WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2542
ตอนที่ 2,542 : ใต้เท้าเซี่ยเจี๋ย!
เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ!
…
ต้วนหลิงเทียนที่ลงมือสุดกำลัง อานุภาพทำลอยขงกระบวนท่าย่อมไม่ใช่ชั่ว! ค่ายกลกระบี่ที่ผสานไว้ด้วยพลังอำนาจของ 13 กระบี่บงกชฟ้า ผ่าทะลวงความว่างเปล่าไปอย่างน่ากลัว! ห้วงอวกาศปรากฏรอยแยกมืดดำ ลากจี้ไปทางชายวัยกลางคนร่างผอมอย่างดุดัน!!
หมายเข่นฆ่าให้ตาย!!
อย่างไรก็ตามค่ายกลกระบี่อันเปี่ยมล้นไปด้วยพลังสังหารอันน่ากลัว มิคาดเมื่อบรรลุถึงระยะ 10 หมี่จากร่างชายวัยกลางคนตัวบาง อยู่ๆมันก็หยุดลงอย่างประหลาด!
ราวกับในความว่างเปล่าในนะยะ 10 หมี่เบื้องหน้าชายวัยกลางคนมีบางสิ่งบางอย่าดำรงอยู่ก็ไม่ปาน…มันปิดกั้นสรรพสิ่งที่คิดแผ้วพานได้อย่างชะงัดดั่งหล่มลึก!
ทันทีที่ค่ายกลกระบี่สังหารของต้วนหลิงเทียนมาถึง ก็ติดหล่มดังกล่าวไม่อาจเขยื้อนไปต่อได้แม้องคุลี!
ขณะนี้ห้วงเวลาคล้ายหยุดลง
ค่ายกลกระบี่ที่เข่นฆ่าสังหารเข้ามาด้วยสภาวะเกรี้ยวกราดของต้วนหลิงเทียนนั้น แม้ระหว่างทางจะพุ่งทะยานออกไปราวกับมีพลังอำนาจแห่งทวยเทพหนุนเสริม…
มิคาดเมื่อบรรลุถึงระยะ 10 หมี่จากชายวัยกลางคนร่างผอม มันกลับหยุดกึกลงดื้อๆ!
อีกทั้งค่ายกลกระบี่อันอัดแน่นไว้ด้วยพลังทั้งหมดของต้วนหลิงเทียน ดูไปไม่ต่างดอกไม้ไฟชุดหนึ่ง!เปล่งแสงสว่างเพียงชั่วอึดใจค่อยดับหายไป…
สุดท้ายกลางความว่างเปล่าในระยะ 10 หมี่ก่อนถึงชายวัยกลางคนร่างผอม ก็คงเหลือเพียงกระบี่เซียนอมตะเล่มหนึ่งลอยคว้างอยู่อย่างเงียบงัน…
นอกจากนั้นก็คงมีแต่รอยแยกมิติที่แหวกเปิดมาเป็นทางด้านหลัง…
แต่ต้นจนจบชายวัยกลางคนร่างผอมเพียงลอยตัวอยู่นิ่งๆกลางห้วงอวกาศ สีหน้าไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย
กระทั่งชายเสื้อยังไม่ขยับ!
“นี่…”
ถังเซี่ยวเซี่ยวชมดูการลงมือของต้วนหลิงเทียนจนรู้สึกเลอะเลือนอยู่บ้าง มุมปากเริ่มคลี่ยิ้มขื่นขมออกมา
เมื่อครู่ตอนต้วนหลิงเทียนลงมือ นางอดไม่ได้ที่จะลุ้นระทึกและคาดหวัง
อีกทั้งนางยังรู้สึกได้…
ว่ากระบวนท่าดุร้ายของต้วนหลิงเทียน ยังมีพลังเหนือกว่าการลงมือของเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์เสียอีก!
สุดท้ายชายวัยกลางคนร่างผอมนั่น ยังยืนยันด้วยตัวเอง…
ว่ากระบวนท่าดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน มีพลังแตะถึงขอบเขตจินเซียนบนแดนสวรรค์!
