WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2467 เริ่นหยวนเจี๋ย
ตอนที่ 2,467 : เริ่นหยวนเจี๋ย
“พี่สาวเค่อเอ๋อท่านเล่าเถอะ”
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ในขณะที่เฟิ่งเทียนหวู่คิดจะตอบ แต่พอนางเห็นว่าเค่อเอ๋อก็กำลังจะพูดเหมือนกัน นางที่ตระหนักใดได้จึงปล่อยให้เค่อเอ๋อเป็นคนเล่า
“ผู้ใดเล่าก็เหมือนกัน…”
เค่อเอ๋อส่ายหัวพลางยิ้มเล็กน้อย ค่อยหันไปมองต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น หลังได้พบกับซูหลี่ภายในมรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนออกมา
“หืม? พวกเจ้าได้เจอกับซูหลี่ด้านในมรดกสถานด้วยงั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วถาม
“อันที่จริงเป็นพี่หญิงที่สังเกตเห็นพี่ซูหลี่ก่อนใคร”
ตอนนี้เองเค่อเอ๋อพลันหันไปทางก่านหรูเยี่ยนขณะพูด
ได้ยินดังนั้นต้วนหลิงเทียนเลยหันไปมองก่านหรูเยี่ยนอีกครั้ง
และก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไร ก็เป็นเค่อเอ๋อที่เร่งกล่าวอธิบายออกมาก่อน “พี่เทียนข้าไม่ได้ถูกพี่หญิงพาเข้ามา…เป็นข้าติดตามพี่เทียนเข้ามาทันทีแต่แรกส่วนพี่หญิงนั้นกว่าจะเข้ามาก็หลังจากตอนที่ข้าตามท่านเข้ามาเป็นปีๆ เพราะท่านพี่ก็รอทะลวงด่านพลังให้ถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนก่อน”
เค่อเอ๋อเลือกที่จะกล่าวอธิบายเรื่องนี้ออกมาก่อน เพื่อไม่ให้พี่สาวของนางอย่างก่านหรูเยี่ยนถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
“อะไรนะ!?”
“เจ้า…เจ้าตามข้ามา! ยังตามข้าเข้ามาทันที?!”
และเมื่อคำของเค่อเอ๋อดังเข้าหูต้วนหลิงเทียน ต้วนหลิงเทียนก็ตกใจจนราวกับจะลืมเรื่องอื่นใดหมดสิ้น สองตามองจ้องเค่อเอ๋อด้วยความตื่นตระหนกทั้งไม่เข้าใจ
กระทั่งขบคิดจนหัวแทบแตกก็ไม่อาจเข้าใจ
เป็นเค่อเอ๋อติดตามเขามาด้วยตัวเองงั้นเหรอ แถมยังตามเขามาทันที…
นี่ยังใช่เค่อเอ๋อที่ขี้อายไม่ค่อยกล้าทำอะไรเหมือนกาลก่อนอยู่อีกหรือ?
“เค่อเอ๋อ!”
หลังได้รับทราบความจริง ต้วนหลิงเทียนก็มองกล่าวกับเค่อเอ๋อด้วยใบหน้าเคร่งเครียดทันที น้ำเสียงยังเข้มขึ้นไม่น้อย “เจ้าไม่รู้หรือไรว่าที่นี่มันอันตรายแค่ไหน อีกอย่างถึงตอนแรกพวกเราจะยังไม่รู้ว่าที่นี่ไม่ใช่แดนลับเซียนกระบี่ที่อาวุโสฟงชิงหยางเหลือทิ้งไว้ แต่มันเป็นแดนลับต่างสวรรค์…”
“อย่างไรก็ตามอาจารย์ลุงพยากรณ์ก็บอกไว้ชัดเจนแต่แรกแล้ว ว่าหากพลังฝึกปรือไม่ถึงเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยนการเข้ามาในนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากเข้ามาหาที่ตาย!”
“แล้วไฉนเจ้าถึงยังกล้าตามข้าเข้ามาอย่างวู่วามเล่า?!”
