WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2634
WSSTH ตอนที่ 2,634 : หลุมมังกรซ่อน!
จากนั้นเจิ้งชิวก็เหินนำพาต้วนหลิงเทียนกับฉินอวี่ออกจากคฤหาสน์ของมัน มุ่งหน้าไปยังทางทิศตะวันตกของจวนผู้ว่า
จนในที่สุดเจิ้งชิวก็พามาถึงลานกว้างขวางแห่งหนึ่งทางตะวันตกของจวนผู้ว่า
และในลานศิลาอันกว้างขวางดังกล่าว ยังมีบางสิ่งคล้ายปล่องไฟทรงกระบอกขนาดมหึมาตั้งอยู่ตรงกลาง นอกจากนั้นในลานศิลาโล่งๆรอบๆปล่องททรงกระบอกดังกล่าวก็มีผู้คนอยู่ด้วยไม่น้อย
จากกลิ่นอายเลือดเนื้อที่สดใหม่เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตไม่ต่างอะไรจากต้วนหลิงเทียนนั้น ทำให้ตระหนักได้เรื่องหนึ่ง…
ทุกคนอายุไม่ถึงร้อยปี!
“ทุกคนที่เจ้าเห็นหากไม่เป็นจินเซียนที่มีอายุไม่ถึงร้อยปีจากอีก 8 เมืองในมณฑลจิ่วโยว…ก็เป็นจินเซียนอายุไม่ถึงร้อยที่คัดจากในเมืองประจำมณฑลจิ่วโยวแห่งนี้…”
เจิ้งชิวกล่าวบอกให้ต้วนหลิงเทียนกับฉินอวี่ฟัง
พอได้ยินดังกล่าวต้วนหลิงเทียนกับฉินอวี่ก็ละสายตาจากปล่องทรงกระบอกที่ตั้งอยู่กลางลานศิลาอย่างประหลาด และสนใจร่างคนที่อยู่รอบๆทันที
จึงพบว่า
ในลานศิลากว้างใหญ่ตอนนี้มีคนอยู่ด้วยกันทั้งหมด 12 คน และทุกคนยังมีรูปลักษณ์ชายหนุ่ม แลดูแข็งแกร่งกันทั้งนั้น
“หืม? หน้าใหม่นี่นา…พวกเจ้าเรามีสหายใหม่มาแน่ะ”
เมื่อต้วนหลิงเทียกับฉินอวี่มองไปยัง 12 คนที่อยู่โดยรอบ นอกจาก 8 คนที่กำลังประมือกันอยู่ อีก 4 คนที่เหลือก็สัมผัสได้และหันกลับมามองพวกเขาตอบทันที ยังหันไปบอกสหายที่กำลังประลองกันอยู่อีกด้วย
“เจ้าเห็นปล่องมหึมากลางลานศิลาหรือไม่…นั่นคือสถานที่บ่มเพาะของเจ้าที่ท่านผู้ว่าสร้างให้ และเป็นที่ๆพวกเจ้าจะต้องอาศัยอยู่ตั้งแต่วันนี้
พอได้ฟังคำของเจิ้งชิว ต้วนหลิงเทียนกับฉินอวี่ก็ละสายตาออกมาจากชายหนุ่มเหล่านั้น และมองไปตามสายตาของเจิ้งชิวทันที
จึงพบว่าปล่องทรงกระบอกกลางลานศิลาขนาดใหญ่แห่งนี้ ที่แท้ตรงกลางกลับกลวงเปล่าดั่งหลุมยักษ์
แน่นอนว่าหลุมยักษ์แห่งนี้ดูท่าจะไม่ได้ถูกขุดหลังสร้างลานศิลา…แต่สมควรออกแบบมาเช่นนี้แต่แรก
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ต้วนหลิงเทียนกับฉินอวี่กระโดดขึ้นไปยืนบนขอบปล่องทรงกระบอกมหึมาตามเจิ้งชิว จึงพบว่าที่แท้จุดที่เจิ้งชวมาหยุดยืน ก็คือหัวบันไดเวียนพอดิบพอดี…
เมื่อมาอยู่ตรงหัวบันใดเวียน พอมองลงไปก็จะเห็นบันไดเวียนลงลึกไปใต้ดิน
บันไดเวียนนั้นทอดวนลงไปถึงก้นหลุม และตามรายทางข้างบันใดก็มีห้องหับสร้างเอาไว้
มองกะด้วยสายตาแล้วก็พบว่าในหลุมบันใดเวียนแห่งนี้มีห้องหับมากกว่า 20 ห้อง