อย่างไรก็ตาม แม้พลังกระบวนท่าของต้วนหลิงเทียนจะบรรลุถึงขอบเขตจินเซียนแล้วแท้ๆ ทว่าต่อหน้าชายวัยกลางคนร่างผอมกลับไม่อาจสัมผัสได้แม้แต่ชายเสื้อ!
และสุดท้ายหากเรื่องที่มันกล่าวก่อนหน้าเป็นความจริง…
เช่นนั้นความแข็งแกร่งของมัน ยังเหนือกว่าตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์เสียอีก!
“กระจ้อยร่อยดั่งมดปลวก!”
ชายวัยกลางคนร่างผอม เหลือบมองต้วนหลิงเทียนอย่างดูแคลน ค่อยยิ้มแสยะกล่าวปรามาสออกมาอีกคำ
เคร๊ง!!
หลังจากนั้นชายวัยกลางคนร่างผอมอาศัยเพียงหนึ่งห้วงคิด ก็ทำให้กระบี่เซียนอมตะของต้วนหลิงเทียนที่ลอยค้างในอวกาศเบื้องหน้าห่างไป 10 หมี่หักกลางได้ง่ายๆ!
“น่าเสียดาย…”
ต่อมาชายวัยกลางคนร่างผอมก็เหลือบมองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวว่า “อย่างที่ข้าบอกไปก่อนหน้านี้ หากกระบวนท่าของเจ้าฝ่าระยะ 10 หมี่เข้ามาได้ ข้าจะปล่อยเจ้าไป…”
“แต่ตอนนี้ข้าทำได้แค่ส่งเจ้าไปลงนรก!”
ชายวัยกลางคนกล่าวจบก็ค่อยๆย่ำเท้าก้าวออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน
หากแต่การก้าวออกมาไม่รีบไม่ร้อนของมัน คล้ายมีพลังอำนาจลี้ลับทะยานผ่านห้วงอวกาศ กระแทกเข้าหน้าอกต้วนหลิงเทียนอย่างหนักหน่วงไม่ต่างค้อนทุบ! ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกแน่นจุกในอกอย่างถึงที่สุด!!
หลังจากนั้นความรู้สึกอึดอัดเสมือนหายใจไม่ออก ก็เริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของต้วนหลิงเทียน!
จังหวะนี้ ต้วนหลิงเทียนคล้ายสูดได้กลิ่นของความตาย!
‘เค่อเอ๋อ…เสี่ยวเฟยเอ๋อ’
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนทำได้แค่ยิ้มขื่นขม ในใจเริ่มปรากฏร่างบางผุดขึ้นมา 2 ร่าง
จากนั้นไม่ทันไร ก็ปรากฏร่างบางร่างที่ 3 ‘เทียนหวู่…’
จากนั้นใบหน้าของบิดามารดาและสหายทั้งหมดก็แวบขึ้นมา
ในใจตอนนี้ยังท่วมท้นไปด้วยความไม่ยินยอมถึงขีดสุด
ถึงแม้ก่อนจะลงมือ เขามีคาดเดาผลลัพธ์นี้ไว้แล้ว
แต่พอต้องเผชิญกับจุดจบดังกล่าวจริงๆ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจนัก! ไม่เต็มใจจะตายด้วยน้ำมือคนของอวิ๋นชิงเหยียน!!
“ต้วนหลิงเทียน!”
ถังเซี่ยวเซี่ยวที่เห็นว่าชายวัยกลางคนทำท่าราวกับจะลงมือต่อต้วนหลิงเทียน แม้นางอยากจะสอดมือเข้าช่วยแค่ไหน แต่นางก็ไร้พลังจะทำอะไรได้…
ความแข็งแกร่งนางยังเทียบต้วนหลิงเทียนไม่ได้ด้วยซ้ำ!
กับตัวตนที่ต้วนหลิงเทียนยังทำอะไรไม่ได้ นางจะนับเป็นตัวอะไร?
“หากชีวิตหลังความตายมีอยู่จริง…เจ้าก็จดจำเอาไว้ ว่ามีสตรีบางคนที่เจ้ามิอาจแตะต้อง!”
