WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2508
WSSTH ตอนที่ 2,508 : แยกทาง
ผู้พิทักษ์ซ้ายแห่งสำนักเทียนซืออย่างจางฉู่เหอ จะอย่างไรก็เป็นถึงตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล…
ทว่ากลับตกตายด้วยน้ำมือต้วนหลิงเทียนในกระบวนท่าเดียว!
เทียบกับการปะทะกันก่อนหน้า ต้วนหลิงเทียนราวกับจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน!!
เนื่องเพราะการปะทะกันครั้งแรก ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เหนือกว่าจางฉู่เหอมากนัก…
ทว่าตอนนี้ไม่ต้องบอก ผู้พิทักษ์ขวาฉีจงก็ได้แลเห็นด้วยสองตาจนกระจ่างแจ้ง…
การปะทะกันก่อนหน้า ต้วนหลิงเทียนจงใจออมมือเอาไว้!
มาคราวนี้พอต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะลงมือจริงจัง จางฉู่เหอก็มิอาจต้านทานรับพลังกระบวนท่าได้แม้แต่น้อย! ถูกฆ่าอย่างไร้ซึ่งหนทางตอบโต้ใดๆ!!
‘ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้…ไม่ต่างอะไรจากฟงชิงหยางในปีนั้นเลย!’
แผ่นหลังฉีจงชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น ขณะเดียวกันมันก็รู้สึกขอบคุณสวรรค์เล็กน้อย ที่เมื่อครู่มันไม่มีเวลาแม้แต่จะเคลื่อนไหวใดๆ หาไม่แล้วคงได้กอดคอไปเมืองผีกับจางฉู่เหอแน่แท้!
มันรู้ตัวดี
ด้วยพลังสามารถที่ฆ่าจางฉู่เหอได้ง่ายดายราวตัดหญ้าฆ่าไก่ของต้วนหลิงเทียน ให้เป็นตัวมันก็คงตายตกในชั่วพริบตาไม่ต่าง!
‘มองไปทั่วสำนักเทียนซือของเรา…เกรงว่าคงมีแต่ปรมาจารย์เสวียนอวิ๋นเจินเหรินเพียงผู้เดียวที่สามารถต่อกรกับต้วนหลิงเทียนผู้นี้ได้!’
ฉีจงลอบกล่าวในใจอย่างหวาดเสียว
ยิ่งมาสีหน้าของฉีจงก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่ทราบว่าฝ่ามือของมันกำลงเป็นหมัดตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งยังรู้สึกเหนียวเหนอะเพราะเหงื่อนัก…
ทั้งหมดนี้เพราะมันพบว่า…
ชายหนุ่มที่ฆ่าจางฉู่เหอไปได้อย่างง่ายดาย กำลังมองจ้องมาที่มันด้วยสายตาไร้แยแส!
ถึงแม้ในสายตาของอีกฝ่ายจะไร้ซึ่งจิตสังหารใดๆ แต่ก็ทำให้มันรู้สึกหวาดกลัวจับใจ!!
เพราะมันรู้ดี…
หากชายหนุ่มชุดม่งตรงหน้าบังเกิดจิตคิดฆ่าฟันมันขึ้นมา เกรงว่ามันคงจบสิ้นลงในเวลาชั่วพริบตา!
“ผู้พิทักษ์ฉีจง…”
ต้วนหลิงเทียนที่มองไปทางฉีจงค่อยๆเปิดปากพูดออกเสียงเรียบ “ข้าชื่อต้วนหลิงเทียน มาจากระนาบเซียน…จางยี่เป็นสหายที่ข้าได้พบเจอและรู้จักกันในแดนลับต่างสวรรค์”
“ตอนแรกเป็นเพราะจางอวิ๋นเฟยมันคิดช่วงชิงยอดสมบัติสวรรค์ในมือข้า สุดท้ายเลยถูกข้าฆ่าตาย…เรื่องนี้จางยี่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย”
“ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าจางอวิ๋นเฟยภายในแดนลับต่างสวรรค์ หรือการฆ่าจางฉู่เฟยที่นี่…ข้าต้วนหลิงเทียนรู้ผิดชอบชั่วดี! หากคนของสำนักเทียนซือยังคิดจะล้างแค้นข้าเพราะเรื่องนี้ ก็มาหาข้าได้ทุกเวลา!”