“บันใดเวียนนี่มีทั้งสิ้น 900 ขั้น…เมื่อพวกเจ้าเดินลงไปทุกๆ 30 ขั้นจะพบห้องบ่มเพาะห้องหนึ่ง แน่นอนว่าห้องแรกที่พบเจอย่อมมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะแย่ที่สุด หลังเดินลงบันไดไปอีกขั้นจะพบเจอห้องที่ 2 ที่มีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะดีกว่าห้องแรก”
ขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับฉินอววี่กำลังชะเง้อมองลงไป เจิ้งชิวก็กล่าวอธิบายออกมา “ห้องหับข้างบันไดเวียน 900 ขั้นนี้ จึงมีทั้งสิ้น 30 ห้อง…และห้องที่อยู่ด้านล่างสุดก็คือห้องที่มีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะเทียบได้กับสถานที่บ่มเพาะส่วนตัวของท่านผู้ว่าและผู้พิทักษ์โจวทง”
“ส่วนห้องรองสุดท้ายนั่นจะมีสภาพแววล้อมในการบ่มเพาะเทียบได้กับสถานที่บ่มเพาะส่วนตัวของข้า”
“พอเป็นห้องที่ 3 จากล่างสุด ก็จะมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะเทียบได้กับสภาพแวดล้อมในคฤหาสน์ของข้า”
เจิ้งชิวกล่าวถึงจุดนี้ก็หยุดลงเล็กน้อย ค่อยพูดต่อว่า…
“สถานที่แห่งนี้ท่านผู้ว่าเรียกมันว่า ‘หลุมมังกรซ่อน’ เป็นสถานที่บ่มเพาะที่พึ่งถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับพวกเจ้าในขณะที่เหล่าอาวุโสฝ่ายในเดินทางไปรับตัวพวกเจ้ามาที่นี่…และยังเป็นสถานที่บ่มเพาะรวมถึงที่อยู่อาศัยของพวกเจ้าหลังจากนี้อีกด้วย”
“และในสถานที่แห่งนี้ หากพวกเจ้าต้องการสถานที่บ่มเพาะดีๆ เจ้าก็ต้องพึ่งพาพลังฝีมือของตัวเอง…”
“ในหลุมมังกรซ่อนแห่งนี้ ผู้ใดที่มีพลังฝีมือแข็งแกร่งที่สุดย่อมได้รับห้องบ่มเพาะที่อยู่ด้านล่างสุดและดีที่สุดไป! หากพวกเจ้าสามารถเอาชนะผู้ที่ถือครองห้องเดิมได้ พวกเจ้าก็เสมือนนกกางเขนชิงรังพวกมัน!”
…
หลังได้ฟังคำอธิบายของเจิ้งชิว ต้วนหลิงเทียนกับฉินอวี่ก็เข้าใจกฏเกณฑ์ของสถานที่นาม ‘หลุมมังกรซ่อน’ แห่งนี้ทันที
ห้องแต่ละห้องในหลุมมังกรซ่อน อันมีลักษณะเป็นห้องศิลาท่ามกลางบันไดเวียนลึกลงไปใต้ดินแห่งนี้ ยิ่งลงไปลึกมากเท่าไหร่สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะย่อมดีขึ้นเท่านั้น
ที่นี่ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถรับห้องที่มีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้เพียงท้าชิงจากเจ้าของห้องเดิม…
แน่นอนว่าในการท้าชิงห้องหับจากผู้อื่นก็มีกฏกติกาที่กำหนดไว้ชัดเจนอีกด้วย
ผู้ท้าชิงนั้น ทำได้แค่ท้าทายเพื่อช่วงชิงห้องเท่านั้น ไม่อนุญาตให้จงใจทำร้ายหรือรังแกผู้อื่นโดยเจตนาเด็ดขาด!
