WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2613
ตอนที่ 2,613 : สมปรารถนา
‘เซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ที่พึ่งขึ้นมายังหลิงหลัวเทียนเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับมีพลังอ่อนด้อยกว่าข้าเพียงแค่เล็กน้อยงั้นหรือ!?’
หลังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากกระบี่เล่มเขื่องของต้วนหลิงเทียน ลูกตาของเหมียวไหลหลงผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงินถึงกับหดเล็กลงอย่างแรง ในใจยังสะท้านไปด้วยความแตกตื่นไม่น้อย!
‘มิน่าแปลกใจเลยที่ไฉนกงผิงมิใช่คู่มือของมัน…พลังของมันหากเทียบกับข้าแล้วก็ต่างกันแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น!’
เหมียวไหลหลงลอบกล่าวในใจ
กงผิงที่มันว่า ก็คือหยางกงผิงนั่นเอง
เหมียวไหลหลงที่เดิมทีคิดออมรั้งยั้งมือในห้วงเวลาสุดท้าย ยามนี้ค่อยตระหนักได้ว่ามันไม่จำเป็นต้องออมรั้งยั้งมือใดๆทั้งสิ้น!
เพราะถึงมันจะไม่ยั้งมือ แต่ก็ยากจะฆ่าอีกฝ่ายได้ในกระบวนท่าเดียว!
วันนี้ถึงแม้เหมียวไหลหลงจะเดินทางออกจากค่ายทัพมังกรเงินด้วยโทสะ และเมื่อครู่ก็ลงมือด้วยความโกรธจนดูเหมือนลืมเลือนเรื่องจับเป็นต้วนหลิงเทียนไปหมดสิ้น แต่ที่จริงแล้วใจมันยังไม่คิดฆ่าต้วนหลิงเทียนจริงๆ…
มันแค่อยากจับตัวต้วนหลิงเทียนไปยังค่ายทัพมังกรเงินเพื่อให้น้องสาวมันได้ระบายโทสะใส่ต้วนหลิงเทียน จากนั้นค่อยทรมานบีบคั้นให้อีกฝ่ายส่งมอบวรยุทธ์อมตะเวทย์พลังทั้งเคล็ดวิชาที่ต้วนหลิงเทียนมี!
เซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ ที่ขึ้นมายังหลิงหลัวเทียนได้แค่ครึ่งเดือน…ต่อให้มีพรสวรรค์แค่ไหนอย่างดีก็เป็นได้แค่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์แสด! แต่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์แสดผู้หนึ่งยามลงมือเต็มกำลังกลับมีพลังอันน่ากลัวถึงขนาดนี้!?
ในระนาบเทวโลกแล้ว ตัวตนที่กระทำเช่นนี้ได้สมควรเป็นยอดคนไม่ใช่หรือ?
ในเวลาชั่วพริบตา เหมียวไหลหลงเองก็ครุ่นคิดอะไรได้มากมาย สีหน้าแววตาดุร้ายของมันยิ่งมายิ่งฉายให้เห็นถึงความตื่นเต้นอันยากจะปกปิด
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นเอง ดาบอันมีแสงพลังมหึมาฉาบเคลือบของเหมียวไหลหลง ก็ได้ปะทะเข้ากับกระบี่เล่มเขื่องอันเป็นค่ายกลกระบี่ของต้วนหลิงเทียนเข้าอย่างจัง!
ยามพลังอำนาจสองขุมปะทะกัน สรรพเสียงคล้ายดับไปวูบหนึ่ง!
จากนั้นไม่ทันไร
เปรี๊ยงงงงงง!!
ซู่มมมม!!!
…
เสียงระเบิดสนั่นปานจะสะท้านสะเทือนปฐพีพลันดังขึ้น เป็นพลังที่อัดแน่นไว้ในดาบแสงของเหมียวไหลหลงกับพลังในกระบี่เล่มเขื่องของต้วนหลิงเทียนได้ปะทะหักหาญกันอย่างรุนแรง!!
แรกต้านทานชิงชัย พลังทั้ง 2 ขุมก็แลดูจะทัดเทียมกัน!
