WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2503
ตอนที่ 2,503 : สตรีชุดดำ
“แดนลับต่างสวรรค์…”
เมื่อได้หวนกลับเข้ามายังแดนลับต่างสวรรค์อีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนไม่ได้มีอารมณ์อยากรู้อยากเห็นเหมือนดั่งตอนแรกที่ได้เข้ามาอีกต่อไป นับประสาอะไรกับอารมณ์มองหาสมบัติสถาน…
เขาเริ่มออกเดินทางตระเวนไปทั่วเพื่อตามหาคนจากระนาบเหยียนหวง
ตอนนี้ถึงแม้เขาจะเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์แล้ว แต่ด้วยไม่มีจางยี่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจระบุทิศทางเพื่อไปยังสถานที่ตั้งประตูเข้าออกของระนาบเหยียนหวงได้เป็นธรรมดา
ดังนั้นเขาทำได้แค่หาใครสักคนจากระนาบเหยียนหวงให้พบแล้วให้อีกฝ่ายนำทาง
เพราะสุดท้ายเขาก็ไม่ใช่คนจากระนาบเหยียนหวง จึงไม่อาจสัมผัสได้ถึงตำแหน่งประตูทางเข้าออกของระนาบเหยียนหวงในแดนลับต่างสวรรค์
“คนของระนาบคงสิง…”
“คนจากระนาบฉีอวิ๋น…”
“คนจากระนาบโหมหลัว…”
ดั่งฟ้ากลั่นแกล้งก็ไม่ปาน ในเวลาราวๆครึ่งเดือนที่ผ่านมา…ต้วนหลิงเทียนได้พบคนของมหาระนาบทั้ง 3 หากแต่ไม่พบใครจากระนาบเหยียนหวงเลยสักคน!
จังหวะนี้เขาอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลเล็กน้อย!
‘นี่มันก็ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว…ตอนนี้จางยี่สมควรไปถึงทางออกของระนาบเหยียนหวงแล้วสินะ?’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจอย่างวิตก
ในฐานะคนของระนาบเหยียนหวง จางยี่พอเข้ามาก็สามารถสัมผัสได้ถึงตำแหน่งประตูทางเข้าออกของระนาบเหยียนหวงทันที และสามารถเดินทางได้อย่างไม่ต้องเสียเวลา
ดังนั้นตราบใดที่เข้ามาแล้วจางยี่ไม่ถูกส่งไปไกลห่างจากทางออกมากนัก ไม่พ้นต้องไปถึงในเวลาอันสั้น
ฟุ่บ!
ด้วยความกังวล ต้วนหลิงเทียนก็เร่งเหินบินด้วยควมเร็วสูงสุด ตระเวนหาผู้คนของระนาบเหยียนหวงไปทั่ว
‘หืม? ตรงนั้นเหมือนมีคนอยู่!’
‘มาดูกัน…ว่าจะมีคนของระนาบเหยียนหวงรึเปล่า’
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจไปดูเรื่องราวทันที พุ่งร่างลงไปยังหุบเขาแห่งหนึ่งไกลตาอย่างไม่รอช้า
และในขณะที่เหินร่างเข้ามาใกล้ถึง ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มได้ยินเสียงกล่าวคำเอะอะมะเทิ่งดังเข้าหู
ตอนนี้ภายในหุบเขาปรากฏกลุ่มคนกำลังล้อมร่างๆหนึ่งเอาไว้
คนที่ถูกกลุ่มคนปิดล้อมเอาไว้เป็นสตรีในชุดสีดำรัดรูป อีกทั้งไม่เพียงแต่ร่างกาย ใบหน้าของนางยังมีม่านผ้าปิดปากสีดำเอาไว้ มองไปประหนึ่ง ‘นักฆ่า’ จากในหนังกำลังภายในเมื่อชาติที่แล้วของต้วนหลิงเทียน…
สาเหตุที่ไฉนเขาบอกได้ทันทีว่าเป็นสตรี เพราะชุดสีดำรัดรูปที่นางสวมใส่ได้เผยทรวดทรงองค์เอวของนางออกมาชัดเจน!