วาจาเสียงกล่าวท้ายประโยคของต้วนหลิงเทียน แฝงความตำหนิไม่น้อย
แต่ลึกลงไปในแววตามีแต่ความกังวลทั้งหวาดกลัวจับใจ!
กลัวถึงที่สุดว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเค่อเอ๋อหลังเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์ตัวคนเดียว!
ถึงแม้ว่าตอนนี้เค่อเอ๋อจะปลอดภัยอยู่ตรงหน้า แต่ก็ยังทำให้เขาอดกลัวไปไม่ได้อยู่พักหนึ่ง
“พี่ใหญ่หลิงเทียน…”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หานเฉวี่ยไน่ได้มาหยุดลอยข้างๆต้วนหลิงเทียน นางเท้าสะเอวมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าบึ้งตึง กล่าวออกด้วยน้ำเสียงน้อยใจ “ข้าก็บอกท่านแต่แรกแล้วนี่นาพี่ใหญ่…ว่าความแข็งแกร่งของพี่สาวเค่อเอ๋อไม่ธรรมดาเลย! แต่ท่านเชื่อข้าที่ไหนล่ะ!?”
อันที่จริงไม่นานหลังจากที่หานเฉวี่ยไน่ได้เจอกับต้วนหลิงเทียน นางก็ได้บอกต้วนหลิงเทียนไว้แล้วถึงเรื่องที่เค่อเอ๋อได้เข้ามาสู่แดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ อีกทั้งความแข็งแกร่งของเค่อเอ๋อนั้นไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งไม่อ่อนด้อยไปกว่าผู้สืบทอดความลับสวรรค์อย่างมู่อีอีด้วยซ้ำ…
อย่างไรก็ตามตอนนั้นต้วนหลิงเทียนไม่เพียงไม่เชื่อนาง ยังเห็นว่านางน่าจะกล่าวหยอกเขาเล่นเพราะซุกซนเสียอย่างนั้น นางก็เลยจนปัญญา
หากไม่ใช่เพราะว่าภายในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ปิดกั้นฟ้าดินถึงขั้นไม่อาจกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าได้ หานเฉวี่ยไน่เองที่กังวลเรื่องนี้ไม่น้อยเหมือนกัน คงเร่งสาบานออกมาให้ต้วนหลิงเทียนเชื่อแล้ว
พอสุดท้ายต้วนหลิงเทียนไม่เชื่อนาง ตัวนางก็ได้แต่จนปัญญาและทำอะไรไม่ได้
ดังนั้นพอได้เจอเค่อเอ๋อจริงๆ หานเฉวี่ยไน่อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เพราะนางรู้ดีว่าจะได้พิสูจน์คำพูดตัวเองแล้ว…
นางไม่ได้โกหก!
“เอ่อ…”
ได้ยินคำของหานเฉวี่ยไน่ทั้งเห็นทีท่าเอาเรื่องแกมน้อยใจของนาง ต้วนหลิงเทียนก็นึกขึ้นได้
ตอนแรกเหมือนหานเฉวี่ยไน่จะบอกเรื่องที่เค่อเอ๋อเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้จริงๆ แถมพลังฝีมือก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ามู่อีอีอีกด้วย
อย่างไรก็ตามตอนนั้นเขาไม่ได้เชื่อคำของหานเฉวี่ยไน่เลย ยังคิดว่านางหลอกเขาเล่นเพราะความซุกซนไปตามประสาเท่านั้น
เค่อเอ๋อเป็นใคร?
นั่นคือภรรยาของเขานะ!
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาอยู่กับเค่อเอ๋อมาตลอด แล้วใครจะไปรู้จักตัวภรรยาเขาดีกว่าเขาได้?
ทว่าหานเฉวี่ยไน่กลับมาบอกเขาว่าภรรยาของเขาแข็งแกร่งกว่ามู่อีอี!
มันจะเป็นไปได้ยังไง!
ดังนั้นเขาเลยไม่เชื่อเรื่องที่หานเฉวี่ยไน่บอกเขาว่า…เค่อเอ๋อได้เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้แล้ว!
