WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2577
ตอนที่ 2,577 : หวังเวยลงมือ
‘คนเยอะจัง…’
ก่อนที่จะทันได้สนใจว่าทำไมถึงมีคนในชุดเกราะสีเงินมามองจ้องเขา ต้วนหลิงเทียนก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า
รอบๆตัวเขากลับมีผู้คนมากมาย พาลให้สระกำเนิดเซียนอมตะกลายเป็นแน่นขนัดไปถนัดตา
‘ทำไมถึงได้มีครึ่งก้าวเซียนอมตะมากขนาดนี้เล่า?’
และพอเห็นว่าครึ่งก้าวเซียนอมตะจำนวนมากยังไม่มีใครบรรลุถึงเซียนอมตะสวรรค์และได้สติฟื้นนคืนขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็งงไปใหญ่
ตอนนี้เขาไม่ทันคิดเลยว่า
เหตุผลเดียวที่ครึ่งก้าวเซียนอมตะเหล่านี้ไม่ได้กลายเป็นเซียนอมตะสวรรค์เสียที ล้วนเป็นเพราะปฐมเวทย์กลืนกินที่เขาใช้ออกก่อนหน้า…มันได้ขโมยพลังงานของสระกำเนิดเซียนอมตะที่จะเปลี่ยนทุกคนให้กลายเป็นเซียนอมตะสววรรค์ไปหมดสิ้น…
“หวังเวย!”
จากนั้นไม่นานต้วนหลิงเทียนค่อยพบว่า…
ในบรรดาสายตาที่มองจ้องมาจากขอบสระอมตะ มีสายตาของชายในชุดเกราะสีเงินคู่หนึ่งที่มองเขามาด้วยความดุร้าย…เป็นหวังเวย!
และตอนนี้นอกจากหวังเวย ยังมีคนในชุดเกราะสีเงินอีก 7 คน
เป็นชายหนุ่ม 3 คนชายวัยกลางคน 2 คนและชายชราอีก 2 คน
ชุดเกราะสีเงินของทั้ง 7 คนเหมือนกันกับชุดเกราะของหวังเวยไม่มีผิดเพี้ยน
“ไอ้หนู…ที่ครึ่งก้าวเซียนอมตะเหล่านี้ยังไม่กลายเป็นเซียนอมตะสวรรค์และตื่นขึ้นอยู่นาน ใช่เป็นเพราะเจ้าหรือไม่?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังมองไปยังหวังเวย ก็มีเสียงกล่าวถามห้วนๆดังเข้าหู
ทำให้สายตาต้วนหลิงเทียนแต่เดิมที่คิดจะมองหวังเวย ได้เบนไปตกยังชายชราในชุดเกราะสีเงินที่อยู่ไม่ไกลจากหวังเวยทันที
‘เป็นเพราะข้า ครึ่งก้าวเซียนอมตะพวกนี้เลยไม่กลายเป็นเซียนอมตะสวรรค์งั้นเหรอ?’
ได้ยินวาจาของชายชรา ทั้งเห็นชายในชุดเกราะสีเงินคนอื่นอีก 6 คน ต้วนหลิงเทียนก็พอจะตระหนักอะไรได้บางอย่าง…
‘พวกคนในชุดเกราะเงินนี่ 9 ใน 10 สมควรมาเพราะเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ไม่ผิดแน่’
‘เหมือนกับตอนที่ข้าพึ่งกลายเป็นเซียนอมตะสวรรค์ ก็เจอหวังเวยรออยู่…’
‘เมื่อผู้ที่ขึ้นสวรรค์ตื่นขึ้นเป็นเซียนอมตะสวรรค์จำนวนหนึ่ง คนที่ชื่อเฝิงชิงก็มาถึงพอดี…สมควรมาแทนที่หวังเวยที่จะต้องพาพวกเราไปลงทะเบียน…’
‘แต่ตอนนี้ นอกจากหวังเวยแล้ว กลับมีคนในชุดเกราะสีเงินอยูอีก ถึง 7 คน…’
‘กอปรทั้งจำนวนครึ่งก้าวเซียนอมตะสวรรค์ในสระที่แน่นขนัดผิดกับตอนแรกที่ข้าตื่น…กระทั่งยังมากกว่ากันราวๆ 8 เท่าแบบนี้…’
‘หรือ…เป็นเพราะข้าใช้ปฐมเวทย์กลืนกินดูดกลืนพลังงานในสระกำเนิดเซียนอมตะมาใช้มากเกินไป ทำให้พลังงานในสระกำเนิดเซียนอมตะเหลือไม่พอเปลี่ยนทุกคนให้กลายเป็นเซียนอมตะสวรรค์?’
ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้
ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่แปลกเลยที่ชายชราในชุดเกราะสีเงินจะถามเขาออกมาแบบนั้น เพราะต้นเหตุความผิดปกติที่ทำให้ทุกคนไม่กลายเป็นเซียนอมตะสวรรค์เสียที ก็คือเขาเอง…
‘ไม่คิดเลยว่าการทำตามสิ่งที่อาสามบอก อย่างเรื่องขัดเกลาชีพจรรสวรรค์…จะทำให้ครึ่งก้าวเซียนอมตะที่พึ่งขึ้นสวรรค์มามากมายพลอยเสียเวลาไปด้วยแบบนี้…’
หลังทราบแล้วว่าที่แท้มันเรื่องอะไร ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าไปมาด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
ซ่า!
ขณะเดียวกันสองเท้าเขาก็ออกแรงถีบก้นสระกำเนิดเซียนอมตะเบาๆ ส่งร่างให้เหินทะยานออกมาดั่งคุนเผิงตัวเขื่องทะยานขึ้นจากสระกำเนิดเซียนอมตะ สุดท้ายก็โผออกจากสระกำเนิดเซียนอมตะ
“โทษที…”
หลังออกจากสระกำเนิดเซียนอมตะแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันกลับไปมองยังเหล่าครึ่งก้าวเซียนอมตะที่ยังยืนหลับตาในสระกำเนิดเซียนอมตะพลางยิ้มเฝื่อนๆเอ่ยคำขอขมาเบาๆ…
และในขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนทะยานขึ้นมาจากสระกำเนิดเซียนอมตะ และมาหยุดยืนนอกเขตสระกำเนิดเซียนอมตะนั้นเอง
“เจ้าหนู นี่เจ้ากล้าเมินข้ารึ!?”
ชายชราที่ถามต้วนหลิงเทียนเสียงดังก่อนหน้า พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนไม่สนใจมันเลย มันก็อดไม่ได้ที่จะขุ่นขึ้ง สองตายังคล้ายจะมีไฟลุกท่วม
“ในที่สุดเจ้าก็โผล่หัวออกมาเสียที!”
ทันใดนั้นเอง เสียงตะคอกเยียบเย็นหนึ่งพลันดังขึ้น
เป็นหวังเวยที่พอพบว่าต้วนหลิงเทียนโดดขึ้นมาจากสระกำเนิดเซียนอมตะแล้ว อดไม่ได้ที่จะตะคอกคำออกมาอย่างยินดี! สีหน้าของมันยามนี้ราวกับเบิกบานเป็นที่สุด! ร่างไหววูบมายังจุดที่ต้วนหลิงเทียนอยู่ราวกับสายฟ้าฟาด สองตายังฉายเจตนาฆ่าฟันออกชัด มุมปากยกแสยะเหี้ยมเกรียม!!
ฟุ่บ!
ร่างหวังเวยดั่งกระสุนปืนใหญ่ยิงถล่มเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ปาน!
“ไอ้หนู! ข้าเคยบอกเจ้าว่า…หากเจ้าโผล่หัวออกมาจากสระกำเนิดเซียนอมตะเมื่อไหร่ ข้าจะทำลายแขนขาเจ้าอย่างละข้าง ทั้งเหยียบหนังหน้าเจ้าให้แหลก!เจ้ายังจดจำได้หรือไม่!?”
ขณะที่ร่างหวังเวยโจนทะยานเข้ามา เสียงดุร้ายก็ดังขึ้นอย่าเกรี้ยวกราด
จังหวะนี้แม้จะเป็นชายชราที่ขุ่นเคืองเพราะไม่พอใจที่ต้วนหลิงเทียนเมินเฉยเมื่อครู่ ก็อดไม่ได้ที่จะเปลียนท่าทีเป็นมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเวทนาสงสารแทน…
สำหรับชายในชุดเกราะเงินที่เหลืออีก 6 คน ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาเบาๆ มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสงสารไม่ต่าง
ในสายตาของพวกมัน ต้วนหลิงเทียน เซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ที่พึ่งขึ้นมายังแดนสวรรค์หลิงหลัวเทียน กลับทำให้หังเวยเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้ ก็เสมือนถูกฟ้าลิขิตให้โชคร้ายแล้ว…
“หืม?”
หวังเวยพุ่งเข้ามาแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็กลับมาสติแจ่มใสอีกครั้ง
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองจ้องหวังเวยทันที จึงได้เห็นความเร็วในการโจนทะยานเข้ามาของมันชัดถนัดตา และจากการประเมินด้วยสายตาคร่าวๆ ความเร็วของหวังเวยก็ไม่ด้อยไปกว่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์เลย
แต่เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนเห็นอีกอย่าง
หวังเวยไม่ได้ใช้วรยุทธ์หรือเวทย์พลังใดๆ
กล่าวได้ว่าไม่ต้องใช้ทักษะอะไร อาศัยความแข็งแกร่งดั้งเดิมหวังเวย ก็มากพอแล้วที่จะเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ในระนาบโลกียะ!
