WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2530
ตอนที่ 2530
ตอนที่ 2,530 : ดาวเคราะห์รกร้าง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาตู้เวยในตอนนี้ เป็นอะไรที่อยู่เหนือสามัญสำนึกของมันอย่างสิ้นเชิง
ตู้เวยเองกว่าจะมีวันนี้ได้ มันก็ได้พบพานนักรบเหนือธรรมชาติมามากมาย แต่กระทั่งนักรบเหนือธรรมชาติธาตุลมที่ร้ายกาจที่สุด ก็ทำได้แค่ลอยร่างเหนือพื้นได้ราวๆ 100 เมตรเท่านั้นหากไม่ใช้อุปกรณ์ช่วยบิน
ทำให้ตอนนี้มันสมองตื้อไปแล้วจริงๆ
ว่าชายหนุ่มชุดม่วงข้างๆ ทำอย่างไรกันแน่ถึงพามันขึ้นมาอวกาศได้ อีกทั้งทำให้มันดำรงชีวิตอยู่ในอวกาศได้แบบนี้…
‘หะ…หายใจได้ยังไง ฝะ…ฝัน นี่มันแค่ความฝัน?’
จังหวะนี้ตู้เวยยังอดคิดไปไม่ได้ว่าตัวมันกำลังฝันไป สุดท้ายมันก็ยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองต่อหน้าต่อตาต้วนหลิงเทียน!
หลังจากนั้นแก้มมันก็ร้อนแสบขึ้นมาทันที!
ตู้เวยถึงกับสะดุ้งไปวูบหนึ่ง ยังรู้สึกหน้าม้านไปไม่น้อย
“ตอนนี้…เจ้าคงยืนยันได้แล้วสินะ ว่าไม่ได้ฝันไป?”
เสียงต้วนหลิงเทียนดังขึ้นอีกครั้ง ดึงสติมันให้กลับมาอยู่กับตัวทันที
“กะ…แกเป็นใครกันแน่?!”
มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ตู้เวยเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกถึงขีดสุด!
เพราะเรื่องอันน่าเหลือเชื่อที่อีกฝ่ายนำมาสู่มัน เป็นอะไรที่อยู่เหนือสามัญสำนึกของมันเกินไป!
“ข้าเป็นใคร?”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มเฉยเมย “ไม่ใช่ตอนอยู่บนเรือสำราญข้าก็บอกไปแล้วรึไง…หรือเจ้าไม่ได้ยิน?”
“ไม่! เรื่องแบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้! ไม่มีทางเป็นไปได้เลย!!”
“แกจะเป็นหลิงเทียนนั่นได้ยังไง…เมื่อไม่กี่สิบปีก่อนหลิงเทียนมันตายคาที่ไปแล้วแน่นอน ข้ายังเห็นศพมันถูกกำจัดกับตา! ที่สำคัญต่อให้วันนั้นมันไม่ตาย…แต่แค่เวลาไม่กี่สิบปีมันก็ไม่มีวันมีพลังระดับแกได้!!”
พลังที่ต้วนหลิงเทียนกำลังเผยให้เห็นตอนนี้ ทำให้ตู้เวยผู้นำองค์กรหัตถ์มารกลัวจับใจแล้วจริงๆ มันเลยไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะเป็นหลิงเทียนคนนั้นไปได้
“พลังระดับข้า?”
ต้วนหลิงเทียนยิ้ม “อย่าบอกนะว่าอาศัยแค่สิ่งที่เห็นอยู่เล็กน้อยนี่ ก็ทำให้ผู้นำองค์กรหัตถ์มารตกใจแล้ว? อย่าพึ่งรีบตกใจไป…ตอนนี้ข้าจะพาไปดูอะไรดีๆในทางช้างเผือก ทั้งจะให้ดูกับตาว่าแบบไหนถึงเรียกว่า พลัง!”
หากเป็นก่อนหน้าที่จะได้เจอต้วนหลิงเทียน ลองตู้เวยมาได้ยินต้วนหลิงเทียนพูดแบบนี้ มันคงคิดไปว่าต้วนหลิงเทียนพึ่งหลุดออกมาจากโรงพยาบาลบ้าแน่นอน
แต่ตอนนี้มันไม่กล้าไม่เชื่อ!
