WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2653
WSSTH ตอนที่ 2,653 : แสงกระบี่ 7 สี!
“เป็นข้าดูเบาเจ้าเกินไป!!”
การลงมือของโจวทงเมื่อครู่นั้น แม้จะเกรี้ยวกราดแต่มันไม่ได้ลงมือเต็มกำลังแต่อย่างไร กระทั่งศาสตราเซียนอมตะก็ยังไม่ได้ใช้! เช่นนั้นกระบวนท่าของมันก็ถูกค่ายกลกระบี่ของต้วนหลิงเทียนทำลายลงอย่างราบคาบ คนยังล่าถอยไปไกล สองตามองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง!!
ในแววตาฉายชัดถึงความเหลือเชื่อยากอธิบาย!
มันคิดไม่ถึงจริงๆ
ว่าต้วนหลิงเทียนจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้!
‘มัน…มันเป็นแค่ผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนจริงๆหรือ…มัน…มันยังเป็นแค่เซียนอมตะสวรรค์แน่เหรอ?
จังหวะนี้โจวทงอดสะท้านใจไม่ได้!
เพราะถึงจะเป็นเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วง แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปลดปล่อยกระบวนท่าที่มีอานุภาพพลังขนาดนี้…ต่อให้ทุกทักษะที่มีจะเป็นระดับสวรรค์ไม่ใช่รึไง?!
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนได้แค่ 2 ปีครึ่ง พลังฝึกปรือจะบรรลุจากขอบเขตเซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดงมาถึงเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงได้อย่างไร?
แม้ต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะมีพรสวรรค์สูงส่ง จากการที่อีกฝ่ายอายุไม่ถึงร้อยปีก็สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นสวรรค์ได้…
อย่างไรก็ตาม การจะก้าวหน้ามหาศาลให้ได้แบบนี้ภายในเวลาแค่ 2 ปีครึ่ง…มันก็เป็นดั่งเรื่องอภินิหารไม่ใช่หรือไร?
‘ดูเหมือนว่า…มันยังมีความลับอันยิ่งใหญ่ซุกซ่อนอยู่!’
พอตระหนักได้ว่าอย่างไรต้วนหลิงเทียนก็พึ่งขึ้นมาหลิงหลัวเทียนได้แค่ 2 ปีครึ่งเท่านั้น สิ่งเดียวที่โจวทงสรุปได้ก็คือต้วนหลิงเทียนต้องถือครองความลับบางอย่างอยู่แน่!
และความลับที่ว่า…ก็สมควรเป็นต้นตอความแข็งแกร่งที่สำคัญที่สุดของต้วนหลิงเทียน!
ทันใดนั้นลมหายใจของโจวทงยิ่งมาก็ยิ่งเร่งร้อนถี่รัว!
“ต้วนหลิงเทียน ข้าไม่คิดจริงๆว่าเจ้าจะร้ายกาจขนาดนี้…”
โจวทงหยีตามองต้วนหลิงเทียน กล่าวออกเสียงหนัก “อย่างไรก็ตามหากเมื่อครู่เป็นขีดจำกัดของเจ้า…วันนี้เจ้ายังคงถูกข้าจับไปทรมานให้อยู่ไม่สู้ตายเถอะ!”
ยิ่งพูดเสียงของโจวทงก็ยิ่งเย็นลง พาลให้ผู้คนรู้สึกเสมือนถูกจับขังห้องเย็นก็ไม่ปาน
ถึงแม้ว่าพลังกระบวนท่าของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่จะรุนแรงเหนือพลังของจินเซียนใดๆที่มันเคยพบเจอ
อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับพลังทั้งหมดที่มันมี ยังถือว่าห่างไกล!
เมื่อครู่ที่มันแพ้พ่ายจนปลิวกระเด็นมาไกล เป็นเพราะมันลงมือส่งๆด้วยความโมโห สุดท้ายจึงทำให้ต้องเสียหน้าครั้งใหญ่
อย่างไรก็ตามหากมันลงมือเต็มกำลังจริงๆ ถึงจะไม่ใช้ศาสตราเซียนอมตะ มันก็เชื่อว่าพลังสูงสุดของมันย่อมลบล้างพลังของต้วนหลิงเทียนได้อย่างง่ายดาย!
