WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2430 กระบี่เซียนอมตะอีกเล่ม
ตอนที่ 2,430 : กระบี่เซียนอมตะอีกเล่ม
ด้วยความที่เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวจินถูกเยว่อู๋หยิ่งจับไปปล่อยไว้ที่ภูมิภาคเบื้องล่างตามคำสั่งของผู้เฒ่าพยากรณ์ ดังนั้นทั้ง 3 จึงไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรที่เกิดขึ้นในภูมิภาคเบื้องบนเลย และตอนที่ถามหาข้อมูลจากเครือข่ายธุลีแดงก็ไม่ทันได้ถามถึงเรื่องพวกนี้…
ตอนนี้พอมีต้วนซือหลิงกล่าวบอกเรื่องอันน่าตกใจขึ้นมา และหลังจากได้ฟังก่านหรูเยี่ยนเล่าเรื่องราวความเป็นไปต่างๆ ทั้ง 3 ค่อยได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในภูมิภาคเบื้องบน
“พี่ใหญ่หลิงเทียนยอดเยี่ยมที่สุดในโลกจริงๆ!”
“ผู้สืบทอดหมอกพิรุณงั้นหรือ!?”
เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวจินย่อมรู้เป็นธรรมดาว่าคำ ‘ผู้สืบทอดหมอกพิรุณ’ มีความหมายว่าอย่างไร พวกมันยังคุยกันบ่อยครั้งว่าที่แท้ผู้สืบทอดหมอกพิรุณจะเป็นคนอย่างไรกันแน่ แล้วพลังฝีมือจะร้ายกาจเหมือนที่ร่ำลือหรือไม่…
แต่พวกมันไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนเลย
ว่าผู้สืบทอดหมอกพิรุณ ผู้นำแห่ง 7 ทวาราเที่ยงแท้ จะเป็นพี่ใหญ่หลิงเทียนของพวกมันเอง!
“นี่มัน…จะไม่บังเอิญเกินไปหน่อยหรือ!?”
“ยิ่งกว่าฝันไปอีก!”
…
เสี่ยวจินกับเสี่ยวไป๋ได้แต่หันหน้ามามองสบตากัน และต่างได้เห็นสีหน้าแววตาเหลือเชื่อของอีกฝ่าย
ผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 หมอกพิรุณนั้น ก็คือผู้นำของ 7 ทวาราเที่ยงแท้
ทั้งหมดรู้เรื่องนี้กันดี
กระทั่งตอนแรกพวกมันยังไม่ค่อยมั่นใจด้วยซ้ำว่าหากผู้สืบทอดหมอกพิรุณอะไรนั่นปรากฏขึ้นมาแล้วจริงๆ จะเก่งกล้าสามารถมากพอเป็นหัวหน้าของพี่สาวหานเฉวี่ยไน่ของพวกมันได้
แต่ตอนนี้ทั้งหมดไร้ซึ่งความคิดดังกล่าวสืบไป เพราะผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ก็คือพี่ใหญ่หลิงเทียนนี่เอง!
“กู่ลี่ตายแล้ว!?”
“เยว่อู๋หยิ่ง…กับอาจารย์ของพี่สาวเฉวี่ยไน่ก็ตกตายไปแล้ว…”
ไม่นานทั้ง 3 ก็ได้รับทราบความสูญเสียของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ ทำให้ต่างเงียบไปทันทีเมื่อได้รู้ว่าผู้สืบทอดรุ่นนี้ได้ตกตายไปถึง 2 คน แถมยังมีอาจารย์ของหานเฉวี่ยไน่อีกคน
และตอนนี้ความไม่พอใจที่มีต่อเยว่อู๋หยิ่งของทั้ง 3 ก็มลายหายไป…
คนตายไปแล้วทั้งคน…
“เผ่ามังกร!!”
ตอนนี้เองแววตาทั้ง 3 ก็ทอประกายดุร้ายออกมาปานเพลิงไฟ ยังร้อนแรงปานจะผลาญเผาได้ทุกสิ่ง!
ถึงแม้กล่าวไปในระดับหนึ่งทั้ง 3 จะไม่ใช่คนของ 7ทวาราเที่ยงแท้
อย่างไรก็ตามพี่สาวเฉวี่ยไน่ของพวกมันคือคนของ 7ทวาราเที่ยงแท้ เช่นนั้นพวกมันจึงถือว่าตัวเองเป็นคนของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ด้วย!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตอนนี้พอได้รับทราบว่าพี่ใหญ่หลิงเทียนที่แท้เป็นผู้นำของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ ดังนั้น 7 ทวาราเที่ยงแท้ก็ไม่ต่างอะไรจากครอบครัวของพวกมัน!
คนของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ถูกฆ่าตาย พวกมันย่อมมีโมโหเป็นธรรมดา!
อย่างไรก็ตามแม้ทั้ง 3 จะมีโทสะเป็นฟืนไฟ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นไร้สติจนขาดความยั้งคิด
เพราะสุดท้ายแล้วเผ่าพันธุ์มังกรก็ไม่ใช่ขุมพลังธรรมดาๆ พวกมันมีแม้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์ และเผลอๆอาจจะเหนือกว่านั้น!
“คนที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่ามังกรก็คือประมุขเผ่ามังกรฝ่ายใน…มีข่าวลือกันว่า ประมุขเผ่ามังกรผู้นี้อย่างน้อยๆก็เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์…และอาจเป็นได้ถึงเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!”
ตอนนี้เองชิงหั่วอดไม่ได้ที่จะกล่าวแทรกขึ้นมา เสียงกล่าวยังเคร่งขรึมจริงจังนัก
“ตาแก่พยากรณ์…แดนลับเซียนกระบี่อะไรนี่ พวกเราเข้าไปด้วยได้รึเปล่า?”
เสี่ยวจินหันไปมองถามผู้เฒ่าพยากรณ์ทันที
“จากบันทึกที่สืบทอดกันมาใน 7 ทวาราเที่ยงแท้ หากพลังฝึกปรือมิถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน การเข้าสู่แดนลับเซียนกระบี่อาจอันตรายถึงตาย กระทั่งยังเป็น 9 ตาย 1 รอด…แล้วพวกเจ้า…”
ผู้เฒ่าพยากรณ์กล่าวถึงจุดนี้ก็หยุดลงครู่หนึ่ง
ถึงแม้มันจะสัมผัสได้อย่างคลุมเครือว่าบรรยากาศและความรู้สึกที่แผ่ออกจากร่างพวกเสี่ยวจินทั้ง 3มันแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง…
แต่เพราะเสี่ยวจินพูดออกมาราวกับไม่ได้รับวาสนาอันใดในภูมิภาคเบื้องล่าง มันจึงไม่มั่นใจ…
ว่าตอนนี้พวกเสี่ยวจินทั้ง 3 ใช่มีพลังฝึกปรือเหนือกว่าเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแล้วหรือไม่!?
“เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเหรอ?”
เมื่อเสี่ยวจินได้ยินคำของผู้เฒ่าพยากรณ์ นางก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
“ตาแก่…ที่ข้าบอกว่า ‘วาสนากับผีสิ’ นั่นหมายถึงภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…แต่ทว่าพวกเราก็ไม่ได้อยู่แค่ในภูมิภาคเบื้องล่างเท่านั้น พวกเรายังได้เดินทางไปยังแดนเนรเทศบ้านเกิดของพวกปีศาจ และพวกเราก็ได้พบอะไรดีๆที่นั่น!”
“เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋…ไปกัน!!”
กล่าวบอกผู้เฒ่าพยากรณ์จบไม่ทันขาดคำดี เสี่ยวจินก็หันไปชวนเสี่ยวเฮ่ยกับเสี่ยวไป๋ทันที
ซู่มม!!
ทันใดนั้นพลังทั่วร่างเสี่ยวจินก็ปะทุออกมาปานจุดระเบิด ก่อนที่ร่างเล็กๆจะแปรเปลี่ยนไปคล้ายกระสุนปืนใหญ่ พุ่งทะยานไปยังหลุมดำที่ลอยอยู่ท่ามกลางความว่างไม่ไกล
“ซือหลิง ข้ากับพวกเสี่ยวเฮยไปก่อนนะ…พวกเรากลับออกมาเมื่อไหร่ค่อยมาเล่นกับเจ้านะ!”
