WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2545
ตอนที่ 2,545 : เค่อเอ๋อ ตระกูลเซี่ย!
ณ ดินแดนแห่งทวยเทพ…ตระกูลเซี่ย
ภายในลานอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยมวลหมู่บุปผานานาพรรณทั้งหญ้าขจีสบายตาพร้อมด้วยเสียงสกุณาเบาๆที่แว่วดังมาพร้อมสายลมที่หอบกลิ่นดินอ่อนๆ ช่างให้บรรยากาศราวหุบเขาของเทพเซียนก็ไม่ปาน
ในห้องหับที่อยู่ไม่ไกลจากลานกว้างขวางดังกล่าวปรากฏร่างหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงน้ำแข็งด้วยทีท่ามุ่งมั่น
เป็นสตรีที่สวมใส่ชุดสีขาวราวหิมะบริสุทธิ์ ด้วยใบหน้างดงามไร้ตำหนิ พาลให้แวดล้อมโดยรอบหมองลงถนัดตา
นางนั่งขัดสมาธิบนเตียงน้ำแข็งอย่างเงียบงัน ราวกับตัวนางได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเตียงดังกล่าว
ร่างนางไร้อาการหนาวสั่นใดๆราวกับไม่ใช่ร่างเลือดเนื้อ แต่เป็นเพียงประติมากรรมน้ำแข็งก้อนหนึ่ง
อย่างไรก็ตามหากสังเกตดูให้ดีๆ
จะพบว่าโฉมงามไร้คู่เปรียบบนเตียงน้ำแข็งยามนี้ หว่างคิ้วที่โค้งดั่งกิ่งหลิวนั่น กำลังย่นยู่เข้าหากันเล็กน้อย
อีกทั้งพวงพักตร์กระจ่างไร้ตำหนิก็กระตุกเบาๆ ราวกับนางกำลังทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดบางอย่าง
แต่ขณะเดียวกัน กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของนางนั้น ยิ่งมาก็ยิ่งทวีความเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ!
“เสวี่ยเอ๋อ!”
จนเมื่อมีเสียงดึงหนึ่งแว่วมาจากด้านนอก สตรีในชุดขาวราววหิมะที่ย่นยู่คิ้วอยู่ ก็ลืมตาขึ้นมาทันที
สองตาคู่งามดั่งสารทฤดูปรากฏขึ้น
สตรีนางนี้ยามลืมตากลับแลดูสดใสมากกว่าตอนหลับตาราวคนละคน
ฟุ่บ!
ดั่งสายลมหนึ่งพัดผ่าน ร่างงามในชุดขาวบนเตียงน้ำแข็งวูบหายไปในฉับพลัน เสียงประตูห้องหับถูกเปิดออกอย่างแรงจนส่งเสียงดังปึงปัง สุดท้ายสายลมดังกล่าวก็หอบพัดมาถึงสวนหลังบ้านอันเงียบสงบ
ในสวนหลังบ้าน ปรากฏชายวัยกลางคนผู้หนึ่งแลดูมอซอราวขอทานกำลังยืนทำร้ายสายตาผู้คน และบดบังความงามของสวนบุปผาจนมิด…ยิ่งกลิ่นสุราคละคุ้งนั่น แทบจะกลบทุกกลิ่นในระยะสามจั้งจนไม่มีเหลือ!
ที่สำคัญชายวัยกลางคนผู้นี้ผมเผ้าช่างแลดูหยิกหยอยรกรุงรังเหลือเกิน! เจ้าตัวยังปล่อยไว้ให้ฟูฟ่องตามธรรมชาติไม่รวบมัด เพียงแสกกลางเล็กน้อยจนเผยใบหน้าหนึ่ง คิ้วเข้มปานพยัคฆ์ สองตากระจ่างเผยประกายลี้ลับ หว่างคิ้วไม่ขาดความน่าเกรงขามทั้งอำนาจบารมี
“อาสาม…”
สตรีในชุดขาวราวหิมะพิสุทธ์ไม่ได้แลดูรังเกียจท่าทางมอซอของชายวัยกลางคนที่ดูอย่างไรก็ไม่ต่างขอทานผู้นี้เลย รีบวูบร่างไปหยุดเบื้องหน้า ทั้งพุ่งมือไปคว้าสองมืออีกฝ่ายมากอบกุมไว้มั่น! กล่าวเรียกหาออกไปเสียงอ้อน สองตากลมใสดั่งสารทฤดูราวกับมีม่านน้ำฉาบไว้
“ท่าน…ท่านได้พบพี่เทียนหรือไม่?”
