WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2593
ตอนที่ 2,593 : ต้วนหลิงเทียน เซียนอมตะสวรรค์จันทร์น้ำเงิน!
“โลกใบเล็กนั่น…หายไปแล้วงั้นเหรอ?”
หลังจากที่รอให้อาการบาดเจ็บฟื้นฟูอยู่พักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนที่ค่อยๆลุกขึ้นมา กวาดตามองไปในหุบเขารอบหนึ่ง ก็ค้นพบเรื่องดังกล่าว
แต่แน่นอนว่าเขาไม่อาจยืนยันได้ว่าโลกใบเล็กหายไปแล้วจริงๆหรือไม่
สิ่งเดียวที่เขามั่นใจก็คือประตูทางเข้าโลกใบเล็กมันได้หายไปแล้ว!
“เค่อเอ๋อ…เสี่ยวเฟยเอ๋อ…เทียนหวู่…”
พอนึกถึงภรรยาทั้ง 2 และสตรีคนรักที่ยึดถือเป็นภรรยาไปแล้วในใจ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดขึ้นมา
เพราะสุดท้ายแล้วตอนนี้ทั้ง 3 เป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ และยังรอให้เขาไปช่วยเหลืออยู่ในดินแดนแห่งทวยเทพ…
แต่เขาดันมาข้องแวะกับสตรีอื่น!
เขาย่อมรู้สึกผิดเป็นธรรมดา
ครู่ต่อมาหลังขจัดความรู้สึกผิดออกไปและสีหน้ากลับมาสงบเหมือนเดิม ต้วนหลิงเทียนก็เร่งเร้าพลังขึ้นมา หมายออกจากหุบเขาแห่งนี้และย้อนกลับไปยังเมืองเฉวี่ยโยว
“เอ๋?”
ทว่าในขณะที่เร่งเร้าพลังเตรียมเหินร่างกลับนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนถึงกับต้องชะงักไปด้วยความประหลาดใจ เพราะเขาพบว่า…
พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างของเขาตอนนี้…มันแตกต่างจากก่อนหน้าลิบลับ!
ราวกับจะยกระดับพัฒนาไปหลายขั้น!
“ด่านพลังบ่มเพาะของข้า…เป็นไปได้ยังไง…มันกลับก้าวหน้าไปถึง 4 ขีดขั้น…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?”
หลังจากลองตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันได้
ด่านพลังบ่มเพาะของเขาตอนนี้ ทะลวงมาถึงขอบเขตเซียนอมตะสวรรค์จันทร์สีน้ำเงินแล้วจริงๆ!
เทียบกับเซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดงในตอนแรก เรียกว่าก้าวหน้ามาถึง 4 ขั้น!
‘ก่อนที่สติข้าจะดับวูบไป ข้ามั่นใจมากว่าระดับพลังของข้ายังเป็นแค่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดงเท่านั้น…อีกทั้งระดับพลังวิญญาณของข้าก็ไม่ได้สูงถึงขอบเขตเซียนอมตะสวรรค์จันทร์น้ำเงินแบบในตอนนี้แน่นอน!’
‘หรือว่า…เรื่องที่พลังฝึกปรือของข้าจะก้าวหน้าขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว จะเกี่ยวข้องกับการที่สติของข้าดับไป…หรือว่าการหลับนอนกับนางจะทำให้ระดับพลังฝึกปรือของข้าก้าวหน้า?’
พอนึกถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุด
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เรื่องที่พลังฝึกปรือของเขาก้าวหน้าขึ้นพรวดพราด สิบส่วนเต็มต้องเกี่ยวข้องกับสตรีลึกลับนางนั้นอย่างแยกไม่ออก!
ทันใดนั้นเขาอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความสงสัย ในใจปรากฏกร่างสตรีงดงามนามมู่หรงปิงที่แสนเย็นชาขึ้น ‘นาง…นางเป็นใครกันแน่?’
‘อย่าว่าแต่เมืองเฉวี่ยโยวเลย…กระทั่งให้เป็นมณฑลจิ่วโยว ก็เกรงว่ายากจะหาตัวตนที่ทรงพลังทัดเทียมนางใช่ไหม?’
