WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2583
ตอนที่ 2,583 : ไม่ตายไม่เลิกรา!
ด้านต้วนหลิงเทียนในตอนนี้นั้น มือข้างหนึ่งของเขาถือดาบ ส่วนอีกข้างถือกระบี่…
และกระบี่กับดาบในมือเขาทั้ง 2 ข้าง ล้วนแล้วแต่เป็นยอดสมบัติสวรรค์ของไป่ฟูฉางแห่งทัพมังกรเงินทั้งสิ้น!
“นี่มันอะไรกันแน่!?”
“กระบี่กับดาบนั่น…มิใช่ศาสตราเซียนอมตะของพวกท่านไป่ฟูฉางทั้งหรือ?”
…
จังหวะนี้ไม่เพียงแต่ไป่ฟูฉางทั้ง 2 ที่ตกตะลึง กระทั่งสือฟูฉางทั้ง 8 แห่งทัพมังกรเงินก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปจนพูดอะไรไม่ออก
เพราะพวกมันคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
ว่าอยู่ๆ ไฉนยอดสมบัติสวรรค์คู่กายประจำตำแหน่งของไป่ฟูฉางทั้ง 2 ถึงไปอยู่ในมือชายหนุ่มชุดม่วงที่พึ่งขึ้นสวรรค์มาผู้นั้นได้?
ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนเมื่อครู่จะเป็นชายหนุ่มชุดม่วงที่พึ่งขึ้นสวรรค์มาคนนี้ ใช้ออกด้วยยอดสมบัติสวรรค์ทั้ง 2 แก้ไขสถานการณ์คับขัน กระทั่งพลิกกลับเป็นฝ่ายมีเปรียบ!
ฉากเรื่องราวสุดท้ายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แม้จะไม่ชัดเท่าไหร่ แต่พวกมันยังพอเห็นได้ลางๆ…
หากไม่ใช่เพราะชายหนุ่มชุดม่วงนั่นหยุดค่ายกลกระบี่ด้วยเจตจำนงของตัวเอง ไป่ฟูฉางทั้ง 2 ของทัพมังกรเงินพวกมันต้องตกตายไปแล้วแน่ๆ!
“เจ้า…เอายอดสมบัติสวรรค์ของพวกเราไปได้อย่างไรกัน!?”
ไป่ฟูฉางแห่งทัพมังกรเงินในรูปลักษณ์ชายวัยกลางคน เบิกตากลมโตมองต้วนหลิงเทียนด้วยความเหลือเชื่ออึ้งทึ่ง!
มาตอนนี้ต่อให้มันหัวช้าแค่ไหนก็ต้องรู้ตัว!
ว่าพลังลึกลับที่อยู่ๆก็ปรากฏขึ้นฉกชิงศาสตราเซียนอมตะคู่กายไปหน้าตาเฉยนั่น! สมควรเป็นการลงมือขอชายหนุ่มชุดม่วงที่พึ่งขึ้นสวรรค์คนนี้มาเป็นแน่! หาไม่แล้วศาสตราเซียนอมตะคู่กายของพวกมันคงไม่วิ่งโร่ไปเข้ามืออีกฝ่ายแบบนี้!!
“เจ้าใช้วิชาผีสางอันใดกันแน่?!”
ไป่ฟูฉางแห่งทัพมังกรเงินทีแลดูหนุ่มแน่น ยามมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สองตาของมันก็เร่าร้อนปานเพลิงไฟ ยังเป็นเปลวไฟแห่งความโลภที่ลุกโชนเร่าๆ!
ราวกับมันลืมเลือนไปหมดสิ้นแล้ว…
ว่าหากเมื่อครู่ไม่ใช่เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนหยุดมือ มันคงตายตกไร้ศพให้กลบฝัง!
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนเพิกเฉยคำถามของไป่ฟูฉางทั้ง 2 และกล่าวออกมาเสียงเรียบว่า
“ถึงแม้ข้าจะรู้ดีว่าที่พวกเจ้าคิดช่วยชีวิตข้าเป็นเพราะต้องการวรยุทธ์เซียนอมตะทั้งเวทย์พลังที่ข้ามี…แต่ในเมื่อพวกเจ้าไม่ได้มีใจคิดฆ่าข้า เช่นนั้นข้าก็ไม่คิดฆ่าเจ้า…”
“ส่วนยอดสมบัติสวรรค์ 2 ชิ้นนี่…ถือซะว่าเป็นค่าทำขวัญให้ข้าแล้วกัน”
ต้วนหลิงเทียนพอกล่าวจบคำ เขาก็หันไปมองรอบๆ และเตรียมจะเหินร่างจากไป ไม่แยแสอะไรไป่ฟูฉางทั้ง 2 และสือฟูฉางทั้ง 8 แห่งทัพมังกรเงินอีกเลย…
แต่ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะเหินร่างจากไปนั้นเอง
“ไอ้หนู! หยุด!!”
