WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2555
ตอนที่ 2,555 : คุยโวโอ้อวดไม่อายปาก?
“แถมเมื่อครู่…ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่? ต้วนหลิงเทียนบอกว่าภรรยาของมันออกจากระนาบโลกียะไปแล้ว และมิอาจแทรกแซงเรื่องราวใดๆในระนาบเซียนแห่งนี้ได้อีก?”
ผู้ฝึกตนมนุษย์หลายคนที่นึกถึงวาจาเมื่อครู่ของต้วนหลิงเทียน อดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่
“มัน…ใช่ล้อเล่นหรือไม่?”
“ข้าคิดว่ามันสมควรล้อเผ่าปีศาจเล่น…ถึงภรรยาของมันจะออกจากระนาบเซียนไปแล้ว แถมมิอาจสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องในระนาบเซียนได้จริง แต่มันก็มิควรกล่าวออกมามิใช่หรือ?”
“นั่นสิ อาศัยพลังฝีมือของมันยังไม่พอจะจัดการเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของเผ่าปีศาจและขับไล่พวกปีศาจให้กลับแดนเนรเทศได้!”
…
จากนั้นไม่นานสีหน้าของผู้ฝึกตนมนุษย์ก็ค่อยๆผ่อนคลายลง เพราะคิดว่าทั้งหมดเป็นต้วนหลิงเทียนกำลังล้อพวกปีศาจเล่นเอาสนุกเท่านั้น
“ล้อเล่น? พวกเจ้าคิดได้เท่านั้นหรือ…มันไฉนต้องมาล้อเล่นอะไรแบบนี้ด้วย?”
“ข้าไม่คิดว่าคนอย่างต้วนหลิงเทียนจะมาล้อเล่นเรื่องใหญ่แบบนี้…อีกทั้งฟังจากที่มันพูด ข้ารู้สึกว่า 9ใน 10 ส่วนล้วนเป็นความจริง! แต่ที่ข้าไม่เข้าใจคือ ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงกล่าวออกมาต่างหาก…เพราะนี่มิใช่เป็นการให้ความหวังเผ่าปีศาจหรือไร?”
“นั่นสิ! ยิ่งได้ฟังที่ปีศาจชราเซียนอมตะเสเพล 9ทัณฑ์ผู้นั้นพูดเมื่อครู่ ยิ่งยืนยันเรื่องนี้ได้ชัดเจน เพราะเมื่อครู่มันบอกเองว่าหากไร้ภรรยาต้วนหลิงเทียน อาศัยต้วนหลิงเทียนคนเดียวไม่พอจะเอาชนะมัน และไม่ต้องหวังเรื่องที่จะขับไล่เผ่ปีศาจให้ล่าถอยกลับแดนเนรเทศได้เลย…”
…
นอกจากนี้ยังมีผู้ฝึกตนมนุษย์ที่คิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้ล้อเล่น แต่ที่พูดเรื่องนี้ออกมาต้วนหลิงเทียนนับว่าไร้เดียงสาเหลือเกิน…
ถึงแม้ทุกสิ่งที่พูดจะเป็นความจริง แต่มีความจริงบางประการที่ไม่ควรพูดไม่ใช่รึไง?
ในสายตาของพวกมัน
ถึงแม้ว่าภรรยาของต้วนหลิงเทียนจะจากระนาบเซียนแห่งนี้ไปแล้วจริงๆ แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ควรพูดมันออกมา อย่างน้อยๆ ก็เพื่อให้เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของเผาปีศาจบังเกิดอาการคิดเขวี้ยงมุสิกกริ่งเกรงภาชนะเสียหาย! สุดท้ายก็ได้แต่นำเผ่าปีศาจล่าถอยออกจากระนาบเซียนย้อนกลับไปยังแดนเนรเทศแต่โดยดี!