เพราะในสายตาของมัน แค่ที่มันเห็นอยู่…ชายหนุ่มชุดม่วงไม่น่าจะใช่ผู้คนแล้ว!!
คนเราจะมายืนอยู่ในอวกาศด้วยตัวเปล่าๆแบบนี้ได้ไง?
ที่สำคัญคือ
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่อีกฝ่ายสามารถขึ้นมายังอวกาศทั้งอาศัยอยู่ได้โดยไม่ใช้อุปกรณ์อะไรเลย! อีกฝ่ายถึงขั้นพาคนอื่นขึ้นมาทั้งทำให้คนอื่นอยู่ในอวกาศได้ทั้งๆที่ไร้อุปกรณ์แบบนี้!
เรียกว่าแค่ได้เห็นสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนทำได้ ตู้เวยก็ไม่เหลือความคิดว่าตัวเองเป็นนักรบเหนือธรรมชาติที่แข็งแกร่งที่สุดอีกต่อไป!
เพราะต่อหน้าคนที่ทำอะไรแบบนี้ได้ ตัวมันแทบไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาเลย…
ฟุ่บ!
ดั่งบังเกิดสายลมพัดกรรโชกในห้วงอวกาศก็ไม่ปาน
เพียงพริบตาเดียวต้วนหลิงเทียนก็พาตู้เวยท่องไปทั่วในระบบสุริยะจักรวาล ทั้งเตรียมจะพาอีกฝ่ายออกนอกระบบสุริยะจักรวาล!
อันที่จริงด้วยความเร็วในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียน คิดพาตู้เวยออกนอกระบบสุริยะจักรวาล เขาก็ไม่ต้องใช้เวลามากมายอะไร
อย่างไรก็ตามเพื่อให้ตู้เวยได้เห็น ‘ทิวทัศน์’ ต่างๆในระบบสุริยะจักรวาลชัดๆ เขาก็จงใจชะลอความเร็วลง
ด้านตู้เวยที่ถูกต้วนหลิงเทียนใช้พลังไร้สภาพหอบหิ้วเดินทาง ตอนนี้มันยังรู้สึกเพียงเสมือนมีพลังอำนาจบางประการสะกดกักตัวมัน ทำให้ไม่อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวใดๆได้เลย
ตอนนี้มันจึงแตกตื่นถึงขีดสุด! ที่ยังขยับเขยื้อนได้ก็มีแต่ลูกตาเท่านั้น!!
ด้วยเหตุนี้ มันเลยได้เห็นภาพที่ต้วนหลิงเทียนกำลังพามันมุ่งหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ชัดเจน!
ทำให้ในขณะที่เข้าใกล้รวมถึงพุ่งเข้าไปเฉียดพื้นผิวดวงอาทิตย์ ตู้เวยถึงกับหวาดกลัวจนขี้หดตดหาย!
เพราะเท่าที่มันรู้มา…แค่อุณหภูมิพื้นผิวดวงอาทิตย์ก็สูงพอจะให้มันกลายเป็นเถ้าในพริบตาด้วยซ้ำ!
‘อะไรกันวะ! ขนาดอุณหภูมิที่พื้นผิวด้วยอาทิตย์ยังทำอะไรมันไม่ได้เลยเหรอ!?’
แต่พอได้พบว่าต้วนหลิงเทียนพามันเหินเฉียดพื้นผิวดวงอาทิตย์กระทั่งพุ่งผ่านลงไปในมวลแสงสีสว่างอันน่าขนลุกโดยที่มันไม่ได้รับบาดเจ็บกระทั่งไร้แม้แต่ความรู้สึกร้อนลวกใดๆ ใจตู้เวยก็ยิ่งตื่นตระหนกจนแทบวาย!
ฟุ่บ!
