WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2685
WSSTH ตอนที่ 2,685 : สตรีไม่เขียนคิ้ว
“ตอนแรกข้าคิดว่ามณฑลหลิงฟงจะเลือกฉู่อวี้เป็นไพ่ตายด้วยซ้ำ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นผู้อื่น…แถมยังเป็นพี่ชายแท้ๆของฉู่อวี้ ฉู่เหยียน!”
“ในเมื่อมณฑลหลิงฟงเลือกจะเก็บฉู่เหยียนไว้เป็นไพ่ตาย เช่นนั้นก็บอกให้รู้เรื่องหนึ่ง…พลังฝีมือของฉู่เหยียนสมควรเหนือล้ำกว่าฉู่อวี้!”
“ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าคราวนี้ผู้ที่มีพลังฝีมือสูงสุดจนมณฑลหลิงฟงเก็บไว้เป็นไพ่ตายจะเป็น ฉู่เหยียน พี่ชายของฉู่อวี้ที่แต่ก่อนไม่มีผู้ใดเคยได้ยินชื่อ”
“ฉู่เหยียน…ช่างงำประกายได้มิดชิดนัก!”
…
เสียงซุบซิบของผู้ชมโดยรอบเริ่มดังขึ้นระงม หัวข้อก็วนเวียนอยู่กับ ฉู่อวี้และพี่ชายของนางอย่างฉู่เหยียน!
อันดับ 1 ชั่วคราวในการประลอง 16 มณฑลตอนนี้ ฉู่อวี้ นั้น…เป็นรุ่นเยาว์ของมณฑลหลิงฟง อิสตรีที่แลดูองอาจกล้าหาญ เส้นผมยาวดำขลับของนางรวบมัดไว้ดั่งหางม้า เผยให้เห็นใบหน้างามกระจ่างผุดผ่องชัดถนัดตา
แม้ต้วนหลิงเทียนจะเห็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงามมาไม่น้อย แต่สองตายังอดทอประกายเรืองขึ้นมาวูบหนึ่งไม่ได้
เรียกว่าฉู่อวี้คนนี้ แม้จะเป็นอิสตรีที่มีรูปโฉมงดงาม แต่กลับให้ความรู้สึกเข้มแข็งดุดันราวแม่ทัพหญิง ต่างจากอิสตรีที่เขาเคยรู้จักในอดีตอย่างสิ้นเชิง นับว่าทำให้เขาเปิดหูเปิดตาไม่น้อย
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
เสียงแหวกสายลมเป็นชุดดังขึ้นติดต่อ เป็นเกี้ยวที่มีม้าขาวปลอด 9 ตัวแบกหาม ได้เคลื่อนไหวอีกครั้งหลังหมดหน้าที่ พวกมันมุ่งหน้าไปยังด้านหลังชั้นลอยทันที
ม่านพลังกั้นขวางเปิดขึ้นเล็กน้อย ปล่อยให้ม้าทั้ง 9 ตัวที่แบกหามเกี้ยวสัญจรผ่าน สุดท้ายพวกมันรวมถึงกลุ่มคนที่ติดตามมาด้านหลัง ก็หายลับไปจากสายตาผู้ชมรอบเวทีประลอง
“ตอนนี้ข้าจะทำการเริ่มต้นรอบต่อไปของการประลอง 16 มณฑล ณ บัดนี้…แต่ละมณฑลสามารถทิ้งไพ่ตายลงมา ท้าชิงอันดับได้!”
คนของวังฉินที่ทำหน้าที่ดำเนินการประลอง กล่าวประกาศออกมาอีกครั้งเสียงดังจ้า
และแทบจะทันทีที่มันกล่าวจบคำ
“ข้า ฉิงตง ขอท้า ฉู่อวี้!”
สุรเสียงสนั่นหวั่นไหวปานฟ้าคำรามดังก้องขึ้น พร้อมกันนั้น ปรากฏร่างกำยำหนึ่ง โจนทะยานออกมาจากอัฒจันทร์ข้างเวที คนยังพุ่งมาปานเส้นสายอัสนี แลดูฮึกเหิมดุดันนัก!