อันที่จริงถึงแม้ชุดสีดำนี้จะไม่ได้รัดรูป ทว่าด้วยรูปร่างของสตรีนางนี้ที่ช่างได้สัดส่วนนัก ไม่พ้นต้องเผยให้เห็นถึงเค้าโครงรูปร่างชัดเจนอยู่ดี
ช่างเป็นรูปร่างอันเย้ายวนดั่งปีศาจ!
“สาวน้อย ส่งมอบยอดสมบัติสวรรค์มาเสีย…หาไม่แล้วตาย!”
ในบรรดาผู้ที่ปิดล้อมสตรีนางนั้นอยู่ ปรากฏชายฉกรรจ์คนหนึ่งตะโกนขึ้นเสียงดังอย่างดุร้าย ทำราวกับมันพร้อมจะเข่นฆ่าลุยเข้าไปทันทีหากสตรีชุดดำนั้นไม่เห็นด้วยกับพวกมัน
“ช้าก่อน! จะรีบเข่นฆ่าอันใดเพียงฉีกผ้าคลุมหน้าสีดำนั่นของนางให้ข้านายน้อมชมดูก่อน…เกิดภายใต้ผ้าดำนั่นเป็นโฉมงามขึ้นมา เช่นหลังได้ยอดสมบัติสวรรค์แล้ว…ข้านายน้อยก็ไม่รังเกียจที่จะให้นางเป็นนางบำเรอคนที่ 98 ของข้า!”
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่แลดูอย่างไรก็ไม่พ้นคุณชายรุ่นที่สอง มองสตรีชุดดำด้วยสายตาลุกวาวกล่าวออก
“ตอนที่พวกเราเข้ามา…มิได้ตกลงกันไว้ว่าทุกอย่างในสมบัติสถานระดับสวรรค์แห่งนี้ ผู้ใดดีผู้ใดได้หรอกหรือ? หรือพอเจ้าเห็นว่าเป็นข้าที่มาคนเดียวได้รับยอดสมบัติสวรรค์เข้าหน่อย พวกเจ้าเลยเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา?”
สองตาที่โผล่พ้นม่านผ้าสีดำของสตรีชุดดำทอประกายออกมาด้วยแสงเสียบเย็น กวาดมองไปยังทุกคนที่ปิดล้อมนางเอาไว้โดยรอบ
ถึงแม้วาจากล่าวคำของสตรีจะฟังแล้วเสียงหนัก ทว่ายังคงไพเราะเสนาะหูไม่น้อย
“ฮึ่ม!”
ได้ยินคำจี้ถามของสตรีชุดดำ สีหน้าของเหล่าผู้ที่ปิดล้อมโดยรอบหลายคนก็เปลี่ยนไปทันที พวกมันคล้ายเลิ่กลั่กทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่อย่างไรก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่สะทกสะท้านเพียงมองจ้องนางด้วยสายตาเย็นชา
ยอดสมบัติสวรรค์ยังมีผู้ใดไม่ต้องการ?
บางทีก่อนที่จะพบยอดสมบัติสวรรค์ ทั้งหมดได้ตกลงกันไว้แล้ว
ว่าในสมบัติสถานระดับสวรรค์แห่งนี้ใครดีใครได้
แต่พอเจอยอดสมบัติสวรรค์เข้าจริงๆ ไหนเลยจะยอมกันได้ง่ายๆ!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น คำสัญญาด้วยปากเปล่าย่อมไร้น้ำหนักขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
‘นาง…ไฉนแลดูมั่นใจนัก’
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะพึ่งมา แต่ก็สังเกตเห็นเรื่องนี้ทันที
เพราะสตรีในชุดดำที่ถูกล้อมนางนี้ ไม่เผยทีท่าอาการหวาดกลัวหรือวิตกกังวลออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย
ทีท่าแววตาของนางยังแลดูสงบนัก!
