WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2509
WSSTH ตอนที่ 2,509 : ดาวฉู่ถัง
“อะไร! ต้วนหลิงเทียน…มิได้รับมรดกต้าหลัวจินเซียนรึ?!”
ได้ยินคำพูดของจางยี่ฉีจงถึงกับตกตะลึงอึ้งค้าง แน่นิ่งไปจนคนคล้ายกลับกลายเป็นรูปปั้น!
อันที่จริงตอนที่มันกล่าวถามจางยี่ออกไป ก็เป็นการกล่าวถามเชิงยืนยันความคิดตัวเองเท่านั้น
เพราะในใจมั่นตัดสินไปแล้ว…
ต้วนหลิงเทียนต้องได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนมาแน่นอน หาไม่แล้วคงไม่มีพลังฝีมือร้ายกาจระดับนี้!
แต่ตอนนี้จางยี่พึ่งบอกว่า…
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รับมรดกต้าหลัวจินเซียน
“มิได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียน หากแต่พลังฝีมือยังสูงส่งขนาดนี้…นี่มันยังเป็นผู้คนอยู่แน่หรือ?”
หลังจากนั้นไม่นาน พอฉีจงฟื้นสติมันก็ได้แต่กล่าวพึมพำออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัววจินเซียนของแดนลับต่างสวรรค์รอบนี้…แต่ต้วนหลิงเทียนก็เป็นถึงผู้สืบทอดเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง คนจากระนาบเซียนที่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนของแดนลับต่างสวรรค์รอบที่แล้ว”
จางยี่กล่าวเสริม
“มิน่าเล่า!”
พอได้ยินประโยคดังกล่าวของจางยี่ สองตาฉีจงก็ทอประกายเรื่องวูบคล้ายเข้าใจอะไรได้ “หากเป็นเช่นนี้ก็สามารถอธิบายได้ไม่ยาก…แต่ข้ามิคิดเลยว่าคนที่ได้รับสืบทอดมรดกกต้าหลัวจินเซียนมา จะยังสามารถถ่ายทอดมรดกให้ผู้สืบทอดแบบนี้ได้…”
“ช้าก่อน! เรื่องนี้มิได้หมายความว่า…ตราบใดที่ผู้สืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนในแดนลับต่างสวรรค์ครานี้ยินดีแบ่งปัน มรดกต้าหลัวจินเซียนก็สามารถส่งต่อให้ผู้อื่นได้หรือไร?”
กล่าวถึงจุดนี้สองตาของฉีจงยิ่งมาก็ยิ่งทอประกายสว่างจ้า หันไปมองถามจางยี่ด้วยความกระตือรือร้นทันที “จางยี่…เจ้าบอกว่าเมื่อครู่ผู้ที่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนรอบนี้ไป เป็นสหายของต้วนหลิงเทียนใช่หรือไม่?”
“เอ่อ ท่านผู้พิทักษ์ฉีข้าเกรงว่าท่านอย่าคิดจะไปยุ่งกับคนๆนั้นดีกว่า”
จางยี่คล้ายตระหนักได้ว่าฉีจงกำลังคิดอะไรอยู่ “สหายของต้วนหลิงเทียนคนนั้น ตอนนี้ติดตามอยู่ข้างกายอาวุโสเซียนหยวนจื่อแห่งวังเซียนหยวน…นอกจากนั้นตอนนี้คนผู้นั้นยังได้กลายเป็นอาคันตุกะอาวุโสของวังเซียนหยวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว! หลังจากนี้อีก 2 ปีก็คงติดตามอาวุโสเซียนหยวนจื่อออกจากแดนลับต่างสวรรค์เพื่อกลับไปยังวังเซียนหยวน”
“คราวนี้นับว่าวังเซียนหยวนเป็นดั่งเก๋งใกล้น้ำได้จันทร์ก่อนแล้วจริงๆ…”
ฉีจงได้แต่คลี่ยิ้มออกมาอย่างขื่นขม สลายความคิดผูกมิตรกับผู้ที่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนเพื่อหวังผลทิ้งไปทันที
ในเมื่อคนผู้นั้นได้ถูกวังเซียนหยวนจับจองไปแล้ว เช่นนั้นก็ไม่เหลือโอกาสให้สำนักเทียนซือของมันฉกฉวยอีกต่อไป
“พวกเรากลับกันเถอะ”
ฉีจงหันไปมองกล่าวกับจางยี่ด้วยสายตาซับซ้อน “ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าการเปิดออกของแดนลับต่างสวรรค์ครานี้ จะเป็นศิษย์ตัวเล็กๆเช่นเจ้าที่ประสบผลเลิศล้ำยิ่งกว่าใคร…ภายภาคหน้าเจ้าต้องแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย เกรงว่าวันหนึ่งให้เป็นจางอวิ๋นเถิงก็ยากจะเทียบเจ้าได้”
“จะว่าไป…หากอาจารย์เจ้าได้รับทราบเรื่องราว ไม่พ้นมันต้องยิ้มจนปากฉีกถึงหูเป็นแน่!”
