WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2513
ตอนที่ 2,513 : ยอดฝีมือทั้ง 3 ของนิกายถังพร้อมหน้าพร้อมตา
ถึงแม้ถังจงยี่นั้นจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดและเป็น 1 ใน 3 เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ที่พลังฝึกปรือสูงล้ำที่สุดในนิกายถัง อย่างไรก็ตามหากอีก 2 เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์เห็นพ้องต้องกัน มันก็ยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้
กฏของนิกายถังคือฟังเสียงข้างมาก
แน่นอนว่ากฏเกณฑ์ดังกล่าวของนิกายถัง ใช้ได้กับตัวตนที่มีระดับพลังทัดเทียมกันเท่านั้น
หากถังจงยี่ไม่ใช่แค่เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ แต่เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ เพียงมันกล่าวออกมาสักคำว่าไม่ยินยอมให้ถังเซี่ยวเซี่ยวตบแต่งกับนายน้อยวังคลื่นสวรรค์อะไรนั่น เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์อีก 2 คนที่ต่อให้หนึ่งในนั้นจะเป็นประมุขก็ไม่กล้าขัดคำ!
มันมีสิทธิ์มีเสียงเต็มที่!
น่าเสียดายที่มันไม่ใช่เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ จึงไม่อาจเปลี่ยนการลงมติให้ถังเซี่ยวเซี่ยวแต่งกับหยางอวี้ถิงนายน้อยวังคลื่นสวรรค์ได้…
เพราะสุดท้ายแล้วการตัดสินใจครั้งนี้ก็มีแต่ผลดีกับนิกายถัง ไม่มีผลเสียอะไรเลย
อย่างไรก็ตามถังจงยี่ที่ทั้งชีวิตได้อุทิศให้นิกายถังมาตลอด คราวนี้ถึงกับบังเกิดความเห็นแก่ตัว หมายคิดช่วยเหลือถังเซี่ยวเซี่ยวให้หลบหนีไป….
ทว่าไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าประมุขของนิกายถังจะมาแล้ว!
‘ประมุขนิกาย…ไฉนมาเร็วนักเล่า?’
สีหน้าถังจงยี่ย่อมเปลี่ยนไปอย่างช่วยไม่ได้ ขณะเดียวกันก็ทำได้แค่มองไปยังถังเซี่ยวเซี่ยวด้วยท่าทางไม่เต็มใจ
หากประมุขนิกายถังยังไม่รู้เรื่องที่ถังเซี่ยวเซี่ยวกลับมาแล้ว มันสามารถลอบส่งตัวถังเซี่ยวเซี่ยวให้หลบหนีออกไปได้
อย่างไรก็ตามตอนนี้ประมุขนิกายกลับล่วงรู้เรื่องที่ถังเซี่ยวเซี่ยวกลับมาแล้ว กระทั่งยังมาเยือนถึงหน้าประตูบ้านมัน…
ในเวลานี้ให้มันยืนกรานเรื่องคิดส่งให้ถังเซี่ยวเซี่ยวหนีไป แต่ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย
เพราะลำพังแค่ประมุขนิกายถังคนเดียว มันก็แทบหยุดไม่ไหว
แต่ปัญหาก็คือ ที่มาตอนนี้คงมิใช่มีแค่ประมุขนิกายถังคนเดียวแน่…อีกไม่นานคงมีอีกคนที่ตามมา! และนั่นก็คืออาวุโสสูงสุดอีกคนของนิกายถัง ตัวตนที่มีพลังฝึกปรือไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ามัน!!
‘สมควรเป็นเพราะข้าฆ่าผู้ติดตามข้างกายถังเจิ้นเป่า…’
ได้ยินเสียงของประมุขนิกายถัง ด้านถังเซี่ยวเซี่ยวเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย หากแต่สีหน้ายังไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันนางก็หันไปมองถังจงยี่ที่อยู่ข้างๆ พลางกล่าวส่งเสียงผ่านพลัง “ท่านผู้เฒ่าบรรพบุรุษข้าจำได้ว่าในมือท่านมีแผนที่ดวงดาวที่ครอบคลุมกลุ่มดาวอันมีดาวเหยียนหวงตั้งอยู่ฉบับหนึ่ง…ตอนนี้ข้าอยากจะขอยืมมันจากท่าน”
“แผนที่ดวงดาว?”