ในสายตาของต้วนหลิงเทียน สิ่งนี้เผยให้เห็นถึงความมั่นใจในฝีมือของตัวเอง!
“หืม?”
และการมาถึงของต้วนหลิงเทียนก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนเป็นธรรมดา ไม่เว้นสตรีในชุดดำนางนั้น
อย่างไรก็ตามหลังเหลือบมองต้วนหลิงเทียนปราดหนึ่ง ทุกคนก็ละสายตาไปทันที
เหล่าคนที่ปิดล้อมสตรีชุดดำก็หันกลับไปมองจ้องสตรีชุดดำไม่วางตา
ด้านสตรีชุดดำก็กวาดมองรอบกายอย่างเยียบเย็น เตรียมพร้อมรับการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
“พวกเจ้า…”
และในขณะที่บรรยากาศรอบกายระหว่างสตรีในชุดดำกับกลุ่มคนที่ปิดล้อมกำลังคลุ้งไปด้วยกลิ่นดินปืน ราวพร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งมาถึงได้ไม่ทันไรพลันกล่าวโพล่งถามออกมาอย่างหน้าตาเฉย
“มีใครในบรรดาพวกเจ้า…ที่มาจากระนาบเหยียนหวงบ้าง?”
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ทุกคนก็หันมาเหลือบมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง จากนั้นก็ละสายตากลับมาและไม่สนใจอะไรต้วนหลิงเทียนอีก
ในสายตาของพวกมัน ต้วนหลิงเทียนไม่พ้นคนที่พึ่งบังเอิญเข้ามาในสมบัติสถานระดับสวรรค์แห่งนี้ และยังเป็นคนที่มีอายุน้อยกว่า 100 ปีเหมือนพวกมันอีกด้วย และพวกมันในที่นี้ส่วนใหญ่ก็เป็นตัวตนครึ่งก้าวเซียนอมตะทั้งสิ้น!
สำหรับใครก็ไม่รู้ที่มาใหม่ตัวคนเดียว พวกมันคร้านจะให้ความสำคัญอันใด
ถึงแม้พวกมันทุกคนจะไม่ใช่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ แต่อย่างน้อยๆในกลุ่มก็มีครึ่งก้าวเซียนอมตะมากกว่า 3…
ต่อให้ผู้มาใหม่จะเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ แล้วมีโมโหกับการเพิกเฉยของพวกมันแล้วอย่างไร? ยังจะมีพลังสามารถพลิกฟ้าได้หรือ?
ต้วนหลิงเทียนไม่แปลกใจอะไรกับท่าทีของทุกคน
อย่างไรก็ตามหลังกล่าวถามออกไป สายตาของเขาก็จับจ้องมองสีหน้าแววตาทั้งอาการของทุกคนอย่างละเอียด และในที่สุดเขาก็ยืนยันได้ทันที ว่าหนึ่งในนั้นสมควรเป็นคนที่มาจากระนาบเหยียนหวง!
สายตาของคนเราไม่อาจหลอกใครได้…
“ฆ่านางเสีย!”
“ฆ่านางแล้วชิงยอดสมบัติสวรรค์นั่นมา!”
…
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังให้ความสนใจกับผู้ที่สมควรมาจากระนาบเหยียนหวง เหล่าคนที่ปิดล้อมสตรีชุดดำอยู่ก็เริ่มแสดงความมุ่งร้ายออกมา
ทันใดนั้นดั่งให้สัญญาณออกตัว หลายคนที่เตรียมพร้อมอยู่ก่อนก็ซัดพลังเข่นฆ่าสังหารออกไป! มวลพลังโถมเข้าหาร่างสตรีชุดดำจากทั่วทั่สารทิศ!!
สตรีในชุดดำกลางวงล้อมจังหวะนี้…ประหนึ่งสัตว์ร้ายพลาดพลั้งติดกับดักไม่อาจหลีกหนี!
“ฮึ!”