แต่แล้วพลังที่บรรจุไว้ในกระบี่เล่มเขื่องของต้วนหลิงเทียนคล้ายอ่อนด้อยกว่าเล็กน้อย จึงค่อยๆตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ!
“ไอ้หนู เจ้าพึ่งขึ้นมายังหลิงหลัวเทียนได้แค่ครึ่งเดือน แต่เจ้ากลับทำให้ข้าเหมียวไหลหลงผู้นี้จำต้องใช้พลังทั้งหมด…วันนี้ต่อให้เจ้าแพ้พ่าย เจ้าก็จงแพ้พ่ายอย่างภาคภูมิใจเสียเถอะ!!”
เสียงเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจของเหมียวไหลหลงดังขึ้นเขาหูต้วนหลิงเทียน ทำราวกับมันเป็นฝ่ายกำชัยไว้แน่นอนแล้ว!
“ใครจะแพ้…ยังไม่แน่นักหรอก”
แต่พอเสียงมั่นใจของเหมียวไหลหลงดังจบไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนที่แต่เดิมแลดูจริงจังก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที
“หืม!?”
พอได้ยินเสียงกล่าวกลั้วหัวเราะของต้วนหลิงเทียน ทั้งเห็นรอยยิ้มบางๆที่คลี่กางบนใบหน้าต้วนหลิงเทียน ในใจเหมียวไหลหลงพลันบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นมาทันใด ‘อะไร…หรือไอหนูนี่มันยังมีดีอะไรอีก’
“ฮึ่ม! เสแสร้งแสดงลึกลับ!!”
ถึงแม้ในใจจะบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลจนนหวั่นๆ แต่เหมียวไหลหลงยังคงปากแข็ง กล่าวโพล่งออกมาราวกับต้วนหลิงเทียนก็แค่กำลังแสดงวางมาดลึกลับ!
“อ้อ…หรือว่า…ลูกน้องเจ้าไม่ได้กล่าวเตือนเอาไว้ ว่าอย่าได้ใช้ศาสตราเซียนอมตะต่อหน้าข้า?”
ร้อยยิ้มบางๆบนใบหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแสยะในฉับพลัน!
และขณะเดียวกันนั้นเองกระบี่เล่มเขื่องที่เกิดจากรังสีกระบี่นับพันๆผสานเป็นค่ายกล ก็ได้เปล่งกลิ่นอายพลังลี้ลับขุมหนึ่งออกมาอย่างพอดิบพอดี พลังลี้ลับดังกล่าวยังกำจายออกไปเป็นวง กินอาณาบริเวณกว้างขวางในชั่วพริบตา!
“หมื่นศาสตราสยบ!!”
กลิ่นอายพลังลี้ลับดังกล่าวแน่นอนว่าได้ปกคลุมร่างเหมียวไหลหลงรวมถึงดาบเซียนอมตะในมือมันเอาไว้ด้วย
และทันใดนั้น ดาบเซียนอมตะในมือของเหมียวไหลหลง หลังโดนพลังลี้ลับปกคลุมมันก็คล้ายพยัคฆ์เกรี้ยวกราด! แผลงฤทธิ์อาละวาดจนง่ามมือของเหมียวไหลหลิงปริฉีก ก่อนที่จะถูกพลังลี้ลับดังกล่าวฉุดดึงไปยังกระบี่เล่มเขื่องของต้วนหลิงเทียน ผสานกลายเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลทันที!!
“นะ…นี่มัน! ดะ…ได้อย่างไร!?”
“ไฉน…เป็นเช่นนี้ไปได้!?”
จนเมื่อดาบเซียนอมตะในมือพุ่งหลุดลอยไป พร้อมกับง่ามมือปริฉีกเลือดพุ่งสั่นระริก เหมียวไหลหลงจึงได้สติกลับมาอีกครั้ง ตอนนี้สีหน้าท่าทีของมันเต็มไปด้วยความตกใจทั้งเหลือเชื่อ ประหนึ่งพบพานภูตผีกลางวันแสกๆ!
