WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2514
ตอนที่ 2,514 : มันเป็นชายคนรักของเจ้าจริงหรือ?
“ไอ้หนู ไม่คิดเลยว่าเจ้าจักมียอดสมบัติสวรรค์ด้วย!”
หลังจากที่อาวุโสสูงสุดของนิกายถังอย่างถังหงหยุดกระบี่ของต้วนหลิงเทียนเอาไว้จนได้รู้เรื่องเหนือคาด มันก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเปี่ยมความโลภ!
“อย่างไรก็ตามยอดสมบัติสวรรค์ชิ้นนี้ของเจ้า ต้องเป็นของข้า!!”
ฟังจากคำพูดของถังหง เห็นได้ชัดว่าคิดแย่งชิงกระบี่ของต้วนหลิงเทียนไปหน้าตาเฉย และมันก็ใช้พลังยึดกระบี่ไปถือไว้ราวกับเป็นของมันอย่างไม่สนใจสายตาผู้ใด!!
“เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ กล้าชิงกระบี่ของข้าไปหน้าด้านๆเช่นนี้เลย?”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มเย็นชาออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดทั้งเห็นการกระทำหน้าไม่อายของถังหง
หลังจากนั้นพลังทั่วร่างเขาก็ลุกโชนขึ้น ก่อนที่จะอุบัติวังวนพลังดูดรั้งหนึ่งขึ้นรอบกาย
พริบตาพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบก็ถูกสูบกลืนเข้าร่าง!
“เวทย์พลังสนับสนุนรึ?”
“เป็นเวทย์พลังสนับสนุนที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้!”
…
เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ทั้ง 3 ของนิกายถัง นับว่าถูกพลังอำนาจของปฐมเวทย์กลืนกินของต้วนหลิงเทียนทำให้ตกใจแล้วจริงๆ
และเพียงต้วนหลิงเทียนนึกคิด กระบี่เซียนอมตะอีกเล่มก็ผุดโผล่จากความว่างเข้ามือ เขายังจ่ายพลังจนกระบี่เผยพลังอำนาจของมันออกมาทันที!
“เป็นกระบี่เซียนอมตะอีกเล่ม!”
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…ถึงกับมียอดสมบัติสวรรค์ถึง 2ชิ้นเชียวหรือ? ซ้ำยังเป็นกระบี่อีก?”
“มันเป็นผู้ใดกันแน่?”
…
ไม่ว่าจะเป็นถังชงประมุขนิกายถัง หรือถังหงและถังจงยี่อาวุโสสูงสุดของนิกายถัง ต่างอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อเห็นยอดสมบัติสวรรค์อีกชิ้นในมือต้วนหลิงเทียน!
ต้องทราบด้วยว่านิกายถังของพวกมัน ยังมียอดสมบัติสวรรค์แค่ 3 ชิ้นเท่านั้น
ถึงแม้ถังเซี่ยวเซี่ยวจะได้ชิ้นที่ 4 จากแดนลับต่างสวรรค์มาเพิ่ม แต่สุดท้ายทั้งนิกายก็ถือว่ามีแค่ 4 …
ทว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้ ไม่ทันไรก็หยิบควักออกมาถึง 2 แล้ว?
เรื่องนี้จะไม่ให้พวกมันตกใจได้อย่างไรไหว!?
“เป็นยอดสมบัติสวรรค์อีกชิ้น…”
ถังเจิ้นเป่าเองก็มองไปยังกระบี่เซียนอมตะในมือต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลุกวาว เปลวเพลิงแห่งความโลภในแววตาของมันเรียกว่าลุกโชนราวกับไฟป่ายากหยุดยั้ง!
ส่วนอาวุโสสูงสุดของนิกายถังอย่างถังหงที่ชิงกระบี่ของต้วนหลิงเทียนไปเมื่อครู่ พอเห็นต้วนหลิงเทียนหยิบกระบี่เซียนอมตะเล่มที่ 2 ออกมา ไม่เพียงแต่มันจะไม่มีความละโมบเหมือนก่อนหน้า กระทั่งในแววตายังไม่เหลือความโลภอีกต่อไป!