“อ้อ เช่นนั้นก็ต้องดู…ว่าเจ้าจะมีปัญญาสามารถจับข้าได้รึเปล่า…”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมาเบาๆ
ตอนนี้เขารับทราบถึงความต่างระหว่างเขากับโจวทงกระจ่าง!
ถึงโจวทงจะไม่ใช้ศาสตราเซียนอมตะใดๆ แต่อีกฝ่ายก็สามารถเอาชนะเขาที่ใช้ศาสตราเซียนอมตะระดับต่ำด้วยการลงมือเต็มพลังได้อย่างง่ายดาย!
แต่เขามีไพ่ตายแค่เท่านี้หรือไร?
“ข้าจะให้เจ้าได้ทราบ!”
โจวทงหัวเราะออกมาเสียงเย็น
ปงงง!!
ซู่มมมม!!
…
ทันใดนั้นไอพลังทั่วร่างของโจวทงพลันแปรเปลี่ยนไป มวลพลังมหาศาลพลันปะทุออกมาอย่างรุนแรง มองไปคล้ายเพลิงทะยานเผาฟ้า คนพุ่งทะยานออกไปดั่งเทพอัคคีพิโรธที่พร้อมใช้พลังอำนาจฟ้าดินลงทัณฑ์!
การลงมือโดยปะทุพลังสูงสุดในขอบเขตต้าหลัวจินเซียนของโจวทง ย่อมเป็นความเคลื่อนไหวใหญ่โต พาลให้เมฆลมปั่นป่วนไม่น้อย! กระทั่งโจวเฟยและฉินอวี่ที่แยกกันไปประมือไกลห่าง ยังอดไม่ได้ที่จะหยุดมือลง และหันกลับมามองเรื่อราวด้วยความตื่นตระหนกอย่างพร้อมเพรียง!!
“ต้วนหลิงเทียนนั่น…มันถึงกับบีบคั้นให้ท่านพ่อบุญธรรมลงมือด้วยพลังขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ถึงแม้ว่าอาศัยระดับพลังฝึกปรือของโจวเฟยในตอนนี้ ยังไม่พอจะมองความสูงต่ำของพลังโจวทงได้ชัด
แต่มันรู้ได้ง่ายๆจากกลิ่นอายพลังน่าพรั่นพรึงที่แผ่ซ่านมาสะท้านทุกอณูอากาศโดยรอบ ว่านั่นคือพลังอำนาจอันล้นพ้นเหนือขอบเขตจินเซียนไปไกล!
เพื่อจะลงมือสยบต้วนหลิงเทียน บิดาบุญธรรมมันต้องลงแรงถึงขั้นนี้เชียว?
ไม่เพียงแค่โจวเฟยเท่านั้น ด้านฉินอวี่เองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน
ตอนนี้ระหว่างฉินอวี่กับโจวเฟยก็ประมือกันไปได้ 20 กว่ากระบวนท่าแล้ว แม้ฉินอวี่จะตกเป็นรอง แต่อย่างน้อยๆก็ไม่มีทางแพ้โจวเฟยได้ในเวลาอันสั้น
มาตอนนี้พอโจวเฟยหยุดมือ ความได้เปรียบสะสมของอีกฝ่ายก็มลายหายไปหมดสิ้น ทำให้ฉินอวี่รู้สึกหายใจได้คล่องคอขึ้นมาทันที
ส่วนอีกด้าน
สีหน้าท่าทีของต้วนหลิงเทียนก็เผยความจริงจังขึ้นไม่น้อย เมื่อสัมผัสได้ว่าโจวงลงมือเข่นฆ่าเข้ามาเต็มพลัง!
การลงมือครานี้ของโจวทง ย่อมมีพลังอานุภาพสูงกว่าก่อนหน้าลิบลับ!
แม้เขาจะลงมือเต็มกำลังเหมือนเมื่อครู่ ก็เกรงว่าไม่อาจหยุดกระบวนท่าสังหารของโจวทงได้แน่!