เสี่ยวไป๋ร่ำลาต้วนซือหลิงก่อน ค่อยระเบิดพลังเหินร่างพุ่งตามเสี่ยวจินไปพร้อมกันกับเสี่ยวเฮย พริบตาทั้งคู่หายเข้าไปในหลุมดำทันที
พวกเสี่ยวจินเสี่ยวเฮยเสี่ยวไป๋ ก็อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคนด้วยประกาลฉะนี้…
อย่างไรก็ตามก่อนที่ทั้ง 3 จะหายไป…กลิ่นอายพลังที่กำจายออกมาจากร่างแต่ละคนนั้น มันช่างทรงพลังไร้คู่เปรียบนัก! ทำให้ใจของผู้เฒ่าพยากรณ์ ชิงหั่ว และก่านหรูเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะท่วมท้นไปด้วยความตกตะลึง!
“กลิ่นอายพลังนั่นมัน…กระทั่งครึ่งก้าวเซียนอมตะยังอ่อนด้อยกว่าพวกมันหลายขุมเลยมิใช่หรือไร?”
เสียงชิงหั่วสั่นไม่น้อย ขณะกล่าวถึงเรื่องนี้
“ดูเหมือนว่า…พวกมันจะพบพานวาสนาอันประเสริฐจริงๆ!!”
อันที่จริงตั้งแต่ที่เสี่ยวจินกล่าวบอกเรื่องที่พวกมันพบพานอะไรดีๆในแดนเนรเทศ สองตาของผู้เฒ่าพยากรณ์ก็หดหยีลงแต่แรก
มาตอนนี้พอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของพวกเสี่ยวจินทั้ง 3 ก่อนที่จะอันตรธานร่างหายไป สองตาของผู้เฒ่าพยากรณ์ก็ส่องแสงสว่างจ้าปานเพลิงไฟ!
มันตระหนักได้ทันที ว่าคำทำนายของมันนั้นไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย!!
“โชคดีนักที่ข้าตัดสินใจสั่งให้เยว่อู๋หยิ่งพาเจ้าพวกตัวน้อยนี่ไปปล่อยไว้ที่ภูมิภาคเบื้องล่าง…หาไม่แล้วพวกมันคงพลาดวาสนาครั้งใหญ่เช่นนี้ไปแล้ว!!”
“แม้แต่กลิ่นอายพลังครึ่งก้าวเซียนอมตะ ยังอ่อนด้อยกว่ากลิ่นอายพลังของพวกเสี่ยวจินอีกหรือ?”
ต้วนซือหลิงตกใจกับคำพูดเมื่อครู่ของชิงหั่วไม่น้อย จึงหันไปมองถามชิงหั่วก่อนใดอื่นด้วยสีหน้าทึ่งๆ “ท่านปู่ชิงหั่ว…ที่ท่านว่าเมื่อครู่ หมายความว่าตอนนี้ความแข็งแกร่งของพวกเสี่ยวจินมิใช่เทียบได้กับเหล่าเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์เลยหรือไร?”
“อันที่จริงความแข็งแกร่งของพวกมัน…ข้าเกรงว่าไม่เพียงแต่จะเหนือกว่าเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ หรือแม้แต่เซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ พวกมันก็ไม่ด้อยกว่าแน่นอน!”
ชิงหั่วนั้นตอนที่อยู่ในลัทธิบูชาไฟ มันได้พบเห็นเซียนอมตะเพล 4 ทัณฑ์ กับ 5 ทัณฑ์มาแล้วกับตัว…
เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ที่มันพบเห็นด้วยตาตัวก็คือ หลี่ปิง บรรพบุรุษของลัทธิบูชาไฟ!
ส่วนเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์นั้น ก็คือมังกรเทพยาสีทอง 7 กรงเล็บ แห่งเผ่าพันธุ์มังกร ตี้เฉิน!
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นหลี่ปิงหรือตี้เฉิน กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมาขณะที่ลงมือนั้น ระดับพลังเหมือนจะไม่กล้าแข็งทัดเทียมกับกลิ่นอายพลังของพวกเสี่ยวจินเมื่อครู่!
เรื่องนี้หมายความว่าอะไร ชิงหั่วรู้จนไม่อาจจะรู้ดีไปมากกว่านี้อีกแล้ว!
นั่นหมายความว่า…
ความแข็งแกร่งของทั้ง 3 น่ากลัวจะเหนือล้ำยิ่งกว่าตี้เฉินเสียอีก!!