เป็นไป่ฟูฉางแห่งทัพมังกรเงินที่มีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่ม มองจ้องด้านหลังต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย ตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “ถึงแม้เจ้าจะมีศาสตราเซียนอมตะอยู่ในมือ…แต่เจ้าคิดจริงๆหรือว่าพวกเราสิ้นท่าแล้ว?”
“อย่าได้ลืมไปเสียเล่า…ว่าเจ้ายังเป็นแค่เซียนอมตะสววรรค์จันทร์แดงที่พึ่งขึ้นมายังหลิงหลัวเทียน! บางทีด้วยวรยุทธ์เซียนอมตะกับเวทย์พลังทั้งหลายที่เจ้ามี รวมถึงยอดสมบัติสวรรค์ของพวกเราที่เจ้าชิงไป อาจทำให้เจ้าสำแดงพลังจู่โจมที่เหนือล้ำกว่าระดับพลังของพวกเราได้…”
“แต่เจ้าก็เพียงเอาชนะพวกเราได้ในทางกายภาพเท่านั้น! หากพวกเราลงมือเล่นงานจิตวิญญาณของเจ้า ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่เก่งเรื่องใช้ทักษะวิญญาณหรืออำนาจจิตอันใด แต่อาศัยแค่ใช้พลังวิญญาณกระแทกวิญญาณเจ้าอย่างโง่งม ด้วยพลังวิญญาณระดับเซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดงอ่อนด้อยนั่น…เจ้าได้ตายแน่!!”
“เช่นนั้น…ข้าแนะนำให้เจ้าส่งมอบยอดสมบัติสวรรค์ทั้ง 2 คืนพวกเรามาเสีย! อีกทั้งยอมตามพวกเรากลับไปค่ายทัพมังกรเงินแต่โดยดี!!”
กล้าวถึงช่วงท้ายของประโยค น้ำเสียงของชายหนุ่มผู้เป็นไป่ฟูฉางแห่งทัพมังกรเงินก็เต็มไปด้วยการข่มขู่ ราวกับจะลงมือเล่นงานต้วนหลิงเทียนทันทีหากเขาไม่เห็นด้วยกับมัน!
“ใช่…ไฉนข้าถึงได้ลืมเลือนไปได้! พวกเรายังสามารถใช้การโจมตีทางวิญญาณจัดการมัน!!”
พอได้ยินวาจาของไป่ฟูฉางหนุ่ม หวังเวย สือฟูฉางของทัพมังกรเงินพลันทำตาลุกวาวขึ้นมาประหนึ่งดวงดาราสุกสกาวกลางฟ้าในยามค่ำคืน!
“จริงด้วย ทั้งหมดเป็นเพราะการลงมือของมันทรงพลังเกินไป จนทำให้พวกเราลืมไปเสียสนิทว่าอย่างไรมันก็แค่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดงเท่านั้น! ด้วยระดับพลังของมันจิตวิญญาณยังอ่อนแออยู่นัก แค่พวกเราคนใดคนหนึ่งอาศัยการใช้พลังวิญญาณกระแทกดวงจิตมันตรงๆ ไม่ต้องใช้ทักษะหรืออำนาจจิตอันใด มันก็รับไม่ไหวแล้ว!!”
“ในบรรดาพวกเรา 8 คน ผู้ที่อ่อนแอสุดอย่างไรก็มีพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนอมตะสวรรค์จันทร์น้ำเงิน…ด้วยระดับพลังวิญญาณของเซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดงย่อมไม่มีทางต่อต้านได้เลย!”
“หากไป่ฟูฉางทั้ง 2 ใช้พลังวิญญาณทำร้ายมันจริง…ข้าเกรงว่าวิญญาณเจ้าหนุ่มที่พึ่งขึ้นสวรรค์มาผู้นี้ได้แตกสลายในพริบตาแน่!”