เมืองเฉวี่ยโยวนั้น อยู่ภายใต้การปกครองของมณฑลจิ่วโยว
และภายใต้การปกครองของมณฑลจิ่วโยวนั้น นอกจากเมืองเฉวี่ยโยวแล้ว ยังมีอีก 8 เมืองที่คล้ายๆกับเมืองเฉวี่ยโยว
9 เมืองรวมไปถึงเมืองเฉวี่ยโยวนั้น ตั้งอยู่ล้อมรอบเมืองประจำมณฑลจิ่วโยวเอาไว้ดั่งดาวล้อมเดือน
และ 9 เมืองไม่เว้นเมืองเฉวี่ยโยวก็จำต้องส่งหินเซียนไปยังเมืองประจำมณฑลจิ่วโยวทุกปี เพื่อรับความคุ้มครอง
เรื่องทั้งหมดต้วนหลิงเทียนปะติดปะต่อเอาตอนที่นั่งฟังเรื่องราวในเหลา
ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีความเข้าใจในมณฑลจิ่วโยวระดับหนึ่ง และประเมินได้ว่าในมณฑลจิ่วโยว ไม่น่าจะมีตัวตนที่ทรงพลังทัดเทียมมู่หรงปิง!
‘หากตอนนั้นข้าไม่สิ้นสติไป…ข้าคงรู้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และต้องรู้ได้ไม่ยากว่าเพราะอะไรพลังฝึกปรือของข้าถึงได้ก้าวหน้าถึง 4 ขั้นแบบนี้’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
แต่เป็นธรรมดาว่าเขารู้ดีว่าเรื่องนี้ได้แต่คิด และไม่มีวันเกิดขึ้นจริง!
เพราะตอนนั้นหากเขาไม่ขาดสติล่ะก็ เขาไม่มีวันแตะต้องมู่หรงปิงแน่นอน+ เพราะเขาไม่อยากก่อหนี้รักโดยใช่เหตุ!!
อย่างไรก็ตามในเมื่อตอนนี้อีกฝ่ายก็กลายเป็นเมียเขาไปแล้ว ในฐานะลูกผู้ชายเขาย่อมต้องรับผิดชอบนางเป็นธรรมดา!
อย่างที่เขาพูดไว้ก่อนหน้า
สตรีที่เขาต้วนหลิงเทียนนอนด้วย เป็นได้แค่ผู้หญิงของเขาต้วนหลิงเทียนเท่านั้น!
‘ในเมื่อคิดไปก็ยากจะหาข้อสรุป งั้นก็ช่างมันเถอะ…ยังไงเสียนี่ก็เป็นเรื่องดีสำหรับข้า’
หลังขบคิดอยู่นานแต่ก็หาสาเหตุอื่นไม่ได้ ว่าไฉนระดับพลังฝึกปรือเขาถึงก้าวหน้าขึ้นมาคราเดียว 4ขั้นขณะหมดสติ ต้วนหลิงเทียนก็เลิกคิด และเร่งเร้าพลังออกมา
‘ตอนนี้ไปค่ายทัพมังกรดำก่อนแล้วกัน’
‘ด้วยป้ายแม่ทัพป้ายนี้ หากประกาศไม่หลอกลวงข้าก็สามารถเข้ารับตำแหน่งแม่ทัพของกองทัพมังกรดำได้ทันที คราวนี้ข้าก็จะได้เข้าใช้สถานที่บ่มเพาะที่ใกล้จุดที่มีสภาพแวดล้อมบ่มเพาะดีเป็นอันดับ 2ของเมืองเฉวี่ยโยว…’
‘พอระดับพลังฝึกปรือสูงขึ้นกว่านี้อีกเล็กน้อย ค่อยขยับขยายและหาทางไปเมืองประจำมณฑลจิ่วโยวและหาลู่ทางก้าวหน้าอีกที ต้องมีสักวันที่ข้าสามารถข้ามผ่านหลิงหลัวเทียนได้! ’
ขณะที่คาดหวังในใจ สองตาต้วนหลิงเทียนก็ฉายประกายมุ่งมั่นนัก
แต่ทุกเรื่องราวไม่อาจกระทำได้ในชั่วข้ามคืน ระยะทางหมื่นลี้ยังเริ่มที่ก้าวแรก…
เรื่องดังกล่าวต้วนหลิงเทียนที่ไต่เต้ามาจากจุดต่ำสุดในระนาบเซียนจนมีอย่างทุกวันนี้ได้ รู้ดีแก่ใจ!
สิ่งที่เขาต้องทำในเวลานี้ก็คือหาสถานที่ๆมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะดีที่สุดและทรัพยากรบ่มเพาะเท่าที่จะหาได้ ยกระดับพลังตัวเองให้ก้าวหน้าแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว
เขามีเวลาแค่พันปีเท่านั้น
กาลเวลาพันปีแม้ฟังดูยาวนาน หากแต่ต้วนหลิงเทียนรู้ดี
ว่าระยะเวลาพันปีบนระนาบเทวโลกไม่อาจนับเป็นอะไรได้เลย ยอดฝีมือบางคนปิดด่านบ่มเพาะพลังทีจะกินเวลายาวนานนับร้อยปีกระทั่งหลายพันปีก็ไม่ถือว่าแปลก!