“แต่ถ้าพวกเจ้าเอาเรื่องนี้ไปลงกับจางยี่ด้วยโทสะ…ก็อย่าได้ตำหนิข้าที่จะไปหาความเป็นธรรมจากสำนักเทียนซือ!”
กล่าวถึงท้ายประโยค แววตาต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายแหลมคมทันที!
ฟืด!
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ฉีจงอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ!
ด้วยพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน หากสำนักเทียนซือคิดล้างแค้นขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าคงทำให้สำนักเทียนซือต้องตกอยู่ในมหันตภัยแล้ว!
เพราะสุดท้ายจากพลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนสำแดงออกเมื่อครู่ กระทั่งตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักเทียนซืออย่างเสวียนอวิ๋นเจินเหริน น่ากลัวว่าอย่างดีก็คงทำได้แค่เสมอกับต้วนหลิงเทียน!
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เสวียนอวิ๋นเจินเหรินไม่อาจอยู่คุ้มครองคนในสำนักเทียนซือได้ทุกคนและทุกเวลา…
“นอกจากนั้นจางยี่ไม่ได้มีแค่ยอดสมบัติสวรรค์ที่ข้ามอบให้…แต่ยังได้รับสืบทอดมรดกเวทย์พลังสายจู่โจมจากระนาบเทวโลก! หากสำนักเทียนซือให้การดูแลและปลูกฝังจางยี่ด้วยทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเวทย์พลังสวรรค์หรือวรยุทธ์เซียนอมตะที่สำนักเทียนซือมี ความสำเร็จในวันหน้าของจางยี่มีแต่จะเหนือกว่าจางอวิ๋นเฟยเท่านั้นไม่มีทางต่ำกว่าจางอวิ๋นเฟยแน่นอน!”
ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ตบหน้าหนึ่งที ให้ขนมหนึ่งชิ้น’ หลังต้วนหลิงเทียนกล่าวข่มขู่ฉีจงไปแล้ว ก็เริ่มกล่าวปลอบสำนักเทียนซือว่าหากปลูกฝังจางยี่ให้ดี ความสำเร็จของจางยี่ในภายภาคหน้าก็มิใช่ชั่วเลย!
“ยอดสมบัติสวรรค์?!”
“เวทย์พลังสายจู่โจมจากระนาบเทวโลก”
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ฉีจงพลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง หลังจากนั้นก็หันไปมองจางยี่ทันทีด้วยสายตาประหลาดใจ ทำราวกับคิดขอคำยืนยันจากจางยี่ว่าที่ต้วนหลิงเทียนพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือไม่!
มันไม่อาจยืนยันข้อเท็จจริงของเรื่องราวได้ จนเมื่อเห็นจางยี่พยักหน้ารับ!
สิ่งที่ต้วนหลิงเทียนพูดเป็นความจริง!!
“นอกจากนี้…ข้ายังมีสัมพันธ์อันดีกับเซียนหยวนจื่อของวังเซียนหยวน และข้าได้ยินมาว่าเซียนหยวนจื่อเองก็มีไมตรีกับเสวียนอวิ๋นเจินเหรินของสำนักเทียนซือไม่น้อย…เช่นนั้นฝากไปบอกเสวียนอวิ๋นเจินเหรินของสำนักเทียนซือเจ้าด้วย ว่าวันหน้าหากมีโอกาสข้าจะไปคารวะสักครา”
ต้วนหลิงเทียนยังคงมองฉีจงพร้อมกล่าวสืบต่อ
และหลังจากพูดกับฉีจงจบคำแล้ว เขาก็หันไปมองจางยี่ที่ลอยข้างๆ พลางเอ่ยปากว่า “จางยี่ที่ข้าทำให้เจ้าได้ทั้งหมดก็มีแค่นี้…”
“พอแล้ว แค่นี้ก็มากพอแล้ว!”
