WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2579
ตอนที่ 2,579 : ขอบเขตเซียนอมตะสวรรค์และขอบเขตจินเซียนทั้ง 7 ขั้น
พอต้วนหลิงเทียนคิดว่า เขาได้ทำชิ้นส่วนโลหะแตกหักประหลาดนั่นหล่นไว้บนระนาบเหยียนหวง เพราดันหมดสติไปตอนที่ถูกชักนำขึ้นสวรรค์นั้น…สีหน้าเขาก็เปลี่ยนสีไปอย่างมาก ในใจยังบังเกิดความรู้สึกไม่ยินยอมถึงขีดสุด!
ซัว! ซัว! ซัว!
…
ขณะเดียวกันนั้นเองสำนึกเทวะทั้ง 7 สายก็บรรลุถึงร่างต้วนหลิงเทียนเรียบร้อย และกำลังกวาดผ่านไปยังดวงจิตต้วนหลิงเทียน!
เพื่อหยั่งถึงแรงต้านทานของพลังวิญญาณต้วนหลิงเทียน เป็นการระบุระดับพลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียน!
‘หืม?’
และในขณะที่สำนึกเทวะทั้ง 7 สายกำลังจะสัมผัสถูกดวงจิตต้วนหลิงเทียนนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันต้องประหลาดใจเพราะเขาพบว่า…
สำนึกเทวะทั้ง 7 สายนั่น ไม่ได้ล่วงล้ำเข้ามาสัมผัสพลังวิญญาณในดวงจิตเขาแต่อย่างใด มันกลับสลายหายไปก่อนถึงดวงจิตเขาอย่างประหลาด ราวกับพวกมันจมจ่อมลงสู่ทะเลลึก!
แน่นอนว่าเขาสัมผัสได้ชัดเจน
ไม่ใช่ทั้ง 7 นั่นเป็นฝ่ายถอนรั้งสำนึกเทวะกลับคืน แต่มีบางสิ่งที่อยู่ใกล้ๆดวงจิตเขาได้กลืนกินสำนึกเทวะของพวกมันไปอย่างหิวกระหาย!
‘นั่นมัน’
และพอต้วนหลิงเทียนส่องภายใน หมายดูว่าที่ดวงจิตเขามีอะไร ต้วนหลิงเทียนก็พบเห็นได้ทันที
ด้านข้างดวงจิตเขาตอนนี้ กลับมีชิ้นส่วนโละไม่สมบูรณ์นั่นลอยล่องอยู่ แถมยังแผ่แสงลี้ลับออกมาเป็นวงกว้าง!
ไม่ว่าสำนึกเทวะของทั้ง 7 จะแผ่พุ่งมาเพียงใด ก็ล้วนถูกแสงลี้ลับดังกล่าวดูดกลืนจนเกลี้ยง!
‘มันมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!?’
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจทั้งดีใจอย่างมาก เมื่อพบว่าชิ้นส่วนโลหะไม่สมบูรณ์ไม่เพียงแต่ไม่หายไปไหน กลับมาอยู่อาศัยข้างๆดวงจิตเขา และคอยปกป้องดวงจิตเขาราวกับผู้พิทักษ์!
และยังตกใจนักที่เขาไม่ทันรู้เรื่องเลย ว่าชิ้นส่วนโลหะนี่มันเข้าไปอยู่ข้างดวงจิตเขาได้อย่างไร แล้วไฉนเขาถึงไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย…
อย่างไรก็แล้วแต่ นับว่าโชคดีมากที่มันไม่ตกร่วงหลุดมือเขาไปไหนตอนเขาหลับไหลไม่ได้สติ!
