WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2536
ตอนที่ 2,536 : 1 ใน 10 ตระกูลใหญ่ของดาวลีซเซอร์
ในตอนที่ต้วนหลิงเทียนได้ยินตู้เวยกล่าวถึงเรื่องที่มนุษย์ต่างดาวนำอารยธรรมมาสู่โลก จนทำให้โลกบังเกิดความเปลี่ยนแปลงดั่งผ่านห้วงแห่งการนิพพานนั้น ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้สึกได้ทันที ว่ามนุษย์ต่างดาวที่ว่า สมควรมีจุดประสงค์แอบแฝงบางอย่างบนโลกแน่นอน!
ไม่งั้นมันจะกำจัดเทคโนโลยีอวกาศของโลกทำไม?แล้วจะทำให้นักวิทยาศาสตร์กับผู้ที่มีความรู้เรื่องนี้เกิดเรื่องทำไม!?
เห็นได้ชัดว่ามันกลัวว่ามนุษย์โลกจะอพยพหนีไป!
“มนุษย์ต่างดาวที่นำการเปลี่ยนแปลงดั่งผ่านห้วงนิพพานมาสู่โลกนั่น…พวกมันมาถึงโลกเมื่อไม่กี่สิบปีก่อน”
ได้ยินต้วนหลิงเทียนพูดถึงเรื่องมนุษย์ต่างดาว คิ้วของหลงเจิ้นกั๋วอดไม่ได้ที่จะขดย่นเป็นปม
มันกับคนในองค์กรเองก็รู้สึกได้ว่าการมาของอีกฝ่ายต้องมีภัยซ่อนเร้นอะไรแน่นอน เพราะใต้หล้าไหนเลยจะมีเรื่องดีพรรค์นี้! อาหารกลางวันฟรียังจะมีด้วยหรือ?!
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็รับฟังข้อมูลของมนุษย์ต่างดาวจากหลงเจิ้นกั๋ว สุดท้ายทั้งคู่ก็บังเกิดความกังวลไม่น้อย
แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้หลงเจิ้นกั๋วเป็นกังวลก็คือ ความแข็งแกร่งของมนุษย์ต่างดาว
สิ่งที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนกังวลก็คือ มนุษย์ต่างดาวพวกนั้นกำลังจะชักนำเภทภัยมาสู่โลก
โลกนี้เป็นดั่งบ้านเกิดของเขา เขาย่อมไม่อยากให้บ้านเกิดตัวเองต้องเกิดเรื่องร้ายใดๆ
“ครูฝึกหลง แล้วตอนที่พวกมนุษย์ต่างดาวนั่นมาโลก…พวกเรารู้อะไรเกี่ยวกับพวกมันบ้าง มีเบาะแสหรือความเป็นมาอะไรของพวกมันไหม?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
“มี เรื่องนี้มันพูดออกมาเองด้วย”
หลงเจิ้นกั๋วพยักหน้า ค่อยพูดต่อ “มันบอกว่าดาวบ้านเกิดของมันก็ตั้งอยู่ในดาราจักรทางช้างเผือกเหมือนระบบสุริยะของพวกเรา…พวกมันยังบอกว่าพวกมันมาจากดาวที่เรียกว่าลีซเซอร์ และเป็นคนของตระกูลปาร์ค หนึ่งในตระกูลใหญ่บนดาว!”
“ดาวลีซเซอร์ หนึ่งในตระกูลใหญ่บนดาว…ตระกูลปาร์ค”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า จากนั้นค่อยหันไปพูดกับหลงเจิ้นกั๋วและอีก 10 คนว่า “ถ้างั้น ครูฝึกหลงกับทุกคนก็ตามผมไปหามนุษย์ต่างดาวพวกนั้นเพื่อจัดการเรื่องที่พวกมันอาจเป็นภัยคุกคามให้โลกเรากับผมเลยแล้วกัน…นอกจากนี้ระหว่างเดินทางผมจะหาเคล็ดวิชาเหมาะๆให้ครูฝึกหลงไว้ใช้บ่มเพาะพลังด้วย”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนพูดออกมาว่า จะพาทุกคนไปจัดการแก้ปัญหาที่อาจจะเป็นภัยคุกคามโลก ลูกตาของหลงเจิ้นกั๋วกับทุกคนก็เปล่งแสงจ้าออกมาทันใด
แต่พอได้ยินวาจาท้ายประโยคที่ต้วนหลิงเทียนบอกว่าจะหาเคล็ดวิชาเหมาะๆให้หลงเจิ้นกั๋วบ่มเพาะฝึกฝน ลมหายใจของหลงเจิ้นกั๋วก็ถี่รัวขึ้นมาทันใด!!
