WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2652
WSSTH ตอนที่ 2,652 : ลงมือเต็มกำลัง!
ราวๆสองปีก่อนตอนที่โจวทงได้รับเบาะแสมรดกสถานของตัวตนยอดเซียนอมตะ ว่ามีเคล็ดวิชาระดับลี้ลับรวมถึงวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลัง มันก็ลอบเดินทางออกจากจวนผู้ว่า ทั้งยังออกจากมณฑลจิ่วโยวไปอย่างเงียบงัน…
เหตุผลที่ไฉนมันลอบออกไปไม่ให้ใครรู้ ก็เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวไม่อยากให้ใครได้ดีล้วนๆ! ะมนไม่คิดแบ่งปันกับผู้ว่ามณฑลจิ่วโยว!!
ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเดินทางมาจากเมืองเฉวี่ยโยวได้ไม่ทันไร ก็ตัดแขนตัดขาโจวเฟยในหลุมมังกรซ่อนได้ง่ายดาย ก็เป็นเรื่องที่มันได้รู้หลังจากกลับมาจากมรดกสถานแห่งนั้น…
“ฟังที่ผู้พิทักษ์โจวกล่าว…ดูเหมือนผู้พิทักษ์โจวจะคิดว่าสามารถบีบคั้นให้ข้าส่งมอบวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังออกไปได้แน่แล้ว?”
ได้ยินคำพูดของโจวทง สองตาต้วนหลิงเทียนก็หดเล็กลง
“เจ้าจะขัดขืนก็ตามใจ…แต่พอถึงตอนนั้นก็อย่าได้สำนึกเสียใจขึ้นมาซะเล่า!”
โจวทงแสยะยิ้มเย้ยเยาะ กล่าวออกด้วยน้ำเสียงอำมหิตว่า “ข้ามีเป็นร้อยพันวิธีให้เจ้ารู้สึกอยู่ไม่สู้ตาย…ถึงตอนนั้นต่อให้เจ้าคิดตายยังยาก! ข้าเองก็อยากรู้เช่นกันว่าต้วนหลิงเทียนเจ้า จะทนการทรมานของข้าโจวทงได้นานแค่ไหน!”
ซู่มม!!
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เสียงโจวทงดังจบคำ พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดอันกว้างใหญ่ไร้คู่เปรียบก็ปะทุออกมาท่วมร่างของมันดั่งเปลวเพลิงลุกโชนเผาฟ้า จนโจวทงแลคล้ายเทพเจ้าอัคคีก็ไม่ปาน!
โจวทงที่คล้ายเทพอัคคีเพียงลอยร่างพร้อมพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดขอบเขตต้าหลัวจินเซียนเฉยๆเท่านั้น หากทว่าไอพลังก็ทำให้บรรยยากาศรอบกายของมันสะท้านสะเทือน!!
ในบรรดาผู้ที่อยู่ ณ ที่นี้ ฉินอวี่กับโจเฟยที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อย พอถูกกลิ่นอายพลังของโจวทงแผ่มาครอบงำ ทั้งคู่ก็พากันกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง นั่นเพราะแรงกดดันพลังของตัวตนขอบเขตต้าหลัวจินเซียนมันช่างรุนแรงเหลือเกิน!!
มีเพียงต้วนหลิงเทียนเท่านั้น ที่ยังคงมีสีหน้าสงบแต่ต้นจนนจบ
“อยู่ภายใต้แรงกดดันพลังของข้าโจวทง แต่ยังสามารถรักษาอาการให้สงบอยู่ได้…ต้วนหลิงเทียนเพียงเท่านี้เจ้าก็สามารถภาคภูมิใจได้แล้ว!”
โจวทงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นทีท่าของต้วนหลิงเทียย วาจากล่าวคำทำราวกับตัวเองอยู่เหนือต้วนหลิงเทียนเสียเต็มประดา…
ประหนึ่งมันคือผู้ยิ่งใหญ่ และต้วนหลิงเทียนเป็นแค่มดที่มันจะย่ำเหยียบให้แหลกตอนไหนก็ได้!