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนทั้งยินดีทั้งประหลาดใจสงสัยนั้นเอง
ตัดกลับมาทางด้านชายทั้ง 7 ในชุดเกราะสีเงินที่หมายแผ่สำนึกเทวะมาตรวจสอบพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียน แต่สุดท้ายกลับไม่อาจตรวจได้ เพราะสำนึกเทวะของพวกมันไม่ว่าจะแผ่ไปเท่าไหร่ก็หายเกลี้ยง ทำให้พวกมันอดไม่ได้ที่จะหันหน้ามามองกันอย่างแตกตื่น พูดอะไรไม่ออกไปพักหนึ่ง…
หลังผ่านไปราวๆ 10 ลมหายใจ ก็มีชายคนหนึ่งกลืนน้ำลายกล่าวออกด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ “เจ้าหน้าใหม่ที่พึ่งขึ้นมานี่…หรือมันจะเป็นเซียนอมตะเสเพลที่พึ่งกลายเป็นจินเซียน?”
เมื่อรวมกับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนทำลายกระบวนท่าที่หวังเวยใช้พลังทั้งหมดออกได้อย่างง่ายดาย เข้ากับเรื่องที่พวกมันแผ่สำนึกเทวะออกไปมากเท่าไหร่ก็ไม่อาจหยั่งถึงก้นบึ้งพลังฝึกปรือต้นหลิงเทียนได้ราวโยนหินจมทะเล
พวกมันก็ได้แต่คิดไปว่าต้วนหลิงเทียนก็คือเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ตอนอยู่ในระนาบโลกียะ!
ตอนนี้พอขึ้นมายังระนาบเทวโลก จึงกลายเป็นจินเซียน!
วินาทีนี้ดูเหมือนพวกมันจะลืมเลือนไปเสียสิ้น…
ว่าสระที่อยู่เบื้องหน้าของมัน ก็คือสระกำเนิดเซียนอมตะ ซึ่งมีไว้สำหรับเปลี่ยนครึ่งก้าวเซียนอมตะที่พึ่งขึ้นมายังระนาบเทวโลกให้กลายเป็นเซียนอมตะสวรรค์เท่านั้น!
ส่วนสระที่มีไว้รองรับเหล่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่พึ่งขึ้นมายังหลิงหลัวเทียนจากระนาบโลกียะนั้น เป็นอะไรที่แตกต่างจากสระเบื้องหน้าอย่างสิ้นเชิง เพราะมันไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนเซียนอมตะเสเพล 9ทัณฑ์ให้กลายเป็นจินเซียนเท่านั้น แต่ยังสร้างร่างเนื้อให้ใหม่อีกด้วย ทำให้ไม่ต้องอยู่ในร่างพลังวิญญาณอีกต่อไป!!
“จินเซียน? เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้!!”
“ใช่! อย่าได้ลืมไปว่าตรงหน้าเรามิใช่สระกำเนิดจินเซียน ที่มีไว้รองรับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่ขึ้นมาจากระนาบโลกียะ…แต่เป็นแค่สระกำเนิดเซียนอมตะ ที่ไว้รองรับครึ่งก้าวเซียนอมตะจากระนาบลียะที่ขึ้นมาเท่านั้น…และหากมันตื่นขึ้นจากสระนี้ ย่อมหมายความว่ามันเป็นเพียง ‘เซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดง’ ไม่ผิดแน่!!”
“เซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดงกลับทรงพลังขนาดนี้…หมายความว่าวรยุทธ์กับเวทย์พลังที่มันพึ่งใช้ออกมาไม่ง่ายเลย”
“สามารถทำให้เซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดงคนหนึ่ง เอาชนะหวังเวยที่เป็นเซียนอมตะสวรรค์จันทร์น้ำเงินได้อย่างราบคาบ ก็บอกให้รู้แล้วว่าเวทย์พลังกับวรยุทธ์เซียนอมตะที่มันใช้ออกน่ากลัวปานใด!”
“ดูเหมือนว่ามันจะมาจากมหาอำนาจที่ใดสักแห่ง…”
…
เหล่าชายในชุดเกราะอีก 6 คนที่คัดค้านการคาดเดาของชายในชุดเกราะสีเงินที่คาดเดาออกมาตอนแรก ไม่มีใครคิดว่าชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าจะเป็นจินเซียนไปได้
ส่วนไฉนที่สำนึกเทวะของพวกมันไม่อาจแผ่ไปหยั่งตื้นลึกหนาบางอีกฝ่ายได้นั้น พวกมันคิดว่าบางทีอีกฝ่ายอาจล่วงรู้วีปกปิดพลังบ่มเพาะ…
วิธีการที่ว่า ไม่ใช่ว่าจะไม่มีในระนาบเทวโลก
“ววรยุทธ์เซียนยอมตะ? เวทย์พลัง?”