สำหรับคนอื่นๆอีก 10 คนที่อยู่ด้านหลังหลงเจิ้นกั๋ว ก็ได้แต่หันไปมองหลงเจิ้นกั๋วด้วยสายตาอิจฉาจับใจ! วาสนาหล่นมาจากฟ้า…นี่เป็นวาสนาจากฟ้าชัดๆ!!
“แต่ก่อนไป พวกเราต้องรออีกคนก่อน”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“หืม? รออีกคน? รอใครหรือเจ้าหนู?”
หลงเจิ่นกั๋วกับคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อได้ยินต้วนหลิงเทียนบอกว่าต้องรออีกคนก่อน..
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้บอกว่าจะพาพวกมันกลับไปรับคน แต่บอกว่า ‘รอ’ คน! นั่นไม่ใช่หมายความว่าคนๆนั้นสามารถเดินทางมาที่นี่ได้ด้วยตัวเองรึไง?!
และผู้ที่สามารถเดินทางมาที่นี่ได้ด้วยตัวเอง เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาๆแน่นอน!!
แคร่ก!
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนพลันยกมือขึ้นเรียกป้ายหยกสื่อสารออกมาป้ายหนึ่ง ก่อนที่จะบดขยี้มันจนแหลกเป็นผง
จากนั้นเขาก็เริ่มใช้สำนึกเทวะแผ่ออกไปตรวจสอบหลงเจิ้นกั๋วอีกครั้ง กระทั่งยังตรวจสอบภายในอย่างละเอียดยิบ เพื่อหาเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่เหมาะสมที่สุด!
ในความทรงจำที่ต้วนหลิงเทียนได้รับมาจากจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด เขามีเคล็ดวิชาบ่มเพาะของทวีปเมฆาล่องมากมายนัก และไม่ทันไรเขาก็พบว่ามีเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่เหมาะกับหลงเจิ้นกั๋วอยู่ถึง 7-8 เคล็ด
‘เคล็ดวิชา ฟ้าเวิ้งไร้ขอบเขต’
สุดท้ายในบรรดา 7-8 เคล็ดวิชา ต้วนหลิงเทียนก็คัดอันที่เหมาะกับหลงเจิ้นกั๋วที่สุดออกมา จากนั้นก็ใช้สำนึกเทวะส่งข้อมูลเข้าไปสลักไว้ในสำนึกสติหลงเจิ้นกั๋วโดยตรง! ทำให้หลังจากนี้ต่อให้หลงเจิ้นกั๋วอยากจะลืมก็ลืมไม่ได้!!
“นี่มัน…”
พอหลงเจิ้นกั๋วเริ่มตรวจสอบข้อมูลที่อยู่ๆก็ปรากฏขึ้นในใจทันที และครู่ต่อมามันก็อดไม่ได้ที่จะเผยทีท่าตื่นเต้นยินดีราวลิงโลด!
ถึงแม้ศิลปะการต่อสู้ที่มันเคยฝึกฝนมาจะเป็นแค่วิชาทั่วไป
แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำความเข้าใจหรือไหวพริบปฏิภาณ! เรียกว่าพอได้อ่านเคล็ดความวิชาบ่มเพาะที่ผุดขึ้นในใจ มันก็ตระหนักถึงความลึกล้ำของเคล็ดวิชาทันที!!
“เคล็ดวิชา ฟ้าเวิ้งไร้ขอบเขต! แค่ชื่อก็บอกให้รู้แล้วว่ามันไม่ธรรมดาแน่นอน!!”
หลงเจิ้นกั๋วตื่นเต้นยินดีนัก ถึงขั้นสติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่นาน
เหล่าขุนพลทั้ง 10 ของหลงเจิ้นกั๋วเองก็ได้แต่ยืนงงกับอาการลิงโลดอย่างไร้สาเหตุของหลงเจิ้นกั๋ว และไม่เข้าใจว่าหลงเจิ้นกั๋วกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
ไม่งั้นแล้วป่านนี้สองตาของพวกมันต้องแดงก่ำด้วยความอิจฉาแน่นอน
“ฮึ! ข้านึกว่าเจ้าจะลืมข้าไปแล้วเสียอีก…”
หลังจากนั้นไม่นานนัก เสียงใสหนึ่งพลันดังกังวานขึ้นปานระฆังแก้ว ปลุกหลงเจิ้นกั๋วที่หมกมุ่นกับเคล็ดความในใจและดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆที่เหลือทันที
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นพวกมันก็พบว่าข้างกายต้วนหลิงเทียนที่แต่เดิมว่างเปล่า กลับมีสตรีนางหนึ่งผุดโผล่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน!