ฉีจงกล่าว
“แหะๆ…”
ได้ยินคำของฉีจง จางยี่ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างเขินๆ
หลังจากนั้นจางยี่ก็ติดตามฉีจงเดินทางกลับสำนักเทียนซือ…
ส่วนอีกด้านนั้น ภายใต้การนำทางของถังเซี่ยวเซี่ยว ต้วนหลิงเทียนก็เดินทางมาถึงสถานที่ตั้งมหาค่ายกลเคลื่อนย้ายที่อยู่ไม่ไกลจากทางเข้าออกแดนลับต่างสวรรค์สักเท่าไหร่
“นั่นน่ะเหรอ…มหาค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ว่า”
มองไปยังมหาค่ายกลเคลื่อนย้ายที่มีขนาดใหญ่โตทั้งมีรูปแบบสลับซับซ้อนเบื้องล่าง ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอื้ออึงคล้ายหนังศีรษะด้านชาอยู่บ้าง
เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้เห็นมหาค่ายกลเคลื่อนย้ายที่มีขนาดใหญ่โตถึงขนาดนี้!
“ใช่”
ถังเซี่ยวเซี่ยวที่ลอยร่างอยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ที่เจ้าเห็นนั่นคือ มหาค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาวขนาดใหญ่ ถูกแบ่งแยกยิบย่อยออกเป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดย่อยอีกเก้าเก้า 81 ค่ายกล”
“ตามข้ามา”
ภายใต้การนำทางของถังเซี่ยวเซี่ยว ต้วนหลิงเทียนก็ได้มาถึงตำแหน่งที่ตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาวขนาดย่อย
ถึงแม้ดูแล้วพื้นที่ของค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาวขนาดย่อยจะเล็กกว่าขนาดใหญ่มาก แต่ก็ยังกว้างมากพอจะให้คน 7-8 คนขึ้นมายืนอยู่บนฐานได้อย่างไม่แออัด และตรงกลางก็ปรากฏแท่นศิลาทรงกระบอกตั้งอยู่
บริเวณด้านบนแท่นศิลาทรงกระบอกดังกล่าวก็มีช่องหลุมว่างเปล่าให้เห็น ด้านล่างลงมาก็มีปุ่มให้เลือกกดทั้งสิ้น 9 ปุ่ม
“เพียงเอาหินเซียนใส่ลงไปในช่องด้านบนตรงนั้น จากนั้นเจ้าก็กดปุ่มเลือกกลุ่มดาวที่จะเดินทางไปได้เลย! หลังจากนั้นค่ายมหากลเคลื่อนย้ายก็จะส่งเจ้าไปยังกลุ่มดาวที่เจ้าเลือก เจ้าลองดู…มันมีทั้งสิ้น 9 กลุ่มดาวให้เลือกเห็นหรือไม่?”