“ทำลายแขนขาของข้า ทั้งยังคิดเหยียบหน้าข้า?”
แทบจะทันทีที่เสียหวังเวยดังจบคำ แววตาต้วนหลิงเทียนก็ชืดชาลง ทั่วร่างคล้ายแผ่ไอเย็นออกมาแช่แข็งอากาศรอบๆ
“นั่นต้องดูว่าเจ้ามีปัญญาสามารถพอรึเปล่า…”
เมื่อร่างหวังเวยโจนทะยานมากว่าครึ่งทาง ต้วนหลิงเทียนพลันคลี่ยิ้มเย็นชา ใชปฐมเวทย์กลืนกินออกมาอย่างไม่คิดลังเล
ทันใดนั้นรอบกายต้วนหลิงเทียนพลันอุบัติวังวนสีดำขึ้นในความว่างเปล่า
ชณะเดียวกันพลังดูดรั้งอันร้ายกาจก็แผ่ขยายออกไป!
ในชั่วพริบตามันก็กลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดิน บริเวณขอบสระกำเนิดเซียนอมตะรอบตัวต้วนหลิงเทียน แต่ไม่ได้กลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินในอาณาบริเวณโดยรอบแต่อย่างใด…
เหตุผลที่มันไม่ได้กลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินเป็นวงกว้างนั้น นั่นเพราะระดับพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนตอนนี้ไม่ได้สูงนักสำหรับระนาบเทวโลก ที่สำคัญก็คือพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเทวโลกมันอุดมสมบูรณ์ถึงจุดที่ระนาบโลกียะไม่อาจเทียบได้เลย…
และแม้จะไม่ได้ดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินจากอาณาบริเวณโดยรอบ เอาแค่รอบตัวเล็กน้อยก็ทำให้ระดับพลังต้วนหลิงเทียนพุ่งทะยานขึ้นมาด้วยความเร็วสูง!
ถึงแม้ว่าระดับพลังที่เพิ่มพูนจะไม่มากมายอะไร แต่ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเปี่ยมล้นไปด้วยพลังราวกับจะทุบโลกให้แตกได้ในตุ๊บเดียว!
แน่นอนว่านี่เป็นต้วนหลิงเทียนรู้สึกไปเองเท่านั้น!
เมื่อเทียบกับระดับพลังของหวังเวยที่ทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์แล้ว ระดับพลังที่เพิ่มพูนขึ้นมาขอต้วนหลิงเทียนยังไม่พอ!
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่ได้คิดจะสู้กับหวังเวยโดยใช้แค่ปฐมเวทย์กลืนกินอย่างเดียว
“กระบี่มา!”
เพียงใจคิด พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างก็โคจรแล่นพล่านไปตามชีพจรสวรรค์ 99 สายบรรลุถึงช่องพลังทั่วร่าง แปรสภาพกลับกลายเป็น กระบี่พลังมีสภาพม้วนวนรอบกายเล่มแล้วเล่มเล่า!
ราวกับขยวนกระบี่ที่กำลังปกป้องพิทักษ์ร่างอย่างซื่อสัตย์!
‘นี่มัน…’
ทว่าในขณะที่โคจรพลังใช้ออกนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนถึงกับชะงักไปด้วยความประหลาดใจ เพราะเขาพบว่ามันบังเกิดความผิดปกติประการหนึ่งในขณะที่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดได้โคจรแล่นผ่านชีพจรสวรรค์ทั้ง 99 สายของเขา…พลังมันเพิ่มพูนขึ้นอย่างผิดปกติ!
เขาไม่ประหลาดใจไม่ได้!
เพราะเขาไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนเลย…ว่าหลังจากขัดเกลาชีพจรสวรรค์แล้ว ไม่เพียงแต่จะดูดซับจ่ายออกพลังได้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีอำนาจเพิ่มพูนพลังให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย!
‘นี่มัน…ผลจากการเพิ่มพูนพลังของชีพจรสวรรค์เสมือนใช้ปฐมเวทย์กลืนกินทับซ้อนไปอีกทบ!’
เมื่อสัมผัสได้ว่าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ปะทุออกมาจากร่างกาย มันทรงพลังขึ้นราวกับใช้ปฐมเวทย์กลืนกินซ้อนทับเข้าไปอีกทบ ใจต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความตื่นเต้นครั้งใหญ่!
