
ในขณะที่ชิงหั่วเหินไปเจียนบรรลุถึงหลุมดำทะมึนกลางหาว และคิดจะหยุดร่างลงนั้นเอง
ปงงง!!
ปรากฏพลังลี้ลับขุมหนึ่งอยู่ๆก็ปะทุออกมาจากวังวนพลังที่หมุนคว้างรอบๆหลุมดำดังกล่าว มวลพลังกำจายออกมาเป็นวงอย่างแกร่งกร้าวก่อนที่จะกระแทกร่างชิงหั่วจนปลิวหงาย!
“อั๊ค!!”
ชิงหั่วที่ถูกกซัดจนหงาย ร่างก็ปลิวละลิ่วออกมาด้วยสภาพยักแย่ยักยัน โลหิตยังกระอักออกปากเป็นสาย!
สุดท้ายเมื่อขืนร่างให้หยุดกลางอากาศได้สำเร็จ ชิงหั่วก็ได้แต่มองไปยังทางเข้าแดนลับเซียนกระบี่ด้วยรอยยิ้มเหยเก
“ท่านอาจารย์ ท่านเป็นไรหรือไม่!?”
เห็นฉากดังกล่าวก่านหรูเยี่ยนก็ไม่คิดอะไร เร่งพุ่งร่างไปหยุดข้างชิงหั่วกล่าวถามออกมาด้วยความตกใจทันที
“ข้าไม่เป็นไร…”
ชิงหั่วส่ายหัวไปมาพลางกล่าวออกด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “หากข้าเชื่อผู้พิทักษ์หลิงเทียนแต่แรก ไหนเลยจะเป็นแบบนี้ได้…”
ตอนนี้ชิงหั่วสามารถยืนยันได้แน่ชัดแล้ว
ต้วนหลิงเทียนคาดถูกจริงๆ
อันที่จริงที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวคาดเดาออกมา ก็ไม่ต่างแมวตาบอดพบพานหนูตาย…
สาเหตุที่จำกัดผู้คนเข้าออกแดนลับต่างสวรรค์นั้น ไม่ใช่แบบนั้นเลย
แต่แน่นอนว่าไม่ว่าสาเหตุที่แท้จริงจะเป็นอะไร ต้วนหลิงเทียนเองก็ยังไม่อาจล่วงรู้ได้…จนเมื่อได้เข้าไปในแดนลับต่างสวรรค์สักพักหนึ่งแล้วเท่านั้นถึงจะได้รู้สาเหตุที่แท้จริง…
เรียกว่าพอถึงเวลาที่เขาได้รู้เรื่องราว เขาก็ถึงกับเขินไม่น้อยที่บอกเหตุผลกับชิงหั่วไปแบบนั้น เพราะความจริงที่ปรากฏทำให้สิ่งที่เขาคาดไว้ล้วนกลายเป็นเรื่องเหลวไหล!
“นั่นไง…”
ทว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเพียงคิดว่าตัวเองเดาถูก
“ว้าว! พี่ใหญ่หลิงเทียนเจ๋งยิ่ง สามารถคิดคาดได้ดั่งตาเห็น!!”