ทันทีที่สตรีกล่าวคำถามนี้ออกมา ร่างบางอดไม่ได้ที่จะสั่นไหวไปเล็กน้อย สองตายังฉายถึงความตื่นเต้นเล็กๆ
“ยาโถวน้อยนางนี้นี่ยังไงกัน? อาสามคนนี้พึ่งกลับมาจากเดินทางไกลแท้ๆแต่ไม่มีถามสักคำว่าเหน็ดเหนื่อยหรือไม่ เจอหน้าก็ถามว่าเห็นเจ้าหนูนั่นรึเปล่าทันที! เฮ่อ…ดูเหมือนในใจเจ้าอาสามคนนี้สู้เจ้าหนูผู้นั้นไม่ได้แล้วจริงๆ ที่แท้สตรีเมื่อออกเรือนก็เหมือนน้ำที่สาดออกไปจริงๆ ใจไปบ้านอื่นหมดสิ้นแล้ว…”
ชายวัยกลางคนที่แลดูมอซอและมีสภาพอะไรไม่ต่างจากขอทานคนนี้ ก็คือ เซี่ยเจี๋ย นายท่าน 3 ตระกูลเซี่ยของดินแดนแห่งทวยเทพ
เซี่ยเจี๋ยเมื่อออกจากระนาบโลกียะ ก็เดินทางไปยังระนาบเทวโลก สุดท้ายก็กลับมายังดินแดนแห่งทวยเทพทันที
มันรีบร้อนกลับมาด้วยกลัวว่าช่องทางที่เชื่อมต่อระหว่างระนาบเทวโลกกับดินแดนแห่งทวยเทพจะปิดตัวลง
“อาสามล้อเสวี่ยเอ๋ออีกแล้ว…”
แก้มกระจ่างงามหมดจดของสตรี เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ กล่าวออกมาอย่างขวยเขิน
“ฮั้ย อาสามไม่ล้อเจ้าก็ได้”
เซี่ยเจี๋ยส่ายหัวไปมาพลางกล่าวว่า “อาสามได้เจอเจ้าหนูนั่นแล้ว…และโชคดีที่อาสามไปถึงทันเวลา หาไม่แล้วเจ้าหนูนั่นคงโดนคนที่อวิ๋นชิงเหยียนส่งไปฆ่าตายแน่!”
“อะไร?!”
ได้ยินคำของเซี่ยเจี๋ย ใบหน้าของสตรีงามก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง เรียกว่าใบหน้างดงามที่แลดูสงบอ่อนโยน พลันลุกโชนขึ้นมาด้วยความโกรธทันที “อวิ๋นชิงเหยียน…เจ้ากล้าดีอย่างไร ถึงส่งคนไปฆ่าพี่เทียน!?”
สตรีนางนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเค่อเอ๋อภรรยาของต้วนหลิงเทียนเอง
นอกจากนี้นางยังเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเซี่ย เซี่ยหนิงเสวี่ย!
“ไอ้เด็กน่าตายนั่นสมควรได้ยินเรื่องที่เจ้าถูกบิดากักบริเวณทั้งริบแหวนไปไม่ผิดแน่…”
ขณะที่เซี่ยเจี๋ยกล่าวถึงตรงนี้ มันก็หยุดเล็กน้อยค่อยกล่าวออกเสียงหนัก “กระทั่งข้ายังสงสัยว่า อาจเป็นบิดาของเจ้าเองที่เป็นคนจงใจปล่อยข่าวให้มันรู้ว่าแหวนพื้นที่ของเจ้าถูกริบ…ท่าทางคิดยืมมีดฆ่าคนไม่ผิดแน่!”