พวกมันจึงไม่อาจเข้าใจสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนทำตอนนี้ได้เลย
อย่างไรก็ตาม แม้พวกมันไม่เข้าใจการกระทำของต้วนหลิงเทียน แต่พวกมันก็ไม่กล้าตำหนิต้วนหลิงเทียน
เพราะสุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้มีหน้าที่หรือความจำเป็นอะไรที่ต้องออกหน้าปกป้องพวกมัน…
อีกทั้งด้วยพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ แม้เผ่าปีศาจจะร้ายกาจเพียงใด แต่ต้วนหลิงเทียนก็สามารถคุ้มครองดูแลตัวเองได้อย่างหายห่วง สามารถใช้ชีวิตอย่างไร้กังวล รอพลังจากระนาบเทวโลกชักนำขึ้นสวรรค์ได้อย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน
เรียกว่าเหล่าปีศาจไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับชีวิตต้วนหลิงเทียนเลย…
“ข้าว่าเป็นเจ้ามากกว่าที่คล้ายจะมั่นใจมาก…”
เมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสที่คลี่กางขึ้นบนใบหน้าต้วนหลิงเทียน ชายชราผู้เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของเผ่าปีศาจ อดไม่ได้ที่จะหยีตาลง สองตาสีโคลนของมันยังฉายประกายสุกสกาวออกมาปานแสงดาว คล้ายมองทะลุทุกสิ่งอย่าง
“ในเมื่อวันนี้ภรรยาของเจ้ามิอยู่…เช่นนั้นก็ให้ข้าได้รับทราบอานุภาพของยอดสมบัติสวรรค์ที่ต้วนหลิงเทียนเจ้าถือครองสักคราเถอะ!!”
ทันใดนั้นชายชราพลันกล่าวออกมาเสียงดัง มวลอากาศทั้งคลื่นลมรอบกายวิปริตแปรปรวนขึ้นมาทันใด พาลให้เหล่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ทั้ง 7 ของเผ่าปีศาจเร่งรุดเหินล่างล่าถอยออกไปจ้าละหวั่น!
ราวกับพวกมันกลัวเป็นปลาในบ่อที่พลอยรับเคราะห์ไปด้วย!
เพราะตอนนี้ชายชราได้ปลดปล่อยพลังขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ออกมาอย่างไม่คิดจะออมรั้ง!
ซู่ม! ซู่ม! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ!
…
ทั่วร่างชายชราเสมือนมีเปลวเพลิงลุกท่วมขึ้นมาทันใด และยามเมื่อไอพลังดั่งเพลิงไฟนี้ปรากฏ ความว่างเปล่ารอบกายก็เริ่มสะท้านสะเทือนบิดเบือนจนปริแตก! ก่อเกิดรอยแยกสีดำน่ากลัว!!
เป็นรอยแยกมิติ!
อีกทั้งความว่างเปล่าห่างออกมาจากร่างชายชราเล็กน้อย ก็เริ่มปั่นป่วนบิดเบือน บังเกิดเป็นอสรพิษมืดดำยิบย่อยมากมายวูบวาบ ยากจะมองเห็นร่างคนได้ชัดถนัดตา!
ซู่มมม!!
ในขณะที่ชายชราปะทุพลังเข้มแข็ง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้อยู่เฉย เขาใช้ออกด้วยปฐมเวทย์กลืนกิน ดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบในฉับพลัน เพิ่มพูนพลังขึ้นไปเต็มพิกัด จนระดับพลังเขาพุ่งสูงขึ้น 2 ขีดขั้นในชั่วพริบตา!
“ให้ข้าใช้ยอดสมบัติสวรรค์? เจ้ายังมีคุณสมบัติไม่พอ!”
ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็เหลือบมองชายชราพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแววตาเฉยเมย
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนพูดคำดังกล่าวออกมา ทำให้สีหน้าชายชราเปลี่ยนไปมหันต์ แววตาฉายชัดถึงความโกรธ ผู้คนโดยรอบที่ได้ยินก็อึ้งไปเป็นแถบ!
มองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สายตาของพวกมันทำราวกับกำลังมองตัวหยิ่งยโส!
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะไม่กล่าวคำโตไปหน่อยหรือ…ปะทะกับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ แต่ไม่ต้องใช้ยอดสมบัติสวรรค์?”
“ฮึ่ม! หากต้วนหลิงเทียนมิใช้ยอดสมบัติสวรรค์ มันไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของใต้เท้าอู๋จี๋ได้แน่นอน!!”
