WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2642
ตอนที่ 2,642 : ผู้ว่า ปรากฏกาย!
“เจิ้งชิว!”
พร้อมๆกันกับที่เสียงสนั่นมากโทสะดังขึ้น ก็ปรากฏร่างชราหนึ่งวูบมาปานภูตผี
พอมองให้ดีพบว่าร่างชราดังกล่าว ยังหอบหิ้วร่างชายหนุ่มคนหนึ่งบุกเข้ามาในเคหะสถานส่วนตัวของเจิ้งชิวอย่างไม่ได้รับอนุญาตอีกด้วย!
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
จากนั้นเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนกับเจิ้งชิว ในลานว่าง 2 ร่างแก่หนุ่มก็เผยรูปลักษณ์ให้เห็นชัดถนัดตา
สำหรับชายหนุ่มที่ถูกผู้ชราหอบหิ้วพามา หาได้เป็นคนแปลกหน้าสำหรับต้วนหลิงเทียนไม่! เพราะมันผู้นี้เขาพึ่งจะหั่นแขนขาไปเมื่อครึ่งปีก่อนจนร่ำร้องเสียงหลง…โจวเฟย!!
ส่วนชายชราอีกคน…
“โจวทง?”
สายตาต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังร่างชราเบื้องหน้าด้วยความสนใจ มองผิวเผินอีกฝ่ายก็แลเป็นชายชราธรรมดาๆที่ชมชอบมานั่งข้างสนามเด็กเล่นมองลูกหลานวิ่งไปมา ไม่คล้ายเป็นตัวชั่วช้าสามานย์อะไร
เพียงแค่ตอนนี้ใบหน้าแววตาของมันกำลังท่วมท้นไปด้วยโทสะ!
และฟังจากคำทักของเจิ้งชิว เขาก็ทราบได้ทันที
ชายชราเบื้องหน้าที่แลดูโมโหผู้นี้ ที่แท้ก็คือผู้พิทักษ์อันดับ 1 ของจวนผู้ว่าการประจำมณฑลจิ่วโยว โจวทง!
“ต้วนหลิงเทียน!!”
ด้านโจวเฟยที่ถูกโจวทงหอบหิ้วมาด้วย พอได้เห็นเรื่องราวเบื้องหน้าชัดถนัดตาทั้งร่างสีม่วงที่มันจำได้ขึ้นใจนั่น มันก็แผดเสียงเรียกหาอย่างเกรี้ยวกราดพลางจ้องมองต้วนหลิงเทียนจนตาแทบถลน! ในลูกตายังมากล้นไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน!!
ประหนึ่งอสรพิษที่ซ่อนตัว ทนรอฆ่าต้วนหลิงเทียนไม่ไหวแล้ว!
“ต้วนหลิงเทียน?”
เดิมทีหลังจากที่เดินทางมาถึง โจวทงก็เพียงมองจ้องไปยังร่างเจิ้วชิวก่อนใดอื่น ทว่าพอได้ยินเสียงตะโกนอันเกรี้ยวกราดจากโจวเฟย สายตามันก็ละออกมาจากร่างเจิ้งชิวไปหล่นตกลงบนร่างต้วนหลิงเทียนทันที
“เจ้าน่ะหรือ คือต้วนหลิงเทียน?”
สีไหน้าที่เดิมบิดเบี้ยวถมึงทึงของโจวทง ยิ่งมายิ่งเหยเกหนักข้อ
“อาวุโสเจิ้งชิว ผู้เฒ่าคนนี้เป็นใครหรือ?”