เพราะเขาคิดว่าเรื่องนั้นมันเป็นไปไม่ได้!
หากทว่าตอนนี้ความจริงเสมือนตบบ้องหูเขาอย่างจัง และบอกให้เขารู้ว่า
หานเฉวี่ยไน่ไม่ได้หลอกเขาจริงๆ
“เค่อเอ๋อพลังเจ้าตอนนี้…เหนือกว่ามู่อีอีอีกเหรอ?”
เมื่อต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามเค่อเอ๋ออีกครั้ง ใบหน้าเขาเผยให้เห็นความประหลาดใจไม่น้อย แววตายังฉายชัดถึงความทึ่ง
เพราะเขานึกไม่ออกจริงๆ
เค่อเอ๋อที่เดิมมีพลังฝึกปรือด้อยกว่าก่านหรูเยี่ยนมาก ไฉนในเวลาแค่ชั่วข้ามคืนจะร้ายกาจเหนือกว่ามู่อีอีได้?
ต้องทราบด้วยว่าความแข็งแกร่งของมู่อีอีนั้น ใน 7ทวาราเที่ยงแท้ก็เพียงเป็นรองแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
ด้านมู่อีอีพอเห็นต้วนหลิงเทียนถามเรื่องนี้กับเค่อเอ๋อ มุมปากนางก็อดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มเจื่อนๆออกมา
เพราะความแข็งแกร่งของ ‘พี่สะใภ้’ ไม่เพียงแต่จะแข็งแกร่งกว่านางธรรมดาๆเท่านั้น
พอนึกถึงพลังที่เค่อเอ๋อเผยออกมาให้เห็นก่อนหน้า กระทั่งนางยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงพรึงเพริด!
บอกได้เลยถ้าไม่ได้เห็นมากับตาตัวเอง กระทั่งนางเองยังไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้
ว่าภรรยาของผู้นำ ที่กล่าวได้ว่าเป็นศิษย์พี่ใหญ่อย่างต้วนหลิงเทียนที่แท้หาใช่ดอกไม้ในแจกันไม่…แต่กลับทรงพลังถึงขั้นเผลอๆจะเหนือกว่าศิษย์พี่ใหญ่อย่างต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ!
“อื้ม”
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน เค่อเอ๋อเพียงพยักหน้ารับเบาๆแต่ไม่ได้อธิบายอะไรออกมา
นิสัยขี้อายและขี้เกรงใจของนาง ทำให้นางไม่อาจเล่าความร้ายกาจอะไรของตัวเองออกมาได้
“ต้องขอโทษเจ้าด้วย”
“เป็นข้าเข้าใจเจ้าผิดไป…”
ตอนนี้พอได้รับคำยืนยันของเค่อเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองก่านหรูเยี่ยนทันที ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยความสำนึกผิด “ทั้งหมดเป็นใจข้าไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะได้เห็นเค่อเอ๋อในที่แบบนี้ จึงไม่ทันได้คิดอะไรให้ดีเพียงนึกว่าเจ้าพานางเข้ามาเท่านั้น”
ก่านหรูเยี่ยนพยักหน้ารับเบาๆคล้ายจะตอบว่า ‘ข้าเข้าใจ’
เมื่อเห็นดังนั้นต้วนหลิงเทียนก็ละสายตาออกมา โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าลึกลงไปในแววตาของก่านหรูเยี่ยนเผยความเจ็บปวดประการหนึ่ง
ในความเจ็บปวดดังกล่าวยังเผยให้เห็นถึงความอิจฉาริษยาเล็กน้อย
“เค่อเอ๋อ”
หลังจากขอโทษก่านหรูเยี่ยนแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเร่งหันกลับไปมองถามเค่อเอ๋อด้วยความอยากรู้ “เจ้า…พลังของเจ้าอยู่ๆไฉนถึงได้เพิ่มสูงขึ้นได้ในเวลาอันสั้นล่ะ…?”