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจคำพูดของโจวทงแม้แต่น้อย
“ฉินอวี่”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองพูดกับฉินอวี่ว่า “โจวทงกับโจวเฟยมันมาที่นี่เพราะข้า…เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”
“ต้วนหลิงเทียนพวกเรามาด้วยกัน…หากจะกลับก็ต้องกลับไปพร้อมกัน!”
ฉินอวี่รู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนพูดเพราะเห็นแก่มัน แต่จะให้มันฉินอวี่ทิ้งสหายแล้วหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว มันทำไม่ได้!
“ฮึ่ม!”
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เสียงของฉินอวี่ดังขึ้น จนทำให้ต้วนหลิงเทียนย่นคิ้ว โจวทงก็ตะคอกเสียงเย็นออกมาอีกครั้ง “วันนี้พวกเจ้าทั้งสองคน…ไม่ว่าผู้ใดก็อย่าได้คิดไปไหน!!”
โจวทงไม่ใช่คนโง่
หากวันนี้มันมีเป้าหมายเพื่อเอาชีวิตต้วนหลิงเทียน มันคงไม่สนใจเลยว่าฉินอวี่จะอยู่หรือตาย
เพราะถึงฉินอวี่ที่ไม่ตายจะวิ่งโร่ไปฟ้องผู้ว่าขึ้นมา ตอนนั้นผู้ว่าการมณฑลแม้จะมีโมโหมันแค่ไหน แต่ก็คงไม่ถึงขั้นแตกหักกับมันเพียงเพื่อต้วนหลิงเทียนที่ตายไปแล้วแน่นอน! เพราะอย่างไรเสียนอกจากตัวผู้ว่าแล้ว ในมณฑลจิ่วโยวก็มีมันเป็นต้าหลัววจินเซียนแค่คนเดียว…คุณค่าของมันย่อมมากกว่าคนตาย!!
ทว่าหากต้วนหลิงเทียนยังมีชีวิตอยู่ คุณค่าของต้วนหลิงเทียนก็มีแต่จะเหนือกว่ามัน ไม่ได้ด้อยไปกว่ามันแม้แต่นิดเดียว!!
มีแค่ต้วนหลิงเทียนตายไปเท่านั้น มันถึงจะมีค่ามากกว่า!
แต่วันนี้มันไม่ได้มาเพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียน!
หรืออย่างน้อย ก็ยังไม่คิดจะฆ่าต้วนหลิงเทียนในเร็วๆนี้!
ถึงแม้ว่าวันหนึ่งมันจะฆ่าต้วนหลิงเทียน แต่มันจะลงมือหลังได้รับวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังระดับสวรรค์ทั้งหมดที่ต้วนหลิงเทียนมีแล้วเท่านั้น!
ในสถานการณ์ดังกล่าว มันไหนเลยจะปล่อยให้ฉินอวี่เป็นดั่งปลาที่เล็ดลอดร่างแหไปฟ้องผู้ว่าได้? ยิ่งถ้าผู้ว่ารู้เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมีทักษะระดับสวรรค์ขึ้นมา ไม่พ้นอีกฝ่ายต้องสอดมือมาเข้ายุ่งแน่!
ถึงตอนนั้นไม่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่มันอยากจะเห็นสักอย่าง!
“เอาล่ะ…ถ้างั้นเจ้าระวังตัวให้มาก”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้ฉินอวี่ ค่อยหันไปมองโจวทงสลับกับโจวเฟย
ตอนนี้โจวเฟยก็กำลังมองจ้องไปทางฉินอวี่
“เฟยเอ๋อ เจ้าไปฆ่าฉินอวี่อะไรนั่นเสีย…ข้าจะจัดการต้วนหลิงเทียนแล้ว!”
พอโจวทงเปิดปากพูดมาอีกรอบ ก็เป็นคำสั่งให้โจวเฟยลงมือสังหารฉินอวี่ทันที และขณะกล่าวสายตาของโจวทงก็ไม่เคยละไปจากร่างต้วนหลิงเทียนเลย ทำราวกับในโลกคงเหลือเพียงต้วนหลิงเทียนคนเดียวในสายตา!