“ทุกคนล่วงรู้กันดี ว่าไฉนที่มันประมือกับประมุขเผ่ามังกรได้อย่างสูสี ล้วนเป็นเพราะมันพึ่งพายอดสมบัติสวรรค์ที่มันมี…แต่ฟังจากวาจาของมันตอนนี้มันคิดจะปะทะกับใต้เท้าอู๋จี๋โดยไร้ยอดสมบัติสวรรค์? ดูเหมือนมันจะมั่นใจอย่างยิ่งว่าสามารถเอาชนะใต้เท้าอู๋จี๋ได้โดยมิต้องใช้ยอดสมบัติสวรรค์!”
“อวดดีนัก! มันจะอวดดีเกินไปแล้ว!!”
…
เรียกว่าเหล่าปีศาจทั้งหลายได้แต่สบถคำออกมาอย่างไม่พอใจ พวกมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนช่างหยิ่งยโสเกินไป!
ไม่ใช่แค่เหล่าปีศาจเท่านั้น
กระทั่งเหล่ามนุษย์ที่ลอยร่างเผชิญหน้ากับเผ่าปีศาจอยู่กลางฟ้า หลายคนที่ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียนก็ยากจะเข้าใจได้…
“ไม่ต้องใช้ยอดสมบัติสวรรค์? ต้วนหลิงเทียน…มันบ้าไปแล้วหรือ?”
“นั่นสิ! ยังมีผู้ใดไม่รู้อีกว่าที่ต้วนหลิงเทียนสู้เสมอประมุขเผ่ามังกรได้ล้วนเป็นเพราะยอดสมบัติสวรรค์ในมือทั้งสิ้น…หากไร้ยอดสมบัติสวรรค์ประมุขเผ่ามังกรคงเอาชนะมันหรือแม้แต่ฆ่ามันได้ด้วยซ้ำ!”
“มันกล่าววาจาเขื่องโขเกินไป”
“ถึงแม้ว่าพลังฝีมือของมันจะก้าวหน้ารวดเร็วผิดมนุษย์ แต่จากตอนที่มันประมือกับประมุขเผ่ามังกรยังพึ่งผ่านไปนานเท่าไหร่กัน…หรือพึ่งผ่านไปไม่ทันไร แต่มันอาศัยมือเปล่าก็เอาชนะเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ได้แล้ว?”
“เรื่องพรรค์นั้นเป็นไปไม่ได้หรอก!”
“เสียสติ! มันเสียสติไปแล้ว!!”
…
มีผู้ฝึกตนมนุษย์หลายคนที่มองต้วนหลิงเทียนแล้ได้แต่ส่ายหัวไปมา
“บางทีมีแต่ต้องให้มันพบกับความปราชัยสักครั้ง มันจึงจะรู้ว่าตัวเองหยิ่งผยองเพียงใด…ไม่เป็นไรหรอก เพียงให้ต้วนหลิงเทียนได้รับบทเรียนสักครั้ง มันจะได้รู้ว่าแม้มันจะมีพรสวรรค์อันร้ายกาจ แต่คนเราก็ไม่ควรหยิ่งยโส และถือดีเกินไป”
ผู้ฝึกตนมนุษย์หลายคนกล่าวออก
ตอนนี้หากจะถามว่ายังมีใครไม่มองต้วนหลิงเทียนไปในทางถือดี พูดโม้อะไรเกินตัว ก็เห็นทีจะมีแต่ผู้คนที่เคยใกล้ชิดต้วนหลิงเทียนในอดีต
“ลองน้องหลิงเทียนกล่าวออกมาแบบนี้…เห็นทีพลังฝีมือสมควรร้ายกาจเหนือสามัญสำนึกพวกเราไปแล้วแน่ๆ!!”