เฉวี่ยไน่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเป็นประกาย สองตากลมใสของนางยามนี้เต็มไปด้วยความชื่นชม
“สมแล้วที่เป็นท่านผู้นำ สายตามิใช่ชั่วจริงๆ”
ผู้เฒ่าพยากรณ์ก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างชื่นม
ด้านเค่อเอ๋อ ต้วนซือหลิง รวมถึงเฟิ่งเทียนหวู่แม้จะไม่ได้กล่าวอะไร แต่สายตาที่มองต้วนหลิงเทียนตอนนี้ก็เป็นประกายวิบวับเช่นกัน
โดยเฉพาะต้วนซือหลิง ลึกลงไปในแววตานางเห็นได้ชัดว่าเป็นการยกย่องเทิดทูนบิดาของตัวเองอย่างถึงที่สุด
เผชิญหน้ากับสายตายกย่องเลื่อมไสของเหล่าสตรีใกล้ชิด แม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่แยแสลาภยศสรรเสริญใดๆมานาน แต่เห็นแบบนี้ยังอดตัวลอยไปไม่ได้อยู่บ้าง…
กระทั่งศิษย์ของผู้เฒ่าพยากรณ์ ผู้สืบทอดความลับสวรรค์อย่างมู่อีอี แม้นางจะไม่ได้ชื่นชมยกย่องตามแต่ก็มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาประหลาดใจ…
ในอดีตนางมักคิดว่าที่ผู้สืบทอดหมอกพิรุณร้ายกาจกว่านางนั้น อาจเป็นเพราะโชควาสนาเท่านั้น…
แต่นางเองก็ไม่ทันฉุกคิดได้ถึงเรื่องนี้ ทั้งๆที่พบเจอเรื่องราวพร้อมกัน
อาวุโสฟงชิงหยางในปีนั้นยังเป็นเพียงครึ่งก้าวเซียนอมตะจริงๆ เช่นนั้นด้วยระดับพลังวิญญาณเพียงครึ่งก้าวเซียนอมตะ ไหนเลยจะสร้างข่ายอาคมที่สะกดพลังวิญญาณของเซียนอมตะเสเพลที่มีพลังวิญญาณเหนือกว่าตัวเองมากได้?
ดั่งคำกล่าวที่ว่า…
ยิ่งอยู่สูงเท่าไหร่ ตอนตกลงมายิ่งเจ็บเท่านั้น…
ต้วนหลิงเทียนตอนนี้ที่แทบจะตัวลอยโดยไร้ปีก ไม่ได้รู้เลยว่าวันหน้าเขาจะหน้าแหกขนาดไหน…
“อาจารย์ลุงพยากรณ์ เช่นนั้นข้าเข้าไปก่อนล่ะ…”
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนที่คืนสติจากคำยอสายตาเลื่อมไส ก็หันไปบอกคำต่อผู้เฒ่าพยากรณ์
หากจะถามว่าในบรรดาผู้คนทั้งหมด ผู้ใดอยากเข้าสู่แดนลับเซียนกระบี่มากที่สุด แน่นอนว่าไม่พ้นต้วนหลิงเทียน
และตอนนี้กลับมีคนเข้าแดนลับเซียนกระบี่ไปแล้วก่อนเขาถึง 3 คน ต้วนหลิงเทียนไหนเลยไม่บังเกิดอาการคันในหัวใจยากจะเกา?
ตอนนี้เขาจึงทนรอเข้าไปไม่ไหวแล้ว!
แน่นอนว่าที่ต้องกล่าว ก็ยังต้องกล่าว
“ไปเถอะ”
ได้ยินคำทักของต้วนหลิงเทียน ผู้เฒ่าพยากรณ์ก็พยักหน้าขานรับด้วยสายตาเปี่ยมคาดหวัง “ข้าหวังว่าเจ้าจักได้รับมรดกสืบทอดของท่านบรรพบุรุษฟงชิงหยาง”
“หากเป็นเช่นนั้นพลังฝีมือของเจ้าในตอนนี้สมควรก้าวหน้าครั้งใหญ่ อย่าว่าแต่ทัดเทียมกับท่านบรรพบุรุษฟงชิงหยางเลย…เรื่องที่เจ้าจะทรงพลังเหนือกว่าท่านบรรพบุรุษในยุคนั้นก็มิใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!!”
มีเหตุผลว่าทำไมผู้เฒ่าพยากรณ์ถึงกล่าวออกมาแบบนี้
เพราะสุดท้ายแล้วแม้จะเป็นตัวฟงชิงหยางที่เก่งกล้าสามารถในปีนั้น ทว่าก่อนที่จะเข้าสู่แดนลับเซียนกระบี่ แม้จะแตกฉานยอดใจกระบี่ถึงขอบเขตที่ 5 ใจกระบี่รวมหนึ่งแล้ว แต่พลังฝีมือสูงสุดก็เพียงเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์เท่านั้น
ทว่าตอนนี้ ผู้นำทวาราเที่ยงแท้ในยุคปัจจุบัน ด้วยพลังฝึกปรือครึ่งก้าวเซียนอมตะเหมือนกัน ทั้งๆที่พึ่งบรรลุยอดใจกระบี่ถึงขอบเขตที่ 4 กระบี่ใจกระจ่างเท่านั้น ทว่าพลังสู้รบกลับเทียบเคียงได้กับเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์เข้าไปแล้ว!
