WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2571
ตอนที่ 2,571 : รอทะยานขึ้นสวรรค์!
ต้วนหลิงเทียนก็เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้ไว้นานแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออวิ๋นชิงเหยียนปรากฏตัวขึ้นจับครอบครัวและสหายของเขามาบีบคั้นเค่อเอ๋อให้ไปกับมัน เขาก็ร้อนใจอยากขึ้นสู่ระนาบเทวโลกให้เร็วที่สุดด้วยซ้ำ!
เพราะมีแต่ขึ้นไปแล้วเท่านั้น เขาถึงจะหาหนทางช่วยเหลือเค่อเอ๋อและคนอื่นๆได้
หากกระทั่งระนาบเทวโลกยังขึ้นไปไม่ได้ ยังนับประสาอะไรกับช่วยคนอื่น?
แต่เป็นธรรมดาว่าเขารู้ตัวเองดี ว่าต่อให้ขึ้นไปยังระนาบเทวโลกแล้ว ก็ยังมีพลังไม่มากพอจะช่วยทุกคนได้ทันที..
ทว่าอย่างน้อยๆหากขึ้นไปถึงระนาบเทวโลกแล้ว ระดับพลังฝึกปรือของเขาก็จะข้ามผ่านจุดรอคอยครึ่งก้าวเซียนอมตะ กลายเป็นเซียนอมตะที่แท้จริง!
ตอนนี้ด้วยระดับพลังฝึกปรือเขาอยู่ในครึ่งก้าวเซียนอมตะ ในระนาบโลกียะก็ไม่มีหนทางให้เขาเพิ่มพลังฝีมือได้อีกต่อไป
หากคิดจะก้าวหน้าขึ้นอีกครั้ง มีแต่ต้องไประนาบเทวโลกเท่านั้น
“พลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์ ในที่สุดก็มาเสียที…ข้ารอมานานแล้ว!”
เมื่อตระหนักได้แน่ชัดแล้วว่าพลังอันร้ายกาจที่ครอบงำร่างเขาอยู่ตอนนี้คือพลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง
‘ลองพลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์ปรากฏออกมาแล้วแบบนี้…อีกไม่นานข้าก็ต้องขึ้นไป’
เมื่อนึกถึงฉากเรื่องราวของถังเซี่ยวเซี่ยวในวันนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ลอบกล่าวในใจ
‘จริงสิ! ก่อนที่ข้าจะขึ้นไป ต้องทิ้งข้อความบอกซูหลี่กับพี่จื่อก่อน ไม่งั้นทั้งคู่คงหากันให้วุ่นแน่ เพราะไม่รู้ข้าหายไปไหน…’
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนพลันสะบัดมือฉับไว เรียกป้ายหยกออกมา 2 ชิ้น เขาเร่งบันทึกข้อความลงไป จากนั้นก็จ่ายพลังใส่ป้ายหยก กระตุ้นให้มันพุ่งทะยานเป็นลำแสง พุ่งออกจากห้องเขาไปทางหน้าต่างทันที
ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่าพลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์ที่ห่อหุ้มร่างเขาได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และสติเขาก็พร่าเลือนใกล้ดับไปเต็มที…
“ข้ากำลังจะขึ้นไปแล้ว…”
เผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าวต้วนหลิงเทียนรู้ได้ตามสัญชาตญาณว่าเขากำลังจะหายไปจากระนาบโลกียะแล้ว!
เพราะไม่เพียงแต่สติเขาเจียนดับลง…
แต่เขาสัมผัสได้ว่าพลังเซียนอมตะที่ห่อหุ้มร่างเขาไว้ คล้ายกำลังจะพาเขาไปที่ไหนสักแห่ง!
“หืม?”
แต่ในขณะที่พลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์ได้ปะทุพลังออกมาสูงล้ำคล้ายกำลังจะฉุดร่างเขาให้อันตรธานหายไปนั้น ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะผงะ!
นั่นเพราะเขาตระหนักได้ว่าพลังที่กำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ และสติเขากำลังจะดับไปเต็มทีนั้น…อยู่ๆทุกสิ่งอย่างกลับหยุดกกึกลง! แถมพลังดังกล่าวยังฮวบหายไปไหนไม่ทราบ ราวกับถอยไปพันลี้ในหนึ่งก้าว!!
จากนั้นพลังที่ครอบงำร่างเขาก็เริ่มอ่อนโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนพลังบางประการที่คล้ายจะฉุดดึงเขาไปที่ไหนสักแห่งก็หายไปไร้ร่องรอย…
‘นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’
‘หรือว่า…นี่ไม่ใช่พลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์?’