จังหวะนี้มันพึ่งนึกขึ้นได้ว่า…
เมื่อครึ่งเดือนที่แล้วตอนที่หยางกงผิงน้องเขยของมันมาเล่าให้มันฟัง…ถึงเรื่องเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่นั้น อีกฝ่ายได้บอกไว้แล้ว…ว่าเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ผู้นี้กลับมีวรยุทธ์อมตะแปลกพิสดารสามารถช่วงชิงศาสตราเซียนอมตะของผู้อื่นได้หน้าตาเฉย!
อย่างไรก็ตามตอนนั้นมันคิดว่า เป็นเพราะไป่ฟูฉางของหยางกงผิงอ่อนด้อยเอง ถึงได้ถูกพรากอาวุธไปจากมือเช่นนั้น…
แต่ตอนนี้ดูเหมือนเรื่องราวจะไม่ใช่อย่างที่มันคิด!
ต้วนหลิงเทียนผู้นี้มีทักษะพิสดารสามารถช่วงชิงอาวุธผู้อื่นได้อย่างเหนือคาดจริงๆ!!
ตูมมมม!!
ครืนนนน!!
…
เดิมทีพลังในดาบแสงของเหมียวไหลหลงเหนือกว่าเล็กน้อย แต่พอต้วนหลิงเทียนชิงศาสตราเซียนอมตะของมันมา เช่นนั้นแสงพลังของมันก็อ่อนโทรมลงไปในฉับพลัน!
ครู่ต่อมาแสงดาบของมันก็ถูกบดขยี้อย่างราบคาบ!!
ตูมมมม!!
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น เป็นแสงดาบของเหมียวไหลหลงแพ้พ่าย ทั้งกระบี่เล่มเขื่องของต้วนหลิงเทียนยังฟันฟาดทำลายม่านพลังที่ฉาบคลุมไว้ทั่วกายของเหมียวไหลหลงจนแตกระเบิด ซัดร่างมันปลิวกระเด็น!
“อั๊คคค—”
ระหว่างที่เหมียวไหลหลงถูกซัดจนร่างปลิดปลิวไปราวลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร คนยังกระอักโลหิตออกมาเป็นสาย!
แต่ทันใดนั้นเองมันที่พึ่งจะฝืนหยุดร่างลงอย่างยากลำบากไม่ทันได้ตั้งตัว ในหูก็ได้ยินเสียงแหวกฝ่าสายลมอันฉับไวหนึ่ง!
‘แย่แล้ว!!’
สีหน้าของเหมียวไหลหลงเปลี่ยนไปในฉับพลัน ในใจยังบังเกิดความหวาดผวาขึ้น
ฟุ่บบ!!
ร่างต้วนหลิงเทียนวูบมาปรากฏอยู่ไม่ห่างมันราวภูตผี!!
รอบกายยังมีรังสีกระบี่นับพันส่องแสงสว่างดั่งดาราระยิบระยับ อีกทั้งรังสีกระบี่แต่ละสายยังแผ่กลิ่นอายเพ่งเล็งมาที่มัน!!
ราวกับรังสีกระบี่นับพันสายที่ปกคลุมทั่วร่างต้วนหลิงเทียนได้เล็งจุดชีวิตของมันเอาไว้หมดแล้ว!!
“หากเจ้ากล้า ก็ฆ่าข้าเสีย…แต่ถึงตอนนั้นเจ้าเมืองเฉวี่ยโยวจักไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!!”
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เหมียวไหลหลงก็หวนคืนสู่ความสงบ มันมองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวออกเสียงเข้ม
ด้านต้วนหลิงเทียน เพียงเหลือบมองไปยังเหมียวไหลหลง
แม้ตอนนี้เหมียวไหลหลงจะดูเหมือนสงบ แต่เขายังแลเห็นความหวาดกลัวที่ผุดขึ้นมาในส่วนลึกของแววตาอีกฝ่ายชัดเจน
“ส่งมอบเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับเหลืองที่เจ้าฝึกมา…ข้าก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าเจ้าทิ้ง”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกอย่างตรงไปตรงมา
ที่เขามาที่นี่ทั้งหมดเพราะเพื่อเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับเหลืองที่เจ้าเมืองเฉวี่ยโยวมอบให้ผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงินอย่างเหมียวไหลหลง…และนั่นคือเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่มีระดับสูงที่สุดในเมืองเฉวี่ยโยวแล้ว!!
หากเขาสามารถเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาบ่มเพาะนั่นได้ล่ะก็ ไม่เพียงแต่ความเร็วในการบ่มเพาะของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเท่านั้น กระทั่งผลจากเวทย์พลังสนับสนุนอย่างปฐมเวทย์กลืนกินจะสูงขึ้นมากกว่าเดิมเกินหนึ่งขั้นอีกด้วย!!
เพราะสุดท้ายแล้ว อีกาทองคำอย่างผู้เฒ่าหั่วที่เป็นวิญญาณประจำเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็บอกเขาไว้ว่า…
ปฐมเวทย์กลืนกินนั้น ต่อให้เป็นในระนาบเทวโลก แต่มันก็ยังเป็นเวทย์พลังสนับสนุนอันหาได้ยากและน่าทึ่งนัก!
“เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้!!”
สองตาเหมียวไหลหลงเบิกกว้างขึ้นมาทันใด ด้วยไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะต้องการเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่มันฝึกปรืออยู่ จึงส่ายหัวกล่าวปฏิเสธออกไปโดยไม่รู้ตัว
ล้อกันเล่นหรือไร!?
ตอนที่เจ้าเมืองเฉวี่ยโยวมอบเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับเหลืองนี้ให้มัน ยังได้กำชับตักเตือนมันไว้เป็นมั่นเหมาะ…ว่าหากมันกล้าส่งต่อให้ผู้อื่นมันต้องตาย!!
ถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่มันไม่อาจอยู่ในเมืองเฉวี่ยโยวแห่งนี้ได้ กระทั่งในมณฑลจิ่วโยวยังไม่เหลือที่ให้มันยืน!
เพราะนั่นคือกฏที่ถูกกำหนดไว้โดยมณฑลจิ่วโยว กระทั่งเจ้าเมืองเฉวี่ยโยวเองก็ยังต้องกระทำตามกฏของมณฑลจิ่วโยวอย่างไม่มีข้อยกเว้น…
หากส่งมอบเคล็ดวิชาบ่มเพาะออกไป มันต้องตายแน่!!
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว มันไหนเลยจะกล้าส่งมอบเคล็ดวิชาบ่มเพาะออกไป!
ต้องทราบด้วยว่ากระทั่งเป็นน้องสาวที่มันรักและเอ็นดูที่สุด แต่มันยังไม่กล้าจะส่งมอบเคล็ดวิชาบ่มเพาะให้นางเลย!
“เป็นไปไม่ได้?”
ต้วนหลิงเทียนเย้ยเยาะ “เจ้าแน่ใจหรือว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้…หากเจ้าไม่ส่งมอบเคล็ดวิชาบ่มเพาะนั่นมา วันนี้เจ้าตาย!”
“หากข้าส่งมันให้เจ้าข้าก็ตายอยู่ดี!!”
เหมียวไหลหลงตะคอกเสียงหนัก
“เจ้ามอบเคล็ดวิชาบ่มเพาะนั่นให้ข้า หากข้าไม่พูดเจ้าไม่พูดยังจะมีใครล่วงรู้ได้? แล้วนี่เจ้าคิดว่าข้าโง่ถึงขั้นจะเอาเรื่องที่เจ้ามอบเคล็ดวิชาบ่มเพาะให้ข้าไปบอกบุคคลที่สามหรือ? นั่นไม่ใช่ข้ารนหาที่ตายรึยังไง?”
ต้วนหลิงเทียนมองเหมียวไหลหลงพลางกล่าวออกเสียงเรียบ “ข้าจะให้เวลาเจ้า 10 ลมหายใจ…หากครบ 10 ลมหายใจแล้วแต่เจ้ายังไม่คิดมอบมันมาหรือยังตัดสินใจไม่ได้ ข้าจะส่งเจ้าตามทาง!”
ต้วนหลิงเทียนยื่นคำขาดให้เหมียวไหลหลง
“หากเจ้าฆ่าข้า…เจ้าเมืองเฉวี่ยโยวหรือกระทั่งมณฑลจิ่วโยวก็ไม่มีทางละเว้นเจ้าแน่!”