‘ความแข็งแกร่งของข้าตอนนี้ ยังอ่อนด้อยกว่าต้าหลัวจินเซียนอยู่เล็กน้อยสินะ…’
ต้วนหลิงเทียนลอบทอดถอนในใจ
อย่างไรก็ตามหลังทอดถอนในใจแล้ว แววตาต้วนหลิงเทียนก็กลายเป็นคมกล้าขึ้นมาทันใด ‘อย่างไรก็ตาม ช่องว่างนี่ยังไม่ห่างไกลเกินข้าม!’
ฟุ่บ!
ดั่งสายลมหอบหนึ่งพัดผ่านหายไป ต้วนหลิงเทียนสะบัดมือคราหนึ่ง กระบี่เซียนอมตะที่ลอยวกกลับมาถึงเบื้องหน้า ก็อันตรธานหายไปในอากาศ
โจวทงที่โจนทะยานป้อนกระบวนท่าสังหารด้วยสภาวะปานอุกกาบาตใส่ต้วนหลิงเทียน ก็อดไม่ได้ที่จะงุนงงกับการกระทำดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน!
‘กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน มา!’
เพียงห้วงคิด หลังมือขวาต้วนหลิงเทียนก็ระเบิดแสงสว่างขึ้นมาทันใด! ปรากฏประกายแสงกระบี่ที่เริ่มสาดส่องออกมาสีแล้วสีเล่า กลิ่นอายพลังอันน่าครั่นคร้ามหนึ่ง เริ่มกำจายออกไปในบรรยากาศ!
จากนั้นไม่นานประกายแสงกระบี่หลากสีที่สาดส่องออกมา ก็เริ่มสงบลงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน!
ทันใดนั้นท่ามกลางความว่างเปล่าเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ปรากฏกระบี่แสงเล่มหนึ่งที่เปล่งสีรุ้งออกมาเฉิดฉันท์! ทำให้โจวทง โจวเฟย และฉินอวี่รู้สึกกดดันขึ้นมาอย่างประหลาด!!
โดยเฉพาะโจวเฟยกับฉินอวี่
กระทั่งกลิ่นอายพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากโจวทงที่ปะทุพลังขอบเขตต้าหลัวจินเซียนออกมาเต็มกำลัง ยังมีอานุภาพสะกดข่มด้อยกว่า แรงกดดันไร้สภาพที่แผ่ซ่านออกมาจากกระบี่แสง 7 สีเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนเสียอีก!
ตอนนี้ทุกสายตาล้วนถูก กระบี่แสง 7 สีดึงดูดและสะกดไปโดยสมบูรณ์!
เพียงมันล่อยล่องท่ามกลางความว่างเปล่าเฉยๆ ก็เสมือนช่วงชิงความโดดเด่นของโลกหล้า พาลให้สรรพสิ่งโดยรอบไร้สีสันไปทันใด!
‘นิ…นี่คือยอดสมบัติสวรรค์หรือ?’
‘มัน…เป็นยอดสมบัติสวรรค์ระดับใดกันแน่?!’
…
ในใจของทั้งสามไม่เว้นโจวทง ต่างสะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ
“ค่ายกลกระบี่!”
“13 กระบี่บงกชฟ้า!”
ต้วนหลิงเทียนที่กำลังเผชิญหน้ากับร่างอันลุกท่วมไปด้วยเพลิงไฟเผาฟ้าประหนึ่งเทพอัคคีกำลังจะใช้พลังฟ้าดินลงทัณฑ์ พลันลงมือออกมาอย่างไม่รอช้า! กระบี่สีรุ้งอันเกิดจากประกายแสงหลากสีที่พุ่งออกมาจากหลังมือบัดนี้ ได้ระเบิดรังสีกระบี่สีรุ้งออกมานับพันรอบตัวต้วนหลิงเทียน!!
พร้อมกันนั้นรังสีกระบี่นับพันดังกล่าว ก็เริ่มควบรวมก่อเกิดค่ายกลกระบี่ ‘สีรุ้ง’ ขึ้นมาลอยตระหง่านท่ามกลางความว่างเปล่าเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน! พริบตาต่อมากระบี่ค่ายกลสีรุ้งที่ว่ายังพุ่งทะยานออกไป พร้อมกับมีประกายแสงกระบั่นฟาดอีกสิบกว่าสายไล่หลัง!!