หวงฉี่หลิง ศิษย์วังเซียน เป็นคนหนึ่งที่มั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนอย่างสูง
“นายท่านมิใช่ผู้ที่จะทรยศความเชื่อใจของผู้ใด…”
จ้าววังเซียสัญจรอย่างอวี่เหวินฮ่าวเฉินเองก็เชื่อมั่นในตัวต้วนหลิงเทียน
นอกจากนั้นยังมีสมาชิกเผ่าปีศาจมนุษย์อีกไม่น้อยที่เคยรู้ฤทธิ์เดชของต้วนหลิงเทียนตอนอยู่ภูมิภาคเบื้องล่างเป็นอย่างดี จึงเชื่อไปตามจิตใต้สำนึกอย่างไม่รู้ตัวว่าต้วนหลิงเทียนต้องมีพลังฝีมือเช่นนั้นจริงๆ…
“เจ้าบอกว่า…ข้าไม่มีคุณสมบัติพอให้เจ้าใช้ยอดสมบัติสวรรค์?”
เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ชราของเผ่าปีศาจ กล่าวถามออกมาอีกครั้งด้วยใบหน้าถมึงทึง มันคล้ายยังไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง และไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่ใช่มันได้ยินผิดไปหรือไม่
“ทำไม? หรือเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจหนีพ้นโรคตามวัย นี่หูเจ้าตึงจนได้ยินเรื่องราวไม่ชัดแล้วเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกไปเสียงเรียบ
“ดี ดี…ดีมาก!”
“ในเมื่อเจ้ากล้าพ่นวาจาเขื่องโขเช่นนี้…ก็ให้ข้าชมดูทีเถอะ! ว่าเจ้าอาศัยอะไรถึงไม่จำเป็นต้องใช้ยอดสมบัติสวรรค์ยามสู้กับข้า!!”
หน้าชายชราเปลี่ยนไปไม่น้อยหลังถูกต้วนหลิงเทียนกล่าวค่อนแคะ มันตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด และไม่อาจทนไหวสืบไป!
ปงงงง!!
ร่างมันไหววูบคราหนึ่ง มวลพลังมหาศาลก็ปะทุออกดั่งจุดระเบิด! ความว่างเปล่าคล้าบบุบยุบเห็นเป็นหลุมมหึมาอย่างน่ากลัว!!
และเมื่อหลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น ห้วงอากาศก็คล้ายถูกฉีกกระชาก รอยแยกอันน่ากลัวปรากฏให้เห็น!
ปง! ปง! ปง! ปง!
…
ร่างชราทะยานเข้ามาประหนึ่งกระสุนปืนใหญ่ยิงถล่มเข้าใส่ต้นหลิงเทียน!
ไม่ว่าเท้ามันจะย่ำเหยียบลงไปที่ใด ความว่างเปล่าล้วนแตกระเบิดเป็นเสี่ยง ยังทิ้งรอยแตกนรับไม่ถ้วนคงค้างกลางหาว น่ากลัวยิ่งนัก!
เพียงมองก็พาลให้ผู้คนรู้สึกเสมือนหนังศีรษะด้านชา!
ซู่มมม!!
ไม่ทันไร ร่างชายชราก็ห่างต้วนหลิงเทียนไม่ไกล มือสองข้างมันงองุ้มเป็นกรงเล็บ ทั่วแขนปรากฏพลังงานมหาศาลบีบอัด ตบฟาดตะปบเข้ามาดั่งคมเขี้ยวอสูรร้ายหมายขย้ำร่างต้วนหลิงเทียนให้แหลกในหนึ่งคำ!
สภาวะพลังช่างดุดันน่ากลัวนัก!
“พลังเจ้ามีเท่านี้?”
และในขณะที่ชายชราตบฟาดแขนทั้ง 2 เข้ามาด้วยพลังทั้งหมดด้วยความฉับไวปานฟ้าแลบ และเจียนบดขยี้ต้วนหลิงเทียนเต็มที อยู่ๆต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวคำออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อนด้วยน้ำเสียงไม่อีนังขังขอบ
“ระดับพลังของเจ้า ดูแล้วก็แค่พอๆกับประมุขเผ่ามังกรในวันนั้น…ดูเหมือนข้าจะประเมินเจ้าสูงเกินไป…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเรียบ
“คุยโวโอ้อวดไม่อายปาก!”
ชายชราตะคอกคำเสียงเย็น พาลให้ผู้คนโดยรอบรู้สึกเสมือนติดอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง!