“เจ้า…ที่แท้เป็นผู้ใดในใต้หล้ากันแน่?”
มองถามต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาถังหงยังอดไม่ได้ที่จะฉายถึงความหวาดกลัว กระบี่ที่ชิงมาถือในมือยังคล้ายกลายเป็นเผือกร้อนขึ้นมาทันที!
ครึ่งก้าวเซียนอมตะได้รับยอดสมบัติสวรรค์จากแดนลับต่างสวรรค์สักชิ้นนั้น อาจกล่าวได้ว่ามีโชควาสนานัก…
อย่างไรก็ตามในแดนลับต่างสวรรค์นั้น เป็นเรื่องยากที่ตัวตนครึ่งก้าวเซียนอมตะจะมีโชคถึงขั้นได้รับยอดสมบัติสวรรค์มาครองถึง 2 ชิ้น…
เพราะสุดท้ายแล้วในแดนลับต่างสวรรค์ ยอดฝีมือก็มีมากดั่งหมู่เมฆ ไม่ขาดตัวตนเซียนอมตะเสเพล 8ทัณฑ์ด้วยซ้ำ กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ก็มี!
ภายใต้สายตาของตัวตนอันน่ากลัวเหล่านั้น ครึ่งก้าวเซียนอมตะได้ยอดสมบัติสวรรค์มาสักชิ้น ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
หากคิดได้รับยอดสมบัติสวรรค์มาถึง 2 ชิ้นแล้วไม่ถูกผู้ใดช่วงชิงไป กล่าวได้ว่าเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย!
เว้นเสียแต่ครึ่งก้าวเซียนอมตะผู้นั้นจะมีภูมิหลังความเป็นมาอันแข็งแกร่งจนไม่มีใครหาญกล้าแตะต้องเท่านั้น!
ดังนั้นพอคาดเดาไปถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนอาจมีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ ในใจถังหงก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา!
“คนฆ่าเจ้า!”
อย่างไรก็ตามได้ยินคำถามด้วยความกลัวของถังหง ต้วนหลิงเทียนไม่จะสนใจอะไร เพียงตอบกลับไปเสียงห้วนสั้นๆ
และแทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ กระบี่เซียนอมตะในมือก็ลอยล่องออกจากมือไปเหินบินรอบกายด้วยความเร็วสูง!
พริบตาก็ปรากฏรังสีกระบี่นับพันหมื่นก่อเกิดขึ้นมาเหินวนรอบกาย ไม่ทันไรพวกมันก็เริ่มลอยตัวขึ้นไปหมุนคว้างเหนือศีรษะ!
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
เสียงกระบี่หอนกรีดอากาศดังขึ้นระรัว ความว่างเปล่าเหนือหัวต้วนหลิงเทียนเริ่มปรากฏค่ายกลกระบี่ก่อตัวขึ้นให้เห็น!
หลังงจากที่ค่ายกลกระบี่ดังกล่าวก่อตัวแล้วเสร็จ มันก็เปล่งพลังลึกลับขุมหนึ่งออกมาแผ่ซ่านไปในบรรยากาศ!
วูบ!
สีหน้าท่าทีถังหงเปลี่ยนไปทันใด เพราะมันพบว่ากระบี่เซียนอมตะที่มันช่วงชิงมา ตอนนี้เริ่มเปล่งพลังทำร้ายมือมันแล้ว!
หลังจากนั้นมันก็พบว่า
ทันทีที่กระบี่เซียนอมตะหลุดพ้นจากมือ ตัวกระบี่ก็พุ่งละลิ่วไปม้วนวนเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลกกระบี่เหนือศีรษะต้วนหลิงเทียนหน้าตาเฉย!
พอได้เห็นฉากดังกล่าวทั้งฉุกคิดถึงวาจาที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยตอบเมื่อครู่ ในใจของมันพลังบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นมาประการหนึ่ง!
“หึ!”