ในแง่ของศักยภาพและพลังสามารถ ยังน่าครั่นคร้ามยิ่งกว่าฟงชิงหยางในอดีตเสียอีก!
ด้วยเหตุนี้มันจึงเชื่อ หากต้วนหลิงเทียนได้รับมรดกของฟงชิงหยางที่เหลือทิ้งไว้ในแดนลับเซียนกระบี่แล้วล่ะก็…ยามกลับออกมา กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ ก็ไม่แน่ว่าจะรอดพ้นคมกระบี่!
น่าเสียดายที่ผู้เฒ่าพยากรณ์ก็ไม่ได้รู้เลยว่า สิ่งที่เรียกว่าแดนลับเซียนกระบี่ไม่มีอยู่จริง…
หลุมดำเบื้องหน้า คือทางเข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์!
มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าด้านในเปี่ยมล้นไปด้วยภยันตรายมากมาย ไม่เพียงแต่บททดสอบอันรุนแรงโหดร้ายของแดนลับ ยังต้องเผชิญหน้ากับเหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ ทั้งสัตว์ประหลาดเฒ่าจากระนาบโลกียะอื่นๆ!
ย้อนกลับไปยามนั้น กระทั่งฟงชิงหยางเอง การรอดกลับมาจากแดนลับต่างสวรรค์ได้ ก็ให้ความรู้สึกเหมือนนิทานปาฏิหาริย์บทหนึ่ง…
เพราะต้องทราบด้วยว่าในระนาบกียะแห่งนี้ ตอนนั้นไม่ได้มีแค่ฟงชิงหยางเท่านั้นที่เข้าไปในแดนลับต่างสวรรค์!
กระทั่งเผ่ามังกรและเผ่าหงส์ฟ้าก็เข้าไปด้วย! และในบรรดาผู้ที่เข้าไปก็ไม่ขาดตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล!!
ทว่าสุดท้ายแล้ววตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพลทั้งหลาย กลับไม่มีผู้ใดได้หวนกลับออกมาอีกเลย…
“เค่อเอ๋อ…”
ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองเค่อเอ๋อด้วยสายตาอ่อนโยน พลางกล่าว “หลังจากข้าเข้าไป ต้องลำบากเจ้าดูแลซือหลิงแล้ว…”
“พี่เทียนไปเถอะ เรื่องนี้ท่านมิต้องห่วง”
เค่อเอ๋อพยักหน้าขานรับ “ขอท่านระวังให้มาก”
“อื้อ”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบคำ เขาก็ไม่ทันสังเกตเลย
ว่าลึกลงไปในแววตาเค่อเอ๋อพลันเผยประกายลี้ลับหนึ่งเรืองวาบขึ้นมา อย่างสุดที่ผู้คนจะไม่สงสัยได้
เพราะราวกับนางมีความคิดบางประการ และความคิดดังกล่าวเพียงวูบขึ้นในหัวนางชั่วแล่นก็ทำให้นางตื่นเต้นนัก…
“ซือหลิงพ่อไม่อยู่ ลูกก็อย่าได้ซุกซนมากนักเล่า อย่าให้แม่เจ้าต้องเหนื่อยรู้ไหม…”
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองต้วนซือหลิงพลางกล่าวด้วยสีหน้าอ่อนโยน
“ท่านพ่ออ่า…ซือหลิงโตแล้วนะ มิใช่เด็กน้อยอีกแล้ว! ไฉนท่านพ่อต้องกล่าวราวกับซือหลิงเป็นเด็กมิรู้ความเล่า…ซือหลิงมิชอบเลย”