เป็นชายหนุ่มมาในชุดเสื้อกั๊กเผยให้เห็นแผ่นอกทั้งกล้ามท้องเป็นลอน กางเกงสีเทาของมันยังแลดูแน่นเปรี๊ยะ! เสมือนกล้ามเนื้อของมันเจียนปริแตก ขนาดอยู่ไกลห่างยังแลเห็นร่องรอยมัดกล้ามอันทรงพลังแจ่มชัด!!
อนิจจาร่างมันแม้จะกำยำล่ำสัน แต่กลับสูงแค่หนึ่งหมี่เจ็ดเท่านั้น…
(หนึ่งหมี่เจ็ด = 1.7 เมตร 170 ซม… )
พริบตาร่างมันก็บรรลุถึงกลางอากาศเหนือเวทีประลอง สายตาจับจ้องมองไปยังอันดับ 1 ชั่วคราวอย่างฉู่อวี้ที่อัฒจันทร์มณฑลหลิงฟงด้วยสายตาท้าทาย แววตายังฉายจิตต่อสู้ให้เห็นเด่นชัด
“นั่นมันฉิงตงจากมณฑลหลัวฝู!”
“ฉิงตงผู้นี้นับเป็นจินเซยีนอายุไม่ถึงร้อยปีที่โด่งดังในมณฑลหลัวฝูไม่น้อย…เห็นว่าพลังฝึกปรือของมันบรรลุถึงจินเซียนตะวันเขียวเมื่อไม่กี่ปีก่อน ถึงตอนนี้มันจะยังปรับด่านพลังให้เสถียรไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆก็เหนือกว่าตอนยังไม่บรรลุจินเซียนตะวันเขียวนัก…”
“แม่หนูฉู่อวี้ก็เหมือนจะเป็นจินเซียนตะวันเขียวด้วยมิใช่รึ? เช่นนั้นก็ยากจะบอกจริงๆว่าระหว่างทั้งคู่ผู้ใดจะคว้าชัย…”
“ด่านพลังทัดเทียมกัน…เช่นนั้นก็อยู่ที่อาวุธอมตะกับฝีมือของพวกมันแล้ว…”
“นังหนูฉู่อวี้เหมือนจะมีศาสตราอมตะระดับกลาง…แต่ด้านฉิงตงก็คงมีศาสตราอมตะระดับกลางเช่นกัน อย่างไรมันก็เป็นไพ่ตายของมณฑลหลัวฝู”
“การประลองนัดแรก…ดูเหมือนจะดุเดือดไม่เบา น่าดูชมยิ่ง!”
…
แทบจะทันทีที่ฉิงตงปราดร่างไปลอยกลางหาว กล่าวคำท้าทายอย่างฮึกเหิม ก็พาลให้ผู้ชมโดยรอบรู้สึกคึกคักขึ้นมาทันใด พากันจ้อคาดเดาเรื่องราวกันไปอย่างสนุกสนาน
ฟุ่บ!
และในขณะเดียวกันกับที่ผู้ชมรอบๆเวทีกำลังพูดคุยกันสนุกปาก ฉู่อวี้ที่ถูกฉิงตงท้าทายก็ไม่รอช้า ร่างบางสลับเท้า ขวับๆ ไต่อากาศขึ้นมาหยุดลอยในระดับเดียวกับฉิงตงทันที
“ฉิงตง แห่งมณฑลหลัวฝู…ข้าได้ยินชื่อเสียงร่ำลือของเจ้ามาไม่น้อย”
ฉู่อวี้พอมาถึงก็เหลือบมองฉิงตงด้วยสายตาเฉยเมย พลางกล่าว “แต่น่เสียดาย ที่เจ้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”
“เพ่ย!”
เมื่อถูกสตรีตราหน้าว่าตัวไม่ใช่คู่ต่อสู้ท่ามกลางผู้คนมากมาย ฉิงตงย่อมทนไม่ได้เป็นธรรมดา หลังพ่นลมสบถ มันก็กล่าวออกมาเสียงดังด้วยความดูแคลนสวนไปว่า “ฉู่อวี้ข้ารู้ว่าเจ้ามันร้ายดาจ…แต่ให้เทียบกับข้าฉิงตง เจ้าก็แค่ลูกแมวเหมียวที่ดุขึ้นมาหน่อยเดียวเท่านั้น!!”