และตี้เฉินนั่น มันก็เป็นถึงเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ที่เจียนจะบรรลุถึงเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์อยู่รอมร่อม! และในเมื่อความกล้าแข็งของพลังพวกเสี่ยวจินทั้ง 3 ยังเหนือกว่าตี้เฉินแบบนี้…ก็มีความเป็นไปได้เพียงประการเดียวเท่านั้น! พลังของพวกเสี่ยวจินทั้ง 3 เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ กระทั่งอาจจะเหนือกว่านั้น!!
“อะไรนะ!?’
ได้ยินคำพูดของชิงหั่ว ผู้เฒ่าพยากรณ์อดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมมาด้วยความตื่นตระหนก!
ถึงแม้มันจะมีคาดเดาไว้แล้วว่าพลังของพวกเสี่ยวจินทั้ง 3 ยามนี้สมควรเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 3ทัณฑ์
แต่มันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยจริงๆ ว่าพลังของพวกเสี่ยวจินทั้ง 3 อาจจะเหนือกว่าเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์!
“เจ้าพวกตัวเล็กนั่น…อย่างน้อยๆก็เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์เชียวหรือ?”
“วาสนาที่พวกมันไปพบพานเข้า…ที่แท้คืออันใดกันแน่?”
ผู้เฒ่าพยากรณ์อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความสะท้านในใจ
วาสนาเลิศล้ำระดับนั้น อยู่เหนือสามัญสำนึกของมันอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่อะไรที่ตัวตนระดับมันจะทำความเข้าใจได้อีก…
ในขณะที่ผู้เฒ่าพยากรณ์ถึงกับตะลึงพูดอะไรไม่ออก ด้านก่านหรูเยี่ยนก็ตกใจกับคำของชิงหั่วเช่นกัน
“ท่านอาจารย์เรื่องความแข็งแกร่งของทั้ง 3 ท่านพูดจริงหรือ…พวกมันไม่ด้อยไปกว่าเซียนอมตะเสเพล 5ทัณฑ์?”
“แน่นอนว่าเป็นความจริง”
ชิงหั่วพยักหน้ารับ ค่อยกล่าวออกมาเสียงขรึม “เจ้ายังจำตอนที่บรรพบุรุษกับพวกตี้เฉินมาเยือนลัทธิบูชาไฟของพวกเราได้หรือไม่?”
“ข้าย่อมจดจำได้ดี”
ก่านหรูเยี่ยนพยักหน้า
นางไหนเลยจะจำไม่ได้ หลี่ปิงนั่นอย่างไรก็ได้ชื่อว่าเป็นบรรพบุรุษของลัทธิบูชาไฟ ส่วนตี้เฉินนั่นก็เป็นถึงมังกรเทพยดาสีทอง 7 กรงเล็บแห่งเผ่าพันธุ์มังกร กระทั่งยังเป็นบุตรชายของตี้ฮ่วน…ตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์! ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าพันธุ์มังกร!!
“กระทั่งกลิ่นอายพลังของตี้เฉินยามที่มันคืนร่างที่แท้จริง ยังมิกล้าแข็งเท่ากลิ่นอายพลังของเจ้าพวกตัวเล็กทั้ง 3 เมื่อครู่…”
ชิงหั่วกล่าวสืบต่อออกมาเสียงขรึม
“อะไรนะ?!”
ก่านหรูเยี่ยนตกตะลึงพรึงเพริดแล้วจริงๆ
เพราะเท่าที่นางรู้มา ตี้เฉิน มังกรเทพยดาสีทอง 7กรงเล็บนั่น ไม่ใช่เซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ธรรมดาๆ แต่เป็นชนชั้นสุดยอดฝีมือที่เจียนจะบรรลุถึงเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ในอีกไม่ช้า!
ทว่าตอนนี้อาจารย์ของนางพึ่งเอ่ยปากบอกว่า พวกเสี่ยวจินทั้ง 3 ยังเหนือกว่ากระทั่งตี้เฉินผู้นั้น!
เรื่องนี้มันทำให้นางรู้สึกว่ามันยากจะเชื่อได้ลงคอ!