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหน้าเหวออยู่บ้าง เพราะรู้สึกเสมือนดีใจเก้อ
อย่างไรก็ตาม ครู่ต่อมาเขาก็สลัดความคิดดังกล่าวทิ้งไปทันที
“อะไรกัน มัน…ไม่อยากจะเชื่อ…มันกำลังดูดกลืนพลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์!”
ต้วนหลิงเทียนที่สติค่อยๆกลับมาแจ่มใส ถึงกับต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า…
ชิ้นส่วนโลหะไม่สมบูรณ์ที่เขาถือไว้ในมือนั้น ไม่ทราบตั้งแต่ตอนไหน แต่มันได้แผ่พลังลี้ลับออกมาและกำลังกลืนกินพลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์อย่างตะกละตะกลามดั่งผีหิวโหย!
ราวกับว่าพลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์ เป็นอาหารอันโอชะ!
หากแต่พลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์ก็คล้ายสู้ขาดใจไม่ยอมแพ้ง่ายๆ มันปะทุออกมาจากห้วงลี้ลับเริ่มเพิ่มพูนพลังที่ครอบคลุมร่างเขาให้สูงขึ้นอีกครั้งหมายจะฉุดดึงตัวต้วนหลิงเทียนให้ขึ้นสู่ระนาบเทวโลกให้จงได้
อนิจจามันที่อยากพาต้วนหลิงเทียนขึ้นไป แต่สุดท้ายกลับถูกชิ้นส่วนโลหะประหลาดสูบกลืนพลังไปอีกรอบ! จึงไม่อาจเร่งเร้าพลังให้ถึงจุดสูงสุดและพาต้วนหลิงเทียนไปได้เสียที ตกอยู่ในสภาพจะไปจะไปแต่ไม่ได้ไปแบบนี้!!
ไม่ทันไรเวลาก็ผ่านไปหลายลมหายใจ เรื่องดังกล่าวดำเนินไปอีกหลายรอบ
“ยังไม่จบอีกหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ว่าพลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์นั้นได้หลั่งไหลมาห่อหุ้มหมายฉุดร่างเขาให้ขึ้นไปรอบแล้วรอบเล่าอย่างไม่รู้เหนื่อย
แต่ถึงแม้พลังจะหลั่งไหลมาไม่หยุด ก็ไม่อาจพาเขาขึ้นไปได้เสียที…
เรียกว่าเมื่อไหร่ที่พลังจะเร่งเร้าถึงจุดสูงสุดและฉุดร่างเขาขึ้นไป ชิ้นส่วนโลหะไม่สมบูรณ์ของเขาก็จะกลืนกินมันอย่างไร้ปราณี!
ความหิวโหยของมันทำให้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวาดกลัว!
“เจ้า…นี่ มันเป็นบ่อไร้ก้นรึไง?”
ต้วนหลิงเทียนได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆ
จากนั้นไม่นาน สองตาเขาก็ทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง เริ่มคิดเก็บชิ้นส่วนโลหะไม่สมบูรณ์ดังกล่าวลงแหวนพื้นที่ทันที
แต่เขากลับพบว่า…
ชิ้นส่วนโลหะแตกหักนี่ ถึงจะเข้าไปอยู่ในแหวนแล้ว แต่มันกลับกลืนกินพลังรอบกายเขาต่อ! เพิกเฉยแหวนพื้นที่ราวกับแหวนพื้นที่ไม่มีอยู่จริง!!
“น้องหลิงเทียนเจ้ากำลังจะขึ้นสวรรค์แล้วหรือ!?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจนปัญญาและหดหู่เล็กน้อย เสียงบรรพบุรุษวังเซียนหยวนขอบเขตเซียนยอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ เซียนหยวนจื่อ ก็ดังมาจากด้านนอก น้ำเสียงยังเร่งร้อนไม่น้อย
“พี่จื่อ…”
ต้วนหลิงเทียนเผยยิ้มขื่นขมออกมา ก่อนที่จะค่อยๆเปิดประตูเดินออกมาจากห้อง จากนั้นก็เหินลอยขึ้นไปในอากาศ มาหยุดลงด้านข้างเซียนหยวนจื่อด้วยสีหน้าจนปัญญา
“รอบตัวเจ้า…นี่มัน…พลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์!?”
ตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนก้าวออกมาจากห้อง สองตาเซียนหยวนจื่อก็มองจ้องเขาไม่กระพริบ เรียกว่าถูกพลังโปร่งใสที่ฉาบคลุมร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้ดึงดูดความสนใจไปหมดสิ้น
มันย่อมสัมผัสได้
ว่าพลังขุมนี้ไม่ใช่พลังในระนาบโลกียะแน่นอน เพราะต่อให้เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ ความบริสุทธิ์ของพลังก็ห่างชั้นกับพลังรอบกายต้วนหลิงเทียนหลายขุม!
เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้ประการเดียว…
นี่คือพลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์ ที่จะทำให้ต้วนหลิงเทียนหลุดพ้นจากระนาบโลกียะไปสู่ระนาบเทวโลก!