เรียกว่าในสายตาของหลงเจิ้นกั๋วและอีก 10 คน สตรีนางนี้ราวกับปรากฏตัวออกมาจากอากาศธาตุจริงๆ!
“เธอ…เป็นใครกันอีก?”
“ยังมีคนที่มีพลังดั่งเทพเจ้าเหมือนรุ่นพี่หลิงเทียนด้วยเหรอ?”
…
หลงเจิ้นกั๋ว ไม่เว้นอีก 10 คนด้านหลังอดไม่ได้ที่จะตกใจ
“สวยมาก!”
ขณะเดียวกันทุกคนก็ถูกรูปโฉมอันงดงามของสตรีชุดดำผู้มาใหม่ข้างๆต้วนหลิงเทียนสะกดใจทันที!
นี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่ทุกคนได้พบได้เจอผู้หญิงที่สวยถึงขนาดนี้ ทั้งยังให้ความรู้สึกไม่อาจจับต้องราวกับอีกฝ่ายไม่คล้ายผู้คน…แต่เป็นดั่งนางฟ้าที่ลงมาจากแดนสวรรค์ สูงส่งเกินปุถุชนจะอาจเอื้อม!
สตรีผู้มาใหม่คือถังเซี่ยวเซี่ยวเอง
“ข้าอยากให้เจ้าช่วยอะไรหน่อย…”
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะเกรงใจอะไรกับถังเซี่ยวเซี่ยว เพียงเอ่ยเรื่องราวออกมาตรงๆ “ตอนนี้ข้าอยากรู้ตำแหน่ง ดาวลีซเซอร์ มันเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งในดาราจักรทางช้างเผือกนี่เอง…เจ้าช่วยหามันในแผนที่ดวงดาวแล้วระบุตำแหน่งของมันให้ข้าทีสิ”
ถึงแม้ว่าหากใช้เวลาค้นหาด้วยตัวเองสักพัก อย่างไรต้วนหลิงเทียนก็ต้องหาดาวลีซเซอร์ที่ว่าเจอแน่
แต่ต้วนหลิงเทียนไม่อยากเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์!
เว้นก็แต่ในแผนที่ดวงดาวของถังเซี่ยวเซี่ยวจะไม่มีดาวลีซเซอร์ที่ว่า…
ถึงตอนนั้นเขากับถังเซี่ยวเซี่ยวค่อยออกไปตามหาด้วยตัวเอง!
“ด้วยความยินดี”
ถังเซี่ยวเซี่ยวที่รู้ตัวว่าก่อนหน้าได้ทำให้ต้วนหลิงเทียนขุ่นขึ้งใจ ก็ไม่กล้ารอช้า นางหยิบแผนที่ดวงดาวออกมา และเริ่มไล่หาดาวเคราะห์ลีซเซอร์ในดาราจักรทางช้างเผือกทันที
“เจอแล้ว…นี่ไงดาวลีซเซอร์!”
หลังผ่านไปไม่กี่นาที ถังเซี่ยวเซี่ยวก็หันไปพูดกับต้วนหลิงเทียน พลางใช้นิ้วชี้ไปยังจุดหนึ่งบนแผนที่ดวงดาว
“เอาล่ะ เจ้านำไปเลย พวกเราจะไปเดินเล่นที่นั่นกันหน่อย…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
คล้ายจะคุ้นเคยกับนิสัยของต้วนหลิงเทียนมาแล้ว ถังเซี่ยวเซี่ยวก็ไม่คิดพูดเหลวไหลอะไรอีก และเหินร่างนำทางไปทันที
ต้วนหลิงเทียนก็หอบหิ้วหลงเจิ้นกั๋วและคนอื่นๆตามไป
…
ดาวลีซเซอร์นั้น เป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งในกลุ่มดาวที่มีชื่อว่ากลุ่มดาวเทย์เลอร์ของดาราจักรทางช้างเผือก…กลุ่มดาวดังกล่าวมีดาวเคราะห์ที่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 3 ดวง! และดาวลีซเซอร์ก็มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดา ดาวเคราะห์ทั้ง 3!!