ชายวัยกลางคนร่างผอมเหลือบมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดูแคลน กล่าวคำหยันหยามออกมาอีกครั้งด้วยสีหน้าเฉยเมยไม่ยินดียินร้าย
ครู่ต่อมา ไม่เห็นว่ามันลงมืออย่างไร หากแต่กลิ่นอายทั่วร่างของมันพลันบังเกิดความเปลี่ยนแปลงในฉับพลัน! ดั่งมีสายลมที่มองไม่เห็นหอบหนึ่งพัดกรรโชกออกจากร่าง…โถมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน!!
สำหรับชายวัยกลางคนร่างผอมแล้ว การฆ่าต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างบี้มด มันแทบไม่ต้องออกแรงใดๆ
อาศัยหนึ่งห้วงคิดก็ฆ่าอีกฝ่ายให้ตายได้ง่ายดาย!
และเพียงชายวัยกลางคนคิดสังหาร คลื่นพลังที่มองไม่เห็นก็แผ่พุ่งออกจากร่างของมันไปดั่งเคียวยมทูตพร้อมเก็บเกี่ยววิญญาณต้วนหลิงเทียน!
แต่ต้นจนจบต้วนหลิงเทียนกับถังเซี่ยวเซี่ยวไม่เพียงแต่ไม่อาจแลเห็นพลังจากหนึ่งห้วงคิดของชายร่างผอม กระทั่งยังไม่อาจตอบสนองใดๆได้ด้วยซ้ำ!
เพราะมันรวดเร็วเกินไป!
ในขณะเดียวกับที่พลังอันแผ่ออกมาจากร่างของมันจะโถมทำลายร่างต้วนหลิงเทียน มุมปากของชายวัยกลางคนร่างผอมก็ยิ้มแสยะออกมาอย่างเหี้ยมเกรียม!
ในความคิดของมัน
กับอีแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะของระนาบโลกียะ เพียงต้องถูกเศษพลังนี้ของมันเข้าล่ะก็…ไม่พ้นร่างต้องสลายกลายเป็นฝุ่นอวกาศ!
ทว่า…
ในห้วงเวลาสุดท้ายก่อนที่พลังไร้รูปจากชายวัยกลางคนร่างผอมจะบรรลุถึงต้วนหลิงเทียนนั้น
เรื่องราวพลันบังเกิดความเปลี่ยนไปในฉับพลัน!
จังหวะนี้รอยยิ้มแสยะเหี้ยมเกรียมของชายวัยกลางคนร่างผอมถึงกับชะงักค้างแข็งเติ่ง!
เปรียะ!!
บังเกิดเสียงรอยปริแตกหนึ่งดังขึ้น เป็นความว่างเปล่าเบื้องหน้าของต้วนหลิงเทียน อยู่ดีๆก็ปรากฏรอยแยกมิติขึ้นอย่างกะทันหัน!
รอยแยกมิติดังกล่าวทันทีที่ปรากฏก็กลืนพลังของชายวัยกลางคนร่างผอมที่มุ่งร้ายต้วนหลิงเทียนจนหายไปหมดสิ้น!!
“ผู้ใด!?”
จังหวะนี้หน้าชายวัยกลางคนร่างผอมเปลี่ยนไปไม่น้อย สองตาหยีมองไปยังรอยแยกมิติเบื้องหน้าตะโกนถามออกเสียงเย็น
ทำราวกับมีบางคนแอบซ่อนอยู่หลังรอยแยกมิติกลางห้วงอวกาศนั่น!
“หือ?”
ในขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนและถังเซี่ยวเซี่ยวก็ถูกรอยแยกมิติที่บังเกิดขึ้นเบื้องหน้าดึงดูดความสนใจไปทันที
“ข้าเอง…”
จากภายในรอยแยกมิติมืดดำ พลันมีเสียงเกียจคร้านไม่นำพาหนึ่งดังลอดออกมา
หลังเสียงเกียจคร้านไม่นำพาดังขึ้น ก็ปรากฏร่างชายในชุดมอซอหนวดเคราเฟิ้ม เส้นผมหยิกหยอยถูกปล่อยสยายให้แลดูรกรุงรัง ก้าวออกมาจากรอยแยกมิติอย่างไม่รีบไม่ร้อน ในมือข้างหนึ่งของมันยกน้ำเต้าอันบรรจุสุราไว้ยกขึ้นจิบเป็นพักๆ
มองจากรูปร่างแล้ว…สมควรเป็นชายฉกรรจ์คนหนึ่ง!