ถังเซี่ยวเซี่ยวชี้ให้ต้วนหลิงเทียนดูชื่อกลุ่มดาวต่างๆบนแท่นหิน
ต้วนหลิงเทียนพอมองไปก็พบว่า
ด้านข้างปุ่มกดต่างๆจะสลักชื่อกลุ่มดาวเอาไว้ และก็เป็นตัวอักษรที่เขาอ่านออก
“กลุ่มดาวอวิ๋นหลัน…กลุ่มดาวจุ้ยเหยียน…กลุ่มดาวลู่ซี”
(กลุ่มดาวในที่นี้ก็คือ กาแลคซี่ นะ)
เรียกว่าเพียงดูก็เข้าใจได้ง่ายดายว่ามันใช้งานอย่างใด อยากไปกลุ่มดาวใดก็เพียงง่ายดายเพียงกดปุ่มเท่านั้น แน่นอนว่าต้องใส่หินเซียนลงไปยังช่องด้านบนเสียก่อน…
“เอาล่ะ เจ้าตามข้าไปยังกลุ่มดาวที่นิกายถังของข้าตั้งอยู่ก่อนแล้วกัน…”
ขณะที่กล่าว ถังเซี่ยวเซี่ยวก็สะบัดมือเรียกหินเซียนออกมาจำนวนมากใส่เข้าไปในช่องว่างด้านบน เพื่อจ่ายพลังให้ค่ายกล จากนั้นนางก็กดไปยังปุ่มที่มีคำอธิบายข้างๆว่ากลุ่มดาวอวิ๋นหลัน
“จากที่นี่หากคิดจะเดินทางไปยังกลุ่มดาวที่มีนิกายถังข้าตั้งอยู่ พวกเราต้องผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายอีก 3 ที่”
ในขณะที่เสียงของถังเซี่ยวเซี่ยวดังขึ้น ต้วนหลิงเทียนก็พบว่า…
เหล่าหินเซียนจำนวนมากที่ถังเซี่ยวเซี่ยวใส่ลงไป คล้ายถูกพลังที่มองไม่เห็นประการหนึ่งดูดซับ จนทำให้ตัวปุ่มทั้งหลายเรืองแสงขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังอาคม เห็นชัดว่าค่ายกลขนาดย่อยแห่งนี้พร้อมใช้งานแล้ว และเมื่อนิ้วของถังเซี่ยวเซี่ยวกดปุ่มลงไป ค่ายกลเคลื่อนย้ายก็เปล่งแสงสว่างจ้า เริ่มต้นการทำงานทันที
ชั่วพริบตาเขากับถังเซี่ยวเซี่ยก็ถูกล้อมไปด้วยแสงสว่างที่พวยพุ่งออกมาจากค่ายกล
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็พบว่ารอบด้านกลับกลายเป็นมืดดำไร้ซึ่งสีสันใดๆ ไม่อาจแลเห็นแม้แต่ฝ่ามือตัวเอง!
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ดังกล่าวเพียงคงอยู่แค่ครู่เดียวเท่านั้น ก่อนที่เบื้องหน้าสายตาจะสว่างขึ้นมาอีกครั้ง
และตอนนี้เขาก็ได้พบว่า
เขาได้ถูกเคลื่อนย้ายมายังสถานที่แห่งอื่นแล้ว และสถานที่แห่งนี้ก็ยังเป็นสถานที่ตั้งของค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาวเหมือนกัน
แน่นอนว่าเขากับถังเซี่ยวเซี่ยวอยู่ในค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาวขนาดย่อยแห่งหนึ่ง
วิ้ง! วิ้ง!
หลังจากที่ใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้ายอีก 2 รอบ ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ได้ติดตามถังเซี่ยวเซี่ยวมาถึงกลุ่มดาวที่มีนิกายถังของนางตั้งอยู่
“นี่คือดาวเคราะห์ต้นกำเนิดของกลุ่มดาวที่มีนิกายถังข้าตั้งอยู่เรียกว่า ดาวฉู่ถัง!”
ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าวแนะนำให้ต้วนหลิงเทียนรู้จัก
“ดาวฉู่ถัง?”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ขณะเดียวกันเขากก็พอจะเดาได้ว่าชื่อดาวฉู่ถังสมควรถูกตั้งขึ้นมาโดยบรรพบุรุษของนิกากยถังที่ย้ายถิ่นฐานออกมาจากโลกเป็นแน่
เพราะบนโลกที่เขาเคยอาศัยอยู่เมื่อชาติที่แล้ว
นิกายถังนั้นเป็นที่รู้จักกันดีในนาม นิกายถังแห่งรัฐฉู่
“แล้วถ้าหากข้าอยากไปดาวเหยียนหวงล่ะ…ข้าต้องไปยังไงหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม
และนี่ยังเป็นคำถามที่เขาอยากรู้ที่สุดอีกด้วย