ต้วนหลิงเทียนคิดไม่ออกจริงๆ
เค่อเอ๋อเองก็เป็นภรรยาของเขา สมควรเป็นเขาที่รู้เรื่องนางดีกว่าใครและไม่น่าจะมีความลับอะไรกัน
แต่มาตอนนี้เขารู้สึกว่า
ไฉนเขาถึงไม่รู้อะไรเรื่องภรรยาคนนี้เลย
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชาติที่แล้วของข้า”
ดูเหมือนเค่อเอ๋อจะเดาได้แต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนต้องกล่าวถามเรื่องนี้ออกมาแน่ ทำให้พอต้วนหลิงเทียนกล่าวถามจบคำเค่อเอ๋อก็กล่าวตอบออกมาทันที “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในหัวข้าปรากฏเศษเสี้ยวความทรงจำผุดโผล่ขึ้นมามากมาย”
“และเศษเสี้ยวความทรงจำที่ว่า ก็เป็นชิ้นส่วนความทรงจำในชาติที่แล้วของข้า”
“ข้ายังพบว่า…ในขณะที่ข้ารวบรวมชิ้นส่วนความทรงจำเข้าด้วยกัน วิญญาณของข้าก็ทรงพลังกล้าแข็งขึ้นทุกขณะ และเมื่อวิญญาณข้าทรงพลังขึ้น พลังฝึกปรือก็เริ่มเพิ่มพูนขึ้นด้วยความรวดเร็วอันน่าเหลือเชื่อ”
ถึงแม้เค่อเอ๋อจะกล่าวบอกถึง ‘ต้นตอ’ การเพิ่มพูนของพลังฝึกปรือ หากแต่นางไม่ได้กล่าวถึงกระบวนการที่เกิดขึ้น!
เพราะสุดท้ายแล้วนางก็ต้องทนทุกข์ทรมานเจียนตายกับกระบวนการผลาญวิญญาณเพื่อกู้คืนเศษเสี้ยวความทรงจำและยกระดับพลังฝึกปรือ!
เหตุผลที่นางไม่พูดถึงเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้ต้วนหลิงเทียนเป็นห่วง
“แบบนี้นี่เอง”
ได้ยินสิ่งที่เค่อเอ่อบอก ต้วนหลิงเทียนก็พอจะตระหนักถึงเรื่องราวได้ และไม่ได้สงสัยในคำตอบของนาง เพราะสุดท้ายแล้วเรื่องที่เค่อเอ๋อเป็นเทพธิดากลับชาติมาเกิดเขาเองก็รู้อยู่แล้ว
“เค่อเอ๋อ”
แต่อย่างไรเสียพอได้รู้ต้นตอความเป็นมาของพลังที่เพิ่มพูนขึ้นของเค่อเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มกังวลขึ้นมาทันที “จากที่เจ้าว่า…ในเมื่อเจ้ากำลังรวบรวมเศษเสี้ยวความทรงจำเข้าด้วยกัน งั้นก็หมายความว่าเจ้าเริ่มจดจำเรื่องราวมากมายในชาติที่แล้ว…”
“แล้วในกระบวนการดังกล่าว…มันจะส่งผลกระทบอะไรต่อความทรงจำของเจ้าในชีวิตนี้หรือไม่?”
“หากมันมีผลกระทบอะไร…งั้นตั้งแต่วันนี้ข้าห้ามไม่ให้เจ้าปะติดปะต่อเศษเสี้ยวความทรงจำในชาติที่แล้วอีกเด็ดขาด!”
ขณะกล่าวประโยคนี้น้ำเสียงต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นจริงจังไม่น้อย
เป็นธรรมดาว่าเขารู้ดีว่าเค่อเอ๋อไฉนถึงอยากมีพลังฝึกปรือสูงๆนัก ทั้งหมดเป็นเพราะนางอยากช่วยเหลือแบ่งเบาให้เขา
อย่างไรก็ตาม หากราคาที่ต้องจ่ายในการกระทำครั้งนี้ คือเค่อเอ๋อต้องสูญเสียความทรงจำในชีวิตนี้ไปล่ะก็ เขาก็ไม่มีทางยอมให้เค่อเอ๋อทำแบบนั้นเป็นอันขาด!!