จางยี่กล่าวตอบด้วยความสำนึกขอบคุณ
อาศัยคำพูดทั้งหลายของต้วนหลิงเทียน ก็มากพอให้ตัวมันอยู่ในสำนักเทียนซือได้อย่างมีหน้ามีตาแล้ว!
อันที่จริงเอาแค่จางฉู่เหอถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าทิ้งไป มันก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไรอีก…
เพราะมันเองก็พูดไว้แต่แรก ว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในการกลับไปยังสำนักเทียนซือก็คือ จางฉู่เหอ…
ตอนนี้ไม่เพียงแต่จางฉู่เหอจะตายตก ต้วนหลิงเทียนยังพูดปูทางให้มันอีก เรียกว่าอนาคตในสำนักเทียนซือของมันสดใสกว่ากาลก่อนมากมาย…
“เซียนหยวนจื่อ?!”
เมื่อได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ฉีจงถึงกับผงะไปเล็กน้อย จากนั้นก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยความตกใจ “ท่านกับเซียนหยวนจื่อ…เป็นสหายกันหรือ?”
เซียนหยวนจื่อแห่งวังเซียนหยวนนั้น เป็น 1 ใน 2 ยอดฝีมือขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของวังเซียนหยวน และยังเป็นสหายที่ดีที่สุดของเสวียนอวิ๋นเจินเหรินของสำนักเทียนซือมัน!
เรื่องนี้มันรู้ดี
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำขณะเดียวกันก็ยกมือขึ้นเบาๆ ก่อนที่จะปรากฏป้ายสีม่วงทองอยู่ในมือ
และเมื่อต้วนหลิงเทียนจ่ายพลังลงไปเล็กน้อย ป้ายสีม่วงทองดังกล่าวก็ส่องแสงสว่างขึ้นมา จากนั้นปรากฏแสงสีม่วงทองหนึ่ง ส่องตรงไปทางทิศเหนือ
“วังเซียนหยวน…ตั้งอยู่ทางเหนืองั้นหรือ?”
คิ้วต้วนหลิงเทียนโค้งขึ้น
เป็นธรรมดาว่าเขายังไม่คิดจะไปวังเซียนหยวนตอนนี้
เพราะตอนนี้ถึงเขาจะไปยังวังเซียนหยวน แต่เกรงว่าเซียนหยวนจื่อจะยังไม่กลับมา
‘หลังกลับมาจากโลกหากข้ายังมีเวลาเหลือ…ค่อยไปวังเซียนหยวนแล้วกัน’
ต้วนหลิงเทียนลอบตัดสินในใจ
มายังระนาบเหยียนหวงคราวนี้ สิ่งแรกที่เขาคิดทำคือย้อนกลับไปยังโลก…
โลก จะอย่างไรก็เป็นบ้านเกิดของเขาเมื่อชีวิตที่แล้ว…
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมี ‘ธุระ’ ที่ต้องกลับไปสะสางเรื่องหนึ่ง!