“เนื่องจากกลุ่มดาวที่ดาวเหยียนหวงอยู่ไม่มีค่ายกลเคลื่อนย้าย…เช่นนั้นหากเจ้าคิดไปยังดาวเหยียนหวง ก่อนอื่นเลยเจ้าต้องไปยังกลุ่มดาวที่อยู่ใกล้ๆ กับกลุ่มดาวที่มีดาวเหยียนหวงอยู่ที่สุดเสียก่อน…หลังจากนั้นเจ้าก็ได้แต่เหินข้ามอวกาศท่องไปในท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยหมู่ดาวจนไปถึงดาวเหยียนหวงด้วยตัวเอง…”
ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าว
ตอนที่ยังอยู่ในแดนลับต่างสวรรค์ ถังเซี่ยวเซี่ยวได้รู้จากต้วนหลิงเทียนแล้วว่า ที่ต้วนหลิงเทียนต้องการไประนาบเหยียนหวงนั้น เพราะคิดเดินทางไปยังดาวเหยียนหวง…
ดังนั้นนางจึงเลือกจะออกตัวช่วยเหลือต้วนหลิงเทียน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ต้วนหลิงเทียนกลับไปยังดาวเหยียนหวงได้อย่างราบรื่นไร้ปัญหา…
“เช่นนั้นเจ้าก็ส่งข้าไปยังกลุ่มดาวที่ใกล้ๆกลับกลุ่มดาวทางช้างเผือกที่มีดาวเหยียนหวงอยู่ก็ได้…”
สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายออกมาเจิดจ้า ขณะกล่าว
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ…”
อย่างไรก็ตามถังเซี่ยวเซี่ยวได้แต่ส่ายหัวออกมา หลังถูกต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยความกระตือรือร้น
“ทำไมล่ะ…”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเป็นปมทันที
“เป็นเรื่องง่ายดายนักที่จะส่งเจ้าไปยังกลุ่มดาวที่ใกล้กับกลุ่มดาวทางที่มีดาวเหยียนหวงตั้งอยู่ที่สุด…แต่พอเจ้าไปถึงกลุ่มดาวที่ใกล้ที่สุดนั่นแล้ว เจ้ายังต้องยืนยันตำแหน่งที่ตั้งกลุ่มดาวที่มีดาวเหยียนหวงให้ได้ด้วย! หาไม่แล้วเจ้าจะเหาะไปดาวเหยียนหวงอย่างไรเล่า?”
ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าว
“แล้วคนแถวนั้นบอกทางไปต่อให้ข้าไม่ได้หรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม
ในความคิดของเขา ขอเพียงไปถึงกลุ่มดาวที่ใกล้กับกลุ่มดาวทางช้างเผือกแล้ว ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากอะไรหากไปถามทางเอาแถวนั้น สุดท้ายก็น่าจะมีคนรู้จักดาวเหยียนหวงและชี้ทางให้เขาถูก
หมายความว่าขอเพียงไปถึงกลุ่มดาวที่ใกล้ที่สุดได้ เขาก็น่าจะกลับไปยังดาวเหยียนหวงหรือโลกได้ไม่ยาก…
“มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก…”
ถังเซี่ยวเซี่ยวส่ายหัว ค่อยกล่าวต่อว่า “เท่าที่ข้ารู้มา…เป็นเวลานานมากแล้วที่ผู้คนไม่ค่อยสนใจเรื่องดาวเหยียนหวง เรียกว่าตอนนี้แทบไม่มีใครรู้ที่ตั้งที่แน่ชัดของมันอีกต่อไป เพราะมันเป็นดั่งสถานที่ๆวิหกยังไม่อยากแวะเวียนไปขับถ่าย เช่นนั้นต่อให้เจ้าไปถึงกลุ่มดาวใกล้ๆ ก็นับว่าเป็นเรื่องยากที่เจ้าจะหาทิศทางไปยังดาวเหยียนหวงได้ถูก…เว้นเสียแต่เจ้าจะมีแผนที่ดวงดาว…”
“แผนที่ดวงดาว?”
ต้วนหลิงเทียนแปลกใจไม่น้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อนี้!
หลังจากนั้นภายใต้คำอธิบายของถังเซี่ยวเซี่ยว เขาจึงได้รู้ว่า…
แผนที่ดวงดาวที่ว่าก็คล้ายๆกับแผนที่ทั่วไป แต่จะมีประสิทธิภาพเหนือล้ำกว่า
ตราบใดที่มีแผนที่ดวงดาว ก็จะสามารถยืนยันตำแหน่งของตัวเองและทิศทางได้ไม่ยาก ทำให้สามารถไปไหนต่อไหนได้ง่ายดายโดยไม่มีทางหลง
“แผนที่ดวงดาวที่ว่า…เจ้ามีทางให้ข้าได้มารึเปล่า?”