และในขณะที่ผู้คนโดยรอบเริ่มลงมือ ดวงตาที่เผยออกมาให้เห็นเหนือม่านผ้าของสตรีชุดดำก็แปรเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นอำมหิต มือหนึ่งยังยกขึ้นก่อนจะปรากฏกริชผุดโผล่จากความว่างเข้ามากระชับถือไว้ในท่ากำด้ามปลายกริชคว่ำลงเบื้องล่าง!
ทันทีที่กริชเล่มดังกล่าวปรากฏขึ้น สองตาต้วนหลิงเทียนก็หดหยีลงเล็กน้อย
เขามองออกทันที
กริชเล่มนั้นเป็นยอดสมบัติสวรรค์
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ในสายตาต้วนหลิงเทียน พริบตาเดียวสตรีในชุดสีดำนั่นก็คล้ายสัตว์ร้ายที่หลุดจากกรง ร่างบางเคลื่อนไหวอย่างดุร้าย! กริชในมือตวัดฟันออกไปโดยรอบด้วยท่วงท่าลื่นไหลประหนึ่งร่ายรำ และดั่งจะมีอำนาจแห่งทยเทพหนุนเสริมก็ไม่ปาน เพราะมันสามารถตวัดฟันมวลพลังที่โถมถันเข้ามาจนสลายได้ง่ายดายนัก!!
และทันใดนั้นกลิ่นอายทรงพลังขุมหนึ่งก็เริ่มแผ่กำจายออกมาจากร่างสตรีชุดดำ
“ไม่ดีแล้ว!”
และเมื่อกลิ่นอายของสตรีแผ่ออกมาให้ทุกคนโดยรอบได้สัมผัส เหล่าชนชั้นครึ่งก้าวเซียนอมตะหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสีไป เพราะพวกมันสัมผัสได้ถึงลางร้ายประการหนึ่ง!
ในฐานะที่เป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะประสาทสัมผัสของพวกมนัย่อมละเอียดทั้งเฉียบคมกว่าคนอื่นมาก
และเมื่อสัมผัสได้ถึงลางร้ายดังกล่าว พวกมันก็ตระหนักได้ทันที
สตรีชุดดำเบื้องหน้า แม้จะเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะดุจเดียวกับพวกมัน แต่พลังฝีมือสมควรเหนือล้ำกว่าเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์แน่นอน!!
“หลังได้รับยอดสมบัติสวรรค์อย่างกริชนั่นไป พลังของนางก็มิน่าจะเพิ่มพูนขึ้นถึงระดับนี้…กล่าวได้ว่า ก่อนที่นางจะได้รับยอดสมบัติสวรรค์นั่นไป พลังความแข็งแกร่งของนางอย่างน้อยๆก็เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์แต่แรก?”
ในบรรดาครึ่งก้าวเซียนอมตะที่ปิดล้อมอยู่รอบสตรีชุดดำนั้น หนึ่งในสามคนที่มีพลังฝีมือทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ จังหวะนี้พวกมันอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวั่นเกรงเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายฆ่าฟันและถูกสายตาเยียบเย็นของสตรีชุดดำนั่นมองมา…
กระทั่งในใจของมัน ยังเริ่มบังเกิดความคิดล่าถอยขึ้นมาแล้ว
และตอนนี้เองครึ่งก้าวเซียนอมตะที่มีพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์อีก 2 คนที่ปิดล้อมอยู่ ก็ได้แต่มองไปยังสตรีชุดดำด้วยสายตาอิชฉาถึงขีดสุด…
เพราะหากพวกมันได้กริชเล่มนั้นมาถือไว้ในมือ พวกมันก็ย่อมสำแดงพลังความแข็งแกร่งที่ไม่อ่อนด้อยไปกว่าสตรีชุดดำออกมาได้!
‘นาง…ยังคงปกปิดพลังฝีมือเอาไว้?’
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนที่มองชมเรื่องราวอยู่วงนอก ก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้นเอง คิ้วต้วนหลิงเทียนพลันโค้งขึ้นข้างหนึ่ง
ปงงง!!
อยู่ดีๆทั่วร่างของสตรีชุดดำท่ามกลางวงล้อมก็ปะทุกลิ่นอายพลังอันแรงกล้าออกมา!