ก่อนที่จะรู้ว่ามีโอกาสกลับไปยังโลก ต้วนหลิงเทียนก็ได้ปล่อยวางเรื่องราวในครั้งอดีตไปแล้ว และไม่คิดจะย้อนกลับไปนึกถึงมันอีก
แต่พอมาได้รู้ว่าเขามีหนทางย้อนกลับไปยังโลก ในใจต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะย้อนนึกถึงการทรยศของ ‘นายหน้า’ ที่ขายเขา และในใจก็อดไม่ที่จะบังเกิดความใคร่รู้ขึ้นมา
‘ข้าอยากจะถามมันนัก…ว่าทำไมต้องหักหลังขายข้าแบบนั้น’
ต้วนหลิงเทียนเพราะถูกนายหน้าคนนั้นขาย สุดท้ายก็พลาดเดินเข้าสู่กับดักจนต้องจบชีวิตลง
ทั้งหมดเป็นเพราะในชาติที่แล้ว เขาเห็นนายหน้าคนนี้ไม่ต่างจากพี่ชาย และเป็นดั่งญาติคนเดียวบนโลกของเขา จึงไม่คิดไม่ฝันเลยว่าสุดท้ายจะต้องมาถูกอีกฝ่ายหักหลัง จนต้องตกตายไปอย่างไม่เข้าใจ…
‘ตอนนี้เวลาก็ได้ล่วงเลยไปหลายสิบปีแล้ว…หากมันยังอยู่ป่านนี้ก็คงอายุไม่น้อย’
‘หวังว่ามันจะยังไม่ตาย…’
หลังต้วนหลิงเทียนได้โอกาสมีชีวิตอีกครั้ง เวลามันก็ได้ล่วงเลยไปหลายสิบปีแล้ว
ดังนั้นหากนายหน้าคนนั้นยังอยู่ อีกฝ่ายก็สมควรมีอายุราวๆ 70-80 ปี
ถ้าไม่เกิดเหตุผิดพลาด ก็สมควรยังมีชีวิตอยู่!
‘ไม่ว่ามันจะยังอยู่หรือตาย…ข้าก็จะกลับไปยังโลกสักครั้ง’
‘ถึงจะแค่…กลับไปดูแค่ชั่วครู่ก็ตามที’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
“นี่มัน…ป้ายคำสั่งม่วงทอง ของวังเซียนหยวน!?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนหยิบป้ายม่วงทองออกมาทดสอบ ด้านฉีจิงผู้พิทักษ์ขวาของสำนักเทียนซือพอได้เห็นป้ายดังกล่าวในมือต้วนหลิงเทียนก็หรี่ตามองชมอย่างตื่นๆ!
นั่นเพราะป้ายคำสั่งสีม่วงทองในมือต้วนหลิงเทียนมันไม่ใช่ป้ายธรรมดาๆ!
เท่าที่ฉีจงทราบ
ป้ายคำสั่งม่วงทองนั่นมีไม่มาก เพราะมีแต่ชนชั้นอาวุโสที่สามารถขึ้นไปยังระนาบเทวโลกได้แน่ๆเท่านั้นถึงจะมีมันในครอบครอง กล่าวได้ว่ากระทั่งในวังเซียนหยวนเอง ผู้ที่ถือครองป้ายม่วงทองก็มีแค่หยิบมือเดียว
แน่นอนว่าตัวตนเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลสำคัญระดับสูงของวังเซียนหยวนทั้งสิ้น!
อีกทั้งสำหรับวังเซียนหยวนแล้ว
บุคคลภายนอกที่สามารถถือครองป้ายคำสั่งม่วงทองได้ ก็ถือเป็นสหายของวังเซียนหยวน! หากใครกล้าแตะต้องผู้ถือป้ายคำสั่งม่วงทอง ก็เสมือนตั้งตัวเป็นศัตรูกับวังเซียนหยวน!!
อีกทั้งผู้ที่ถือครองป้ายคำสั่งม่วงทอง ยังมีฐานะเทียบได้กับจ้าววังเซียนหยวน!