“ทราบแล้วท่านพ่อบุญธรรม!”
หลังขานรับคำ ร่างโจวเฟยก็ปะทุพลังดุร้าย ก่อนโจนทะยานเข้าใส่ฉินอวี่ทันที
“ระวัง!”
สีหน้าต้วนหลิงเทียนมืดลงเล็กน้อย พลังเซียนอมตะในร่างเริ่มพุ่งพล่านขึ้นมาทันใด คนพุ่งวูบไปหมายขวางบังโจวเฟยให้ฉินอวี่ทันที
เพราะลองคิดจากเรื่องที่ก่อนจะออกจากหลุมมังกรซ่อนวันนี้ ฉินอวี่ยังไม่อาจชิงห้องศิลาบ่มเพาะของโจวเฟยได้ ย่อมหมายความว่าพลังฝีมือของฉินอวี่ยังไม่เหนือกว่าโจวเฟย!
ด้วยเหตุนี้เขาจึงกลัวฉินอวี่เป็นอันตรายไม่น้อย
“เฮอะ! เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ!!”
อย่างไรก็ตามในขณะที่ต้วนหลิงเทียนพุ่งร่างไปคิดช่วยเหลือฉินอวี่นั้นเอง…
เป็นโจวทงที่ระเบิดพลังสูงสุด พุ่งไปดั่งอัสนีฟาดหยุดขวางต้วนหลิงเทียนเอาไว้ในพริบตา
ปง!
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
…
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนถูกโจวทงหยุดขวางเอาไว้ อีกด้านก็บังเกิดเสียงระเบิดของพลังดังขึ้นระรัว เป็นฉินอวี่กับโจวเฟยแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันแล้ว!
พอต้วนหลิงเทียนหันมองไป
เขาก็พบว่า…
ถึงแม้พลังฝีมือของโจวเฟยจะอยู่เหนือฉินอวี่ แต่ก็ไม่ได้เหนือกว่ากันมากนัก!
‘ดูจากการรับมืออย่างรัดกุมของฉินอวี่…ภายในร้อยกระบวนท่าไม่มีทางที่โจวเฟยจะทำร้ายฉินอวี่ถึงตายได้แน่’
พอเห็นการประมือของทั้งสอง ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที จากนั้นค่อยหันมาให้ความสนใจโจวทงเบื้องหน้า
ก่อนที่จะเดินทางมาเมืองประจำมณฑล เขาก็ได้ยินกิตติศัพท์ของโจวทงผู้นี้มาแล้ว แรกสุดเลยเขาก็ได้ยินจากเจ้าเมืองเฉวี่ยโยว หลิ่วเฟิงกู่ ว่าโจวทงเป็นคนเช่นไร…เป็นเฒ่าชราจมไม่ลงผู้หนึ่ง ไม่ใช่ตัวดีอันใด!
ก่อนที่จะมายังเมืองประจำมณฑล เขากับหลิ่วเฟิงกู่ก็ได้ทำข้อตกลงร่วมกัน
หลิ่วเฟิงกู่จะหาทรัพยากรบ่มเพาะและสถานที่อันมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะที่ดีที่สุดให้เขา
ด้วยหมายให้เขาที่เดินทางมาจวนผู้ว่านั้น…ถ้าหากตรวจสอบแล้วว่าโจวทงสมควรตาย หลังจากที่พลังฝีมือเขาสูงพอก็ช่วยจับโจวทงมาให้ฆ่า! แต่หากอีกฝ่ายไม่ใช่คนเลวเช่นนั้นเขาก็ไม่ต้องทำอะไร และไม่ถือว่าเขาผิดข้อตกลง…!!
ภายหลังหลิ่วเฟิงกู่ยังเพิ่มผลตอบแทนอีกอย่าง วันไหนที่หลิ่วเฟิงกู่ฆ่าโจวทงให้ตายได้ วันนั้นจะบอกที่ซ่อนเพลิงอมตะให้เขา!
ต้วนหลิงเทียนไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ว่าตอนนี้สายตาที่เขาใช้มองโจวทงนั้น…มันช่างลุกวาวสว่างจ้าปานดาราระยับกลางฟ้าในราตรีกาล!