…
ตอนนี้เหล่าสือฟูฉางทั้ง 7 เองก็รู้สึกตัวแล้วเหมือนกัน พอพวกมันมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาไม่เพียงไม่เหลือความหวาดกลัวยำเกรงอีกต่อไป เริ่มมีความทะนงถือดีเข้ามาแทนที่
“โจมตีทางวิญญาณ?”
ได้ยินคำของไป่ฟูฉางหนุ่ม ต้วนหลิงเทียนพลันหยุดร่างลง กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมยว่า “เจ้าคิดจะลงมือเล่นงานข้าด้วยพลังวิญญาณก็เอาที่เจ้าสบายใจ…”
“แต่…ข้าบอกไว้ก่อน ว่าทันทีที่เจ้าโจมตีข้าด้วยพลังวิญญาณเมื่อไหร่ ระหว่างข้ากับเจ้า…ไม่ตายไม่เลิกรา”
“ถึงตอนนั้นระหว่างข้ากับเจ้า ไม่มีเหลือที่ว่างสำหรับการประนีประนอมอะไรอีกต่อไป…”
ว่าจาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกแม้จะพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมยไม่ยินดียินร้ายใดๆ หากแต่พอมันดังเข้าหูผู้คนจากทัพมังกรเงิน ไม่ทราบเพราะอะไรกลับฟังแล้วเย็นชานัก พาลให้พวกมันรู้สึกเสมือนร่วงตกลงไปในหล่มน้ำแข็ง…
“เสแสร้งแสดงลึกลับ!”
ไป่ฟูฉางหนุ่มแห่งทัพมังกรเงินรู้สึกตัวก่อนใคร มันแสยะยิ้มกล่าวเย้ยออกมาด้วยน้ำเสียงขบขัน “ไอ้หนู! เจ้าคิดจริงๆหรือว่าอาศัยวาจาทำเป็นวางมาดลี้ลับเช่นนี้แล้วข้าจักกลัวจนไม่กล้าลงมือกับเจ้า?”
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ไป่ฟูฉางหนุ่มแห่งทัพมังกรเงินเท่านั้นที่บังเกิดความคิดดังกล่าว…
ไม่ว่าจะเป็นไป่ฟูฉางอีกคน หรือกระทั่งสือฟังฉางทั้ง 8 ของทัพมังกรเงินก็รู้สึกไม่ต่าง
แม้จะเป็นเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงที่อ่อนด้อยที่สุด แต่หากใช้การโจมตีทางวิญญาณก็สามารถเข่นฆ่าเซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดงได้ในชั่วพริบตา…
เนื่องเพราะระดับพลังวิญญาณของทั้งคู่แตกต่างกันมากเกินไป!
เหลื่อมล้ำกันถึง 6 ขีดขั้น!
อย่างไรก็ตาม พอได้ยินวาจาของไป่ฟูฉางหนุ่มของัทพมังกรเงิน ต้วนหลิงเทียนเพียงคลี่ยิ้มเหยียดหยามออกมาที่มุมปาก คนก็คล้ายกลับกลายเป็นสายลมหอบหนึ่ง พัดเหินออกไปอีกครา
ในตอนที่ยังอยู่ในระนาบโลกียะ ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยโดนเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ใช้ทักษะวิญญาณเล่นงานเขาเสียหน่อย…
อย่างไรก็ตาม มันไม่อาจทำอะไรเขาได้เลย…
ถึงแม้ว่าพลังฝึกปรือของไป่ฟูฉางทั้ง 2 จะเหนือกว่าเขา 6 ขีดขั้นก็จริง แต่การโจมตีทางวิญญาณของพวกมัน ก็ไม่ใช่ว่าจะแข็งแกร่งไปกว่าการโจมตีทางวิญญาณของเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นใช้ออก!
เขายังต้องกลัวด้วย?
“ไอ้หนู! ตายเสีย!!”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนเพิกเฉยวาจา ยังกล้าหันหลังจากไปอย่างไม่เห็นหัวมัน ไป่ฟูฉางหนุ่มแห่งทัพมังกรที่หัวร้อนเป็นทุน ก็ชักหน้ามืดดำคล้ำถมึงทึง สองตาทอประกายเยียบเย็นเรืองวาบ ปรากฏแสงสลัวหนึ่งผุดพุ่งออกมาจากหว่างคิ้ว!