หากแต่ด้วยผมเผ้ารุงรังทั้งหยิกหยอยที่ปล่อยสยายออกมานั่น ทำให้ผู้คนไม่อาจแลเห็นหน้าค่าตา จึงยากจะกล่าวระบุได้ว่าที่แท้เป็นชายหนุ่ม ชายวัยกลางคน หรือผู้ชราแล้วกันแน่…
จะอย่างไรก็ตามหากฟังจากเสียงหนักแน่น ไม่แหบไม่อ่อนก็บอกให้รู้ว่า
มันสมควรเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง
“อะ…”
ต้วนหลิงเทียนกับถังเซี่ยวเซี่ยวพากันตกตะลึงไม่น้อยเมื่อได้เห็นชายในชุดมอซอก้าวออกมาจากรอยแยกมิติ เพราะให้ดูอย่างไร…สารรูปของผู้มาใหม่นั้นก็ไม่มีที่ใดที่ไม่เหมือนขอทาน!!
ทว่าด้วยวิธีการปรากฏตัวของผู้มาใหม่ ก็เผยให้รู้ว่าอย่างน้อยๆอีกฝ่ายต้องมีพลังเหนือกว่าต้าหลัวจินเซียนในระนาบเทวโลกแน่นอน!!
“หืม?”
พอเห็นชายที่มีสารรูปดั่งขอทานปรากฏตัวขึ้น ชายวัยกลางคนร่างผอมก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในแววตาฉายถึงความไม่แน่ใจให้เห็น
อย่างไรก็ตามไม่นานสายตาของมันก็เหลือบไปเห็นป้ายประจำตัวที่ห้อยแขวนไว้บริเวณเอวของอีกฝ่าย
บนตัวป้าย มีคำ “เจี๋ย” สลักไว้
วูบ!
แทบจะทันทีที่เห็นคำเจี๋ยบนป้ายแขวนเอว สีหน้าชายวัยกลางคนร่างผอมก็แปรเปลี่ยนไปทันที
ครู่ต่อมามันก็สูดอากาศเข้าลึกๆ ค่อยป้องมือประสานโค้งคารวะชายผู้มีสารรูปไม่ต่างขอทานอย่างนอบน้อบ
“ผู้น้อยอวิ๋นเย่จากตระกูลอวิ๋น ขอคารวะใต้เท้าเซี่ยเจี๋ย!”
ชายวัยกลางคนร่างผอมในสายตาต้วนหลิงเทียนตอนนี้ แลดูเรียบๆร้อยๆทั้งอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นที่สุด!
เทียบกับทีท่าไม่เห็นหัวทั้งถือดีของมันเมื่อครู่ ประหนึ่งเป็นคนละคนกันเลย!
“อวิ๋นเย่?”
ชายที่ถูกเรียกหาว่าเซี่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ค่อยเหลือบมองไปยังชายวัยกลางคนร่างผอมผ่านๆ “ช่องทางมิติระหว่างดินแดนแห่งทวยเทพกับระนาบเทวโลกเจียนจะปิดตัวลงอยู่รอมร่อ…แล้วคนแซ่อวิ๋นเจ้าป่านนี้ไฉนยังไม่กลับ! มาเตร็ดเตร่แถวนี้ทำอะไร?”
“เรียนใต้เท้าเซี่ยเจี๋ย…”
เผชิญกับคำถามของชายสารรูปราวขอทาน ชายวัยกลางคนร่างผอมไม่กล้าโกหก มันเหลือบไปมองต้วนหลิงเทียนก่อน ค่อยกล่าวว่า “ผู้น้อยได้รับคำสั่งนายน้อยชิงเหยียนให้มาฆ่าชายผู้นี้…”
“มาดว่าใต้เท้าเซี่ยเจี๋ยเองก็เคยได้ยินเรื่องราวมาบ้างแล้ว…ว่ามีมนุษย์ในระนาบโลกียะคนหนึ่งทำให้คุณหนูหนิงเสวี่ยที่กลับชาติมาเกิดมีมนทิล…”
อวิ๋นเย่กล่าว
เพี๊ยะ!!