อีกทั้งผู้ที่ท้าชิงหรือไม่ว่าผู้ถูกท้าชิงก็ตาม ห้ามไม่ให้ฆ่าผู้อื่นหรือทำให้พิการโดยเด็ดขาด!
การตั้งกฏดังกล่าวขึ้นมา ไม่เพียงป้องกันไม่ให้เกิดการกลั่นแกล้งรังแกกันขึ้น แต่ยังป้องกันความวุ่นวายจากการถูกท้าเพื่อก่อกวนอีกด้วย
กล่าวได้ว่าหากพลังฝีมือท่านไม่สูงพอ เกิดคิดกลั่นแกล้งผู้อื่นโดยการไปท้าชิงห้อง ผู้อื่นก็สามารถทุบตีท่านให้ปางตายได้ ขอแค่ท่านไม่พิการหรือตายตกก็พอ…
“หือ? ห้องที่ลึกที่สุดของหลุมมังกรซ่อน…ตราบใดที่สามารถครอบครองห้องที่ว่าได้เป็นเวลา 1 เดือน จะได้รับโอสถทิพย์ระดับต่ำอย่างโอสถเสริมวิญญาณ 3 เม็ดงั้นหรือ?!”
พอได้รู้เรื่องนี้จากปากเจิ้งชิว สองตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมาทันที
ต้องทราบด้วยว่าตอนนี้โอสถเสริมวิญญาณของเขากำลังจะหมดอยู่รอมร่อ! การที่ครอบครองห้องครบเดือนแล้วได้เพิ่ม 3 เม็ดนั่น ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันมาได้ทันเวลาพอดี และเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขาในตอนนี้นัก!!
ฟุ่บ!
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะทักทายร่ำลาอะไรฉินอวี่กับเจิ้งชิวด้วยซ้ำ เขาเลือกจะโดดลงไปยังห้องที่ลึกที่สุดของ หลุมมังกรซ่อนทันที!
“ไอ้หนูนี่มัน…ข้ายังพูดไม่ทันจบเลย!”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนโดดลงไปในหลุมมังกรซ่อนอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ เจิ้งชิวก็ย่อมเดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมาพลางยิ้มขมขื่น
“เอาล่ะฉินอวี่เจ้าก็คงไม่จำเป็นต้องฟังต่อแล้ว…อย่างไรเสียพออยู่ในหลุมมังกรซ่อนนี่ไปสักสิบวันครึ่งเดือน เดี๋ยวเจ้าก็ได้ล่วงรู้ทุกสิ่งเอง เช่นนั้นข้าก็คร้านจะพูดใดให้มากความ”
หลังกล่าวบอกกับฉินอวี่จบคำ ร่างเจิ้งชิวก็เหินขึ้นไปในอากาศ ออกจากหลุมมังกรซ่อนทันที
ตั้งแต่ตอนที่ต้วนหลิงเทียนโดดลงหลุมมังกรซ่อนไป สายตาฉินอวี่ก็มองลงไปในหลุมมังกรซ่อนด้วยความปรารถนาเช่นกัน
แต่เป็นเพราะเจิ้งชิวยังอยู่ มันจึงไม่ได้โดดลงไปทันที…เพราะเห็นแก่หน้าเจิ้งชิว
ตอนนี้พอเจิ้งชิวเหินร่างจากไป ฉินอวี่ก็รอไม่ไหวและโดดลงหลุมมังกรซ่อนตามต้วนหลิงเทียนไปยังชั้นล่างสุดทันที
‘วันนี้หลุมมังกรซ่อนท่าทางจะครึกครื้นน่าดู…’
ด้านเจิ้งชิวหลังออกจากหลุมมังกรซ่อนแล้วก็ลอบกล่าวในใจอย่างสนุกสนาน
มันย่อมรู้ถึงพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนดี
ด้วยเหตุนี้มันเลยไม่คิดจะสงสัยแม้แต่น้อยว่าต้วนหลิงเทียนจะชิงห้องที่อยู่ลึกที่สุดมาได้หรือไม่!