ตั้งแต่การประลอง 16 มณฑลเริ่มต้น มันก็จับตามองทุกคนมาตลอด ไม่เว้นฉู่อวี้
ด้วยเหตุนี้มันจึงบอกได้จากพลังฝีมือที่ฉู่อวี้เผยออกก่อนหน้า ว่าอีกฝ่ายยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน!
เช่นนั้นมันจึงคิดฉกฉวยโอกาสก่อนใคร หมายรับอันดับ 1 ไปครอง! และแค่มันเอาชนะฉู่อวี้ได้ มันก็จะสมปรารถนาแล้ว!
ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่อันดับ 1 ชั่วคราว แต่ก็นับเป็นเกียรติไม่น้อย!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้มีอ๋องฉินชมดูอยู่ หากมันเอาชนะฉู่อวี้และสามารถรับอันดับ 1 มาครองได้ล่ะก็ แม้จะเป็นแค่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว แต่อย่างน้อยๆก็ต้องอยู่ในสายนตาของอ๋องฉิน!
‘ฉิงตงคนนี้…หรือมันคิดว่าก่อนหน้าฉู่อวี้ลงมือเต็มกำลังแล้วงั้นเหรอ หากเป็นอย่างนั้นจริงมันงานเข้าแล้วล่ะ…’
ในบรรดาผู้ชมบนอัฒจันทร์ที่นั่งสำหรับบุคคลพิเศษ ต้วนหลิงเทียนในชุดคลุมปรมาจารย์อมตะแผ่นดิน หรี่ตาลงเล็กน้อย ลอบกล่าวในใจด้วยความเวทนา…
เขาเองก็จับตาการประลองทุกนัด จึงได้เห็นพลังฝีมือฉู่อวี้ชัดเจน
แรกๆก็ไม่มีอะไร
ทว่าต่อมาเขาย่อมสังเกตเห็นได้ไม่ยาก ว่าฉู่อวี้จงใจปกปิดพลังฝีมือที่แท้จริงเอาไว้! กระทั่งการประลองนัดสุดท้ายก่อนหน้านี้เพื่อชิงอันดับ 1 ชั่วคราวในการประลอง 16 มณฑล แม้จะแลดูว่านางลงมือเต็มที่แล้ว แต่ทั้งหมดล้วนเป็นการเสแสร้งแกล้งทำทั้งสิ้น!
“ในเมื่อเจ้ามั่นใจในตัวเองนัก ก็หยุดพล่ามเหลวไหลแล้วป้อนกระบวนท่ามาเสีย!”
ได้ยินวาจาดูแคลนของฉิงตง ฉู่อวี้ก็เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งกล่าวออกด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ แววตาดุร้ายปานาจะกล่าวบอกฉิงตงว่า ‘เดี๋ยวเจ้าได้รู้ว่าไฉนบุปผาถึงมีสีแดง’
บรึม! บรึม! บรึม! บรึม!
…
ฉู่อวี้กล่าวไม่ทันจบคำดี ฉิงตงก็ลงเหมือเคลื่อนไหวทันใด ทั่วร่างปะทุคลื่นพลังเกรี้ยวกราด คนพุ่งทะยานแหวกอากาศเข้ามาด้วยสภาวะปานขุนเขาถล่ม เกิดเป็นเสียงอากาศแตกระเบิดดังบรึมๆ!
เสียอากาศแตกระเบิดเพราะพลังดุร้ายของมัน พาลให้เหล่าผู้ชมที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยรอบๆเวทีประลองจำต้องขมวดคิ้วอยู่บ้าง!
“ฉู่อวี้รับดาบบิดา!!”
เมื่อฉิงตงโจนทะยานมาถึง มันก็คำรามออกมาเสียงดังสนั่นปานจะสะท้านแดนดิน ในมือไม่ทราบปรากฏดาบใหญ่เล่มเขื่องที่อัดแน่นไปด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดไร้ผู้ต้านตั้งแต่เมื่อใด…
ซู่มม!!
ดาบใหญ่เล่มเขื่องยาวนับ 10 ฉื่อ ฟาดเข้าใส่ฉู่อวี้อย่างไร้ปราณี ราวไม่เห็นว่านางเป็นสตรีแม้แต่น้อย!