‘ข้าเกือบลืมไป จะอย่างไรแม้มันจะเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ แต่พลังฝีมือก็เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์…ตัวตนที่ร้ายกาจอย่างต้วนหลิงเทียนและยังรู้จักกับเซียนหยวนจื่อ ถึงจะมีป้ายคำสั่งม่วงทองของวังเซียนหยวนอยู่ในมือก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร’
พอนึกได้ถึงเรื่องนี้ ฉีจงก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“จางยี่ ก่อนที่ข้าจะขึ้นไปยังระนาบเทวโลก หากยังพอมีเวลาเหลือข้าจะไปหาเจ้าที่สำนักเทียนซือ…แต่หากข้าไม่มีเวลา ไว้พวกเราค่อยพบกันใหม่ในระนาบเทวโลก”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองกล่าวจางยี่ด้วยรอยยิ้ม
ในชีวิตเขามีเพื่อนไม่มากนัก และเขาก็รักษามิตรภาพระหว่างสหายอย่างดี
“ย่อมได้”
จางยี่พยักหน้ารับเป็นมั่นเหมาะ
สำหรับจางยี่แล้ว ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะเป็นสหายเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้มีพระคุณของมันอีกด้วย
มันยังอยากจะบอกว่าตัวมันไม่ได้รีบร้อนกลับสำนักเทียนซือ แต่จะเดินทางไปพร้อมต้วนหลิงเทียนด้วยกัน จนเมื่อถึงเวลาที่ต้วนหลิงเทียนต้องขึ้นสู่สวรรค์ มันถึงค่อยกลับไปยังสำนักเทียนซือ…
แต่พอลองคิดอีกรอบ มันก็สำเหนียกตัวเองดีว่าพลังฝีมือต้อยต่ำเกินไป แม้จะเดินทางร่วมกับต้วนหลิงเทียนแต่ก็คงยากจะช่วยเหลืออะไรได้ จะมีก็แต่ฉุดลากถ่วงรั้งต้วนหลิงเทียนเอาไว้เท่านั้น จึงไม่กล่าวออกมา…
“ไปกันเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนหันไปกล่าวชวนถังเซี่ยวเซี่ยวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นคนก็พุ่งลับฟ้าหายไปจากสายตาของจางยี่และฉีจงในเวลาชั่วพริบตา…
“จางยี่…เจ้ามีสหายที่น่าอัศจรรย์นัก”
จนเมื่อแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนหายลับไปจากสายตาสักพัก ฉีจงค่อยคืนสติ จากนั้นก็หันไปมองกล่าวกับจางยี่พลางระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน
“ข้ารู้ท่านผู้พิทักษ์ฉี”
จางยี่พยักหน้าตอบฉีจง ค่อยหันกลับไปมองฟ้าทิศทางที่ต้วนหลิงเทียนหายลับสายตาไปอีกครั้ง
มันรู้ดี
ว่าการแยกจากต้วนหลิงเทียนครั้งนี้ หากอีกฝ่ายไม่ว่างและไม่ได้ไปหามันที่สำนักเทียนซือ เกรงว่าในภายภาคหน้าต่อให้ขึ้นไปยังระนาบเทวโลกแล้ว แต่โอกาสได้พบเจอกันอีกครั้งก็น้อยนิดนัก!
ระนาบเทวโลกกว้างใหญ่ไพศาลเหลือเกิน…
กระทั่งยังหมายถึงระนาบเทวโลกระนาบหนึ่งเท่านั้น ต้องทราบด้วยว่าระนาบเทวโลกมีด้วยกันทั้งสิ้นเก้าเก้า 81 ระนาบ
“จางยี่…ต้วนหลิงเทียนสหายเจ้า เป็นคนที่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนของแดนลับต่างสวรรค์รอบนี้หรือ?”
ครู่ต่อมาฉีจงที่นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็อดหันไปถามจางยี่ด้วยความสงสัยไม่ได้
แม้ตัวมันเองจะมั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าที่ต้วนหลิงเทียนมีพลังฝีมือร้ายกาจถึงขั้นทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ได้ ไม่พ้นต้องได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนคราวนี้แน่นอน
แต่ถึงในใจจะคิดแบบนั้น มันก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามจางยี่ออกมาเพื่อยืนยันอยู่ดี
เพราะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ดีเท่าจางยี่แน่นอน
“ไม่ใช่”
อย่างไรก็ตามที่ทำให้ฉีจงต้องรู้สึกผิดคาดก็คือ จางยี่กลับส่ายหัวออกมา!
“มรดกต้าหลัวจินเซียนในการเปิดออกของแดนลับต่างสวรรค์รอบนี้ ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนที่ได้รับสืบทอดไป…ส่วนคนที่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนไปครอง ก็เป็นเพื่อนของต้วนหลิงเทียนเอง”