เพราะเขาไม่อยากเสียเค่อเอ๋อไป!
“พี่เทียน เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ไม่มีผลกระทบอะไรเช่นนั้นเลย”
เค่อเอ๋อส่ายหัวไปมาพลางกล่าวออกด้วยรอยยิ้ม “หากมันมีผลกระทบเช่นนั้นข้าไม่มีวันปะติดปะต่อชิ้นส่วนความทรงจำพวกนั้นแน่นอน…เพราะสุดท้ายแล้วหากข้าเสียความทรงจำในชีวิตนี้ไปข้าก็คงต้องลืมท่านกับซือหลิง”
“และพี่เทียน…ท่านกับซือหลิงล้วนแล้วแต่สำคัญกับข้ายิ่งกว่าสิ่งใด! ข้าย่อมไม่มีวันเสี่ยงจะสูญเสียความทรงจำในชีวิตนี้เพื่อปะติดปะต่อชิ้นส่วนความทรงจำในชาติที่แล้วเพื่อยกระดับพลังบ่มเพาะหรอก”
ขณะกล่าวถึงท้ายประโยค ใบหน้าเค่อเอ๋อก็แลดูท่วมท้นไปด้วยความรู้สึก
“แบบนั้นก็ดีแล้ว”
มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนค่อยโล่งอก
ถึงแม้เขาเองก็คิดจะถามเรื่องชิ้นส่วนความทรงจำในชาติที่แล้วของเค่อเอ๋ออยู่บ้าง แต่เขาเองก็รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะมาคุยเรื่องแบบนั้นกันตรงนี้
ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเรื่องทันทีและวกกลับไปยังเรื่องของซูหลี่
“เค่อเอ๋อ แล้วตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับซูหลี่งั้นเหรอ?”
“หากข้ามองไม่ผิด…สตรีนางนั้นไม่ใช่คนของระนาบเซียนพวกเราแน่ กล่าวได้ว่าสิบในสิบซูหลี่ไม่ควรรู้จักกับนางมาก่อนจนกระทั่งเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้…”
“แล้วไฉน…อยู่ๆซูหลี่ถึงได้กลายเป็นทาสกระบี่ของนางได้?”
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกสงสัยเรื่องนี้อย่างหนัก
“พี่เทียน ทั้งหมดเป็นเพราะนางช่วยขจัดจิตมารให้พี่ซูหลี่”
เค่อเอ๋อกล่าวตอบ “ตอนที่พวกเราได้พบกับพี่ซูหลี่ในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้เป็นครั้งแรก พี่ซูหลี่ก็ได้กลายไปเป็นทาสกระบี่ของสตรีชุดขาวนามว่า ‘เริ่นหยวนเจี๋ย’ ผู้นั้นแล้ว…”
“ตอนนั้นข้าเองก็คิดช่วยพี่ซูหลี่จัดการเรื่องราวระหว่างเริ่นหยวนเจี๋ยกับพี่ซูหลี่ หากทว่าพี่ซูหลี่กลับไม่ต้องการให้ข้าทำอะไรแบบนั้น…”
กล่าวถึงจุดนี้น้ำเสียงของเค่อเอ๋อก็เผยความจนปัญญาออกมาอยู่บ้าง
ถึงแม้ว่าพลังฝีมือของเริ่นหยวนเจี๋ยจะไม่ใช่ชั่ว แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็บอกให้รู้ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะเท่านั้น
เมื่อเทียบกับตัวนางแล้ว ยังนับว่าห่างชั้นกันอยู่มาก
“หืม? นางช่วยซูหลี่ขจัดจิตมารเหรอ?”
“นี่มัน…เรื่องอะไรกันอีก?”
ใบหน้าต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งเต็มไปด้วยความสงสัย
หลังจากนั้นเค่อเอ๋อจึงได้กล่าวเล่าเรื่องที่รู้มาจากซูหลี่ให้ต้วนหลิงเทียนฟัง
ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับซูหลี่บ้าง…