เขาแทบรอรับทราบเบาะแสเพลิงอมตะไม่ไหวแล้ว!
“ต้วนหลิงเทียนหากเจ้าให้ความร่วมมือแต่โดยดี เจ้าก็มิต้องเจ็บปวดอันใด…แต่หากเจ้าขัดขืนล่ะก็ วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสชาติของการอยู่ไม่สู้ตาย!!”
โจวทงมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอำมหิต เสียงกล่าวข่มขู่ช่างเย็นชานัก!
มันลองถามตัวเองดูก็ตอบได้ทันที ว่าอาศัยพลังขอบเขตต้าหลัวจินเซียนของมัน หากคิดเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนก็ช่างง่ายดายอย่างยิ่ง…
อนิจจาตอนนี้มันยังฆ่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้!
เป็นธรรมดาว่าการจับเป็นผู้คนนั้น ยากกว่าการสังหารผู้คนมากมายนัก!
แต่ไม่ยากเกินมือมันแน่นอน!
เพราะมันเชื่อว่าขอเพียงมันปะทุพลังขอบเขตต้าหลัวจินเซียนออกมา ก็สมควรสยบปราบต้วนหลิงเทียนให้ศิโรราบได้ในชั่วพริบตา!
“ต้าหลัวจินเซียนคนหนึ่ง ไฉนขยันกล่าววาจาข่มขู่ผู้คนมากมายนัก…โจวทง นี่เจ้าไม่คิดว่าตัวเองในฐานะต้าหลัวจินเซียน มันน่าสมเพชบ้างหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเยาะ
‘ปฐมเวทย์กลืนกิน!’
และในขณะที่กล่าวเย้ยเยาะ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ใช้ออกด้วยเวทย์พลังสนับสนุนอย่างปฐมเวทย์กลืนกินทันที และเพียงห้วงคิดเดียวพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบก็ถูกดูดซับเข้าร่าง ยกระดับพลังของเขาไปคราเดียว 4 ขั้น!
ตอนที่ระดับพลังฝึกปรือของเขาอยู่ในขอบเขตเซียนอมตะสวรรค์ ปฐมเวทย์กลืนกินมันยกระดับพลังให้เขาได้แค่ 3 ขั้นเท่านั้น
มาตอนนี้พอพลังฝึกปรือเขาบรรลุถึงขอบเขตจินเซียนพร้อมด้วยเคล็ดโคจรพลังระดับเหลือง ก็ทำให้มันเพิ่มพูนพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของเขาได้ถึง 4 ขั้น!
สุดท้ายแล้วปฐมเวทย์กลืนกินของเขา ก็เป็นเวทย์พลังสนับสนุนระดับสวรรค์!
ยังเป็นเวทย์พลังระดับสวรรค์อย่างเดียวที่เขามี!
‘เวทย์พลังสนับสนุนที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้…ระดับพลังในร่างของมัน ถึงกับพุ่งสูงขึ้นหลายขั้นในชั่วพริบตา!’
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนใช้ปฐมเวทย์กลืนกินออกมา โจวทงก็สัมผัสได้ถึงระดับพลังที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาลในร่างต้วนหลิงเทียน!
ถึงแม้มันจะไม่อาจยืนยันได้ว่าระดับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างของต้วนหลิงเทียนตอนนี้เพิ่มพูนขึ้นกี่ขั้นกันแน่
แต่มั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าเวทย์พลังสนับสนุนที่ต้วนหลิงเทียนใช้ เป็นเวทย์พลังระดับสวรรค์แน่นอน!!
เพราะการดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินเพิ่มพูนพลังมหาศาลได้ขนาดนี้ในชั่วพริบตา ไม่ใช่อะไรที่เวทย์พลังสนับสนุนระดับลี้ลับหรือกระทั่งระดับปฐพีจะทำได้!!