ถังจงยี่ที่ในใจรู้สึกไม่ยินยอมเพราะไร้หนทางช่วยเหลือถังเซี่ยวเซี่ยวหลบหนี อยู่ๆมาได้ยินเสียงผ่านพลังดังกล่าวของถังเซี่ยวเซี่ยวมันก็อื้ออึงไปพักหนึ่ง
หลังดึงสติกลับคืน มันก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงผ่านพลังไปกล่าวถามด้วยสงสัย “ยาโถวน้อย เจ้าจะเอาแผนที่ดวงดาวนั่นไปทำอะไรกัน?”
“ท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่าเมื่อครู่ท่านกล่าวทำนองว่า หากส่งตัวข้าออกไปก่อนที่ประมุขจะรู้ยังพอกระทำได้…แต่หากประมุขกับอาวุโสสูงสุดอีกคนมา หมายความว่าท่านไม่มีทางส่งข้าออกไปได้แล้วใช่หรือไม่?”
“แต่ท่านเชื่อหรือไม่ ตอนนี้หากข้าอยากไปมิใช่ว่าไม่มีโอกาส…และโอกาสที่ว่านั่น ขอเพียงได้แผนที่ดวงดาวแผ่นนั้นของท่านที่ครอบคลุมกลุ่มดาวที่มีดาวเหยียนหวงตั้งอยู่มา ข้ามั่นใจว่าสามารหลบหนีออกจากนิกายถังได้อย่างราบรื่น!”
ถังเซี่ยวเซี่ยวเร่งกล่าวผ่านพลังไปรวดเดียวจบ
“ได้แผนที่ดวงดาวนั่น…แล้วเจ้าจักออกจากนิกายถังได้อย่างราบรื่นงั้นหรือ!?”
ได้ยินเสียงผ่านพลังดังกล่าวของถังเซี่ยวเซี่ยว ถังจงยี่อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะเร่งถามผ่านพลังอีกครั้ง “เรื่องแบบนั้นมัน…จะเป็นไปได้อย่างไร?”
“ท่านผู้เฒ่าบรรพบุรุษเจ้าขา ขอท่านอย่าพึ่งถามเลย…อีกเดี๋ยวท่านจะรู้เอง! ตอนนี้ท่านส่งแผนที่ดวงดาวนั่นให้ข้าก่อนเถอะ…เร็วเข้าสิท่าน!”
ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าวเร่งออกไป
เมื่อสัมผัสได้ถึงความวิตกกังวลในน้ำเสียงของถังเซี่ยวเซี่ยว ถึงแม้ในใจถังจงยี่จะยังสับสนและไม่เข้าใจ แต่ก็ยังให้ความร่วมมือแต่โดยดี สะบัดมือเรียกแผนที่ดวงดาวที่ครอบคลุมกลุ่มดาวอันมีดาวเหยียนหวงตั้งอยู่ ยื่นส่งไปให้ถังเซี่ยวเซี่ยว
“เอ้า ตอนนี้ของก็ให้เจ้าไปแล้ว ยังจะทำเป็นลึกลับอันใดอีก รีบบอกข้ามาเร็วๆว่าเจ้าจักทำอย่างไร?”
หลังมอบแผนที่ดวงดาวให้ถังเซี่ยวเซี่ยวแล้ว พอเห็นว่าถังเซี่ยวเซี่ยวหยิบแผนที่ไปคลี่กางดูชมด้วยท่าทางพอใจคล้ายไม่ได้นำพากับสถานการณ์เลวร้ายตอนนี้เลย ถังจงยี่ที่ยังสงสัยไม่หายก็ได้แต่ส่งเสียงผ่านพลังไปถามด้วยความอยากรู้
แต่ในขณะที่ถังเซี่ยวเซี่ยวกำลังจะตอบคำถังจงยี่นั้นเอง
ฟุ่บ!
ดั่งสายลมกรรโชกหอบหนึ่งพัดผ่าน ร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าโต๊ะที่พวกต้วนหลิงเทียนนั่งอยู่
ร่างในสายตาของต้วนหลิงเทียน เป็นชายวัยกลางคนที่มาในชุดคลุมสีเงินประดับด้วยดิ้นทอง
ชายวัยกลางคนผู้นี้มีใบหน้ารูปเหลี่ยม ผมยาวรวบมัดไว้ด้านหลังอย่างเรียบร้อบ หว่างคิ้วไม่ขาดสง่าราศีทั้งบารมี เห็นได้ชัดว่าเป็นตัวตนที่อยู่ในตำแหน่งสูงมานาน
‘คนผู้นี้…หรือจะเป็นประมุขนิกายถัง ถังชง?’