ได้ยินวาจาสนทนากันจากทั้ง 7 หวังเวยที่แขนขาขาดไปอย่างละข้าง พอมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้งในแววตาก็อดไม่ได้ที่จะฉายชัดถึงความโลภ
อย่างไรก็ตามพอมันเห็นต้วนหลิงเทียนปรายตามองมา มันก็เร่งก้มหัวลงไปทันที แต่อย่างไรเสียความโลภในแววตาก็ยังไม่จางหาย กลับกันยิ่งเพิ่มมากขึ้น
เซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดงคนหนึ่ง เพียงใช้ออกด้วยเวทย์พลังกับวรยุทธ์เซียนอมตะ กลับสยบตัวมันที่เป็นเซียนอมตะสวรรค์จันทร์น้ำเงินที่ใช้ทุกสิ่งได้อย่างราบคาบ…
มีพลังอำนาจสยบข้ามไปหลายขีดขั้นนัก!
ด้วยเหตุนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าวรยุทธ์เซียนอมตะ ทั้งเวทย์พลังแต่ละสายที่อีกฝ่ายครอบครองมีพลังอานุภาพสูงล้ำขนาดไหน!!
“เซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดง? เซียนอมตะสวรรค์จันทร์น้ำเงิน?”
ตอนนี้เองด้านต้วนหลิงเทียนก็หายใจเสียเพราะคิดว่าทำชิ้นส่วนโลหะไม่สมบูรณ์ร่วงตกไว้ในระนาบโลกียะเรียบร้อย
เขาที่หันไปมองร่างในชุดเกราะสีเงินทั้ง 7 ข้างหวังเวยคุยกันได้สักพัก ก็อดไม่ได้ที่จะโค้งคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยหลังได้ยินคำบางคำ “ที่พวกมันพูด…คือระดับพลังบ่มเพาะในระนาบเทวโลกงั้นเหรอ?”
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะรู้มาว่า ทันทีที่ครึ่งก้าวเซียนอมตะขึ้นสู่ระนาบเทวโลก จะได้กลายเป็นเซียนอมตะสวรรค์
กระทั่งล่วงรู้ว่าหากเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ขึ้นสู่ระนาบเทวโลกจะกลาบเป็น จินเซียน
ทั้งรู้ว่าขอบเขตจินเซียนคือขอบเขตพลังถัดจากเซียนอมตะสวรรค์
แต่เขาไม่ทราบขีดขั้นพลังยิบย่อยที่อยู่ในด่านพลังเซียนอมตะสวรรค์หรือด่านพลังจินเซียนเลย…
“เจ้า…เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ระดับพลังในระนาบเทวโลกเรียกว่าอันใด?”
เมื่อพวกมันได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ไม่เพียงแต่หวังเวยที่ก้มหน้าอยู่จะตะลึงจนเงยหน้าขึ้นมา อีก 7คนในชุดเกราะสีเงินก็อึ้งไปไม่ต่าง…
ยิ่งไปกว่านั้นดูจากสีหน้าท่าทีของต้วนหลิงเทียนแล้ว เหมือนจะถามออกมาเพราะไม่รู้จริงๆ
“ปกติแล้ว…หากมันมาจากมหาอำนาจใดสักแห่งจริง เรื่องพื้นฐานอย่างขอบเขตขีดขั้นพลังพวกนี้ มันไหนเลยจะยังไม่รู้ได้?”
“เป็นไปไม่ได้เลยที่อัจฉริยะจากขุมพลังยักษ์ใหญ่หรือมหาอำนาจจักไม่ล่วงรู้แม้แต่เรื่องงระดับพลังพื้นฐาน!”
“เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงประการเดียวเท่านั้น…ตอนมันอยู่ในระนาบโลกียะ ไม่พ้นต้องได้เคยผจญภัยจนได้รับวาสนาอย่างวรยุทธ์กับเวทย์พลังนั่นโดยบังเอิญ!”