ทันใดนั้น หลังพุ่งเลียดไปกับพื้นผิวดวงอาทิตย์ได้ครู่หนึ่ง อยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็เร่งความเร็วกะทันหัน ทำให้สองตาตู้เวยรู้สึกพร่ามัว
ครู่ต่อมามันก็พบว่าดวงอาทิตย์ที่เป็นดั่งลูกไฟมหึมาค่อยๆหดเล็กลงเรื่อยๆ ไม่ทันไรก็กลายเป็นจุดแดงเล็กๆ สุดท้ายก็อันตรธานหายไปจากสายตา…
“นี่เป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง ที่อยู่ในดาราจักรทางช้างเผือก”
และตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนได้พาตู้เวยมาถึงห้วงอวกาศใกล้ดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง
หลังได้ยินเสียงต้วนหลิงเทียน ตู้เวยที่กำลังอื้ออึงก็ดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง และพอมันเริ่มมองไปรอบๆตัว มันก็ตระหนักได้ว่ามันสมควรออกนอกระบบสุริยะมาแล้ว
“เจ้าเห็นดาวเคราะห์นั่นรึเปล่า?”
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวขึ้นอีกครั้ง พลางชี้นิ้วออกไป
พอตู้เวยมองตามปลายนิ้วของต้วนหลิงเทียนไป มันก็เห็นดาวเคราะห์สีเทาดวงหนึ่ง…และมันก็รู้ได้ทันทีจากสีของดาว ว่าดาวเคราะห์ที่อยู่ข้างหน้า ดูเหมือนจะไม่มีน้ำเหมือนที่โลก
“ขนาดของดาวเคราะห์ดวงนี้ เมื่อเทียบกับโลกแล้ว…คิดว่าเป็นยังไง?”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองตู้เวยพลางถาม
แม้ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆต้วนหลิงเทียนถึงถามเรื่องนี้ออกมา แต่ตู้เวยที่ได้เห็นพลังอันน่าสะพรึงกลัวของต้วนหลิงเทียนจนขวัญหนีดีฝ่อมันก็ไม่กล้าชักช้า
“ยะ..ใหญ่กว่าโลก 5-6 เท่าเห็นจะได้…”
ตู้เวยตอบ
“โฮ่? ตาดีนี่!”
ได้ยินคำตอบของตู้เวยต้วนหลิงเทียนยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ค่อยพยักหน้าเบาๆ “ดาวเคราะห์ตรงหน้ามีขนาดใหญ่กว่าโลก5 เท่านิดๆ…”
“แล้วเจ้าคิดว่า…ด้วยระเบิดนิวเคลียทั้งหมดที่เจ้าติดตั้งไว้บนโลก หากจุดระเบิดพร้อมกัน…มันจะทำลายดาวเคราะห์ดวงนี้ได้รึเปล่า?”
ต้วนหลิงเทียนถามออกมาอีกครั้ง
“ไม่ได้แน่นอน”
ถึงไม่รู้ว่าทำไมต้วนหลิงเทียนถึงถามเรื่องนี้ออกมา แต่ตู้เวยก็กล่าวตอบไปตามตรง
“แล้วเจ้าคิดว่า..คนๆหนึ่งสามารถใช้มือเปล่าทำลายดาวเคราะห์ดวงนี้ได้หรือไม่?.”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาอีกครั้ง
และแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามประโยคนี้จบคำ สีหน้าท่าทีตู้เวยก็เปลี่ยนไปทันที มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งสายตายังฉายชัดถึงความตกใจทั้งเหลือเชื่อ!
มันไม่ใช่คนโง่! เช่นนั้นย่อมเข้าใจสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนจะสื่อได้เป็นธรรมดา!!
อย่างไรก็ตาม มันทำใจเชื่อไม่ลง!
ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะมีพลังมหาศาลถึงขั้นพามันท่องอวกาศเดินทางข้ามห้วงจักรวาลได้แบบนี้ แต่มันก็ไม่เชื่อว่าต้วนหลิงเทียนจะมีพลังอำนาจถึงขั้นทำลายดาวเคราะห์ที่ใหญ่กว่าโลกถึง 5 เท่าด้วยมือเปล่าได้!
ต้องทราบด้วยว่าใหญ่กว่า 5 เท่าในที่นี้ก็คือมีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่า…ในเมื่อเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ขึ้น 5 เท่า เช่นนั้นมวลเล่า? ปริมาตรเล่า?