เผชิญหน้ากับสายตามองจ้องด้วยอำมหิตของโจวเฟยกับโจวทง ต้วนหลิงเทียนคล้ายไม่แยแส ยังทำราวกับไม่รู้จักคน เพียงหันไปถามเจิ้งชิววข้างๆด้วยสีหน้าแววตาใสซื่อ
“อ้อ นั่นคือผู้พิทักษ์อันดับ 1 ของจวนผู้ว่าเรา บิดาบุญธรรมของโจวเฟยนามว่าโจวทง”
เจิ้งชิวก็กล่าวตอบออกมาอย่างให้ความร่วมมือ
“โอ…! ที่แท้ก็คือผู้พิทักษ์อันดับ 1 ของจวนผู้ว่า ผู้พิทักษ์โจวทงนี่เอง”
ต้วนหลิงเทียนทำทีราวกับพึ่งนึกขึ้นได้
จากนั้นสายตาของเขาก็หันกลับไปมองร่าโจวทง ก่อนที่จะมองขึ้นๆลงๆอยู่พักหนึ่ง…
อันที่จริงเขาก็เต็มไปด้ววยความสนใจและอยากรู้อยากเห็นนัก ว่าผู้พิทักษ์จวนผู้ว่านามโจวทง ที่เจ้าเมืองเฉวี่ยโยวอยากให้เขาจับไปฆ่าให้ตายคนนี้ เป็นคนอย่างไรกันแน่…
“ต้วนหลิงเทียน ตราบใดที่เจ้าเลือกจะเข้ามาอยู่ภายใต้อาณัติของข้า เป็นศิษย์ส่วนตัวของข้า…เรื่องราวที่เจ้าทำร้ายเฟยเอ๋อจนบาดเจ็บสาหัสเมื่อครึ่งปีก่อน อันก่อให้เกิดความบาดหมางระหว่างเจ้ากับเฟยเอ๋อ ข้าล้วนไม่ถือสาหาความอีกต่อไป! เพราะหลังจากนั้นไป เจ้ากับโจวเฟยลูกบุญธรรมของข้าย่อมมิใช่ศัตรู แต่เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน!”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ ทว่าตอนนี้สีหน้าของโจวทงกลับไม่เหลือความมืดดำคล้ำโทสะ จะมีก็แต่ร้อยยิ้มอ่อนๆ พอปริปากกล่าวออกคำแรก ก็เอ่ยถึงเรื่องคิดรับตัวต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์ส่วนตัวออกมาทันที!
นอกจากนี้ยังให้สัญญาว่าถ้าต้วนหลิงเทียนยอมมาอยู่ใต้ปีกของมัน มันก็ไม่คิดถือสาหาความเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเคยกระทำอีกต่อไป และระหว่างต้วนหลิงเทียนกับโจวเฟยก็ให้ยุติความแค้นลง!
และแทบจะทันทีที่โจวทงกล่าววาจานี้ออกมา
สีหน้าท่าทีของเจิ้งชิวก็ทำราวกับจะพูดคำว่า ‘นั่นไง’ ออกมา! เห็นได้ชัดว่ามันรู้แต่แรกว่าเรื่องราวอีหร็อบนี้จะเกิดขึ้น…
ส่วนด้านต้วนหลิงเทียนนั้นสีหน้าแม้จะยังสบ แต่ในใจเริ่มรู้สึกรังเกียจโจวทงมากขึ้นทุกขณะ
ดูท่าแล้วโจวทงผู้นี้สมควรไม่ใช่ตัวดีเหมือนในข่าวลือจริงๆ
“ท่านพ่อบุญธรรม!”
ต่างจากสีหน้าท่าทีสงบของต้วนหลิงเทียน ด้านโจวเฟยถึงกับอยู่ไม่สุข หน้ามันเรียกว่าเปลี่ยนสีไปในฉับพลันพอได้ยินโจวทงยื่นข้อเสนอให้ต้วนหลิงเทียน แวววตาฉายความกังวลถึงขีดสุด
สุดท้ายเรื่องที่มันกังวลมากที่สุดก็ยังคงเกิดขึ้น…
หากต้วนหลิงเทียนกลายมาเป็นศิษย์น้องมันจริง เช่นนั้นเรื่องล้างแค้นก็อย่าได้หวังแล้ว!
มันไม่ยินยอม!
“หุบปาก!”
โจวทงที่รอฟังคำตอบต้วนหลิงเทียนอยู่ พอได้ยินเสียงโจวเฟยดังเข้าหู หน้ามันก็มืดลงทันใด ยังหันไปมองจ้องโจวเฟยด้วยแววตาน่ากลัว จนทำให้โจวเฟยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่จะพูดอะไรต่อ!