ต้วนซือหลิงขมวดคิ้วหน้ามุ่ยกล่าวออกมาอย่างไม่ยอมรับ
“ฮ่าๆๆ”
ทันใดนั้นผู้เฒ่าพยากรณ์กับชิงหั่วก็อดหัวเราะร่าไม่ได้
กระทั่งผู้สืบทอดความลับสวรรค์อย่างมู่อีอีก็ไม่อาจห้ามยิ้มมิให้คลี่กาง
“หึ ในสายตาพ่อให้ผ่านไปอีกสิบปี เจ้าก็ยังเป็นเด็กอยู่ดีนั่นล่ะ…”
ต้วนหลิงเทียนพอหายอึ้งจากคำแย้ง ก็ยิ้มทั้งกล่าวสวนออกไปด้ววยท่าทางขึงขังไม่น้อย
“เฉวี่ยไน่ เทียนหวู่ ศิษย์น้องอีอี…”
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็หันไปกล่าวทักสตรีทั้ง 3“ถึงพวกเราจะเข้าไปไล่เลี่ยกัน…แต่เรื่องที่จะเกิดหลังเข้าไปแล้วข้าเองก็ไม่อาจบอกได้ เผลอๆหลังเข้าไปพวกเราอาจไม่ได้อยู่ในจุดเดียวกันด้วยซ้ำ…”
“แต่…พวกเจ้าจำไว้ให้ดี หากไม่ได้อยู่ในจุดเดียวกัน ก็พึงระวังให้มาก มีอะไรก็ปลอดภัยไว้ก่อนอย่าได้ฝืน…”
กล่าวจบคำร่างต้วนหลิงเทียนก็กระพริบวูบ หายเข้าไปหลุมดำกลางหาวทันที
ด้านนอก ในขณะที่ผู้เฒ่าพยากรณ์ ชิงหั่ว ก่านหรูเยี่ยน กำลังคิดว่าหานเฉวี่ยไน่ เฟิ่งเทียนหวู่ และมู่อีอี กำลังจะเหินร่างตามต้วนหลิงเทียนเข้าไปในแดนลับนั้น…
“พี่หญิง ฝากซือหลิงให้ท่านช่วยดูแลด้วย”
เสียงอ่อนโยนหนึ่งพลันดังขึ้น และไม่ทันที่สตรีทั้ง 3ที่กำลังจะเข้าไปในแดนลับจะทันได้เข้าไป…
พอทุกสายตาหันกลับมาจับจ้องยังร่างบางที่หน้าตาเหมือนกันก่านหรูเยี่ยนไม่ผิดเพี้ยนข้างๆต้วนซือหลิงด้วยฉงน ทุกคนก็พบว่า…
ฟุ่บ!
ร่างสตรีดังกล่าวดั่งสายลมหอบหนึ่ง พัดกรรโชกหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน! ไม่ต่างอันตรธานหายไปในอากาศอย่างไร้ซึ่งร่องรอยใดๆ!!
ครู่ต่อมาทั้งหมดพลันหันไปมองยังหลุมดำอย่างไม่ทันรู้ตัว และพบว่าหลุมดำดังกล่าวเหมือนจะกระเพื่อมเล็กน้อย
แต่นี่ก็มากพอจะบอกให้พวกมันรู้ ว่ามีคนพึ่งเข้าไปด้านใน!
“เค่อเอ๋อ นาง…”
ก่านหรูเยี่ยนตกตะลึง ยังอึ้งค้างไปอย่างงงงวย
สาเหตุที่ทำให้นางตะลึงค้างไม่ใช่เรื่องที่เค่อเอ๋อเข้าไปในแดนลับเซียนกระบี่ตามหลังต้วนหลิงเทียนไป แต่เป็นเพราะความเร็วในการเคลื่อนไหวของเค่อเอ๋อเมื่อครู่!!
ต้องทราบด้วยว่าระดับสายตาของนางตอนนี้ ต่อให้เป็นเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนหรือเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยน ก็ไม่มีทางอันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาอย่างที่นางไม่อาจแลเห็นร่องรอยใดๆ…!!