…
ไม่นานชายในชุดเกราะสีเงินทั้ง 7 ก็เริ่มหารือกัน
สุดท้ายพวกมันก็เห็นพ้องต้องกันเป็นเอกฉันท์
ว่าชายหนุ่มชุดม่วงที่พึ่งขึ้นสวรรค์มาใหม่คนนี้ สิบในสิบล้วนเป็นอัจฉริยะที่เคยพบพานวาสนาโดยบังเอิญในระนาบโลกียะ! และสมควรไร้ภูมิหลังยิ่งใหญ่อันใดสิบส่วนเต็ม!!
เรียกว่ามองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สายตาของพวกมันก็เริ่มเปี่ยมไปด้วยความโลภ!
“ขอบเขตเซียนอมตะสวรรค์นั้น สามารถแบ่งย่อยได้เป็น 7 ขั้น…และถูกเรียก 7 ขั้นเซียนอมตะสวรรค์”
ไม่นานชายวัยกลางคนในชดเกราะสีเงินก็เริ่มกล่าวอธิบายออกมาให้ต้วนหลิงเทียนฟัง
“ด่านพลังเซียนอมตะสวรรค์ทั้ง 7 ขั้นนั้นถูกแบ่งออกเป็น เซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดง เซียนอมตะสวรรค์จันทร์แสด เซียนอมตะสวรรค์จันทร์เหลือง เซียนอมตะสวรรค์จันทร์เขียว เซียนอมตะสวรรค์จันทร์น้ำเงิน เซียนอมตะสวรรค์จันทร์คราม และสุดท้ายก็คือเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วง…ซึ่งมันจะสอดคล้องกับระดับพลัง เซียนอมตะเสเพล 3 4 5 6 7 8 9 ทัณฑ์ในระนาบโลกียะ”
‘หืม? จันทร์แดง…ด้านหลังคือสีรุ้งงั้นเหรอ?’
ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้นเล็กน้อยหลังได้ยินคำอธิบายของชายวัยกลางคนเกราะสีเงิน
หากเป็นแบบนั้น 7 ขั้นของของเขตเซียนอมตะสวรรค์ก็จำได้ไม่ยาก
“เป็นธรรมดาว่าแม้ระดับพลังของเซียนอมตะสวรรค์ทั้ง 7 ขั้น กับเซียนอมตะเสเพล ตั้งแต่ 4 ทัณฑ์จนไปถึง 9 ทัณฑ์จะสอดคล้องกัน แต่พลังความแข็งแกร่งหาได้ทัดเทียมกันไม่!”
“นั่นเพราะเหล่าเซียนอมตะเสเพลในระนาบโลกียะของพวกเจ้ามันไร้ร่างเลือดเนื้อ…พวกมันไม่อาจแบกรับแรงกดดันที่จะเกิดขึ้นหลังพวกมันใช้ทักษะจากระนาบเทวโลก อย่างวรยุทธ์เซียนอมตะและเวทย์พลังได้”
เสียงอธิบายของชายวัยกลางคนยังคงดังสืบต่อ “ด้วยเหตุนี้จึงมีเซียนอมตะสวรรค์จันทร์เขียวที่เชี่ยวชาญวรยุทธ์เซียนอมตะทั้งเวทย์พลังระดับทั่วไปของระนาบเทวโลกมากมาย ที่มีพลังทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ในระนาบโลกียะ!”
“ถึงแม้เซียนอมตะสวรรค์จันทร์เขียวนั้นจะมีระดับพลังสอดคล้องกับเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ก็ตามที…”
กล่าวถึงจุดนี้ชายวัยกกลางคนในชุดเกราะสีเงินก็หยุดลงครู่หนึ่ง สายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นเร่าร้อน กล่าวสืบต่อว่า…
“ตัดสินจากความแข็งแกร่งของเจ้าเมื่อครู่ แม้ตอนนี้ตัวเจ้าจะเป็นแค่เซียยนอมตะสวรรค์จันทร์แดงเท่านั้น…แต่ตอนอยู่ในระนาบโลกียะ เจ้าคงฆ่าได้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!!”