เหมียวไหลหลงกล่าวออกเสียงหนัก
ประโยคนี้ราวกับจะเตือนให้ต้วนหลิงเทียนทราบ ว่าการฆ่ามันก็มีราคาที่ต้องจ่าย!
“แล้วยังไง อย่างมากข้าก็แค่ออกจากมณฑลจิ่วโยวเสีย…เจ้าเองก็รู้ว่าข้าคือผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มา หรือข้ายังต้องกังวลว่าใต้หล้ากว้างใหญ่จะไร้ที่ให้ข้าอยู่?”
ต้วนหลิงเทียนไหนเลยจะหวั่นไหวกับวาจาดังกล่าวของเหมียวไหลหลง
แต่ก็จริงที่เขารู้ดีว่าถ้าฆ่าเหมียวไหลหลงแล้วจะเป็นยังไง
อย่างไรก็ตามพอได้ยินวาจาไร้แยแสดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ใจเหมียวไหลหลงก็สะท้านไปทันใดสีหน้ายังแปรเปลี่ยนกลับกลายไม่หยุด
มันไม่คิดไม่ฝันเลย
ว่ามันที่คิดแย่งชิงวรยุทธ์อมตะ และเวทย์พลังของชายหนุ่มเบื้องหน้า…แต่ไม่เพียงมันจะลงมือไม่สำเร็จ กลับกำลังจะถูกชายหนุ่มเบื้องหน้ารีดไถเคล็ดวิชาบ่มเพาะของมันไปอีก! และจะมอบหรือไม่มอบก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น!!
อย่างไรก็ตามเมื่อต้องเผชิญกับความตายที่อยู่ตรงหน้า มันก็ได้แต่เลือกโอนอ่อน…
“ข้าจะมอบมันให้เจ้า…”
หลังหายใจเข้าไม่กี่ครั้ง ในที่สุดเหมียวไหลหลงก็ยอมจำนน
รอยยิ้มสดใสจึงคลี่กางขึ้นบนใบหน้าต้วนหลิงเทียนทันที
สำเร็จ!
เมื่อได้รับเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับเหลืองจากเหมียวไหลหลงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับมัน เลือกที่จะเหินร่างจากไปทันทีโดยไม่ฆ่ามันทิ้ง
การฆ่าเหมียวไหลหลงแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องยากเย็นสำหรับเขา
แต่หากฆ่าเหมียวไหลหลงทิ้ง ก็เป็นการสร้างปัญหามากมายโดยไม่จำเป็น!
ปัญหาแรกเลยย่อมมาจากเจ้าเมืองเฉวี่ยโยว!
จริงอยู่ที่เขาไม่เกรงกลัวเจ้าเมืองเฉวี่ยโยว
หากเขาใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่อุปกรณ์เทพอีกต่อไป แต่พลังอำนาจของมันก็ไม่ต่างอะไรจากยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุด นั่นมากพอจะทำให้เขาฆ่าเจ้าเมืองเฉวี่ยโยวได้อย่างไร้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม เขาค้องคิดถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นหลังฆ่าเจ้าเมืองเฉวี่ยโยวทิ้งอีกด้วย!
ยอดฝีมือจากมณฑลจิ่วโยวที่จะถูกส่งมาสะสางเรื่องราว อาศัยพลังฝึกปรือเขาในตอนนี้ถึงจะมีกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนก็ยังไม่ใช่คู่มือ…
ดังนั้นแล้วหากเขาฆ่าเหมียวไหลหลงไป อย่าว่าแต่เมืองเฉวี่ยโยว กระทั่งในมณฑลจิ่วโยวเขาก็อยู่ยาก!
เว้นเสียแต่เขาจะเต็มใจใช้ชีวิตในป่าเขา…
แต่ตัวเขาในตอนนี้สามารถไปใช้ชีวิตในที่แร้นแค้นได้หรือ?
เขาต้องการฝึกฝนบ่มเพาะในสถานที่อันมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้!
เพราะมีแต่เป็นแบบนั้น เขาถึงจะยกระดับพลังฝึกปรือได้รวดเร็วที่สุด!!