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องระเบิดนิวเคลียที่มันซุกซ่อนไว้ทั่วทุกมุมโลกจะสามารถทำลายดาวเคราะห์ดวงนี้ได้หรือไม่ได้เลย…
เพราะต่อให้จำนวนระเบิดนิวเคลียจะมีเป็น 5เท่า…ไม่สิ! ต่อให้มีจำนวนเป็น 10 เท่าของโลก ก็ยากที่จะทำลายดาวเคราะห์ดวงนี้ได้!!
เนื่องจากต่อให้เป็นระเบิดนิวเคลียที่รุนแรงที่สุดและมีจำนวนเป็น 10 เท่าของบนโลก ทว่าด้วยผิวหน้าของดาวที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่มีทางที่แรงระเบิดจะครอบคลุมได้ทั้งโลก! และด้วยความหนาของแผ่นดินแรงระเบิดก็ไม่อาจส่งพลกระทบอะไรได้มาก!!
“ดูเจ้าทำหน้าเข้า…ไม่เชื่องั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนย่อมมองเห็นถึงสายตาไม่เชื่อของตู้เวยชัดเจน
เพื่อตอบสนองต่อสิ่งนี้เขาไม่ได้พูดอะไรมากนอกจากคำพูดนั้น
และภายใต้สายตาที่ทำราวจะกล่าวว่า ‘ให้ตายก็ไม่มีวันเชื่อ’ ของตู้เวย ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆยกมือขึ้นไปทางดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่กว่าโลกถึง 5เท่าอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ดาวเคราะห์ดวงนี้ เพียงมองก็รู้ว่าเป็นดาวเคราะห์รกร้างว่างเปล่า
เห็นได้ชัดว่ามันไม่เหมาะสำหรับให้สิ่งมีชีวิตใดๆอาศัยอยู่…
“ดาวเคราะห์ดวงนี้ เป็นดาวเคราะห์ที่รกร้างว่างเปล่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆอาศัยอยู่แม้กระทั่งพืช ที่สำคัญยังไม่อยู่ในวงโคจรของดาวดวงไหน และอยู่นอกระยะแรงดึงดูดระหว่างดวงดาวทุกดวง…ทำให้ถึงมันจะหายไป แต่ก็จะไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อดาราจักรแห่งนี้…”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยเรื่องนี้ขึ้น ระหว่างยกมือขึ้นมา
และนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำไมเขาถึงเลือกดาวเคราะห์ดวงนี้
เขาไม่ต้องการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ทั้งไม่คิดทำลายสมดุลหรือสร้างผลกระทบต่อวงโคจรของดาวดวงใดในดาราจักร
ดังนั้นเขาจึงเฟ้นหาดาวเคราะห์รกร้างที่ไม่มีความสำคัญใดๆเลย!
“ดูให้ดีๆล่ะ”
ระหว่างที่ยกมืออยู่ต้วนหลิงเทียนพลันพูดขึ้นมาอีกครั้ง และต่อให้ไม่เจาะจง ตู้เวยก็รู้ว่าต้วนหลิงเทียนกำลังพูดกับมัน
ครู่ต่อมามันก็จับจ้องมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนไม่วางตา ราวกับกลัวจะพลาดการกระทำใดๆ
‘ปฐมเวทย์กลืนกิน’
และในขณะที่ตู้เวยจับจ้องมองมา ต้วนหลิงเทียนพลันใช้เวทย์พลังสนับสนุนอย่างปฐมเวทย์กลืนกิน ที่แม้จะเป็นในระนาบเทวโลกก็นับว่าเป็นเวทย์พลังสนับสนุนไม่ธรรมดาออกมา
ทันใดนั้นรอบกายต้วนหลิงเทียนพลันอุบัติวังวนพลังดูดรั้งขึ้น ก่อนที่จะสูบกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบ!
ทั้งหมดบังเกิดขึ้นในเสี้ยวพริบตา ถึงขั้นที่ตู้เวยเองก็ไม่อาจมองเห็นได้ชัดเจน
ตู้เวยเพียงเห็นว่า รอบกายต้วนหลิงเทียนคล้ายมีเงาดำๆกระพริบเท่านั้น แต่ไม่อาจมองได้ชัดว่าเงาดำนั่นคืออะไรกันแน่
วู้มมม!!