เช่นนั้นเวลาพันปีในแดนสวรรค์ ไม่ถือว่านาน!
ซู่มม!
เสียงแหวกอากาศรุนแรงดังขึ้น ต้วนหลิงเทียนได้ใช้พลังทั้งหมดออกเดินทางกลับ! เป้าหมายของเขาก็คือค่ายทัพมังกรดำ!!
และด้วยความกระตือรือร้น ไม่ใช่แค่เร่งเร้าพลังทั้งหมดเท่านั้น ต้วนหลิงเทียนยังใช้ค่ายกลกระบี่และเวทย์พลังเท่าที่มีอีกด้วย!
กระทั่งกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่ซ่อนอยู่ในร่างเขา คราวนี้ก็เอาออกมาใช้! ทั้งหมดต้วนหลิงเทียนทำเพื่อรับทราบขอบเขตพลังสามารถสูงสุดของตัวเอง เพราะตอนนี้ระดับพลังของเขาพึ่งยกระดับมาอย่างก้าวกระโดด จึงต้องปรับตัวให้เข้ากับพลังสูงสุดที่มี!
การเหินร่างทะยานข้ามฟ้าของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ยังรวดเร็วเหนือกว่าตัวตนขอบเขตจินเซียนส่วนใหญ่เสียอีก เรียกว่าหากไม่ใช้เวทย์พลังทั้งวรยุทธ์และยอดสมบัติสวรรค์ ต่อให้เป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตจินเซียนตะวันม่วง ก็ยังมีความเร็วไม่เท่าเขา!
“ค่ายของกองทัพมังกรดำ!”
ด้วยความเร็วดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ไม่นานเขาก็มาถึง แนวเทือกเขาที่ทอดยาวไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเฉวี่ยโยว
กองทัพมังกรดำตั้งค่าอยู่ที่นี่ และสถานที่แห่งนี้ก็คือ 1 ใน 2 สถานที่ๆมีสายแร่หินอมตะของเมืองเฉวี่ยโยว!
เหตุผลที่กองทัพมังกรดำมาตั้งค่ายที่นี่ก็เพื่อปกป้องสายแร่หินอมตะดังกล่าว!
สำหรับสายแร่หินอมตะอีกสายนั้น ได้รับการปกป้องจากกองทัพมังกรเงิน!
‘สมแล้วที่เป็นพื้นที่ละแวกสายแร่หินอมตะ…กลิ่นอายพลังวิญญาณฟ้าดินแถวนี้หนาแน่นกว่าที่อื่นจมหูเลย’
ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างกลางฟ้าไม่ไกลจากแนวเทือกเขา พอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังวิญญาณฟ้าดินจากพื้นที่เบื้องหน้า ก็อดระบายลมหายใจออกมายืดยาวไม่ได้
‘พื้นที่รอบๆยังขนาดนี้…แล้วกระโจมของผู้บัญชาการที่ตั้งอยู่บนใจกลางสายแร่หินอมตะทั้งมีค่ายกลรวมพลังวิญญาณฟ้าดินเล่า มันจะมีพลังวิญญาณฟ้าดินหนาแน่นขนาดไหนกัน?’
คิดถึงจุดนี้สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายเจิดจ้าปานดวงดาวกลางฟ้ายามค่ำคืน
“เจ้าเป็นผู้ใด! ไฉนกล้าบุกรุกเข้ามาในอาณาเขตกองทัพมังกรดำของเรา?!”
ในขณะที่สองตาต้วนหลิงเทียนกำลังลุกวาวอยู่นั้น พลันมีเสียงดุดันหนึ่งดังขึ้นก้องฟ้า ดึงความสนใจต้วนหลิงเทียนไปทันที
จากนั้นในสายตาต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นร่าง 11 ร่างในชุดเกราะสีดำเหินขึ้นฟ้ามาแต่ไกล และพริบตาก็มาหยุดล้อมเขาเอาไว้
วัยกลางคนในชุดเกราะสีดำคนหนึ่ง ที่คล้ายหัวหน้าของคนทั้ง 11 มองจ้องเขาด้วยสายตาแหลมคม
‘สือฟูฉางแห่งทัพมังกรดำงั้นเหรอ?’