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“ข้าหลงคิดว่าเจ้าคงถูกพลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์ดึงตัวไปแล้วแน่ๆ แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้ายังอยู่…”
ขณะที่กล่าวเซียนหยวนจื่ออดไม่ได้ที่จะย่นคิ้วด้วยความแปลกกใจ
“เพราะเท่าที่ข้ารู้มา หากครึ่งก้าวเซียนอมตะพบว่าพลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์มาถึงแล้ว…ใช้เวลาเพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น ร่างก็จะถูกพาออกจากระนาบโลกียะไปยังระนาบเทวโลก”
“หรือเจ้าสามารถรับรู้ได้ล่วงหน้าว่าพลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์กำลังจะมาถึง…และตอนนี้มันก็พึ่งปรากฏขึ้น?”
เซียนหยวนจื่อมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสงสัย
“เปล่าหรอกพี่จื่อ”
ต้วนหลิงเทียนเผยยิ้มเจื่อนๆออกมาพลางส่ายหัว จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นเรียกชิ้นส่วนโลหะออกมาจากแหวนพื้นที่ “เพราะเจ้านี่มันกลืนกินพลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์ของข้าไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว…ไม่งั้นป่านนี้พลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์คงมากพอจะฉุดดึงข้าขึ้นสู่ระนาบเทวโลกตั้งนานแล้ว…”
“อะไรกัน?!”
เซียนหยวนจื่อมอไปยังชิ้นสวนโลหะไม่สมบูรณ์ในมือต้วนหลิงเทียนทันที สองตายังเบิกกว้างออกมาด้วยความตกใจ
มันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีวัตถุใดในโลกหล้าสามารถดูดกลืนพลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์เช่นนี้ได้ กระทั่งมีพลังถึงขั้นขัดขวางการขึ้นสู่ระนาบเทวโลกของครึ่งก้าวเซียนอมตะ!!
“ข้ารู้สึกว่าข้าจะขึ้นไปสู่ระนาบเทวโลกได้ก็ต่อเมื่อ…รอให้มันกินอิ่มก่อน”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มแหยงๆออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“เอ่อ ดูจากสถานการณ์แล้ว เห็นทีจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ…”
เซียนหยวนจื่อพยักหน้า มันเองก็รู้สึกว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนคงทำได้แค่รอเท่านั้น ขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งอกไม่น้อย “โชคดีที่พลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสู่สวรรค์มันยังคงหลั่งไหลมาไม่หยุดเพื่อทำหน้าที่ให้บรรลุ…หากมันปรากฏออกมาแค่พอฉุดดึงให้เจ้าขึ้นไปรอบเดียวแต่กลับถูกกินเสียหมด คราวนี้เจ้าจะขึ้นไปได้อย่างไร…”
“อย่างที่พี่จื่อพูดไม่มีผิด…ข้าโชคดีจริงๆ..”
ได้ยินคำของเซียนหยวนตื่อ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเหงื่อตก
หากพลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์ของเขา กลับปรากฏแค่มากพอให้เขาขึ้นสู่ระนาบเทวโลกรอบเดียวอย่างเซียนหยวนจื่อพูดขึ้นมาล่ะก็…
เช่นนั้นถ้ามันถูกชิ้นส่วนโลหะไม่สมบูรณ์นี่กินเข้าไปแล้ว เกรงว่าเขาคงไม่มีทางออกจากระนาบโลกียะและขึ้นไปสู่ระนาบเทวโลกได้อีกต่อไป…!
“ต้วนหลิงเทียน!”
“เจ้ากำลังจะขึ้นไปแล้วหรือ!?”
ทันใดนั้นเองเสียงซูหลี่พลันดังมาแต่ไกล ทั้งรีบร้อนไม่ต่างจากเซียนหยวนจื่อ มันเองก็เร่งรุดเหินร่างมาทันทีหลังได้รับข้อความของต้วนหลิงเทียน
อย่างไรก็ตามด้วยระดับพลังของมันย่อมเชื่องช้ากว่าเซียนหยวนจื่ออยู่บ้าง จึงพึ่งมาถึง
“ใช่ ข้ากำลังจะขึ้นไปแล้ว…แต่ท่าทางคงต้องรอสักพัก”
หลังจากที่ซูหลี่มาถึง ต้วนหลิงเทียนก็มองไปยังชิ้นส่วนโลหะไม่สมบูรณ์ในมืออีกครั้ง ด้วยรอยยิ้มเหยเก
เขาหลงคิดว่าก่อนออกจากระนาบโลกียะแล้วขึ้นไปยังระนาบเทวโลก เขาจะไม่ทันได้ลาสหายผู้นี้เสียแล้ว
แต่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเพราะชิ้นส่วนโลหะแตกหักดังกล่าวทำให้เขามีโอกาสร่ำลาสหาย!