“ผู้พิทักษ์โจวทง”
ภายใต้สายตาเผยความคาดหวังเล็กน้อยของโจวทง ต้วนหลิงเทียนค่อยๆพูดออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณสำหรับน้ำใจนี้ของท่าน”
“ทว่าตัวข้านั้นมีอาจารย์อยู่แล้ว…เกรงว่าคงไม่อาจรับน้ำใจของผู้พิทักษ์โจวได้”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวปฏิเสธโจวทงอย่างตรงไปตรงมา
“เจ้าก็แค่เปลี่ยนสำนัก…มาเข้าร่วมกับข้า”
สองตาโจวทงเผยประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง กล่าวถามออกไปใจเย็น
“เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “ข้าไม่มีวันทรยศอาจารย์ของข้า”
“ต้วนหลิงเทียน บิดาบุญธรรมของข้าอุตส่าต้องตาพึงใจเจ้า ก็นับว่าเป็นพรอันประเสริฐของเจ้าแล้ว…แต่เจ้าสุราคารวะไม่รับ ชมชอบสุราจับกรอก!!”
ในขณะที่สีหน้าโจวทงเริ่มมืดดำคล้ำลงทั้งยังเริ่มบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ โจวเฟยที่สองตาทอประกายเรืองวูบด้วยความชั่วร้าย ก็มองต้วนหลิงเทียนพลางตะโกนกล่าวออกมาเสียงเย็น คล้ายมีโทสะหนักหนา!
ฟังจากเสียงตะโกนแล้ว คล้ายมีโมโหรวมถึงเจ็บแค้นแทนบิดาบุญธรรมที่ถูกปฏิเสธไม่น้อย…
“ต้วนหลิงเทียน”
โจวทงที่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเยียบเย็นกล่าวสืบต่อว่า “เจ้าอย่าได้หลงคิดว่าเรื่องราวเมื่อครึ่งปีก่อน มันจบลงเพียงเพราะเจิ้งชิวแบกหม้อก้นดำให้เจ้า…ข้าจักบอกเจ้าเอาไว้ที่นี่ตรงนี้ กระทั่งเจิ้งชิวเองมันยังเอาตัวไม่รอด!!”
“ไม่ต้องกล่าวถึงเจ้า!!”
วาจาท้ายประโยคของโจวทง น้ำเสียงยังหนักแน่นเอาเรื่องนัก!
“อาวุโสเจิ้งชิว นี่ขนาดท่านยังเอาตัวไม่รอดเลยหรือ?”
ได้ยินคำของโจวทง ต้วนหลิงเทียนก็ทำทีเป็นหันไปมองเจิ้งชิวข้างๆอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่จะทำสีหน้าเหรอหราราวกับไม่เชื่อ ด้านเจิ้งชิวก็ยืนนิ่งไม่เผยทีท่าอะไรจากวาจาของโจวทงทั้งสิ้น ราวกับที่อีกฝ่ายพูดก็แค่ลมที่ผายออก…
“ฮึ่ม!”
พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนหันไปมองเจิ้งชิวด้วยสีหน้าแววตาราวกับไม่เชื่อคำพูดของมัน และพอเห็นว่ากระทั่งเจิ้งชิวก็แลดูไม่อีนังขังขอบทำราวกับวาจาของมันเมื่อครู่แค่ผายลม มันก็หัวร้อนหนักนัก! แผดคำออกมาด้วยโทสะเสียงเหี้ยมว่า “เจิ้งชิว เมื่อครึ่งปีก่อนตอนที่เจ้าแบกหม้อก้นดำแทนต้วนหลิงเทียน…เจ้าสมควรมีคำอธิบายดีๆให้ข้าฟังแล้วใช่หรือไม่?”
“เพราหากเรื่องนี้เจ้าไม่อาจหาคำอธิบายดีๆมาให้ข้าฟังได้…เจ้าสมควรรู้ดีว่าข้าจักทำเช่นไร!”
หลังพูดจบ สีหน้าแววตาของโจวทงก็แลดูเย็นชาน่ากลัวเป็นที่สุด!
“ผู้พิทักษ์โจวทง เรื่องนี้ท่านไม่อาจมาหาคำอธิบายจากข้าได้…เพราะที่ข้ากระทำไปเช่นนั้น ก็เพราะข้าได้รับคำสั่งมาอีกที…”
เจิ้งชิวกล่าวออกเสียงเรียบ
“คำสั่ง? คำสั่งผู้ใด?”
โจวทงกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงค่อนแคะ
ตอนนี้มันคล้ายลืมเลือนไปเสียสิ้น…
ว่าในจวนผู้ว่าการประจำมณฑลจิ่วโยวหลังนี้ เกรงว่านอกจากตัวมันแล้ว ผู้ที่จะมีอำนาจมากพอสั่งการเจิ้งชิวได้ก็หลงเหลืออยู่อีกแค่คนเดียวเท่านั้น…
“ตามคำสั่งของข้าเอง”
และในขณะเดียวกันกับที่โจวทงเริ่มเผยเจตนาฆ่าฟัน ราวกับพร้อมปะทุพลังสังหารเข่นฆ่าเจิ้งชิวทันทีที่ฟังวาจาไม่เข้าหู เสียงเฉยเมยไร้แยแสหนึ่ง อยู่ๆก็ดังขึ้นให้ได้ยิน เสียงนี้ยังเสมือนดังมาจากทุกทั่วสารทิศยากจะบอกได้ว่าผู้กล่าวอยู่ที่ใด…
ฟุ่บ!
ครู่ต่อมา ดั่งสายลมหอบหนึ่งพัดผ่าน ในลานว่างของบ้านเจิ้งชิว พลันปรากฏร่างอีกร่างหนึ่งขึ้น
ต้วนหลิงเทียนพอมองไปยังร่างผู้มาใหม่ ก็พบว่า…
ร่างผู้มาใหม่ที่ราวกับจะผุดโผล่ออกมาจากอากาศว่างเปล่าคนนี้ เป็นชายวัยกลางคนร่างสูงมาในชุดคลุมปักลายมังกรสีเงิน ใบหน้าช่างเหลี่ยมได้ใจ คิ้วหนา ตากลมโต หากแต่ทั่วร่างกลับแผ่ความรู้สึกไม่ธรรมดาทั้งความสง่าผ่าเผยออกมาประการหนึ่ง
‘ผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว เถียนจี้หวี่?’
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมเดาได้ไม่ยากว่าผู้มาเป็นใคร
“ท่านผู้ว่า!”
แรกเห็นชายววัยกลางคนปรากฏตัวขึ้น เจิ้งชิวก็ไม่รอช้าเร่งประสานมือคารวะออกไปด้วยความเคารพทันที กระทั่งโจวเฟยด้านหลังโจวทงเองก็แลดูตื่นๆเล็กน้อย เร่งประสานมือโค้งคารวะไปเช่นกัน
มีเพียงต้วนหลิงเทียนกับโจวทงเท่านั้น ที่ไม่ได้ขยับ
“ต้วนหลิงเทียน!”
และตอนนี้เองโจวทงก็หันไปมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดุร้าย กล่าวตะคอกออกมาเสียงเย็น “เห็นผู้ว่าแต่เจ้ากล้าไม่คารวะทักทาย…หรือกระทั่งผู้ว่าเจ้าก็ไม่เห็นหัวแล้ว ความผิดฐานลบหลู่ท่านผู้ว่าเจ้ารับไหวรึ!”
“เอ๋? ไม่ใช่ว่าผู้พิทักษ์โจวก็ไม่ได้คารวะทักทายผู้ว่าด้วยหรือไง?”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองโจวทงด้วยสีหน้าเฉยเมย กล่าวถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
“ฮึ่ม!”
โจวทงแค่นคำสบถ ค่อยเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งผยอง “ท่านผู้ว่าเคยกล่าวไว้เมื่อหลายปีก่อน ว่าหากข้าพบไม่ต้องคำนับ…แต่อาศัยเด็กตัวเหม็นเจ้าคิดว่าเทียบกับข้าโจวทงได้? สมัยข้าทำความดีความชอบใหญ่หลวงให้มณฑลจิ่วโยว เจ้ายังไม่ทราบยังอยู่ที่ใด ไม่รู้เกิดแล้วหรือไม่ด้วยซ้ำ!!”
“ในเมื่อต้วนหลิงเทียนเจ้า กระทั่งกาลเทศะยังไม่รู้ กล้าดูหมิ่นกระทั่งท่านผู้ว่า…ในฐานะผู้พิทักษ์จวน ข้ามีหน้าที่ต้องลงโทษทางวินัยเจ้า!!”
พอกล่าวจบคำ พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดอันยิ่งใหญ่น่าเกรงขามของโจวทงก็ปะทุระเบิดออกมา มันควบผนึกมวลพลังมหาศาลลงแขนขวา ก่อนจะสะบัดออกมาราวแส้ หรืออสรพิษตัวเขื่องหนักหมื่นพันชั่งสะบัดหางก็ว่า!
ปุบปับมันก็ตบฟาดพลังฝ่ามือซัดใส่ต้วนหลิงเทียนแล้ว!