เมื่อกล่าวจบเซี่ยเจี๋ยก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
มันรู้ดีว่าพี่ใหญ่ของมันรับไม่ได้ และไม่อาจทนเห็นลูกสาวอยู่กินกับคนจากระนาบโลกียะอันแสนต่ำต้อย…
ตอนแรกที่พี่ใหญ่ของมันได้รับทราบว่าลูกสาวกลับมาคราวนี้ถึงขั้นมีสามีกระทั่งลูกสาวแล้ว ก็ถึงกับพิโรธยกใหญ่
แทบจะพุ่งร่างออกจากดินแดนแห่งทวยเทพ เพื่อลงไปไล่ทุบตีผู้คนถึงระนาบโลกียะด้วยซ้ำ…
“ท่านพ่อ…!”
สองตาเค่อเอ๋อเต็มไปด้วยความโกรธ แต่นางก็ไร้หนทางระบายออก
อย่างไรเสียคนๆนั้นก็คือบิดานาง
ตอนนี้นอกจากนางจะคือเค่อเอ๋อแล้ว นางยังเป็นคุณหนูใหญ่ เซี่ยหนิงเสวี่ย ของตระกูลเซี่ยของดินแดนแห่งทวยเทพอีกด้วย
“อาสาม…แล้วพี่เทียนเป็นไรหรือไม่?”
เค่อเอ๋อกล่าวถามออกไปด้วยความเป็นห่วง
“เจ้าไม่ต้องห่วงไป เจ้าหนูนั่นสบายดี”
เซี่ยเจี๋ยส่ายหัว “นอกจากนั้นข้ายังบอกเจ้าหนูนั่นไปแล้วว่าช่องทางเชื่อมต่อระหว่างดินแดนแห่งทวยเทพกับระนาบเทวโลกจะเปิดออกอีกครั้งหลังจากนี้พันปี…”
“ยังไม่ลืมกำชับเรื่องที่ตลอดพันปีหลังจากนี้ บิดาเจ้าจักมีเรื่องให้ต้องสนใจมากมายจนไม่มีเวลามาห่วงเรื่องการแต่งงานของเจ้ากับอวิ๋นชิงเหยียน อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาพันปีสิ้นสุดลงและทุกอย่างกลับเข้าที่เข้าทาง บิดาเจ้าจะรื้อฟื้นสัญญาวิวาห์แน่นอน…”
“ทั้งหมดข้ากล่าวบอกมันไปหมดสิ้น…”
“มันเองก็นับว่าใจสู้ไม่เบา…ไม่แน่ว่าหลังจากนี้อีกพันปี อาจมี ‘ปาฏิหาริย์’ เกิดขึ้นก็เป็นได้!”
กระทั่งตัวเซี่ยเจี๋ยเอง ขณะกล่าววาจาประโยคนี้ ใจของมันยังไม่อาจเชื่อคำพูดตัวเองได้เลย…
ถึงแม้ตอนที่อยู่ในระนาบโลกียะ เซี่ยเจี๋ยจะบอกให้ต้วนหลิงเทียนพยายามต่อสู้เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของพี่ใหญ่มันซึ่งเป็นถึงผู้นำตระกูลเซี่ยให้ได้ในเวลาพันปี…
อย่างไรก็ตาม กระทั่งตัวมัมนเองก็รู้สึกว่าเรื่องแบบนี้แทบจะไม่มีหนทางเป็นไปได้เลย…
“ปาฏิหาริย์?”
ได้ยินคำของเซี่ยเจี๋ย เค่อเอ๋อก็เผยยิ้มขื่นขมออกมา “อาสามถึงแม้พรสวรรค์ ทั้งโอกาสวาสนาของพี่เทียนจะสูงเพียงใด…แต่ในเวลาเพียงแค่หนึ่งพันปี คิดให้พี่เทียนก้าวหน้าจนมีพลังมากพอให้ท่านพ่อยอมรับ โดยปกติแล้วมันเป็นไปมิได้เลย!”
“เสวี่ยเอ๋อ เจ้าต้องเชื่อมั่นในตัวมัน…มันเองก็หวังให้เจ้าเชื่อมั่นในตัวมันเช่นกัน!”
เซี่ยเจี๋ยกล่าว
“ข้าย่อมเชื่อในตัวพี่เทียน…แต่คราวนี้ข้าจักมิปล่อยให้พี่เทียนต้องแบกรับภาระเรื่องนี้คนเดียวอีกต่อไป!”