แสงสลัวที่ผุดวาบออกมาจากหว่างคิ้วและพุ่งไปนั้น เป็นพลังวิญญาณที่มันยิงออกมาด้วยบันดาลโทสะ!
ซัว!!
พลังวิญญาณที่ยิงพุ่งออกไปของมัน พุ่งทะยานตัดอากาศข้ามฟ้าไปฉับไว เพ่งเล็งไปยังต้วนหลิงเทียนดั่งเนื้อเน่าโร่หากระดูกผุ กระชั้นเข้าใกล้ต้วนหลิงเทียนมากขึ้นทุกขณะ!
“หาที่ตาย!”
แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่ไป่ฟูฉางหนุ่มยิงพลังวิญญาณออกมา ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักถึงมันได้ทันที ร่างเขาหยุดลงอีกครั้งสีหน้าเริ่มมืดลง แค่นสบถเสียงเย็นคำหนึ่ง ก็ลงมือสวนไปทันที!
“ค่ายกลกระบี่!”
“13 กระบี่บงกชฟ้า!”
รังสีกระบี่เปล่งวาบออกมาจากกระบี่เซียนอมตะในมือต้วนหลิงเทียน ค่อยไปหลอมรวมเข้ากับรังสีกระบี่นับพันที่ปะทุออกมาจากทั่วร่าง
ทันใดนั้นรังสีกระบี่มากมายก็ควบรวมก่อเกิดค่ายกลกระบี่อีกครั้ง ยังพุ่งเข่นฆ่าทำลายออกไป โดยมีรังสีกระบี่อีกโหลทะยานไล่หลัง!
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! วู้มมม!!
…
หลังค่ายกลกระบี่ถูกรังสีกระบี่นับโหลไล่หลังมาทันและผสานรวมเข้าด้วยกัน พลังอำนาจของค่ายกลกระบี่ก็ทะยานสูงขึ้นอีกครา และคล้ายจะมีพลังอำนาจทำลายล้างสรรพสิ่งที่บังขวาง ประหัตประหารไปทางไป่ฟูฉางหนุ่มแห่งทัพมังกรเงิน ที่หาญกล้าใช้พลังวิญญาณจู่โจมใส่ต้วนหลิงเทียนทันที!!
“หึ! ถึงแม้กระบวนท่านี้ของเจ้าจะรุนแรงทั้งร้ายกาจ แต่ก็เป็นไปมิได้ที่จะฆ่าข้าในคราเดียว! เลิกหวังว่าจะตกตายไปพร้อมกับข้าได้เลย!!”
ไป่ฟูฉางหนุ่มแห่งทัพมังกรเงินแสยะยิ้มออกมาเยือกเย็นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับค่ายกลกระบี่ของต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ทำราวกับมันคาดเดาไว้แล้วว่าต้องเกิดเหตุการณ์รูปนี้!
“อย่างมากข้าก็แค่บาดเจ็บสาหัส…แต่เจ้าได้ตายแน่!!”
ตะคอกกล่าวจบคำ สีหน้าไป่ฟูฉางหนุ่มแห่งทัพมังกรเงินก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจัง มันปะทุพลังชั่วชีวิตที่โคจรสั่งสมมาแต่แรกออก และมวลพลังมหาศาลของมันคล้ายมีอำนาจแห่งทวยเทพหนุนเสริม เริ่มควบรวมก่อเกิดม่านพลังหนาเตอะดั่งกำแพงแกร่งโปร่งแสงเบื้องหน้า!
ม่านพลังที่มองไปไม่ต่างกำแพงแสงหนาเตอะเบื้องหน้า เพียงมองก็ให้ความรู้สึกทนทานไม่อาจบุกฝ่า!
ในห้วงเวลาสำคัญ มันที่เตรียมพร้อมแต่แรกก็ได้ใช้ทักษะป้องกันทั้งหมดที่มีออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
อีกทั้งหลังจากได้ใช้ออกด้วยทักษะป้องกันเท่าที่จะทำได้แล้ว มันก็ไม่เลินเล่อย่ามใจ ยังเร่งเร้าพลังใช้ออกด้วยกระบวนท่าจู่โจมด้วยพลังที่เหลือทั้งหมด! หมายใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปต้านทานค่ายกลกระบี่อันดุดันของต้วนหลิงเทียนอีกทาง!!