ครู่ต่อมา ภายใต้สายตามองจ้องของตู้เวย ฝ่ามือของต้วนหลิงเทียนที่ยกขึ้นมาค้างไว้อยู่ๆก็ปรากฏมวลพลังขุมหนึ่งปะทุขึ้นมาลุกท่วมดั่งเพลิงไฟ! แผ่กลิ่นอายพลังอันยิ่งใหญ่สุดไพศาล!!
พร้อมกันกับกลิ่นอายพลังน่าพรั่นพรึง ทั่วฝ่ามือก็เรืองแสงสว่างเจิดจ้าปานดวงตะวันร้อนแรง! ทำให้ตู้เวยอดไม่ได้ที่จะหยีตาลงเพื่อลดแสง!!
และทันใดนั้นเอง
วือ
ภายใต้สายตาที่หรี่มองของตู้เวย ต้วนหลิงเทียนค่อยๆผลักฝ่ามือออกไปเบื้องหน้าอย่างเชื่องช้าถึงขีดสุด
ทิศทางที่ฝ่ามือผลักออกไปเบาๆอย่างไม่รีบไม่ร้อน แน่นอนว่าเป็นทิศทางที่ตั้งของดาวเคราะห์รกร้างว่างเปล่า
และเมื่อฝ่ามือของต้วนหลิงเทียนผลักออกไปจนสุด
ครืนนนน!!
อวกาศเบื้องหน้าฝ่ามือต้วนหลิงเทียน พลันปรากฏฝ่ามือพลังมีสภาพฝ่ามือหนึ่งพุ่งออกไปด้วยพลังอำนาจอันน่าพรั่นพรึง! ความว่างเปล่าตามรายทางที่ฝ่ามือพลังดังกล่าวพุ่งผ่านบังเกิดเป็นรอยแยกมิติมืดดำลากยาว!
อีกทั้งคลื่นกระแทกอันน่ากลัวก็ซัดกระแทกออกมาตลอดเวลา!
ถึงแม้ว่าตู้เวยจะถูกต้วนหลิงเทียนใช้พลังปกคลุมหอบหิ้วเอาไว้ จนไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
แต่มันยังสามารถมองเห็นได้ชัด
ว่านอกจากรอยแยกมิติมืดดำแปลบปลาบที่ฝ่ามือพลังต้วนหลิงเทียนทิ้งไว้เป็นทางขณะพุ่งไป ความว่างเปล่าโดยรอบยังกระเพื่อมออกไปดั่งระลอกคลื่น!
และในขณะที่ตู้เวยกำลังตื่นตระหนกกับพลังอำนาจของฝ่ามือ จนสติหลุดลอยไปนั้นเอง
ตูมมมมม!!
เสียงระเบิดที่ดังสนั่นปานฟ้าถล่มพลันดังขึ้นมา จากทิศทางที่ดาวเคราะห์รกร้างตั้งอยู่ ทำให้ตู้เวยดึงสติกลับมาอยู่กับร่องกับรอย และมองไปยังดาวเคราะห์รกร้างอย่างไม่รู้ตัว
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
…
และในขณะที่ตู้เวยกำลังจับจ้องมองไปยังดาวเคราะห์รกร้าง เสียงระเบิดสนั่นก็ดังเข้าหูมันไม่หยุด!
เรียกว่าพริบตาเดียว เบื้องหน้าของมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นละออง และสีสันแปลบปลาบสว่างจ้า ยากที่จะมองเห็นดาวเคระห์รกร้างใดๆได้อีก!
อย่างไรก็ตามหลังแสงสว่างเบื้องหน้าค่อยดับลง ทั้งฝุ่นละอองทั้งหลายๆค่อยๆซาตัว ลูกตาของมันก็หดเล็กลงแทบปิด เร่งหันรีหันขวางมองไปรอบๆอย่างตื่นตระหนก
และตอนนี้มันถึงกับมองจ้องเสียจนลูกตาแทบถลนออกเบ้า!
“อะ…อะ…อะ…”