WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2531
ตอนที่ 2531
ตอนที่ 2,531 : ไร้ยางอาย
หลังฝุ่นทั้งแสงสว่างหายไป การที่ตู้เวยจะตกตะลึงจนลูกตาแทบถลนออกจากเบ้าแบบนี้ก็ไม่แปลกอะไร…
นั่นเพราะดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่กว่าโลกถึง 5 เท่านิดๆนั้น ได้อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาของมัน!
ตอนนี้ในสายตาของมันเหลือแต่ฝุ่นอวกาศ และทองฟ้าอันเต็มไปด้วยหมู่ดาวไร้สิ้นสุดเท่านั้น…
“ไม่…จริง…น่า”
“ดะ…ดาวเคราะห์นั่น มันใหญ่กว่าโลก 5 เท่า…ใหญ่กว่าโลก 5 เท่า!!”
มองไปยังห้วงอวกาศที่มีแต่ความมืดกับดวงดาวตรงหน้า ตู้เวยคล้ายคนสติหลุดลอยไปแล้วก็ไม่ปาน ในใจคล้ายบังเกิดมรสุมคุ้มคลั่ง ยากจะดึงสติได้อยู่นาน
หากเป็นไปได้ มันอยากเชื่อว่าเรื่องราวทุกสิ่งเบื้องหน้าเป็นแค่ความฝัน
ทว่าหลังจากที่ได้ลองทดสอบดูแล้ว มันจึงรู้แก่ใจดี…
เรื่องราวทั้งหมดเบื้องหน้าไม่ใช่ความฝัน แต่มันเป็นความจริง!
“ย้อนกลับไปในปีนั้น ข้าที่ถูกเจ้าหักหลัง…ได้ตายไปแล้วจริงๆ…”
ตอนนี้เองเสียงต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นเข้าหูตู้เวยอีกครั้ง ดึงสติของมันให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอย ขณะเดียวกันก็สร้างความตื่นตระหนกให้มันจนหัวใจแทบรับไม่ไหว
ชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้…เป็นราชันทหารรับจ้าง หลิงเทียน ที่มันทรยศหักหลังไปเมื่อไม่กี่สิบปีก่อนจริงๆหรือ?
“เป็นไปไม่ได้! มันจะเป็นไปได้ยังไง…เรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้เลย!!”
ก้นบึ้งของใจตู้เวยยังยืนกรานไม่เชื่อดุจเดิม
ไม่ต้องพูดถึงคนตายไม่อาจฟื้นคืน…เมื่อไม่กี่สิบปีที่แล้วถึงหลิงเทียนจะไม่ตาย ทว่าในเวลาแค่นี้ให้ตายหลิงเทียนก็ไม่มีทางมีพลังระดับนี้ได้!
เพราะในสายตาของตู้เวย
เพียงหนึ่งฝ่ามือที่ผลักออกเพียงเบาๆ กลับมีพลังอานุภาพระเบิดดาวเคราะห์ที่ใหญ่กว่าโลกถึง 5 เท่าให้แหลกเป็นจุนได้ นี่คือพลังอำนาจของพระเจ้าชัดๆ!
“อย่างไรก็ตาม…ข้านับว่าโชคดีจริงๆ เพราะถึงข้าจะตายไปแล้วแต่วิญญาณของข้ากลับไม่ดับสูญหรือไปโลกหลังความตายอะไรแบบนั้น แต่กลับเดินทางไปยังโลกอื่นอย่างน่าฉงน…”
ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับตู้เวยสืบต่อ
แต่ต้นจนจบสีหน้าของเขาแลดูเฉยเมย คล้ายพูดถึงเรื่องไม่สลักสำคัญ
“และโลกใบนั้น เป็นโลกที่นับถือผู้เข้มแข็ง…เต็มไปด้วยผู้ฝึกยุทธ์ทั้งผู้ฝึกตน และด้วยการผจญภัยครั้งใหม่ในโลกนั้นของข้าตลอดช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ก็ได้หล่อหลอมให้ข้าเป็นอย่างทุกวันนี้”
“ข้าเองก็พึ่งสามารถเดินทางออกมาจากโลกนั้น เพื่อกลับมายังโลกได้เมื่อไม่นานมานี้เอง…”
“และพลังที่ข้ามีตอนนี้ หากจะมองไปทั้งจักรวาลที่เจ้ารู้จัก…จะพูดว่าข้ามีพลังสูงสุดก็ไม่ผิด!”