จากการลงมือของมันอย่างมีแบบแผนแน่ชัด เผยให้เห็นว่าไป่ฟูฉางหนุ่มแห่งทัพมังกรเงินได้เตรียมตัวพร้อมพรั่งแต่แรก!
เพราะหากมันไม่เตรียมตัวให้พร้อม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของต้วนหลิงเทียน มันได้ตายแน่!
ทว่าตอนนี้มันที่เตรียมการมาพร้อมสรรพ อย่างมากก็แค่บาดเจ็บสาหัส!
“ให้ข้าดูว่าเจ้าตายยังไง!!”
หลังจากได้ลงมือออกไปด้วยทุกสิ่งที่ตระเตรียมไว้ ไป่ฟูฉางหนุ่มของทัพมังกรเงิน ก็มองจ้องไปยังกระแสวิญญาณที่มันยิงออกไปก่อนหน้า และตอนนี้กระแสพลังวิญญาณดังกล่าวก็พุ่งชำแรกเข้าร่างต้วนหลิงเทียนไปแล้ว!!
ปากมันเริ่มคลี่ยิ้ม
ทำราวกับได้เห็นฉากที่ดวงจิตต้วนหลิงเทียนแตกสลาย เพราะถูกพลังวิญญาณของมันเจาะทำลาย สุดท้ายวิญญาณภายในดวงจิตก็แหลกสลายเป็นเสี่ยงๆ…
ส่วนอีกด้านนั้น
เผชิญหน้ากับกระแสพลังวิญญาณที่ไป่ฟูฉางหนุ่มยิงพุ่งเข้ามา ต้วนหลิงเทียนยังแลดูสงบเฉยเมย ราวกับไม่ได้เป็นคนที่กำลังจะถูกพลังวิญญาณเล่นงานแม้แต่น้อย…
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
เพราะหลังจากที่พลังวิญญาณของไป่ฟูฉางหนุ่มแห่งทัพมังกรเงิน ชำแรกเข้าร่างต้วนหลิงเทียนมาอย่างง่ายดายราวอุกาบาตทะลวงใบไม้แห้งกรอบ และกำลังปรี่ตรงเข้าหาดวงจิตต้วนหลิงเทียนหมายเจาะทำลายวิญญาณเขาให้แหลกนั้น…
พริบตาที่กระแสพลังวิญญาณดังกล่าวเข้าใกล้ดวงจิต ฉากที่ต้วนหลิงเทียนคาดไว้ ก็อุบัติขึ้น…
เขาเห็นชัดว่าชิ้นสวนโลหะไม่บูรณ์ที่อยู่ข้างๆดวงจิต ได้ระเบิดแสงลี้ลับออกมาเป็นวงกว้าง
และกระแสวิญญาณที่ปรี่ตรงเข้ามาอย่างเกรี้ยวกราด ก็จมหายไปในแสงลี้ลับดังกล่าวอย่างไร้ร่องรอย ราวกับมันไม่เคยปรากฏมาก่อน…
แต่ต้นจนจบดวงจิตต้วนหลิงเทียนไม่ได้รับผลกระทบใดๆทั้งสิ้น
“การโจมตีทางวิญญาณของเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงหรือ…มันก็เท่านั้น!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงรังเกียจ พลางแสยะยิ้มเย้ยหยันมองไป่ฟูฉางหนุ่มแห่งทัพมังกรเงินด้วยสายตาเฉยเมยไร้อารมณ์ราวกับกำลังมองคนตาย!
“ปะ…เป็นไปได้ยังไง!?”
ไป่ฟูฉางหนุ่มแห่งทัพมังกรเงินที่คิดว่ากำชัยไว้ในมือ พอเห็นว่าการโจมตีด้วยพลังวิญญาณของมัน ไม่อาจเอาชีวิตต้วนหลิงเทียนได้ ลูกตาของมันก็หดหยีลงทันใด แลดูตกใจเหลือเชื่อราวกับเห็นผี!
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
…
ขณะเดียวกันเสียงดังสนั่นปานฟ้าลั่นพลันอุบัติขึ้นถี่ยิบ! เป็นค่ายกลกระบี่ของต้วนหลิงเทียนได้เริ่มปะทะเข้ากับกระบวนท่าจู่โจมและม่านพลังป้องกันดั่งกำแพงหนาของไป่ฟูฉางแห่งกองทัพมังกรเงินในรูปลักษณ์ชายหนุ่ม!!