อีกทั้งพลังฝ่ามือนี้ยังมิใช่ชั่ว ผนึกควบไว้ด้วยพลังจากวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังจู่โจม ประหนึ่งไม่ได้คิดลงโทษอะไรต้วนหลิงเทียนอย่างปากว่า แต่คิดฆ่าให้ตายตกไปในบัดดล!
และในขณะที่ซัดพลังฝ่ามือนี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียน ในแววตาของโจวทงก็เผยจิตสังหารวูบวาบชัดเจน!
วูบ!
ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้างที่โจวทงพอคิดฆ่าก็ลงมือดื้อๆ อย่างไรก็ตามเขาไม่ตกใจ สีหน้าเพียงเปลี่ยนเป็นเยียบเย็น แววตาฉายออกด้วยประกายอำมหิต บรรยากาศรอบกายคล้ายยะเยือกลงหลายองศา
ทว่าในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคิดปะทุพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด เพื่อต้านทานกระทั่งทำลายพลังฝ่ามือสังหารของโจวทงนั้นเอง…
“ฮึ่ม!”
เสียงพ่นลมอันเย็นชาหนึ่งพลันดังขึ้นอย่างแรง ปานจะสะท้านแดนดิน!
ทันใดนั้นมองไปไม่ต่างมังกรโจนทะยานออกถ้ำ! เป็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดมหาศาลขุมหนึ่งปะทุพุ่งออกไป หมายทำลายพลังฝ่ามือของโจวทงเร็วไวปานอัสนีฟาด!
ปงงงง!!
พลังที่พุ่งมาด้ววยควมเร็อัศจรรย์ดั่งมังกรทะยานออกถ้ำ เมื่อปะทะกับพลังฝ่ามือของโจวทงก็อุบัติเป็นเสียงระเบิดดังสนั่น เมฆดอกเห็ดปรากฏขึ้น ณ จุดปะทะ!!
คลื่นอากาศโดยรอบจุดปะทะเปลี่ยนเป็นวิปริตแปรปรวนทันใด สายลมคุ้มคลั่งกวาดพัดออกไปทั่วสารทิศ!
หลังจากที่ฝ่ามือพลังสังหารถูกทำลาย โจวทงก็หยุดนิ่งไม่กล้าลงมือเคลื่อนไหวอะไรสืบต่อ…
เพราะผู้ที่ลงมือหยุดฝ่ามือสังหารของมันไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเถียนจี้หวี่ ผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว ที่ตั้งแต่ปรากฏตัวออกมาก็ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาสักคำ…
“ท่านผู้ว่า?”
โจวทงมองไปยังเถียนจี้หวี่ด้วยสายตาหวาดกลัว ทั้งกังวลใจ
มันไม่คิดเลยว่าผู้ว่าจะลงมือทำลายพลังฝ่ามือของมันอย่างไร้ไมตรี เพื่อรุ่นเยาว์ที่พึ่งเคยพบเจอคนหนึ่ง
เดิมทีมันคิดว่าพลังฝ่ามือสังหารเมื่อครู่ สมควรเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนที่ไม่ยอมเป็นศิษย์มันให้ตายตกเป็นการระบายความโมโหให้มันและล้างแค้นให้บุตรชายบุญธรรมมันได้แล้ว…
แต่คิดไม่ถึงจริงๆว่า ผู้ว่ากลับลงมือเคลื่อนไหวช่วยเหลือ!
“ผู้พิทักษ์โจวทง”
เถียนจี้หวี่ ผู้ว่าการมณฑล ในที่สุดก็ปริปากกล่าวคำออกมา
มันมองไปทางโจวทงด้วยสายตาเฉยเมย เอ่ยขึ้นว่า “เมื่อครึ่งปีก่อน ผู้ที่ออกคำสั่งให้อาวุโสเจิ้งชิวแบกหม้อก้นดำคือข้าเอง…”
“เจ้ามีปัญหาอะไร หรือคลางแคลงในการตัดสินใจครั้งนี้ของข้าหรือไม่?”
เถียนจี้หวี่กล่าวถาม
ถึงแม้ว่ามันจะให้ความสำคัญกับโจวทงมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันเต็มใจละทิ้งโอสถต้าหลัว โอสถทิพย์ระดับกลางที่มีประโยชน์กับมันมหาศาลเพียงเพราะเห็นแก่หน้าโจวทง!!