เค่อเอ๋อพูดถึงจุดนี้ก็มองไปยังเซี่ยเจี๋ยด้วยสายตาแน่วแน่ “อาสาม หลังจากที่ช่องทางระหว่างดินแดนแห่งทวยเทพกับระนาบเทวโลกปิดตัวลง ย่อมหมายความว่าไม่มีผู้ใดเดินทางข้ามไปมาระหว่างดินแดนแห่งทวยเทพและระนาบเทวโลกได้อีก…”
“กล่าวได้ว่าเมื่อช่องทางปิดแล้วแบบนี้ ท่านพ่อก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องกักบริเวณข้าอีกต่อไป…”
“ถึงตอนนั้นข้าคิดจะเข้าสู่สมรภูมิเทพ!”
กล่าวถึงประโยคท้ายสองตาเค่อเอ๋อก็ฉายประกายมุ่งมั่นอันแรงกล้าออกมา
วูบ!
อย่างไรก็ตามแทบจะทันทีที่เค่อเอ๋อกล่าวจบคำสีหน้าเซี่ยเจี๋ยก็เปลี่ยนไปทันที เร่งส่ายหัวออกมาก่อนใดอื่น
“ไม่ได้! เจ้าเข้าไปในสมรภูมิเทพไม่ได้! ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตอนนี้พลังฝึกปรือเจ้ายังมิหวนกลับมา ต่อให้พลังเจ้าจะหวนคืนกลับมาทัดเทียมกับตัวเจ้าในกาลก่อน แต่การเข้าสู่สมรภูมิเทพก็ยังมีอันตรายใหญ่หลวง!”
“เรื่องนี้ข้าไม่เห็นด้วย! ข้าไม่เห็นด้วยกับเจ้าเด็ดขาด!!”
ทัศนคติของเซี่ยเจี๋ยชัดเจนนัก
“อาสาม หากกระทั่งท่านยังไม่เห็นด้วยกับข้า แล้วยังจะมีใครช่วยเหลือข้าได้อีก…”
เค่อเอ๋อคลี่ยิ้มออกมาอย่างน่าเวทนา กล่าวออกด้วยน้ำเสียงทดท้อ “อาสามข้ามิอยากให้พี่เทียนต้องแบกรับภาระเรื่องนี้คนเดียวอีกต่อไป…พี่เทียนทำเพื่อข้ามามากพอแล้ว ตอนนี้ในเมื่อตัวข้ามีโอกาสจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเอง ไม่ว่าจะอันตรายเพียงใดข้าก็ขอเสี่ยง”
“ครั้งนี้หากข้าไม่ลองเสี่ยง…หลังจากนี้พันปี ข้าต้องเสียใจแน่!”
เค่อเอ๋อมองกล่าวกับเซี่ยเจี๋ยด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นเปี่ยมความตั้งใจอันแน่วแน่ ยืนกรานไม่เลิกล้มเด็ดขาด!
“ยาโถวน้อย…”
นี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่เซียเจี๋นได้เห็นหลานสาวของตัวเองแลดูมุ่งมั่นถึงขนาดนี้ ถึงขั้นที่มันไม่รู้จะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของนางได้อย่างไร
สุดท้ายมันก็ได้แต่ถอนหายใจ กล่าวออกว่า “เจ้าคิดทบทวนทั้งไตร่ตรองดูให้ดีเถอะ…ที่นั่นคือสมรภูมิเทพ! ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเหลือเจ้าได้!!”
คราวนี้ที่ไฉนช่องทางเชื่อมระหว่างดินแดนแห่งทวยเทพกับระนาบเทวโลกถึงกำลังจะปิดตัวลงนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะสมรภูมิเทพกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ดินแดนแห่งทวยเทพนั้นก็คือระนาบที่ต่างออกไปจากระนาบเทวโลกและระนาบโลกียะอย่างสิ้นเชิง มันเป็นระนาบที่ถูกเปิดขึ้นโดยผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด!
นอกจากดินแดนแห่งทวยเทพที่เค่อเอ๋ออยู่แล้ว ยังมีแดนอื่นที่ถูกเปิดขึ้นโดยผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน
และแดนที่ถูกเปิดขึ้นโดยเหล่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้น ทุกๆรอบล้านปีจะมีสองแดนที่ต้องปะทะกัน!