เมื่อมองไปยังสัญลักษณ์บริเวณอกของชายวัยกลางคนดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนหยีตาเล็กน้อย ลอบคาดเดาฐานะของมันในใจ
ไฉนเขาเดาไปแบบนั้น นั่นเป็นเพราะสัญลักษณ์บริเวณอกของชายวัยกลางคนผู้นี้ เหมือนกับสือฟูฉางของทัพมังกรเงินไม่มีผิดเพี้ยน ต่างก็แค่สีชุดเกราะเท่านั้น!
และด้วยข้อมูลที่ได้ฟังมาจากเสี่ยวเอ้อในเหลาอาหาร ก็ไม่ยากที่เขาจะล่วงรู้ฐานะของมัน
“นำข้าไปพบผู้บัญชาการของพวกเจ้า”
ต้วนหลิงเทียนที่ถูกทหารทัพมังกรดำ 11 คนปิดล้อมไม่ได้แลดูหวั่นไหวอะไร สีหน้ายังคงสงบ ให้ความรู้สึกสบายๆราวเมฆลมเคลื่อนคล้อย มองถามชายวัยกลางคนที่เป็นสือฟูฉางออกไปเสียงเรียบ
“มาพบท่านบูบัญชาการ! ท่านเป็นผู้ใด รู้จักท่านผู้บัญชาการของพวกเราด้วยหรือ?”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ลูกตาสือฟูฉางวัยกลางคนแห่งทัพมังกรดำก็หดเล็กลงอดถามไม่ได้
น้ำเสียงกล่าวถามยังฟังรื่นหูขึ้นไม่น้อย
มันเป็นแค่สือฟูฉางของทัพมังกรดำ หากชายหนุ่มเบื้องหน้ารู้จักกันกับผู้บัญชาการของกองทัพมันจริงๆล่ะก็ อีกฝ่ายก็ไม่ใช่ตัวตนที่มันจะล่วงเกินได้เลย
ไม่เพียงแต่มันไม่อาจล่วงเกิน
กระทั่งหัวหน้ามันอย่างไป่ฟูฉางแห่งทัพมังกรดำ ก็ไม่อาจล่วงเกินได้ หรือแม้กระทั่งหัวหน้าของหัวหน้ามันอีกทีอย่างเชียนฟูฉ่าง อันเป็น 1 ใน 10 แม่ทัพของกองทัพมังกรดำก็ไม่อาจล่วงเกินได้
ขวับ!
ต้วนหลิงเทียนคร้านกล่าวใดให้มากความ เพียงยกมือขึ้นหยิบป้ายประจำตำแหน่งแม่ทัพของกองทัพมังกรดำที่พบเจอในโลกใบเล็กของหลวงจีนขอบเขตราชาอมตะแห่งนิกายสราญรมย์ออกมา
เมื่อเรียกป้ายดังกล่าวมาถือแล้ว ต้วนหลิงเทียนยังส่ายไปส่ายมาอย่างจงใจให้ทุกคนเห็นชัด
“ป้ายประจำตำแหน่งแม่ทัพ!”
เห็นป้ายในมือต้วนหลิงเทียน ไม่เพียงแต่ลูกตาของสือฟูฉางวัยกลางคนแห่งทัพมังกรดำจะหดเล็กลง กระทั่งพลทหารอีก 10 คนที่เหลือก็อดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสี!
ครู่ต่อมาสายตาที่พวกมันใช้มองต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปทันที
“ใต้เท้า เชิญทางนี้”
ชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีดำอันเป็นสือฟูฉางของทัพมังกรดำประสานมือโค้งคารวะต้วนหลิงเทียนคราหนึ่ง ค่อยผายมือเป็นการเชื้อเชิญ
จากนั้นสือฟูฉางของทัพมังกรดำวัยกลางคน ก็เหินร่างนำต้วนหลิงเทียนลงไป
พลทหารอีก 10 คนก็เหินร่างตามต้วนหลิงเทียนมาไม่ห่าง
พวกมันมองแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาหลากอารมณ์พักหนึ่ง ค่อยหันมาส่งเสียงผ่านพลังคุยกัน
“นี่ ป้ายแม่ทัพในมือมัน…เหมือนจะเป็นป้ายของท่านแม่ทัพที่ว่ากันว่า ตกตายในแถบเทือกเขาทางตอนใต้ของเมืองเฉวี่ยโยวเราเมื่อเดือนก่อนนู้นใช่หรือไม่?”
“ไม่ผิดแน่! นอกจากป้ายของแม่ทัพท่านนั้นแล้ว ป้ายที่เหลือสมควรเป็นท่านแม่ทัพทั้ง 9 พกติดตัวเอาไว้ไม่ห่าง ไหนเลยจะไปอยู่ในมือคนนอกได้!!”
…