“เพราะระดับพลังที่เจ้าใช้ออกตอนทำลายแขนขาหวังเวยเมื่อครู่ มันเทียบได้กับจินเซียนตะวันแสด ที่มิได้ใช้วรยุทธ์เวทย์พลังทั้งยอดสมบัติสวรรค์ใดๆ!”
“จินเซียนตะวันแสด?”
ต้วนหลิงเทียนแปลกใจเล็กน้อย
“ดุจเดียวกับขอบเขตเซียนอมตะสวรรค์ ขอบเขตจินเซียนเองก็ถูกแบ่งออกเป็น 7 ขั้น เรียกว่า 7 ขั้นจินเซียน ได้แก่…จินเซียนตะวันแดง จินเซียนตะวันแสด จินเซียนตะวันเหลือง จินเซียนตะวันเขียว จินเซียนตะวันน้ำเงิน จินเซียนตะวันคราม จินเซียนตะวันม่วง!”
ชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีน้ำเงินที่เห็นต้วนหลิงเทียนทำหน้าสงสัย ก็กล่าวอธิบายออกมาเพิ่มเติมทันที “หวังเวยยามลงมือเต็มกำลัง ความแข็งแกร่งของมันที่เผยออกก็เทียบได้กับจินเซียนตะวันแดงที่มิได้ใช้วรยุทธ์เวทย์พลังทั้งยอดสมบัติสวรรค์”
“สิ่งนี้เผยให้เห็นว่าเจ้าที่พึ่งจะบรรลุถึงขอบเขตเซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดงได้ไม่ทันไร แต่กลับมีพลังฝีมือทัดเทียมได้กับตัวตนขอบเขตจินเซียนตะวันแสด! และนั่นหมายความว่าในยามที่เจ้ายังเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะในระนาบโลกียะ พลังฝีมือของเจ้าก็สมควรร้ายกาจถึงขั้นทัดเทียมจินเซียนตะวันแดง! แน่นอนว่าจินเซียนตะวันแดงที่ข้าพูดถึงตอนนี้คือจินเซียนตะวันแดงที่ไม่ใช่วรยุทธ์เวทย์พลังทั้งยอดสมบัติสวรรค์ใดๆ…”
ประโยคท้าย ชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีเงินจงใจกล่าวเพิ่มออกมาเป็นพิเศษ
ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ทันที
‘หวังเวยเป็นเซียนอมตะสวรรค์จันทร์น้ำเงิน…ส่วนอีก 7 คนที่เหลือตัดสินจากสำนึกเทวะ ด่านพลังของพวกมันสมควรเป็น เซียนอมตะสวรรค์จันทร์น้ำเงิน5 คน ส่วนอีก 2 คนเป็นเซียนอมตะสวรรค์จันทร์คราม’
เพราะตอนที่ทั้ง 7 แผ่สำนึกเทวะมาตรวจสอบพลังฝึกปรือของเขา ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ชัดเจนว่าสำนึกเทวะของพวกมัน 5 สายมีระดับทัดเทียมกับพลังวิญญาณของเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ ส่วนอีก 2 สายเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์…
ในทำนองเดียวกัน นั่นก็คือ เซียนอมตะสวรรค์จันทร์น้ำเงิน และเซียนอมตะสวรรค์จันทร์คราม!
‘กล่าวได้ว่า…ในบรรดาพวกมันทั้ง 7 มี 5 คนที่พลังฝีมือทัดเทียมหวังเวย กับอีก 2 คนที่มีพลังฝีมือเหนือกว่าหวังเวย’
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมตระหนักเรื่องดังกล่าวได้ไม่ยาก
“พวกเจ้าเป็นใคร?”
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องไปยังชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีเงิน เอ่ยถามด้วยสงสัย
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าสถานที่แห่งนี้คือสระกำเนิดเซียนอมตะ แต่เขาไม่รู้เลยว่าคนที่มารอรับตัวคนจากสระกำเนิดเซียนอมตะไปลงทะเบียนอย่างพวกมันเป็นใคร…