“ถึงตอนนี้ตัวเจ้าจะอ้างตัวว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก…ทว่าตัวข้า หลิงเทียน ได้ยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของจักรวาล!”
พูดถึงตรงนี้ ต้วนหลิงเทียนก็หยุดลง
แต่นั่นก็มากพอทำให้ทีท่าของตู้เวยเปลี่ยนไปใหญ่หลวง
ในสายตาของมันนอกเหนือจากความตกใจแล้ว ก็มีแต่ความตื่นตระหนกและความหวาดกลัว
มันเชื่อ…
เพราะด้วยความแข็งแกร่งของชายหนุ่มเบื้องหน้า ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องเสียเวลามาแต่งเรื่องโกหกมัน
เช่นนั้นกล่าวได้ว่า ชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้ ก็คือราชันทหารรับจ้าง หลิงเทียน ในอดีต?
อย่างไรก็ตาม มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ!
ว่าราชันทหารรับจ้าง หลิงเทียน ที่ตกตายไปเรพาะการหักหลังของมันในอดีต…ไม่เพียงแต่ดวงวิญญาณจะข้ามไปโผล่โลกอื่ก ยังใช้เวลาแคไม่กี่สิบปีกลับกลายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลได้!
ขณะนี้ลึกลงไปในแวววตาของมันอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความอิจฉาริษยาถึงขีดสุด
ทำไม?
ทำไมคนตายถึงได้ดีกว่าคนเป็นอย่างมัน?!
“จริงสิ บางทีในความคิดของเจ้า…จักรวาลที่ข้าพูดถึงก็คือดาราจักรทางช้างเผือก หรือดาราจักรแอนโดรมีดาอะไรพวกนั้นสินะ?”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองตู้เวย พลางกล่าวอธิบายออกมาเสียงเรียบ “แต่ข้าจะบอกอะไรบางอย่างให้เจ้าได้รู้…”
“ไม่เพียงแต่ดาราจักรทางช้างเผือก จะเป็นดาราจักรไหนๆที่เจ้าเคยรู้จักมาในตำราเรียน ทั้งหมดก็เป็นแค่ดาราจักรที่อยู่ในสิ่งที่เรียกว่าระนาบเหยียนหวงเท่านั้น ที่สำคัญก็คือดาราจักรทางช้างเผือกแห่งนี้ช่างขาดแคลนพลังวิญญาณฟ้าดินนัก…ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนอันทรงพลังทั้งหลายไม่เว้นเหล่ากองกำลังที่มีอารยธรรมสูงล้ำในระนาบเหยียนหวง มองดาราจักรทางช้างเผือกไม่ต่างอะไรจากสถานที่ๆกระทั่งวิหกยังไม่อยากแวะเวียนมาขับถ่าย…”
“เมื่อครู่ที่เจ้าเห็นข้าซัดไปแค่ฝ่ามือเดียวก็ทำลายดาวเคราะห์ที่ใหญ่กว่าโลกถึง 5 เท่าได้ จนเจ้าอาจคิดว่าข้าแทบไม่ต่างอะไรจากพระเจ้า และคงมีน้อยคนที่ทำอย่างข้าได้…”
“แต่ข้าจะบอกอะไรให้เจ้าฟัง…เมื่อครู่ยังไม่ใช่พลังทั้งหมดของข้า และในระนาบเหยียนหวงแห่งนี้ คนที่สามารถระเบิดดาวเคราะห์เมื่อครู่ได้แบบข้า ก็ยังมีอีกมากมายนัก!”