แม้กระบวนดาบจะฟาดจากบนลงล่างแลดูเรียบง่าย แต่คล้ายคมดาบมีดวงตางอกเงยก็ไม่ปาน แผ่กลิ่นอายเพ่งเล็งร่างฉู่อวี้เขม็ง ราวกับให้นางเคลื่อนย้ายหลีกหลบไปไหน ดาบจะก็ตามไปฟาดฟันจนได้!!
ฉู่อวี้แน่นอนว่าไม่คิดอยู่เฉยรับดาบเปี่ยมสภาวะดุร้ายให้เสียเปรียบ ร่างบางถีบเท้าพุ่งร่างทะยานออกไปทันใด! หากทว่าดาบใหญ่ของฉิงตงก็ฟันฟาดตามติดมาดั่งเงา!
ทำราวกับหากผ่าร่างนางให้แยกเป็น 2 เสี่ยงไม่ได้…มันจะไม่เลิกรา!
“ฮึ!”
หลังพ่นลมออกมาอย่างหยิ่งผยอง ฉู่อวี้ก็คร้านจะหลบหลีกสืบไป มือเรียวยกขึ้นคว้าจับไปยังความว่างเปล่า ทันใดนั้นปรากฏหอกยาว 7 ฉื่อเล่มหนึ่งผุดขึ้นเข้ามือพอดิบพอดี เมื่อถ่ายทอดพลังลงไป ตัวหอกก็เริ่มส่งเสียงกู่ร้องฮึงๆ คล้ายมังกรพิโรธ เตรียมปะทะหักหาญกับดาบเล่มเขื่องของฉิงตงซึ่งๆหน้า!
และยามฉู่อวี้เสือกหอกแทงทะลวงจ้วงไป สภาวะร่างทั้งพลังของนางช่างดุดันเหี้ยมหาญประหนึ่งแม่ทัพหญิงชาญศึก!
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
…
ดาบฟาดแหวกความว่างเปล่าเข้ามาดุร้าย มองจากด้านข้างดาบที่ฟาดลงมานี้ ยังโค้งประหนึ่งเสี้ยวจันทร์ทรงอานุภาพผ่าโลก!
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
แสงพลังระเบิดวูบวาบอุบัติขึ้นเบื้องหน้าไม่หยุดปานพลุไฟ เป็นดาบที่ฟันฟาดก่อวงโค้งปานเสี้ยวจันทร์วงแล้ววงเล่าเล่า ปะทะกับหอกที่จ้วงทะลวงออกมาปานอุกกาบาตไม่หยุด!
เมื่อทั้ง 2 เผชิญหน้ากันตรงๆอย่างไม่มีใครยอมใครแบบนี้ ผู้ชมหลายคนก็ถึงกับต้องหยุดหายใจ สองตามองจ้องเรื่องราวเบื้องหน้าเขม็ง ด้วยกลัวจะพลาดสิ่งใด
‘ฉิงตงนั่น…กำลังจะแพ้แล้ว’
หลังเห็นดาบที่ฟันฟาดงมาถูกหอกรับไว้ได้หลายกระบวน ต้วนหลิงเทียนก็มองออกได้ไม่ยาก ว่าแต่ละดาบของฉิงตงใช้พลังเท่าใด แล้วแต่ละหอกของฉู่อวี้ใช้พลังเท่าใด ทำให้เขามั่นใจว่าคำทำนายก่อนหน้ากำลังจะเป็นจริง…
และไม่ใช่แค่ต้วนหลิงเทียนคนเดียวเท่านั้นที่มองออกว่าฉิงตงกำลังจะพ่ายแพ้
ในอัฒจันทร์สำหรับบุคคลพิเศษ หรือในชั้นลอยที่มีม่านผ้ากั้น หลายคนก็เลิกชมดูเรื่องราวไปแล้ว พากันละสายตาออกมาจากกลางฟ้า ไม่คิดดูฉิงตงกับฉู่อวี้ปะทะกันต่อ
สาเหตุที่พวกมันละสายตากลับมา ด้วยเพราะรู้ดี…ว่าไม่จำเป็นต้องดูอีกต่อไป
เพราะผลลัพธ์มันออกมาแล้ว!
ท้ายที่สุดแล้วพลังที่แท้จริงของฉู่อวี้ก็เหนือกว่า!