อย่างไรก็ตามทันทีที่มันกล่าวจบคำ เสียงตบสนั่นก็ลั่นดังขึ้น!
หลังเสียงตบสนั่นดังขึ้น ต้วนหลิงเทียนกับถังเซี่ยวเซี่ยวก็ได้เห็นว่า…
แก้มข้างหนึ่งของอวิ๋นเย่ปรากฏรอยฝ่ามือสีแดง!
“ใต้เท้าเซี่ยเจี๋ยท่าน…”
สีหน้าของอวิ๋นเย่เปลี่ยนไปทันใด มองไปยังร่างเซี่ยเจี๋ยอีกครั้ง นอกจากความโกรธแล้วยังเต็มไปด้วยความกลัวจับใจ
“เรื่องคุณหนูของตระกูลเซี่ยข้า ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ให้ขี้ข้าสวะตระกูลอวิ๋นเช่นเจ้าพูดได้?”
หากกล่าวว่าก่อนหน้านี้ยังแลดูไม่มีอะไร มาตอนนี้กลิ่นอายของเซี่ยเจี๋ยที่มีสารรูปไม่ต่างอะไรกับทอทาน ได้แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
กลิ่นอายที่แผ่ออกมาบัดนี้ เสมือนทรราชผู้หนึ่งที่ไม่ไว้หน้าผู้ใด!
“เจ้าเชื่อหรือไม่…ต่อให้ตอนนี้ข้าจะฆ่าขี้ข้าเช่นเจ้าสักคน ตระกูลอวิ๋นก็ไม่กล้าพูดอะไรแม้ครึ่งคำ!”
ทันทีที่เซี่ยเจี๋ยกล่าววาจาดังกล่าวออกมาด้ยน้ำเสียงเฉยเมย สีหน้าอวิ๋นเย่ก็เปลี่ยนไปมหันต์ หน้ามันไม่เหลือความโกรธอีกต่อไป ถูกความตื่นตระหนกหวาดกลัวเข้ามาแทนที่!
“ไสหัวไป!!”
และเมื่อเซี่ยเจี๋ยกล่าวออกมาเสียงเย็นอีกครั้ง อวิ๋นเย่คล้ายคนกำลังไขว่คว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายก็ไม่ปาน มันรีบสะบัดมือฉีกเปิดรอยแยกมิติในห้วงอวกาศตรงหน้าอย่างร้อนรน
หลังจากนัน้มันก็พุ่งร่างดอดหายเข้าไปในรอยแยกมิติราวมุสิกขลาดเขลา!
หลังจากที่อวิ๋นเย่โดดเข้าไปแล้ว รอยแยกมิติดังกล่าวก็ปิดลงทันที
มันดูเหมือนจะลืมเลือนคำสั่งอวิ๋นชิงเหยียน ที่ให้มาฆ่าต้วนหลิงเทียนไปหมดสิ้น…
สำหรับมัน…
ให้เทียบกับคำสั่งของนายน้อยแล้ว ชีวิตของมันย่อมเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด ไหนเลยจะมีอะไรสำคัญเท่า!
มองไปยังอวิ๋นเย่ที่รีบร้อนหลบหนี จนมีสภาพไม่ต่างอะไรจากสุนัขหางจุกตูดตรงหน้า…
ทั้งต้วนหลิงเทียนและถังเซี่ยวเซี่ยว รู้สึกไม่สมจริงอยู่บ้าง!
หากเรื่องที่อวิ๋นเย่กล่าวไม่ใช่วาจาเขื่องโข มันก็เป็นตัวตนที่มีพลังฝีมือเหนือก่าจักรพรรดิสวรรค์ของระนาบเทวโลก!
“เจ้าคือต้วนหลิงเทียนหรือ?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังอึ้งกับการเปิดตูดหนีของอวิ๋นเย่ เซี่ยเจี๋ยที่แลดูมอซอไม่ต่างขอทานก็หันมามองถามต้วนหลิงเทียน
แววตาแหลมคมที่เล็ดลอดออกมาจากเส้นผมรุงรังนั่น ทำราวกับจะมองทุกสิ่งได้ทะลุปรุโปร่ง!