พร้อมกันกับที่เสียงสบถพ่นลมเยียบเย็นของต้วนหลิงเทียนดังขึ้น ค่ายกลกระบี่เหนือศีรษะต้วนหลิงเทียนก็คล้ายมีชีวิตขึ้นมา!
รังสีกระบี่ทั้งหลายต่างพากันเปล่งแสงกู่ร้อง ก่อนที่จะพุ่งทะยานจี้ตรงเข้าใส่ถังหงอย่างดุร้าย!
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
…
รังสีกระบี่แต่ละสายพุ่งออกไปดั่งลำแสง พวกมันแหวกทะลวงความว่างทิ้งรอยแยกมืดดำอันน่ากลัวไว้เป็นทาง! เมื่อรอยแยกทับซ้อนกัน มองไปยังคล้ายงูเหลือมตัวเขื่องสีมืดที่กำลังเลื้อยลด!!
ซู่มมม!
เผชิญกับค่ายกลกระบี่ที่เข่นฆ่าสังหารเข้ามาด้วยสภาวะพลังดุร้ายน่ากลัวดั่งห่าพิรุณกระหน่ำ แม้ถังหงจะตระหนักได้ว่าพลังทำลายเบื้องหน้าสุดที่ตัวมันจะต้านทานได้ แต่มันก็ทำได้แค่เร่งเร้าพลังชั่วชีวิตออกมาเพื่อต้านทานเท่านั้น!!
มวลพลังชั่วชีวิตถังหงปะทุระเบิดออกมาดั่งเพลิงไฟ เร่งซัดมีดบิน 7 ชุ่นออกไปด้วยพลังทั้งหมดหมายต้านทานห่ารังสีกระบี่ของต้วนหลิงเทียน!!
“เมตตาด้วย!”
จังหวะนี้ไม่ว่าจะเป็นถังชงประมุขนิกายถัง หรืออาวุโสสูงสุดนิกายถังอย่างถังจงยี่ก็พากันคืนสติทันที และสิ่งแรกที่พวกมันทำก็คือเร่งตะโกนร้องขอต้วนหลิงเทียน
ซู่ม!
ซู่ม!
แน่นอนว่าพวกมันไม่ได้ทำแค่ร้องตะโกนวิงวอนต้วนหลิงเทียนถ่ายเดียว ยังปะทุพลังชั่วชีวิตออกมาอย่างร้อนใจ!
อย่างไรก็ตาม พลังของพวกกมันพึ่งปะทุระเบิดออกมาไม่ทันได้ใช้งานอะไร…
ค่ายกลกระบี่ที่ถล่มทำลายไปดั่งห่าพิรุณกระหน่ำของต้วนหลิงเทียน ก็ได้ปะทะเข้ากับมีดบิน 7 ชุ่นที่ถังหงปะทุพลังชั่วชีวิตซัดออกมาต้านทานเรียบร้อย
เมื่อเผชิญหน้ากับความเป็นตาย ถังหงย่อมไม่คิดออมรั้งใดๆ มีดบินที่ซัดออกกมาได้หลอมรวมพลังฝึกปรือชั่วชีวิตของมัน กระทั่งรีดเค้นพลังออกมาได้ถึง 12 ส่วนก็ว่า!
บอกได้เลยว่ามีดบินสังหารของถังหงเล่มนี้ มีพลังเข่นฆ่าไม่อ่อนด้อยไปกว่าการลงมือเต็มกำลังของเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่ไร้ยอดสมบัติสวรรค์!
วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!!
…
ทว่ามีดบินพึ่งทะยานถึงเบื้องหน้าห่ารังสีกกระบี่ได้ไม่ทันไร มันก็เริ่มสั่นสะท้านเพราะพลังลี้ลับที่แผ่ออกมาจากค่ายกลกระบี่ของต้วนหลิงเทียน! ทันใดนั้นอัศจรรย์พลันบังเกิด มีดที่อัดแน่นไปด้วยพลังชั่วชีวิตของถังหงกลับไม่ปะทุพลังล้างผลาญอันใด กลับกลายไปเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลกระบี่ต้วนหลิงเทียนอย่างเรียบๆร้อยๆ
ด้วยเหตุนี้กล่าวได้ว่ากระบวนท่าของต้วนหลิงเทียนไม่ถูกลดทอนพลังอะไรแม้แต่น้อย!