ในสายตาของมัน กระทั่งห้องที่ลึกที่สุดยังถูกสร้างมาให้ต้วนหลิงเทียนโดยเฉพาะ!
เนื่องเพราะมันเดาผลลัพธ์ของเรื่องราวได้แล้ว จึงคร้านจะอยู่รอดูผลอะไร…
ณ หลุมมังกรซ่อน
“เฮ่ เจ้านั่นมันใครกัน?”
“ข้าไม่เคยเห็นมันเลย…หน้าใหม่มั้ง?”
…
ต้วนหลิงเทียนที่โดดลงมายังชั้นล่างสุดของหลุมมังกรซ่อน ย่อมดึงดูดความสนใจของผู้ที่พึ่งออกมาจากห้องศิลาตามบันใดเวียนไม่น้อย
ทุกคนเลยหยุดมองต้วนหลิงเทียน จนกระทั่งร่างต้วนหลิงเทียนโดดลงไปถึงชั้นล่างสุด
และพอถึงชั้นล่างสุด ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองจ้องห้องศิลาเพียงหนึ่งเดียวทันที!
จากนั้นก็ไม่รีรออะไร ยกมือขึ้นสะบัดโบกเบาๆ บังเกิดเป็นคลื่นลมแรงสายหนึ่งพัดกระแทกเข้าใส่ประตูห้องศิลาอย่างจังดังปึง!
“ห้องศิลาห้องนี้ ข้าต้วนหลิงเทียน จะเอา!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกไม่รีบไม่ร้อนแม้ว่าเสียงพูดเขาจะไม่ได้ดังอะไรทั้งยังสงบเฉยเมย หากแต่เต็มไปด้วยความเอาแต่ใจไม่อนุญาตให้ขัดขืน มากล้นไปด้วยความมั่นใจนัก!
ตุบ!
ขณะเดียวกัน ฉินอวี่ที่โดดตามลงมา ก็มาถึงพื้นล่างสุดเหมือนต้วนหลิงเทียนเช่นกัน
“เดี๋ยวๆ…เจ้านั่นมันมาถึงไม่ทันไรก็จะเอาห้องล่างสุดในหลุมมังกรซ่อนเลยเรอะ!”
“จ้าวสวรรค์ช่วย! มันไปเอาความกล้ามาแต่ที่ใดกัน คนที่ครอบครองห้องล่างสุดของหลุมมังกรซ่อนตอนนนี้แม้จะยังมีอายุไม่ถึงร้อยเหมือนพวกเรา แต่พลังฝึกปรือก็ทะลวงถึงจินเซียนตะวันเหลืองแล้ว…นับว่าพลังฝึกปรือเหนือกว่าพวกเรามาก!”
“หน้ามันไม่คุ้นเลย…ดูเหมือนจะพึ่งมาถึงวันนี้”
“เท่าที่ข้ารู้มาตอนนี้เหลือแค่คนจากเมืองเฉวี่ยโยวที่ยังไม่มา…หรือมันจะมาจากเมืองเฉวี่ยโยว?”
…
นอกจากชายหนุ่มที่พึ่งเดินออกมาจากห้องศิลาแล้ว ยังมีชายหนุ่มอีก 2-3 คนที่เปิดประตูห้องศิลาออกมาเพราะได้ยินเสียงอะอะทั้งเสียงท้าของต้วนหลิงเทียนด้านนอก ทำให้พอออกมาพวกมันก็หันไปจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนกับฉินอวี่ที่ชั้นล่างสุดด้วยความสนใจทันที
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
จากนั้นผู้ที่ชมชอบความบันเทิงอยากดูผู้คนต่อยตีกันก็โดดลงไปยังชั้นล่าง ก่อนที่จะไปหยุดยืนที่มุมเดียวกับฉินอวี่ ที่อยู่ห่างจากหน้าห้องล่างสุดมากที่สุดทันที เพื่อรอดูชมเรื่องราว
“เอ๋? สหาย…นี่เจ้าก็พึ่งมางั้นเหรอ?”