“ดูเหมือนสุราคารวะเจ้าไม่รับ ชมชอบสุราจับกรอกแล้วจริงๆ…เช่นนั้นวันนี้ข้าจะสั่งสอนบทเรียนเล็กๆน้อยๆให้เจ้าทราบ ว่าอยู่ไม่สู้ตายมันมีรสชาติเช่นไร!!”
เห็นต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วยเวทย์พลังสนับสนุนแบบนี้ โจวทงก็รู้ได้โดยอัตโนมัติว่าต้วนหลิงเทียนคิดขัดขืน มันที่ไม่อาจข่มขู่รุ่นเยาว์คนหนึ่งให้ยอมสยบได้ย่อมมีโมโหไม่น้อย! โทสะในใจยิ่งมายิ่งปะทุลุกโชนประหนึ่งไฟลามทุ่ง คล้ายจะแผดเผาได้ทุกสรรพสิ่ง!!
ปงงง!!
เสียงดังลั่นสนั่นหล้าอุบัติขึ้น เป็นโจวทงที่ปะทุพลังปานจุดระเบิดอย่างรุนแรงจนบรรยากาศสั่นไหว!!
จากนั้นร่างโจวทงคล้ายกลับกลายเป็นบอลไฟลูกเขื่อง พุ่งทะยานข้ามฟ้า รี่เข้าหาต้วนหลิงเทียนด้วยสภาวะประหนึ่งอุกกาบาตถล่มโลก!
ไม่ว่ามันทะยานผ่านพ้นไปที่ใด บรรยากาศคล้ายจะลุกไหม้เป็นเพลิงไฟ!
“ค่ายกลกระบี่!”
“13 กระบี่บงกชฟ้า!”
ต้วนหลิงเทียนไหนเลยจะกล้าประมาทเมื่อต้องประมือกับต้าหลัววจินเซียน มือคว้าจับไปยังกระบี่เซียนอมตะระดับต่ำที่ผุดจากความว่างเปล่า จ่ายพลังลงไปฉับไว ปะทุกระบวนท่าจู่โจมออกมาอย่างไม่รั้งรอ!
เผชิญหน้ากับต้าหลัวจินเซียนที่ลงมือด้วยโทสะอันเกรี้ยวกราด ไหนเลยจะกล้าออมมือ กระบวนแรกเขาก็ใช้ออกด้วยพลังทั้งหมดทันที!!
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
…
รังสีกระบี่ปะทุร้อยเรียงเป็นค่ายกลก่อเกิดกระบี่เล่มเขื่องเล่มหนึ่ง ก่อนที่จะพุ่งทะยานออกไปโดยมีรังสีกระบี่ฟันฟาดตามหลังมานับสิบสาย และในชั่วเวลาเสี้ยวพริบตา รังสีกระบี่ไล่หลังนับสิบสายนั่น ก็ผสานรวมเข้ากับค่ายกลกระบี่เบื้องหน้า! เปล่งกลิ่นอายพลังอันน่ากลัวไม่ได้ด้อยไปกว่าการลงมือของโจวทง!!
“เป็นไปได้อย่างไร!?”
แทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนจ่ายพลังลงสู่กระบี่เซียนอมตะแล้วปลดปล่อยกระบวนท่าออกมาในชั่วพริบตา โจวทงก็สัมผัสได้ชัดเจน
ว่าพลังที่ปะทุออกมาจากค่ายกลกระบี่ของต้วนหลิงเทียนนั้น ทรงพลังเหนือกว่าตัวตนที่อยู่ในขอบเขตจินเซียนทั้งหมดที่มันเคยพบเคยเจอมา!!
กระทั่งอาวุโสฝ่ายในของจวนผู้ว่าที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับ 1 ใต้ต้าหลัวจินเซียนของมณฑลจิ่วโยว…ก็ยังไม่อาจปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังถึงขั้นนี้ได้!!
แม้ว่ากระบวนท่าจู่โจมของต้วนหลิงเทียน จะยังไม่ร้ายแรงถึงขั้นคุกคามเอาชีวิตมันได้!
แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่การลงมืออย่างขอไปทีของมัน…จะต้านทานรับมือได้ไหว!!
“เป็นข้าดูเบาเจ้าเกินไป!!”