“คุยโวโอ้อวดหรือไม่ เดี๋ยวเจ้าก็รู้…”
เสียงของต้วนหลิงเทียนยังคงเฉยเมย และในขณะที่กล่าวเขาก็เริ่มลงมือโต้ตอบแล้วเช่นกัน
ขวับ!
ต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้นก่อนที่จะพลิกฝ่ามือเล็กน้อย ค่อยสะบัดตบฟาดไปทางชายชราอย่างไร้เรื่องราว หากทว่าทันใดนั้นเอง มวลพลังขุมหนึ่งพลันพวยพุ่งขึ้นมาผนึกควบบนฝ่ามือในชั่วพริบตา!
ครู่ต่อมา
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
…
พร้อมๆกันกับที่ต้วนหลิงเทียนตบฟาดฝ่ามือออกไป เสียงคล้ายวัตถุพุ่งทะยานผ่านอากาศด้วยความเร็วสูงพลันดังขึ้น! แสงขาวเริ่มส่องจ้าออกมา!
เป็นแสงจากรังสีกระบี่อันคมกริบ!
พริบตาที่แสงปะทุออกจากฝ่ามือต้วนหลิงเทียน มันก็แปรสภาพกลับกลายเป็นรังสีกระบี่นับพัน!
รังสีกระบี่นับพันเมื่อปรากฏ ก็เริ่มม้วนวนควบรวมก่อเกิดเป็นค่ายกลกระบี่อันลี้ลับหนึ่ง!
วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!
…
หลังจากที่ค่ายกลกระบี่ก่อเกิดแล้ว มันก็ส่งเสียงพลังคำรามออกมาอย่างลี้ลับ ค่อยพุ่งทะยานออกไปฉับไว โดยมีรังสีกระบี่อีกชุดพุ่งฟันออกมาไล่หลัง!
เป็นต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วย 13 กระบี่บงกชฟ้า!
ซู่มมม!!
และในเวลาเสี้ยพริบตา ค่ายกลกระบี่ดังกล่าวก็ถูกรังสีกระบี่ที่ไล่หลังมาสิบสองสายไล่ทัน ก่อนที่จะเริ่มผสานหลอมรวมพลัง! ทันใดนั้นกลิ่นอายกระบี่แหลมคมถึงขีดพลันสุดปะทุออก คลื่นพลังอันน่ากลัวยังเริ่มแผ่กำจายออกไปจากค่ายกลกระบี่ลี้ลับดังกล่าว!!
“ฉะ…ไฉนเป็นเช่นนี้ไปได้?!”
พริบตานี้เองชายชราที่ทะยานร่างเข้ามาด้วยสภาวะดุร้าย พลันสัมผัสไดถึงกลิ่นอายอันตรายที่แผ่ซ่านออกมาจากค่ายกลกระบี่เบื้องหน้าชัดเจน!
เป็นพลังอำนาจที่ก้าวข้ามขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!
พลังอำนาจระดับนี้ ปกติแล้วสมควรเป็นตัวตนขอบเขตจินเซียนของระนาบเทวโลกนั้นที่สำแดงออกมาได้!
ตูมมมม!!
ในขณะที่สีหน้าชายชราเปลี่ยนไปใหญ่หลวง พริบตานั้นเองพลังที่ผนึกควบไว้ที่แขนก็สูญสลายไปอย่างไร้ร่องรอย ก่อนที่ร่างของมันจะบังเกิดความเปลี่ยนแปลงสุดพิสดาร ลำตัวโป่งพองราวคางคก จากนั้นก็แตกระเบิดออกเป็นไอหมอกโลหิต!!
และในหมอกโลหิตดังกล่าวแลเห็นรัศมีพลังสีทองเรืองรองอ่อนๆแซมอยู่!
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
…
พริบตาเดียวกับที่ร่างชายชราแตกระเบิดกลายเป็นไอหมอกโลหิต ค่ายกลกระบี่อันทรงพลังน่าพรั่นพรึงของต้วนหลิงเทียนก็เข่นฆ่ามาถึง!
เพียงแตะถูก ไอหมอกโลหิตของชายชราก็ระเหิดหายไปในอากาศ!