ดาววลีซเซอร์ของกลุ่มดาวเทย์เลอร์นี้ กล่าวไปก็ถือว่าเป็นดาวที่มีชื่อเสียงในดาราจักรทางช้างเผือกที่สุด!
นั่นเพราะระดับอารยธรรมของดาวลีซเซอร์นั้น นับว่าสูงล้ำที่สุดในดาราจักรทางช้างเผือก
และตระกูลปาร์ค ก็เป็น 1 ใน 10 ตระกูลใหญ่ของดาวลีซเซอร์
กล่าวได้ว่าตระกูลใหญ่ทั้ง 10 ตระกูลของดาวลีซเซอร์นั้น เป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุด 10 ขุมพลังของดาราจักรทางช้างเผือกก็ว่าได้ แต่ละขุมพลังล้วนเป็นขุมพลังที่ครอบครองอารยธรรมและเทคโนโลยีระดับสูงสุดของดาราจักรทางช้างเผือก!
อย่างไรก็ตามวันนี้ดาวลีซเซอร์ที่เคยสงบ ก็ไม่เหลือความสงบอีกต่อไป…
นั่นเพราะมีคนมาหาเรื่องตระกูลปาร์ค 1 ใน 10ตระกูลใหญ่ของดาวลีซเซอร์กันซึ่งๆหน้า!
“ทุกคนในตระกูลปาร์คจงฟัง…ข้าจะให้เวลาพวกเจ้า 1 ชั่วโมงเพื่อให้พวกเจ้าใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีไม่ว่าจะเป็นเรือรบหรืออาวุธอะไรก็ตามยิงถล่มข้าได้เลย! และถ้าหลังผ่านไป 1 ชั่วโมงแล้วข้ายังไม่ตาย ข้าจะลบตระกูลปาร์คของพวกเจ้าให้หายไปจากดาราจักรทางช้างเผือก!!”
เสียงดุร้ายหนึ่งพลันดังขึ้นโดยไร้ซึ่งอุปกรณ์กระจายเสียงใดๆ อีกทั้งยังดังก้องไปทั่ววทั้งดาวลีซเซอร์อย่างอัศจรรย์!!
ไม่ว่าจะเป็นใคร ทำอะไร อยู่ที่ไหน ขอเพียงอยู่ในดาวลีซเซอร์ล้วนได้ยินกันชัดถนัดหู!
ชั่วพริบตา ทั่วทั้งดาวลีซเซอร์ก็เสมือนเดือดพล่าน!
“เฮ่…ใครก็ได้บอกฉันที เมื่อกี้ใครเป็นคนพูดกัน!?’
“เสียงเมื่อกี้ ฟังแล้วมันไม่ได้ดังอะไรมากมายเลย…แต่ทำไมผมกลับได้ยินมันชัดถนัดหูราวกับมันดังขึ้นในหู ใครกันแน่ที่มีวิธีร้ายกาจแบบนี้!?”
“กล้าท้าทายตระกูลปาร์คขนาดนี้เลยเหรอ…มันเป็นใครกันแน่?!”
“คนพูดมันเบื่อชีวิตแล้วรึไง หรือมันมีความสามารถขนาดนั้นจริงๆ?”
…
ทั่วทั้งดาวลีซเซอร์เต็มไปด้วยคำพูดทำนองเดียวกันทุกแห่งหน
และในขณะเดียวกัน ผู้คนทั่วทั้งดาวลีซเซอร์ที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตความเร็วแสง ก็ได้รับสัญญาณถ่ายทอดหนึ่งส่งตรงมาถึงอุปกรณ์เชื่อมต่อของตัวเอง…มีถ่ายทอดสด!!
ฉากหลังก็คือเคหะสถานของตระกูลปาร์คที่กินอาณาบริเวณกว้างใหญ่ใจกลางเมือง เป็นปราสาทมหึมาหลังใหญ่ที่มีการออกแบบราวกับปราสาทในยุคกลาง ซึ่งไม่ได้เข้ากับอาคารล้ำสมัยอื่นๆในเมืองแม้แต่น้อย!