และเป็นธรรมดาว่าถังหงเองก็ไม่มีเวลาที่จะเร่งเร้าพลังมาลงมือต้านทานอีกครั้ง ทั่วร่างอยู่ในช่วงพลังขาดห้วง! สุดท้ายจึงถูกห่ารังสีกระบี่กลืนหายไปในพริบตา!!
ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต สองตาถังหงเบิกกว้างกลมโต ใบหน้ายังเผยความเหลือเชื่อออกมาถึงขีดสุด
บางทีอาจเป็นเพราะในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต มันพึ่งตระหนักได้ว่า..
การใช้ยอดสมบัติสวรรค์ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนนั้น ช่างเป็นการรนหาที่ตายโดยแท้…
“ท่านบรรพบุรุษ!!”
ถังเจิ้นเป่ากรีดร้องออกมาเสียงหลงด้วยความโศกเศร้า ใบหน้าของมันยังเริ่มซีดลงปานกระดาษ!
ถึงแม้ด้วยพลังฝึกปรือของมัน จะไม่อาจแลเห็นอะไรได้เลย แต่มันก็ยังพอจะตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
นั่นเพราะตอนนี้กลิ่นอายบรรพบุรุษของมันอยู่ๆก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
จึงมีความเป็นไปได้เพียงประการเดียวเท่านั้น
บรรพบุรุษของมันตกตายแล้ว!
วูบ! วูบ!
สีหน้าท่าทีของถังชงและถังจงยี่เปลี่ยนไปพร้อมเพรียง พวกมันแต่ละคนไม่มีใครคิดว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจขนาดนี้ กระทั่งเข่นฆ่าถังหงได้ในเสี้ยวพริบตา!
สายเกินไปที่พวกมันจะสอดมือเข้าช่วย!
แน่นอนว่าหลังได้เห็นการลงมือของต้วนหลิงเทียนแล้ว พวกมันก็กระจ่างชัดถึงเรื่องหนึ่ง
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พวกมันลงมือช้าไปจนช่วยไม่ทัน ต่อให้พวกมันลงมือก่อน ทั้งให้ผนึกพลังกำลังกกับถังหง แต่น่ากลัวว่าคงไม่อาจต้านพลังกระบวนท่าที่โถมถล่มเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดินของต้วนหลิงเทียนได้…
‘วรยุทธ์เซียนอมตะที่มันใช้คือวรยุทธ์ผีสางอันใดกันแน่…ไฉนมีพลังอำนาจสะกดยอดสมบัติสวรรค์ได้ชะงัดนัก!? ยังถึงขั้นช่วงชิงยอดสมบัติสวรรค์ผู้อื่นไปดื้อๆ!!’
‘เมื่อครู่ต่อให้พวกเราทั้ง 3 ใช้ยอดสมบัติสวรรค์ออกมาก็ไร้ประโยชน์…และถ้ามิได้ใช้ยอดสมบัติสวรรค์ ก็ไม่มีพลังอำนาจพอจะต้านทานกระบวนท่าที่ทรงพลังทัดเทียมการลงมือของเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์นั่น!’
…
เรื่องนี้ถังชงกับถังจงยี่ย่อมรู้ดี
ด้วยเหตุนี้พอพวกมันมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตานอกจากความกลัวแล้วก็คงมีแต่ความหวาดกลัวเท่านั้น!
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
…
และหลังค่ายกลกระบี่เข่นฆ่าถังหงไปแล้ว พวกมันก็ไม่ได้หยุดลงแต่อย่างใด ยังคงพุ่งเข่นฆ่าสังหารไปต่อ และพริบตาต่อมาก็กลืนร่างถังเจิ้นเป่าที่กำลังอื้ออึงกับเรื่องราวจนสลายหายไปไม่เหลือซาก!!