“ต่อให้เป็นคนธรรมดา แต่หากมี ‘เรือรบระดับโลกาวินาศ’ ของอารยธรรมระดับสูง เพียงกดปุ่มยิงปุ่มเดียวก็ระเบิดดาวเคราะห์ดวงเมื่อครู่ได้ไม่ยาก”
กล่าวถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียน ก็มองตู้เวยด้วยสายตาเหยียดหยาม กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเสียดสี “แล้วตอนนี้เจ้าเชื่อว่าตัวเองเป็นกบก้นบ่อรึยัง? สำนึกรึยังว่าความฝันของเจ้ามันช่างไร้สาระขนาดไหน!?”
ทุกถ้อยคำความจริงที่ต้วนหลิงเทียนกล่าว ไม่ต่างอะไรจากแหลนแทงลงกลางใจตู้เวย ทำให้ใจมันสะท้านไปหนักหนา
ที่ทำลายดาวเคราะห์เมื่อครู่ในฝ่ามือเดียว ยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดอีกงั้นหรือ?
แถมในสิ่งที่เรียกว่าระนาบเหยียนหวงแห่งนี้ ยังมีคนที่ทำลายดาวเคราะห์นั่นได้อยู่อีกมาก?
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยสิ่งที่เรียกว่าเรือรบระดับโลกาวินาศของอารยธรรมระดับสูง ยังสามารถยิงดาวเคราะห์ขนาดใหญ่กว่าโลก 5 เท่านั่นให้บึ้มได้?
“กบก้นบ่อ…”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่มุมปากตู้เวยตอนนี้ได้คลี่ยิ้มขื่นขมออกมารากับจะเย้ยหยันตัวเอง
อย่างที่ต้วนหลิงเทียนพูดไม่มีผิด มันไม่ต่างอะไรจากกบก้นบ่อจริงๆ!
“อีกทั้งสำหรับข้าแล้ว เรื่องที่เจ้าเอาโลกเป็นหลักประกันช่างเป็นเรื่องน่าขันสิ้นดี…เพราะตราบใดที่ข้าต้องการ ข้าอาศัยเพียงหนึ่งห้วงคิด ก็สัมผัสได้ถึงทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าด้วยสำนึกเทวะได้ทันที…เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่เคยติดต่อกับเจ้า จะมากจะน้อยก็ต้องมีกลิ่นอายของเจ้าอยู่…”
ต้วนหลิงเทียนมองตู้เวยด้ยสายตาไม่แยแส “ดังนั้นสำหรับข้าแล้ว มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยที่จะตามหาพวกเดนตายที่เจ้าเตรียมไว้จุดชนวนระเบิด แล้วฆ่าพวกมันทิ้งพร้อมๆกัน”
“กระทั่งในเวลาแค่ครึ่งก้านธูปก็มากเกินพอให้ข้ารวบรวมระเบิดทั้งหมดที่เจ้าซ่อนไว้บนโลก และต่อให้ข้าปลดชนวนมันไม่ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะนำระเบิดนิวเคลียพวกนั้นไปทิ้งไว้ในอวกาศไกลห่างให้มันระเบิดไปอย่างเสียเปล่า กระทั่งจะใช้พลังสะกดแรงระเบิดมันไว้ก็ยังได้…”
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
แต่ละวาจาถ้อยคำที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา ดั่งสายฟ้าฟาดลงกลางกระหม่อมตู้เวยก็ไม่ปาน สีหน้าของมันเริ่มซีดเซียว แววตาของมันเริ่มหม่นประกายทั้งเซื่องซึมราวกับคนวิญญาณหลุดออกจากร่าง
มันไม่คิดสงสัยในคำพูดของต้วนหลิงเทียน
เพราะสุดท้ายแล้ว นี่ก็คือตัวตนที่อาศัยหนึ่งฝ่ามือป่นดาวเคราะห์ที่ใหญ่กว่าโลกได้สบายๆ…
มาตอนนี้ตู้เวยยังสำเหนียกตัวเองดี ว่าไพ่ตายที่มันเอาไว้ใช้ต่อรองกับต้วนหลิงเทียน ช่างน่าหัวเราะขนาดไหน!