และตอนนี้เหนือขึ้นไปบนฟ้าไม่ห่างจากปราสาทใหญ่ของตระกูลปาร์คสักเท่าไหร่
เมื่อลองขยายภาพในหน้าจอดู ก็จะเห็นว่า…
มีชายหนุ่มในชุดสีม่วงคนหนึ่งได้ลอยตัวอยู่กลางอากาศ
ชายหนุ่มในชุดสีม่วงได้ลอยร่างค้างกลางหาวด้วยท่าทางสงบ สองมือไพร่หลังมองจ้องลงไปยังปราสาทหลังใหญ่ของตระกูลปาร์คด้วยสายตาเฉยเมยไร้แยแส ไม่ต่างอะไรจากมองมดปลวกไร้สำคัญ!
“พระเจ้า! เจ้านั่นมันเป็นใครกัน…ทำไมมันลอยในอากาศได้ทั้งๆที่ไม่ใช่อุปกรณ์อะไรเลย?”
“มันใช้อุปกรณ์ช่วยบินล่องหนรึเปล่า?”
“เป็นไปไม่ได้! แกไม่เห็นชื่อผู้เผยแพร่การถ่ายทอดสดนี้รึไง นี่มันสกายมีเดียนะ! อยู่ต่อหน้ากล้องพิเศษของสกายมีเดีย ต่อให้เป็นอุปกรณ์ที่มีระบบพรางตัวสุดยอดขนาดไหน ก็ทำได้แค่หลอกสายตาคน แต่ไม่มีทางหลอกกล้องได้!!”
“เออว่ะ เป็นการถ่ายทอดสดของสกายมีเดียจริงๆ”
…
ตอนนี้เมื่อมีสัญญาณถ่ายทอดสดยิงไปทั่วดาวลีซเซอร์ ย่อมสร้างความแตกตื่นให้คนบนดาวลีซเซอร์ไม่น้อย
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่!?
ลอยตัวค้างอยู่ในอากาศได้นานขนาดนี้โดยไม่ใช่อุปกรณ์ช่วยบินอะไรเลย…นี่ลบล้างสามัญสำนึกของพวกมันอย่างสิ้นเชิง!!
“ผู้ฝึกตน! นั่นคือผู้ฝึกตน!! เป็นผู้ฝึกตนไม่ผิดแน่!!!”
ตอนนี้เองในกระดานข่าวสารออนไลน์ข้างๆจอถ่ายทอดสด มีคนหนึ่งได้พิมพ์คำ ผู้ฝึกตน ออกมาพร้อมทั้งใช้เครื่องหมายตกใจเน้นย้ำเป็นพิเศษ
“ผู้ฝึกตน?”
และในขณะที่ชาวเน็ตของดาวลีซเซอร์กำลังสับสนอยู่นั้น
ด้านสถานการณ์ภายในปราสาทตระกูลปาร์คกำลังปั่นป่วนไม่น้อย ระดับสูงของตระกูลปาร์ครีบมารวมตัวกันในโถงประชุมหลักอย่างเร่งด่วน!
เรียกว่าในโถงประชุมหลักของปราสาทตระกูลปาร์คตอนนี้ ระดับสูงทุกคนไม่ว่าจะอยู่ไหน หากยังมีชีวิตทั้งหมดพากันกุลีกุจอกลับมาเข้าร่วมประชุมกันทั้งหมด!!
“ใครบอกฉันได้บ้าง…ว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงมีผู้ฝึกตนมาหาเรื่องตระกูลปาร์คของพวกเราแบบนี้!?”
“ที่สำคัญคือผู้ฝึกตนคนนี้ไม่ธรรมดาเลย…มันสามารถรอดพ้นเรดาร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่ล้ำหน้าที่สุดเท่าที่ตระกูลปาร์คของเรามี! หากมันเป็นแค่ผู้ฝึกตนธรรมดา เรดาร์ตรวจจับของเราต้องตรวจพบมันตั้งแต่ตอนที่มันกำลังเดินทางมาจากอวกาศ และไม่พ้นถูกปืนต่อต้านอากาศยานของตระกูลปาร์คเรายิงตายไปแล้ว!”
“มัน…เป็นใคร มาจากไหนกันแน่?”
…
ระดับสูงของตระกูลปาร์คพากันจับจ้องมองไปยังหน้าจอกลางโถงประชุม ที่กำลังฉายภาพชายหนุ่มชุดม่วงกลางหาวด้วยสายตาเคร่งเครียด…