ขณะเดียวกันก็มีคนสังเกตเห็นว่าหน้าฉินอวี่ไม่คุ้นเลยเช่นกัน
“สมควรมาพร้อมกับเจ้าชุดม่วงล่ะสิ…เพราะในบรรดาคนทั้งหมดมีแค่พวกเจ้าทั้ง 2 คนเท่านั้นที่หน้าไม่คุ้นเลย พวกเจ้าพึ่งมาจากเมืองเฉวี่ยโยวสินะ…เพราะหากไม่มีข้อผิดพลาดอะไร ป่านนี้คนจากเมืองเฉวี่ยโยวก็น่าจะมาถึงได้แล้ว”
ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวกับฉินอวี่
และคำพูดของมันก็ตรงใจทุกคนในที่นี้ และพอได้เห็นฉินอวี่พยักหน้าเบาๆทุกคนก็เลิกสนใจ หันกลับไปมองต้วนหลิงเทียนที่ท้าชิงห้องอย่างไม่เกรงใจเจ้าของเดิมทันที…
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ครู่ต่อมาเสียงแหวกสายลมก็ดังขึ้นถี่ยิบ
เป็นคนทั้ง 12 คนที่ประมือทั้งนั่งพักอยู่นอกทางเข้าหลุมมังกรซ่อนด้านบนเมื่อครู่ ต่างกระโดดลงมาเพราะได้ยินเสียงอึกทึกกระแทกประตูทั้งคำท้าเมื่อครู่
“เอ๋…เจ้าชุดม่วงนั่น คนที่พึ่งมากับอาวุโสเจิ้งชิวนี่นา?”
“ไม่ผิดแน่ อาวุโสเจิ้งชิวไปรับตัวคนจากเมืองเฉวี่ยโยว…งั้นเจ้าหนุ่มชุดม่วงนี่ก็คือ 1 ใน 2 จินเซียนอายุน้อยกว่าร้อยปีจากเมืองเฉวี่ยโยวนั่นล่ะ”
“ข้าจำได้ว่า…มันก็มาพร้อมกับอีกคนนี่นา อีกคนไปไหนแล้วล่ะ?”
“ยืนเข้มอยู่มุมนู้นไง”
…
ไม่นานสิบสองคนที่พึ่งมาถึงชั้นล่างสุดของหลุมมังกรซ่อนก็หันขวับไปมองทางฉินอวี่ตามที่สหายกล่าว และพวกมันก็จดจำได้ทันที ว่าฉินอวี่เป็นคนที่มาพร้อมกันกับชายหนุ่มชุดม่วงเมื่อครู่จริงๆ
ในขณะที่ฉินอวี่กำลังถูกสายตาหลายคู่มองจ้องนั่นเอง
ครึ่กๆ!!
ครืดดด!!
…
เสียงหนักทึบหนึ่งดังขึ้น เป็นประตูศิลาของห้องศิลาที่อยู่ในชั้นสุดท้ายของหลุมมังกรซ่อน ค่อยๆเลื่อนเปิดออก…
“เจ้า…เป็นคนท้าชิงห้องของข้าเมื่อครู่งั้นรึ?”
หลังประตูศิลาเลื่อนเปิดออกไปครึ่งหนึ่ง เสียงเยียบเย็นไร้ความยินดียินร้ายก็ดังเล็ดลอดออกมาประตูหนาหนักดังกล่าว…
และเมื่อประตูศิลาเลื่อนเปิดออกเต็มที่
ร่างหนึ่งพลันปรากฏสู่สายตาต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ
เป็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาแลดูปานกลาง เรียกว่าหน้าตาของมันไม่ได้มีใดโดดเด่นแม้แต่น้อย หากให้มันไปเดินปะปนในฝูงชน ก็คงยากจะหาตัวได้พบ…
อย่างไรก็ตาม แม้ตอนนี้สีหน้าของมันจะแลดูสงบ ทว่าสายตาที่มันใช้มองต้วนหลิงเทียนนั้น คล้ายฉายแสงเยียบเย็นวูบวาบประการหนึ่ง ทำราวกับมันกระเหี้ยนกระหือรือแทบรอกลืนกินเลือดเนื้อผู้คนไม่ไหวแล้ว!!