นอกจากนี้นางยังรู้ประวัติของพวกเสี่ยวจินทั้ง 3 เป็นอย่างดี…
ตอนแรกก็อยู่กับน้องสาวนางอย่างเค่อเอ๋อ ต่อมาก็ถูกหานเฉวี่ยไน่พาตัวไปฝึกฝน สุดท้ายจึงมาจบที่อยู่ร่วมกับเหล่า 7 ทวาราเที่ยงแท้…
ถึงแม้ผู้เฒ่าพยากรณ์จะทำนายว่าพวกมันมีโอกาสพบพานวาสนาบางประการในภูมิภาคเบื้องล่าง จึงตัดสินใจให้คนนำตัวทั้ง 3 ไปปล่อยทิ้งไว้ในภูมิภาคเบื้องล่าง แต่นางก็ไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าพลังความแข็งแกร่งของพวกเสี่ยวจินทั้ง 3 จะก้าวหน้าอย่างกระโดดเพียงนี้!!
“วาสนาที่พวกมันพบพาน…ที่แท้เป็นอะไรกันแน่?”
“วาสนาที่ทำให้พวกมันบรรลุขอบเขตพลังระดับนี้ในเวลาอันสั้น…ข้าเกรงว่ามันต้องเป็นอะไรที่อยู่เหนือระนาบโลกียะไปแล้วใช่หรือไม่?”
ก่านหรูเยี่ยนกล่าวออกมาด้วยความตกใจ
แน่นอนว่าถึงแม้ก่านหรูเยี่ยนจะกล่าวออกมาแบบนี้ แต่นางก็ไม่แน่ใจสักเท่าไหร่
นางไม่ได้รู้เลย
ว่านางเดาได้ถูกเผง!
“เสี่ยวจินกับพวก…มีพลังร้ายกาจขนาดนั้นเลยหรือ!?”
สีหน้าต้วนซือหลิงเองก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ นับว่านี่เป็นอะไรที่เหนือความคิดและจินตนาการของเด็กน้อยอย่างนางจริงๆ ที่ 3 เด็กน้อยเมื่อครู่จะถือครองพลังอันน่ากลัวระดับนั้น…
ณ แดนลับต่างสวรรค์
ภายในสมบัติสถานระดับสวรรค์ที่เหลือไว้โดยเซียนกระบี่บงกชฟ้า หลี่ไป๋…
“เป็นกระบี่เซียนอมตะ!!”
หลังผ่านไปหลายวัน ในที่สุดต้วนหลิงเทียนกับพวกก็ฟันฝ่าบททดสอบทั้ง 3 ด่านมาได้สำเร็จ และในที่สุดก็ได้รับสมบัติชิ้นแรกที่หลี่ไป๋เหลือทิ้งไว้…
กระบี่! ยังเป็นกระบี่เซียนอมตะ!!
วู้ม! วู้ม! วู้ม!!
…
ต้วนหลิงเทียนที่ถือกระบี่เล่มใหม่ในมือลองจ่ายพลังลงไปในตัวกระบี่แค่เล็กน้อย ตัวกระบี่ก็เปล่งกลิ่นอายพลังคมกล้าออกมาอย่างหาใดเปรียบ ยังปรากฏรังสีกระบี่แหลมคมวูบวาบออกมากรีดเฉือนบรรยากาศโดยรอบ ส่งสำเนียงเสียงคมสะท้านใจผู้ฟังนัก…
“ระดับของกระบี่เซียนอมตะเล่มนี้…พอๆกันกับกระบี่เซียนอมตะที่ข้ามี”
หลังทดสอบพลังอำนาจของตัวกระบี่ ต้วนหลิงเทียนก็มั่นใจได้ทันทีว่ากระบี่เล่มนี้มีพลังอานุภาพพอๆกันกับกระบี่เซียนอมตะที่ใสประหนึ่งสร้างขึ้นจากน้ำบริสุทธิ์ที่เขาได้รับมาแต่แรก
“จางยี่ เจ้าเองก็ใช้กระบี่เป็นอาวุธหลักนี่…งั้นกระบี่เล่มนี้เจ้าเอาไปสิ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบก็โยนกระบี่เซียนอมตะในมือไปให้จางยี่ ด้วยท่าทางราวกับทิ้งขว้างขยะ…
“เอ่อ…”
หลังจากรับกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนโยนมาตามสัญชาตญาณ จางยี่ก็มองกระบี่พักหนึ่งค่อยเผยสีหน้าลังเล กล่าวออกมาว่า “ต้วนหลิงเทียนตลอดทางที่ผ่านมา ด้วยพลังอ่อนด้อยของข้ามันแทบไม่อาจช่วยอะไรเจ้าได้เลย…กระบี่เล่มนี้มิสู้เจ้าเก็บไว้เองดีหรือไม่?”