ทันใดนั้นกริชในมือที่ตวัดฟันออกไปของนางก็ทวีความฉับไวขึ้น คงเหลือเป็นเส้นแสงประกายคงค้างไว้ในอากาศ!
เมื่อประกายแสงดังกล่าวสว่างวาบออกมา ก็ปรากฏรังสีพลังคมกล้าคล้ายได้รับพลังหนุนเสริมจากทวยเทพซัดพุ่งออกไป ทำลายคลื่นพลังทั้งมวลได้อย่างหมดจดยิ่งกว่าก่อนหน้า และยังคงเหลือสภาวะพลังดุร้ายเข่นฆ่าสังหารทะยานออกไปสืบต่อ!!
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว คลื่นอากาศวิปริตรุนแรงกวาดซัดออกไปทั่วสารทิศ!
หลังสตรีชุดดำปะทุพลังแกร่งกล้า มวลพลังทั้งหลายของเหล่าผู้ที่ถูกปิดล้อมก็ถูกทำลายลงอย่างราบคาบ กระทั่งรังสีพลังคมกล้านั่นยังพรากชีวิตผู้คนไปไม่น้อย!
ความคิดฆ่าฟันของเหล่าผู้คนที่ปิดล้อมสลายหายไปทันที!
“บัดซบ!”
“พวกเราดูเบานางเกินไป!”
“บ้าเอ๊ย! ความแข็งแกร่งของนาง…อย่างน้อยๆก็เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์เข้าไปแล้ว!”
…
เมื่อสตรีชุดดำสลายพลังทั้งเข่นฆ่าสังหารสวนกลับไปได้ในพริบตา ครึ่งก้าวเซียนอมตะเสเพลที่มีพลังทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ 2 ใน 3 คน ที่หนีตายมาได้เฉียดฉิวก็หน้าเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง!
เพราะพวกมันไม่คิดไม่ฝันเลย!
ว่าสตรีชุดดำเบื้องหน้ากับซุกซ่อนพลังฝีมือไว้ลึกยิ่งนัก!
หากพวกมันรู้แต่แรกว่าก่อนสตรีชุดดำเบื้องหน้าจะได้รับยอดสมบัติสวรรค์ นางก็มีพลังความแข็งแกร่งทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์เป็นทุน พวกมันไหนเลยจะหาญกล้าคิดหันอาวุธใส่นางเพราะความโลภ!
“แยกย้ายกันหนีเร็ว!!”
ครึ่งก้าวเซียนอมตะคนหนึ่งที่รอดชีวิตมาได้ เมื่อตระหนักถึงพลังฝีมือของสตรีชุดดำได้แล้ว ก็บังเกิดความคิดหลบหนีทันที! และทุกคนก็คิดดุจเดียวกับมันไม่ต่างโดยเฉพาะผู้ที่เรียกตัวเองว่า ‘ข้านายน้อย’ นั้น หวาดกลัวจนแทบฉี่ราดแล้ว!
แต่พวกมันจะหลบหนีได้หรือ?
พริบตาต่อมาร่างสตรีในชุดสีดำก็พร่าเลือนหายไป ก่อนที่จะไปปรากฏตัวเบื้องหน้าพวกมันทีละคนดั่งมัจจุราช กริชในมือตวัดพรากชีวิตของพวกมันไปด้วยอำมหิต! ไม่มีผู้ใดในบรรดาเหล่าผู้ที่ปิดล่อมต้านทานรับได้แม้แต่กริชเดียว!!
ไม่ทันไรในหุบเขาอันกว้างใหญ่ ก็คงเหลือเพียงต้วนหลิงเทียน กับสตรีชุดดำสองคนเท่านั้น
“เจ้า…มาจากระนาบเหยียนหวงสินะ”
ต้วนหลิงเทียนที่มองจ้องไปยังร่างสตรีในชุดดำท่ามกลางซากศพ ค่อยๆกล่าวถามออกมาเสียงเรียบ…