“ที่อยากพูดข้าก็พูดหมดแล้ว”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่สายตาที่ใช้มองตู้เวยของต้วนหลิงเทียนนั้นได้เปลี่ยนไปจากเฉยเมยเป็นดุร้าย
“ถึงเวลาคิดบัญชีระหว่างเจ้ากับข้าเมื่อไม่กี่สิบปีก่อนเสียที…”
ขณะกล่าววาจาประโยคนี้ จิตสังหารอันน่ากลัวก็แผ่พุ่งออกมาจากทั่วร่างต้วนหลิงเทียน!
และทันทีที่จิตสังหารอันน่ากลัวของต้วนหลิงเทียนแผ่ไปกดทับร่างตู้เวย มันก็แตกตื่นเสียขวัญถึงที่สุด!รีบหันไปมองต้วนหลิงเทียนอย่างหวั่นหวาด เร่งกล่าวออกมาอย่างร้อนรน!!
“พี่เทียน….พี่เทียนอย่าฆ่าฉันเลย น้องเวยคนนี้สำนึกผิดแล้ว! น้องเวยรู้ผิดแล้วพี่เทียน!!”
ดีที่ตอนนี้ร่างตู้เวยยังไม่อาจขยับเขยื้อนได้ ไม่งั้นมันคงก้มลงไปคุกเข่าโขกหัวเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม ร่างของมันก็สั่นสะท้านไปราวลูกนกตกน้ำ
เห็นฉากนี้ เพียงห้วงคิดเดียวต้วนหลิงเทียนก็ถอนพลังสะกดร่างมันออกทันที
ทันใดนั้นร่างตู้เวยที่เป็นอิสระ ก็เริ่มเคว้งคว้างล่องลอย!
เมื่อไร้แรงดึงดูดต่อให้มันคิดคุกเข่าก็ทำไม่ได้ คิดเปลี่ยนท่าทางอะไรก็พิลึกพิลั่นนัก! และเมื่อขยับร่างวุ่นวายงอไปงอมาจนเริ่มหมุนคว้าง มันก็นึกขึ้นได้ว่ายังอยู่ในห้วงอวกาศ และเพียงแค่อีกฝ่ายไม่คิดใช้พลังป้องกันมันล่ะก็…หยดน้ำก้อนกลมๆ พลันผุดออกมาจากเป้ากางเกงก้อนแล้วก้อนเล่าทันที!
ด้วยอารามหวาดกลัว ตู้เวยถึงกับฉี่ราด!
หลังดิ้นวุ่นวายไปเพราะความตกใจกลัว ร่างตู้เวยที่หมุนคว้างจนเปื้อนก้อนฉี่ตัวเองไปทั้งตัว ก็เริ่มลอยล่องออกไปเพราะแรงดันพลังที่ต้วนหลิงเทียนแผ่ออกไปเพราะรังเกียจ จนในที่สุดมันก็สัมผัสถูกขอบเขตหนึ่งดั่งผนัง แม้มองไปจะไม่พบอะไรก็ตาม
ครู่ต่อมามันก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่มันสัมผัส สมควรเป็นขอบม่านพลังไร้สภาพของต้วนหลิงเทียน ทำให้มันพยายามจัดร่างและยืนบนขอบม่านพลังอย่างยักแย่ยักยัน…
หลังจากที่มันยืนได้แล้ว สิ่งที่มันทำต่อไปก็คือคุกเข่าลงแล้วก้มหัวขอขมาให้ต้วนหลิงเทียน แม้จะแลดูแปลกๆก็ตาม…
“พี่เทียน เมตตาละเว้นน้องเวยคนนี้สักครั้งเถอะนะ…น้องเวยคนนี้รู้ผิดแล้วจริงๆ! น้องเวยคนนี้สำนึกแล้วพี่เทียน…”
“ขอพี่เทียนเห็นแก่ความเป็นพี่น้องในอดีต อย่าเอาชีวิตไร้ค่าของน้องเวยคนนี้เลย….”