ถึงตอนนั้นสมรภูมิเทพจะเปิดออก!
แต่ละแดนจะต้องส่งคนออกไปสู้ เพื่อตัดสินผลแพ้ชนะระหว่างแดน
สมรภูมิเทพนั้น เมื่อเปิดขึ้นแล้วมันก็จะเปิดอยู่เป็นเวลากว่าพันปี
ไม่ว่าจะเป็นคนจากแดนเทพนั้นๆโดยตรงหรือมาจากแดนเทพอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียง หากต้องการยกระดับความแข็งแกร่งให้เร็วที่สุดก็สามารถเข้าร่วมสมรภูมิเทพได้ทันที
ด้วยการต่อสู้ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน ทั้งโอกาสและวาสนาต่างๆในสมรภูมิ แน่นอนว่าย่อมสามารถทำให้ผู้เข้าร่วมสามารถปรับปรุงความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อมีผลประโยชน์มหาศาล แน่นอนว่าต้องมีความเสี่ยงมากมายเช่นกัน!
ในสมรภูมิเทพ แทบจะมีผู้คนตกตายลงแทบทุกลมหายใจ…
“อาสามท่านอย่าคิดห้ามข้าอีกเลย…ข้าตัดสินใจแล้ว! หากข้าต้องการฟื้นฟูพลังให้กลับไปทัดเทียมกับกาลก่อน รวมถึงยกระดับให้มันก้าวหน้าขึ้นไปเหนือในกาลก่อนให้ได้ในเวลาอันสั้น…มีเพียงเข้าสู่สมรภูมิเทพทางเดียวเทานั้น!!”
เค่อเอ๋อส่ายหัวไปมาพลางกล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถึงแม้ข้าจะเชื่อในตัวพี่เทียน…แต่ครั้งนี้ข้าหวังว่าเมื่อผ่านไปพันปี ข้าจะสามารถต่อสู้เคียงข้างพี่เทียนได้!”
น้ำเสียงของเค่อเอ๋อเรียกว่า ไม่เว้นช่องให้ปฏิเสธแม้แต่น้อย
อันที่จริงถึงแม้นางจะกล่าวไปแบบนั้น แต่ในใจก็ไม่ได้หวังไว้มากมายอะไร
เรื่องที่หลังจากนี้หนึ่งพันปี พี่เทียนของนางจะแข็งแกร่งขึ้นจนบิดานางให้การยอมรับนั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลย…
ดังนั้นนางมีแต่ต้องเกาะกุมชะตาของตัวเอง และเปลี่ยนแปลงชะตากรรมตัวเองในอีกพันปีหลังจากนี้ให้จงได้!
ชาติที่แล้วนางถึงขั้นฆ่าตัวตายเพื่อทำลายการแต่งงาน
อนิจจานางไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่ากระทั่งนางเลือกหนทางจบชีวิตก็แล้ว แต่บิดาของนางกลับยังไม่เปลี่ยนความตั้งใจ
บิดาของนางยังคงยืนกรานให้นางแต่งกับอวิ๋นชิงเหยียน!
และในชีวิตปัจจุบันนางมีห่วงให้กังวลมากมายเหลือเกิน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเลือกหนทางละทิ้งชีวิตไปคนเดียวแบบนั้นอีก…
เช่นนั้นนางจึงต้องการเข้าสู่สมรภูมิเทพ ต่อสู้เพื่ออนาคตของตัวนางเอง!
ถึงแม้นางอาจจะต้องสังเวยชีวิตในสมรภูมิเทพ แต่นางก็ไม่เสียใจ
เพราะอย่างน้อยๆ นางก็ได้พยายามแล้ว…
“พี่เทียน…คราวนี้เค่อเอ๋อจะไม่ให้ท่านต้องสู้เพียงลำพังอีกต่อไป ไม่ว่าหนทางสายนี้จะยากเย็นเพียงใดเค่อเอ๋อจะเดินไปพร้อมท่าน! หากอยู่ก็อยู่ด้วยกัน! ถ้าตายก็ตายด้วยกัน!!”
เค่อเอ๋อพึมพำกับตัวเบาๆ สองตากระจ่างฉายประกายอันมั่นคงแน่วแน่นัก!