ต้วนหลิงเทียนมองถามถังเซี่ยวเซี่ยวตาเขม็ง ลมหายใจยังเริ่มถี่รัวขึ้นมาเล็กน้อย
เพราะตราบใดที่เขาได้รับแผ่นที่ดวงดาวครอบคลุมกลุ่มดาวที่มีกลุ่มดาวทางช้างเผือกรวมอยู่ เขาก็สามารถหาตำแหน่งที่ตั้งกลุ่มดาวทางช้างเผือก และเดินทางกลับดาวเหยียนหวงได้อย่างง่ายดาย…
เมื่อเป็นแบบนั้นก็เท่ากับว่าเป้าหมายในการเดินทางกลับโลกของเขาก็บรรลุผล!
“ในปัจจุบันแผนที่กลุ่มดาวที่ครอบคลุมกลุ่มดาวที่มีดาวเหยียนหวงตั้งอยู่นั้นหาได้ยากมาก แทบไม่เหลืออยู่ในระนาบเหยียนหวงอีกแล้วก็ว่าได้…”
ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าว
วูบ
ได้ยินคำพูดของถังเซี่ยวเซี่ยวสีหน้าท่าทางของต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปทันที
เพราะฟังจากความนัยวาจาของถังเซี่ยวเซี่ยวแล้ว ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องยากจะได้รับแผนที่ดวงดาวนั่นหรอกหรือ?
“ดูเจ้าทำหน้าเข้าสิ!”
พอเห็นต้วนหลิงเทียนหน้าเปลี่ยนสีไปไม่น้อย ถังเซี่ยวเซี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เพียงเพราะใบหน้าของนางถูกผ้าปกปิดไว้ จึงไม่อาจแลเห็นรอยยิ้มสนุกสนานของนาง
“ข้าแค่บอกเจ้าว่าแผนที่ดวงดาวนั่นมันหายาก แต่ไม่ได้บอกว่าข้าไม่รู้ว่าแผนที่ดวงดาวที่ว่าอยู่ไหน…”
“พอดีบรรพบุรุษของข้ามีงานอดิเรกเรื่องสะสมแผนที่กลุ่มดาวต่างๆ…และเท่าที่ข้ารู้มาท่านบรรพบุรุษเองก็มีแผนที่ดวงดาวที่ครอบคลุมไปถึงกลุ่มดาวที่มีดาวเหยียนหวงตั้งอยู่ด้วย”
ถังเซี่ยวเซี่ยวพูด
ได้ยินคำของถังเซี่ยวเซี่ยว ต้วนหลิงเทียนก็ถลึงตามองนางทันที “แล้วทำไมก่อนหน้านี้เจ้าไม่บอกแต่แรก?”
“ก็เจ้าใจร้อนไปเองนี่!”
ถังเซี่ยวเซี่ยวหัวเราะออกมาอีกรอบ ค่อยกล่าวว่า “เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าตามข้ากลับไปยังนิกายถังก่อน…ข้าจะพาเจ้าไปหาบรรพบุรุษเอง แต่เรื่องที่จะได้รับแผนที่ดวงดาวนั่นหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าแล้ว”
“ไม่ใช่ว่าเป็นบรรพบุรุษของเจ้าหรือไร ช่วยหยิบยืมให้ข้าหน่อยไม่ได้หรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพลางขมวดคิ้ว
“ง่ายๆแบบนั้นก็ดีสิ”
ถังเซี่ยวเซี่ยวส่ายหัวไปมาพลางกล่าวสืบต่อ “บรรพบุรุษของข้ามีนิสัยประหลาดนัก…โดยปกติแล้วไม่ว่าสิ่งใดหากข้าขอร้องเข้าหน่อยก็ได้มาเล่นตลอด มีก็แต่แผนที่ดวงดาวเก่าๆนั่นล่ะที่ท่านหวงยิ่งกว่าชีวิต…กระทั่งข้าเองก็ไม่เคยหยิบยืมมาดูเล่นได้เลย”
“งั้นพาข้าไปพบบรรพบุรุษของเจ้าก่อน”
เมื่อสัมผัสได้ว่าถังเซี่ยวเซี่ยวสมควรยิ้มขื่นขมอยู่ ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ไม่ยากว่าเป็นเรื่องยากจะต่อรองกับบรรพบุรุษของนางขนาดไหน ทว่าให้มันยากเพียงใดเขาก็ต้องไปพบบรรพบุรุษของนางดูก่อน!
เพราะสุดท้ายแล้วเขาจะได้เดินทางกลับโลกได้ในเวลาอันสั้นหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะสามารถหยิบยืมแผนที่ดวงดาวที่ว่าได้สำเร็จรึเปล่า…