ฟั่ฟฟฟ!!
เสี้ยวพริบตาดุจละอองไฟวาบดับ ประกายแสงสิบกว่าสายเบื้องหลังก็ผสานรวมเข้ากับค่ายกระบี่สีรุ้ง จนเปล่งแสงสว่างสาดส่องออกมาเจิดจ้าปานดวงตะวันหลากสีย้อมชะโลมโลกหล้า!!
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
ค่ายกระบี่รุ้งที่สว่างดั่งตะวันหลากสีที่ว่า ยังเปล่งกลิ่นอายพลังคมกล้าหาใดเปรียบเฉือนทะลวงห้วงอากาศโดยรอบอย่างรุนแรง! พาลให้บรรยากาศโดยรอบแตกระเบิดเกิดเสียงดัง!!
“ต้วนหลิงเทียน! ข้าไม่คิดเลยว่าในมือเจ้ายังมียอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงเช่นนี้อยู่อีก…แต่เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่มียอดสมบัติสวรรค์หรือ!?”
สองตาโจวทงฉายสีสันแห่งความโลภ เสียงกล่าวยิ่งมายิ่งเย็นชา พาลให้อุณหภูมิรอบกายคล้ายลดต่ำลงหลายองศา!
วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!
…
ทันใดนั้นโจวทงที่กำลังโจนทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยสภาวะปานอุกกาบาตาเพลิง ในมือขวาของมัน พลันปรากฏพลองเล่มหนึ่งผุดจากความว่างเปล่า! เมื่อมันจ่ายพลังลงสู่ตัวพลอง ไอพลังดั่งเปลวเพลิงทั่วร่างของมันก็คล้ายจะลุกโชนแรงขึ้นอีกเล็กน้อย!!
อย่างไรก็ตามกลิ่นอายพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากพลอง ให้เทียบกับกระบี่แสง 7 สีกลางค่ายกลกระบี่ ที่ส่องสว่างดั่งดวงตะวันหลากสีสัน ยังอ่อนด้อยกว่าหลายขุม!
“ยอดสมบัติสวรรค์ประเภทศาสตราระดับกลาง?”
ไม่ใช่เรื่องยากที่ต้วนหลิงเทียนจะแยกแยะได้ออก ว่าพลองเซียนอมตะที่โจวทงหยิบออกมา เป็นยอดสมบัติสวรรค์ที่เหนือกว่าระดับต่ำ
เพราะหากเป็นแค่ยอดสมบัติสวรรค์ระดับต่ำ คงไม่มีกลิ่นอายเฉพาะตัวรุนแรงขนาดนี้ และไม่มีทางหนุนเสริมพลังให้โจวทงจนระดับพลังของมันเทียบเทียมค่ายกลกระบี่ หลังเขาใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนได้แน่!
และในเมื่อไม่ใช่ยอดสมบัติสวรรค์ระดับต่ำ เช่นนั้นจึงเป็นได้แค่ยอดสมบัติสวรรค์ระดับกลางเท่านั้น
สำหรับยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงนั้นเขาตัดทิ้งไปได้เลย เพราะเขาไม่คิดว่าโจวทงจะมีปัญญาครอบครองสิ่งของระดับนั้น
‘ไม่รู้ว่า…หมื่นศาสตราสยบ อันเป็นเคล็ดพลังจากยอดใจกระบี่ขั้นสุดท้าย จะสามารถช่วงชิงยอดศาสตราอมตะระดับกลางได้เหมือนศาสตราอมตะระดับล่างรึเปล่า…’
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกสงสัย ใจเขาก็ไม่รอช้า ทำให้ค่ายกลกระบี่ที่พุ่งทะยานออกไปฉับไวเปล่งพลังอำนาจลี้ลับหนึ่งออกมาทันที และพลังอำนาจลี้ลับที่เปล่งออกมาเป็นวงกว้างในเสี้ยวพริบตาดังกล่าว ก็ครอบคลุมโจวทงทันใด!!
และไม่เพียงแต่จะกลืนร่างโจวทงไปเท่านั้น พลังลี้ลับยังครอบคลุมไปถึงโจวเฟยกับฉินอวี่ที่มองดูเรื่องราวอย่างตะลึงไกลๆด้วย!