เรียกว่าในขณะที่พยายามคุกเข่าโขกหัวลงอย่างเก้ๆกังๆ ตู้เวยก็วิงวอนร้องขอความเมตตาออกมาไม่หยุด
ในตอนนั้นตู้เวยแทนตัวเองว่าพี่เวยเพราะมันมีอายุมากกว่า และมักเรียกหาหลิงเทียนว่าน้องเทียน
แม้จะผ่านมานับสิบๆปีแล้ว แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่หลงเหลือความอาลัยในคำเรียกหาอย่างสนิทสนมแบบนี้อยู่เลย
ในใจเขาหลงเหลือเพียงความขยะแขยงรังเกียจแทบอาเจียน!
“หน้าด้านนัก!”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองตู้เวยด้วยสายตารังเกียจ พลางกล่าวออกเสียงเบา “ทุกคนต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง…เห็นแก่บางเรื่องในอดีต ข้าจะให้เจ้าได้ไปสบาย!”
เดิมทีต้วนหลิงเทียนวางแผนให้ตู้เวยต้องเสพย์รับความทุกข์ทรมานจนร้องขอความตาย
แต่ตอนนี้พอเห็นสารรูปน่าสมเพชของตู้เวยที่ไม่เพียงจะฉี่ราดยังคุกเข่าร่ำร้องขอชีวิตน้ำตาแตกอย่างไร้ศักดิ์ศรี ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกคร้านจะเสียเวลากับสวะอย่างมันอีกต่อไป…
“หลิงเทียน!”
ทว่าพอได้ยินน้ำเสียงอำมหิตของต้วนหลิงเทียน และมั่นใจแล้วว่าต้วนหลิงเทียนไม่คิดปราณีมันแน่ อยู่ๆตู้เวยที่วิงวอนร้องขอชีวิตทั้งน้ำตา…ก็เปลี่ยนสีหน้าท่าทีไปราวคนละคน!
มันไม่เพียงร่ำร้องจนดูน่าสมเพช ยังลุกขึ้นมายืนชี้หน้าพูดกับต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย “แกคิดเนรคุณคนงั้นเหรอ!? ถ้าวันนั้นข้าไม่ขายแกจนตาย แกยังจะมีวันนี้ได้หรือ!?”
“ถ้าเมื่อไม่กี่สิบปีที่แล้วแกไม่ถูกยิงตาย…ต่อให้อาจจะเป็นนักรบเหนือธรรมชาติอันดับ 1 ของโลกได้ แต่ยังจะเทียบกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในตอนนี้ได้รึไง!?”
“เช่นนั้นกล่าวได้ว่า…ทั้งหมดเพราะข้าตู้เวย แกถึงมีวันนี้ได้!!”
วาจาที่ตู้เวยระเบิดออกมารอบนี้ ประหนึ่งมันกำลังไขว่คว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายก็ไม่ปาน ยังตะคอกเสียดังจนแทบกลายเป็นคำราม “แกมันพวกเห็นกตัญญูเป็นที่ตั้ง และไม่คิดติดหนี้บุญคุณใครไม่ใช่หรือไง…ในเมื่อตอนนี้แกไม่เพียงยังอยู่ดีมีสุขแถมแกยังมีพลังดั่งพระเจ้าอีก! ทั้งหมดไม่ใช่เป็นเพราะข้ารึไง? แล้วยังคิดจะฆ่าข้าเนรคุณอยู่อีก!?”
“เจ้า…”
ได้ยินคำพูดของตู้เวยต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้งไปพักหนึ่ง มุมปากค่อยยกแสยะออกมาด้วยความรังเกียจเดียจฉันท์
ตั้งแต่เกิดมา…เขาพึ่งจะเคยพบเคยเจอคนหน้าด้านไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้!!