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
ซูหลี่พบได้ทันทีว่ามีอะไรผิดท่า
และพอได้ฟังต้วนหลิงเทียนเล่ารายละเอียด สายตามันก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองจ้องชิ้นส่วนโลหะประหลาดในมือต้วนหลิงเทียนด้วยความแปลกใจสักพักค่อยยิ้มแห้งๆออกมา “ต้วนหลิงเทียน เศษเหล็กประหลาดในมือเจ้าถึงตอนนี้สมควรกินพลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์ไปแล้วเกือบ 1 เค่อ”
“มันไม่ธรรมดาจริงๆ ถึงทำอะไรแบบนี้ได้…”
“อีกทั้ง…ลองมันกินพลังไปมากมายเท่าไหร่ ก็ยิ่งบ่งบอกได้ว่ามันไม่ธรรมดามากขึ้นเท่านั้น เจ้าไม่ต้องห่วงไปหรอก และหวังให้มันกินนานๆจะดีกว่าเพราะวันไหนหากมันสามารถช่วยเหลือเจ้าได้ขึ้นมา ต้องไม่ใช่เล็กน้อยแน่”
ซูหลี่กล่าวปลอบทั้งให้กำลังใจต้วนหลิงเทียนออกมา ยังคาดเดาเรื่องราวออกมาประการหนึ่
แต่คำปลอบต้วนหลิงเทียนของซูหลี่ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล กระทั่งยังจี้ประเด็นสำคัญได้อีกด้วย!
“ดูเหมือนว่า…จะเป็นแบบนั้นจริงๆ”
ดังคำที่กล่าวว่า ‘คนเล่นหมู คนดูเซียน’ ต้วนหลิงเทียนก็เป็นแบบนั้นในตอนนี้
(คนเล่นหมูคนดูเซียน….ใครเคยเล่นเกมส์ที่ร้าน แล้วมีหัวเกรียนมายืนดูข้างๆจะเข้าใจดี! ถ้าเคยถูกแย่งเมาส์เราคือเพื่อนกัน!!)
หลังได้ฟังวาจาปลอบพลางแจงเหตุผลของซูหลี่ ต้วนหลิงเทียนก็คลายกังวลไปทันที รอยยิ้มขื่นข่มเปลี่ยนเป็นความสงบราวเมฆเคลื่อนคล้อย
“ต้วนหลิงเทียน…เจ้าขึ้นสวรรค์ไปครั้งนี้ กว่าพวกเราจะได้เจอกันอีกครั้ง ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่…”
ซูหลี่ที่มองต้วนหลิงเทียน ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน ในแววตายังเผยความไม่เต็มใจอยู่บ้าง
“ไม่ต้องห่วงไป…ตราบใดที่ชะตาต้องกัน สักวันพวกเราต้องได้เจอกันอีกครั้งแน่ และต่อให้พวกเราไม่มีชะตาพบกันจริงๆ ไว้วันไหนที่พวกเราคนใดคนหนึ่งมีชื่อเสียงขึ้นมา อีกคนก็ต้องรู้ได้ทันที…ถึงตอนนั้นสุดท้ายเดี๋ยวก็ได้เจอกัน”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้ม
“ถ้างั้นเอาเป็นว่าข้ารอให้เจ้ามีชื่อเสียงโด่งดังบนระนาบเทวโลกเลยแล้วกัน…ยังหวังว่าหลังข้าขึ้นไประนาบเทวโลกไม่ทันไรก็ได้ยินชื่อเสียงของเจ้าแล้ว เช่นนั้นข้าจะได้หาเจอเจอได้ง่ายๆ แถมจะได้มีต้นทุนบ้างอะไรบ้าง…”
ซูหลี่กล่าวจบก็หัวเราะออกมา
“เหอะๆ พูดเหมือนอีกนานมากกว่าเจ้าจะขึ้นไประนาบเทวโลก…ในเวลาแค่ไม่กี่ปีจะให้ข้าสร้างชื่อเสียงบนระนาบเทวโลก เจ้าพูดเป็นนิทานที่อะไรๆก็ทำได้ง่ายๆไปได้”
ต้วนหลิงเทียนเบ้ปากกล่าวกับซูหลี่ สองตายังถลึงมองค่อนแคะ
“สำหรับคนอื่นอาจจะเป็นไปไม่ได้ไม่ก็ยากเย็นไม่น้อย…แต่กับต้วนหลิงเทียนเจ้าก็ไม่แน่นักหรอก”
ซูหลี่มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“เพราะเท่าที่ข้าเห็นมา…ต้วนหลิงเทียนเจ้าขยันสร้างปาฏิหาริย์ไม่หยุดอยู่แล้ว!”