หลังจากนั้นห่ารังสีกระบี่ของต้วนหลิงเทียนค่อยหยุดลง
หลังจากที่รังสีกระบี่สลายตัวแล้ว นอกกจากกระบี่เซียนอมตทั้ง 2 เล่มที่ลอยกลับมาหาเขา ก็ยังมีมีดบิน 7 ชุ่นของถังหงอีกด้วย
“เซี่ยวเซี่ยว”
หลังเรียกหาถังเซี่ยวเซี่ยวให้อีกกฝ่ายหันมาสนใจ ต้วนหลิงเทียนก็โยนมีดบิน 7 ชุ่นดังกล่าวให้นางไปทันที ทีท่ายังทำราวกับโยนขยะไร้ราคา ไม่ได้มีความโลภใดๆในตัวมีดแม้แต่น้อย!
ต้องทราบด้วยว่า จังหวะนี้ต่อให้เขาจะยึดมีดไป ก็คงไม่มีใครกล้าพูดอะไร
“เอ่อ…”
หลังรับมีดบินมาถือไว้อย่างงงๆถังเซี่ยวเซี่ยวก็อึกอักเล็กน้อย เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นดั่งสินสงครามของต้วนหลิงเทียน แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนซะงั้น ยังโยนมาให้นางอีก!
“เอามันให้ประมุขนิกายถังหรือบรรพบุรุษของเจ้าเถอะ…และนี่กล่าวได้ว่าเป็นเพราะเจ้า มีดเล่มนั้นถึงหวนคืนนิกายถังได้ อีกทั้งตอนนี้ถังหงก็ตายไปแล้วนิกายก็ไม่อาจบังคับให้เจ้าแต่งงานกับนายน้อยวังคลื่นสวรรค์อะไรนั่นได้อีก! เมื่อบรรพบุรุษเจ้าก็ไม่คิดฝืนใจเจ้า ประมุขนิกายถังก็ไม่มีทางบีบบังคับเจ้าได้อีก”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวแนะถังเซี่ยวเซี่ยว
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนถังเซี่ยวเซี่ยวย่อมตระหนักได้ถึงเจตนาดี จึงยิ้มให้ต้วนหลิงเทียนด้วยสำนึกขอบคุณ จากนั้นก็โยนมีด 7 ชุ่นให้ประมุขนิกายถังทันที
ถังชงประมุขนิกายถังก็รีบมีดเล่มดังกล่าวมาด้วยสีหน้าท่าทีซับซ้อนนัก
‘ไม่คิดเลย…ว่าเจ้าหนุ่มหน้าใสที่ยาโถวน้อยเจ้าพากลับมาบ้านผู้นี้จะร้ายกาจได้ถึงขนาดนี้..’
ขณะเดียวกันถังจงยี่ก็ฟื้นคืนสติจากอาการตะลึง มันหันไปมองถังเซี่ยวเซี่ยวก่อน ค่อยหันไปมองต้วนหลิงเทียน อดไม่ได้ที่จะทอดถอนในใจ
และตอนนี้ความไม่พอใจทีมีต่อต้วนหลิงเทียนเล็กน้อยก่อนหน้าก็หายไปไม่มีเหลือ
เพราะมันรู้แล้วว่าต้วนหลิงเทียนอาศัยอะไรถึงได้มีท่าทีสบายๆและเป็นกันเองต่อหน้ามัน
“เซี่ยวเซี่ยว…เจ้าหนุ่มร้ายกาจผู้นี้เป็นชายคนรักของเจ้าจริงๆรึ?”
สุดท้ายถังจงยี่ก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบถามถังเซี่ยวเซี่ยวเสียงเบา
“มิใช่เจ้าค่ะ”
มาตอนนี้ถังเซี่ยวเซี่ยวย่อมรู้ดีว่านางไม่จำเป็นต้องโกหกอะไรสืบต่อ เพราะกล่าวได้ในระดับหนึ่งว่า วิกฤตของนางได้ถูกคลี่คลายลงแล้ว
“น่าเสียดาย…น่าเสียดาย…”
อย่างไรก็ตามพอได้ยินคำปฏิเสธของถังเซี่ยวเซี่ยว ถังจงยี่ก็แลดูผิดหวังอย่างแรง…