ก่อนจะเดินทางมาถึงนิกายถัง ทั้งเข้ามาภายในจวนแห่งนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบจากถังเซี่ยวเซี่ยวระหว่างทางแล้ว ว่าประมุขของนิกายถังเรียกว่า ‘ถังชง’ อีกทั้งยังรู้ด้วยว่า…
ประมุขนิกายาถังผู้นี้ เป็น 1 ใน 3 เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ของนิกายถัง!
หลังจากที่ถังชงปรากฏตัวขึ้น สายตาของมันก็มองจ้องไปยังถังเซี่ยวเซี่ยวก่อนใครอื่น
“คารวะท่านประมุข”
เมื่อเห็นถังชงปรากฏตัว ถังเซี่ยวเซี่ยวก็ลุกขึ้นยืนทั้งประสานมือคารวะอีกฝ่ายอย่างสุภาพ ค่อยพยักหน้า “เข้าไปในแดนลับต่างสวรรค์ครั้งนี้ ข้าได้รับยอดสมบัติสวรรค์มาจริงๆ”
“ขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้ย”
ถังชงยิ้มแสดงความยินดีให้ถังเซี่ยวเซี่ยวก่อน หลังจากที่ถังเซี่ยวเซี่ยวยิ้มรับแล้ว มันก็ละสายตาออกไปหันมองถังจงยี่ข้างๆ พลางกล่าวออกมาว่า “อาวุโสยี่ ลูกหลานสายท่านนับว่ายอดเยี่ยมยิ่งนัก…ไม่เพียงแต่มากสามารถ กระทั่งโชควาสนายังดียิ่ง! ไม่ธรรมดา…ไม่ธรรมดาจริงๆ!!”
“ประมุขกล่าวชมเกินไปแล้ว”
ถังจงยี่กล่าวรับอย่างถ่อมตัว
“แต่ว่า…”
แทบจะพร้อมกันกับที่เสียงกล่าวของถังจงยี่ดังจบคำ สายตาของถังชงพลันเบนไปตกยังร่างต้วนหลิงเทียนที่ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะหินทันที และแววตาสงบของมันก็แปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมาทันใด
เรียกว่าสายตาที่ใช้มองไปยังร่างต้วนหลิงเทียน แหลมคมไม่ต่างอะไรจากมีดดาบ!
หากทว่าต้วนหลิงเทียนยังคงนั่งเฉย
แม้จะเผชิญหน้ากบัสายตาที่จับจ้องมองมาปานมีดดาบของถังชง เขาไม่เพียงแต่ยังมีสีหน้าสงบเท่านั้น ยังเอื้อมมือออกไปคว้าจอกชาจากกลางโต๊ะมาถ้วยหนึ่ง ค่อยคว้ากาน้ำชามารินใส่จอกอย่างไม่รีบไม่ร้อน…
เรียกว่าแต่ต้นจนจบทำราวกับไม่นับถังชงเป็นตัวอะไร
“เซี่ยวเซี่ยว…ข้าได้ยินเจ้ากล่าวว่ามันเป็นชายคนรักของเจ้าเช่นนั้นหรือ?”
ถังชงยังคงมองจ้องต้วนหลิงเทียนไม่วางตา หากแต่ปากเอ่ยวาจาเสียงหนักถามไถ่ถังเซี่ยวเซี่ยว
วูบ
แทบจะทันทีที่ถังชงกล่าวถามสิ้นคำ สีหน้าท่าทีของถังจงยี่ที่อยู่ข้างๆก็เปลี่ยนไปทันใด เร่งหันไปมองถังเซี่ยวเซี่ยวด้วยใบหน้าประหลาดใจ สีหน้ายังคล้ายทาทับไปด้วยความเหลือเชื่อ
มันไม่อาจไม่ตกตะลึงกับวาจานี้ของถังชง!