ทันใดนั้นเอง!
ครืน! ครืน!!
ศาสตราอมตะในมือฉินอวี่กับโจวเฟยเป็นศาสตรากลุ่มแรก ที่ไม่อาจทานรับพลังอำนาจลี้ลับที่เปล่งออกจากค่ายกลกระบี่สีรุ้งได้…พากันพุ่งทะยานไปหาค่ายกลกระบี่ด้วยความเร็วดั่งดาวหาง!
“ไม่!!”
“เป็นไปไม่ได้!!”
ในเวลาเดียวกันกับที่ เสียงอุทานอันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกสองเสียงดังขึ้น
พลองเซียนอมตะ อันเป็นยอดสมบัติสวรรค์ประเภทศาสตราระดับกลางในมือโจวทง ที่ถูกพลังอำนาจลี้ลับอันแผ่ขยายออกมาจากค่ายกลกระบี่สีรุ้งของต้วนหลิงเทียนปกคลุม ก็เริ่มบังเกิดความเปลี่ยนแปลง!
พลังลี้ลับดังกล่าวคล้ายทำให้พลองเซียนอมตะในมือโจวทงคุ้มคลั่งดั่งม้าป่า! และในที่สุดพลองนั่นก็พุ่งทะยานหนีออกจากมือโจวทง!!
เมื่อไม่มีพลองเซียนอมตะ กลิ่นอายพลังที่ปกคลุมทั่วร่างดังเพลิงไฟของโจวทงก็ลดฮวบลงทันที!
และขณะเดียวกัน พอพลองดังกล่าวของโจวทงพุ่งไปผสานรวมเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลกระบี่สีรุ้งของต้วนหลิงเทียน ค่ายกลกระบี่สีรุ้งก็พุ่งทะยานเข้ามาเจียนถึงโจวทงที่โจนทะยานเข้ามาดั่งอุกกาบาตเพลิงเรียบร้อย!
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
…
เสียงหอนของกระบี่ดังขึ้นถี่ยิบ!
ทันใดนั้นคล้ายแผ่นฟ้าจะปกคลุมไปด้วยแสงจากรังสีกระบี่นับไม่ถ้วนที่พร่างพราวดั่งดารากลางหาว!
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!ซู่ม!
…
เปลวเพลิงก็ลุกโชนโหมกระหน่ำอย่างไม่ยอมแพ้
ร่างที่มีสภาวะดั่งอุกกาบาตเพลิง เปล่งกลิ่นอายดุร้ายปานจะแผดเผาโลกได้ทั้งใบ!
พลังสองขุมปะทะกัน!
ตูม!!!
เสียงระเบิดดั่งสนั่นก้องฟ้า เมฆรูปดอกเห็ดเบ่งบานขึ้น!
จากนั้นคลื่นพลังกระแทกอันน่ากลัว ก็สาดซัดเข้ามาพร้อมกับคลื่นลมวิปริตคุ้มคลั่ง กวาดกระแทกเข้าร่างโจวเฟยกับฉินอวี่ที่ตกตะลึงให้ปลิดปลิวละลิ่วไปไม่เป็นท่า ต่างพากันได้รับบาดเจ็บภายใน ซ้ำยังไม่ใช่อาการบาดเจ็บแค่เล็กน้อย!!
ยังดีที่ทั้งคู่อยู่ห่างจากจุดปะทะไม่น้อย…
หากอยู่ใกล้จุดปะทะของพลังสองขุมมากกว่านี้ น่ากลัวคลื่นพลังสะท้อนที่กระแทกซัดออกมา คงจบชีวิตพวกมันทั้งคู่ไปอย่างไม่รู้เรื่อง!!
“ไม่~~!!”
และในขณะที่ฉินอวี่กับโจวเฟยพยายามเร่งเร้าพลังขืนร่างค้างกลางหาว ต่างก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความไม่ยินยอมดังเสียบรูหู!
“ท่านพ่อบุญธรรม!”
สีหน้าโจวเฟยเปลี่ยนไปใหญ่หลวงเมื่อได้ยินเสียงร้องดังกล่าว!