เพราะนี่เป็นอะไรที่เขาไม่เคยคิดถึงมาก่อน
ถึงแม้ตอนมีเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ อีกาทองคำ 3ขาอย่างผู้เฒ่าหั่วจะเคยบอกเขาไว้แล้ว…ว่าชีพจรสวรรค์ 99 สายของเขานั้น มันจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงสุดที่ผลกระทบในระนาบโลกียะจะเทียบได้ตอนอยู่บนแดนสวรรค์!
และถึงแม้ภายใต้คำกำชับของอาสาม ต้วนหลิงเทียนจะได้ขัดเกลาชีพจรสวรรค์ในสระกำเนิดเซียนอมตะ จนมันบังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปดั่งการกำเนิดใหม่ของหงส์ฟ้า
แต่ต้วนหลิงเทียนก็คิดไม่ถึงจริงๆ
ว่าชีพจรสวรรค์จะมีความสามารถขยายพลังให้เขาได้มากจนน่าเหลือเชื่อขนาดนี้!
เรียกว่าพลังที่เพิ่มพูนขึ้นมา ไม่ได้ต่างอะไรจากพลังที่เพิ่พูนขึ้นเพราะอำนาจของปฐมเวทย์กลืนกินเลย!!
“หืม?!”
หวังเวยที่โจนทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนเจียนถึงย่อมสังเกตเห็นกระบี่ที่วนเวียนรอบกายต้วนหลิงเทียนทันที
ขณะเดียวกันนั้น มันยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังแหลมคมที่แผ่ซ่านออกมาจากกระบี่รอบกายต้วนหลิงเทียนชัดเจน ทำให้ใจมันอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความตึงเครียดขึ้นมา
‘ไฉนเป็นเช่นนี้ไปได้!?’
‘กลิ่นอายพลังของเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ที่พึ่งขึ้นมายังหลิงหลัวเทียนเช่นมัน ไฉนทำให้ข้าหวั่นใจขนาดนี้’
ในห้วงเวลาดุจฟ้าแลบ ความคิดมากมายแล่นผ่านในหัวของหวังเวย สีหน้าแววตาของมันนอกจากหวั่นเกรงแล้ว ยังเริ่มฉายให้เห็นถึงความอิจฉาริษยาประการหนึ่ง
ครืน! ครืน! ครืน! ครืน! ครืน!
…
ครู่ต่อมาเสียงดั่งกลองศึกรัวพลันดังขึ้นจากร่างกายของหวังเวย!
ร่างหวังเวยที่เดิมท้วมอยู่แล้ว บัดนี้กำลังขยายขนาดขึ้นด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ! จากที่เคยสูงราวๆ หนึ่งหมี่เก้า ก็กลายเป็นยักษ์ตัวเขื่องที่สูงกว่าสิบหมี่ทันที!!
น่าแปลกที่มันขยายร่างใหญ่โตขนาดนั้นไม่เพียงแต่ชุดเกราะสีเงินของมันจะปริแตก กลับขยายขนาดใหญ่โตจนแลดูเหมาะสมกับร่างมหึมาได้อย่างแปลกประหลาด!
“หวังเวย…มันถึงกับต้องใช้เวทย์พลังหนุนเสริมเลยรึ?”
เหล่าชายในชุดเกราะสีเงินทั้ง 7 อดไม่ได้ที่จะแปลกใจเมื่อเห็นร่างหวังเวยขยายใหญ่ขึ้น
วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!
…
ทันใดนั้นเองหวังเวยร่างยักษ์พลันสะบัดมือออกเป็นปางประหลาดไม่กี่ปาง ก็อุบัติพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดมหาศาลปะทุออกมา 2 ขุม ก่อนที่พลัง 2 ขุมดังกล่าวจะเริ่มแปรสภาพกลายเป็นแท่งเสาใหญ่เล็กมากมาย พุ่งไปล้อมกักต้วนหลิงเทียนเอาไว้ในพริบตา จนสภาพคล้ายเป็นลูกกรงหนึ่ง!
“สนามพลังโน้มถ่วง?”
ทันทีที่ถูกคุมขังอยู่ในกรงประหลาด ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่ง
บรรยากาศรอบกายเขาภายในกรงขังนั้น คล้ายบีบคั้นหนักหน่วงขึ้นในชั่วพริบตา! อีกทั้งเขายังรู้สึกเสมือนแรงโน้มถ่วงภายในกรงเพิ่มพูนสูงขึ้นหลายเท่าตัว! หากเป็นเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่คนอื่นครับไม่ไหวแน่นอน!!
เพราะกระทั่งต้วนหลิงเทียนเอง ยังรู้สึกกดดันไม่น้อย!