“ใช่”
ถังเซี่ยวเซี่ยวย่อมไม่คิดว่าพอประมุขนิกายโผล่มาได้ไม่ทันไร ก็ยิงจี้คำถามดังกล่าวออกมาราวกับจะจับผิดนาง จึงได้แต่เม้มปากตอบกลับไป
ตอนนี้ท่าทีของนางทำราวไม่เหลือทางอื่น นอกจากเดินไปตามทางสายนี้ไปให้สุด
วูบ วูบ
และพอได้ยินคำสารถาพของถังเซี่ยวเซี่ยว อย่าว่าแต่สีหน้าของถังชงจะเปลี่ยนไป กระทั่งถังจงยี่เองหน้ายังอดเปลี่ยนสีไปไม่ได้!
“เซี่ยวเซี่ยว…เจ้าอย่าได้หลงลืมไปว่าเจ้าเป็นคนที่มีสัญญาตบแต่งแล้ว!”
ถังชงมองกล่าวกับถังเซี่ยวเซี่ยวด้วยเสียงขรึม สีหน้าจริงจังนัก “นอกจากนี้ข้าได้คุยกับจ้าววังคลื่นสวรรค์เรียบร้อย…หลังจากที่เจ้าออกมาจากแดนลับต่างสวรรค์เมื่อใดข้าจะจัดพิธีแต่งงานให้เจ้ากับนายน้อยวังคลื่นสวรรค์ หยางอวี้ถิง ทันที!”
“แล้วเจ้ายังกล้าพาเด็กบ้านนอกผู้นั้นกลับมา…นี่เจ้าคิดอันใดอยู่กัน?”
เสียงกล่าววาจาของประมุขนิกายถังยิ่งมายิ่งลดต่ำลงเรื่อยๆ
“ท่านประมุข”
ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ข้าไม่อยากแต่งกับหยางอวี้ถิง…ใจข้าเป็นของผู้อื่นแล้ว!”
ขณะกล่าววาจาประโยคดังกล่าวถึงช่วงท้าย สายตาของถังเซี่ยวเซี่ยวก็หันมาตกลงยังร่างต้วนหลิงเทียนที่นั่งอยู่บนโต๊ะพอดิบพอดี
และในขณะเดียวกันกับที่เสียงของถังเซี่ยวเซี่ยวดังจบคำ
สุรเสียงอันเปี่ยมล้นไปด้วยความรุนแรงพลันดังขึ้นราวกับฟ้าร้องในหู กึกก้องมาจากทุกทั่วสารทิศ!
“ท่านประมุข! ไฉนยังเสียเวลาต่อปากต่อคำกับยาโถวน้อยนั่นให้มากความ…เพียงฆ่าสารเลวน้อยนั่นเสีย!!”
พร้อมกับเสียงอันรุนแรงเกรี้ยวกราด พลันปรากฏร่างชายชราร่างสูงใหญ่แลดูกำยำร่างหนึ่ง ด้วยเส้นผมหนวดเคราที่ฟูฟ่องทั้งมีสีขาวโพลนของมัน ทำให้มันแลดูไม่ต่างอะไรจากราชสีห์ขนขาวแม้แต่น้อย!
และทันทีที่ชายชราคนนี้ปรากฏตัวขึ้น มันก็เอาแต่มองจ้องต้วนหลิงเทียนไม่วางตา!
ในสายตาของมันยังเผยเจตนาฆ่าฟันอันรุนแรง!
“เจ้าเป็นผู้ใดถึงได้หาญกล้าหักแขนหักขาของ ถังเจิ้นเป่า ลูกหลานของข้า จนทำให้มันต้องอับอายขายหน้าผู้คนเช่นนี้?!”
ครู่ต่อมาชายชราที่แลดูเหมือนสิงโตขาวนั่นก็ค่อยๆย่ำเท้าก้าวเดินมาทางโต๊ะต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะหยุดลงข้างโต๊ะมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาน้ำเสียงดุดัน
‘ถังหง?’
ทันทีที่ชายชราเอ่ยปากถึงชื่อ ถังเจิ้นเป่า และกล่าวว่ามันเป็นลูกหลานเขาก็คาดเดาฐานะของชายชราคนนี้ได้ทันที
อาวุโสสูงสุดอีกคนของนิกายถัง ถังหง!
ถังเจิ้นเป่าที่เขาหักแขนหักขาไปนั่น เป็นลูกหลานของมัน!
ระหว่างเดินทางมายังนิกายถัง ถังเซี่ยวเซี่ยวก็จงใจกล่าวถึงถังหงให้เขาฟังเป็นพิเศษ
เขาจึงรู้ว่าในนิกายถังนั้น ถังหง ก็มีฐานะเท่าเทียมกับอาวุโสสูงสุดอย่างถังจงยี่ และประมุขอย่างถังชง
เพราะมันก็เป็นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์เช่นกัน!
อย่างไรก็ตามแม้จะรู้แล้วว่าชายชราเบื้องหน้าคือถังหง ตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ ทว่าต้วนหลิงเทียนยังคงนั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์ ทำราวกับเป็นผู้ตัดสินในพิธีชงชาที่กำลังให้คะแนนเรื่องรสชาติอย่างไรอย่างนั้น ไม่สนใจเรื่องราวรอบกายแม้แต่น้อย
“ท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่าฆ่ามัน! ฆ่ามันแก้แค้นให้ข้าน้อยด้วย!!”
ไม่ทันไรก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นตามติด น้ำเสียงยังเปี่ยมล้นไปด้วยความอาฆาตแค้นนัก!
ผู้มาใหม่ที่พึ่งกล่าวคำก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นถังเจิ้นเป่าที่ถูกต้วนหลิงเทียนหักแขนหักขาไปก่อนหน้านั่นเอง…
อย่างไรก็ตามตอนนี้แขนขาที่ถูกหักของถังเจิ้นเป่าได้รับการรักษาจนหายแล้ว มันปรากฏตัวขึ้นข้างกายถังหงอย่างเอาเรื่อง ชี้นิ้วมาทางต้วนหลิงเทียนพลางขบเคี้ยวฟันดังกรอดๆด้วยโทสะแค้น!
อาการทำราวกับทนรอสับร่างต้วนหลิงเทียนให้แหลกเป็นชิ้นๆไม่ไหว!
“ดูเหมือนว่าบทเรียนที่ข้าสอนสั่งเจ้าไปก่อนหน้าจะยังไม่พอ…”
“เซี่ยวเซี่ยวก่อนหน้านี้เป็นเพราะเห็นแก่หน้าเจ้า แต่ตอนนี้ขออภัยด้วย…”
แทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ และก่อนที่ถังหงรวมถึงคนอื่นๆจะทันได้รู้สึกตัว
ต้วนหลิงเทียนที่วางจอกชาลง เพียงพลิกฝ่ามือเบาๆพลันปรากฏกระบี่เล่มหนึ่งผุดโผล่ขึ้นในมือราวฟ้าฟาด
วู้มมม!!
และทันทีที่กระบี่ดังกล่าวปรากฏขึ้น มันก็ส่งเสียงกู่ร้องออกมา
ใจกระบี่เหิน!!
ทันใดนั้นเพียงห้วงคิดของต้วนหลิงเทียน กระบี่ที่กู่ร้องเปล่งกลิ่นอายแหลมคมก็อันตรธานหายไปจากฝ่ามือ โดยที่ถังหงและคนอื่นๆแทบไม่ทันตั้งตัว!
ทว่าก่อนที่กระบี่ดังกล่าวจะเจาะทะลวงหว่างคิ้วของถังเจิ้นเป่าเพียงเล็กน้อย มันก็จำต้องหยุดชะงักลง!
ครืนนน!!
มือใหญ่ประหนึ่งจะปิดฟ้าบังตะวันคล้ายได้รับพลังอำนาจหนุนเสริมจากทวยเทพก็ไม่ปาน ได้หยุดกระบี่ต้วนหลิงเทียนเอาไว้อย่างชะงัดงัน!
“ยอดสมบัติสวรรค์?!”
เป็นอาวุโสสูงสุดของนิกายถัง ถังหงสามารถหยุดกระบี่ของต้วนหลิงเทียนเอาไว้ได้ทันท่วงที!
และทันทีที่มันจับกระบี่เล่มนี้ไว้ มันก็ทราบได้ในพริบตาว่านี่คือกระบี่เซียนอมตะเล่มหนึ่ง สองตาของมันถึงกับลุกวาวสว่างจ้าประหนึ่งดารากลางฟ้ายามค่ำคืน!
“ยอดสมบัติสวรรค์!?”
ความสนใจของถังชงกับถังจงยี่ก็ถูกวาจาดังกล่าวของมันดึงดูดไปทันใด!