“ฉู่อวี้ผู้นี้…นางปกปิดพลังเอาไว้แต่แรก!”
ในเมื่อเหล่าตัวตนที่ได้รับเชิญมา รวมถึงคนของวังฉินมองออกว่าฉิงตงกำลังจะแพ้ ผู้ว่าการมณฑลหลัวฝูเองก็ย่อมดูออกเช่นกัน ว่าฉิงตงไม่เหลือหนทางชนะแล้ว…
และมันก็ไม่คิดไม่ฝันเลย
ว่าฉิงตงที่มันอุตส่าห์เก็บไว้เป็นไพ่ตาย ประเดิมนัดแรกก็แพ้ผู้อื่นเสียแล้ว…
“ผู้ว่าฉู่…บุตรีของท่านคนนี้ช่างสมคำร่ำลือจริงๆ นับเป็นสตรีไม่เขียนคิ้วโดยแท้!”
(สตรีไม่เขียนคิ้ว = สาวที่ห้าวๆไม่ต่างอะไรกับผู้ชาย ไม่รักสวยรักงามเหมือนผู้หญิงปกติ)
ผู้ว่าการมณฑลที่อยู่อัฒจันทร์ข้างเคียงกับอัฒจันทร์ของมณฑลหลิวฟง อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง ฉู่ถิงซวน พลางกล่าวแซวออกมา
อย่างไรก็ตามหว่างคิ้วมันขดย่นเบาๆเผยให้เห็นถึงความอิจฉาไม่น้อย
ลูกสาวผู้อื่นช่างร้ายกาจนัก!
พอรวมกับบุตรชายที่เป็นไพ่ตายอีกคน นับว่าผู้ว่าการมณฑลหลิวฟงผู้นี้ ช่างทำให้ผู้อื่นอิจฉาแทบตายแล้วจริงๆ ถึงกับมีบุตรหญิงชายอันประเสริฐคู่หนึ่ง!
ฉู่ถิงซวนนั้นมีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคน สวมใส่ชุดสุภาพเรียบร้อยมองไปดั่งอาลักษณ์คนหนึ่ง แลดูสง่างามและภูมิฐานนัก!
แม้มันจะแลดูมีอายุไม่น้อย หากแต่ด้วยเค้าโครงใบหน้าดั่งหยกเสลา มากล้นไปด้วยเสน่ห์ของหนุ่มใหญ่นั่น…ก็บ่งบอกให้รู้ชัดเรื่องหนึ่ง ว่าตอนมันยังหนุ่มสมควรหล่อเหลาเอาเรื่องทีเดียว…
“ผู้ว่าเริ่นกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว…”
ได้ยินคำแซวจากผู้ว่าที่อยู่อัฒจันทร์ติดกัน ฉู่ถิงซวนก็หันไปมองยิ้มตอบคำอีกฝ่ายอย่างสุภาพ
‘จบแล้ว’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวเบาๆในใจ จากนั้นก็ละสายตาออกมา
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
เหนือขึ้นไปจากเวที บนฟ้า หอกยาวของ ฉู่อวี้ ศาสตราเซียนอมตะระดับกลาง อยู่ๆก็คล้ายมังกรหลุดกรง ควั่นกรงเล็บตบเข้าใส่ใบดาบของฉิงตงอย่างดุดัน จากนั้นคนหอกก็ม้วนตัวดั่งมังกรฟาดหาง ตบฟาดใบหอกเข้ากลางอกมันอย่างแรง!
ดาบใหญ่ 10 ฉื่อปลิวกระเด็นหมุนคว้างไปไหนไม่ทราบ ง่ามมือทั้ง 2 ปริฉีกหลั่งเลือดชวนสยอง!
“อั๊ค—!”
ฉิงตงที่ถูกซัดจนอาวุธกระเด็นหลุดมือ ตอนนี้คนก็ปลิวไปดั่งว่าวสายป่านขาด กระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ เห็นเป็นเส้นแดงลากยาวขวางฟ้า ก่อนจะกระจายเบ่งบานเป็นบุปผาโลหิตกลางหาว
ทว่าก่อนที่ร่างฉิงตงที่ปลิวกระเด็นไปไม่เป็นท่า จะกระแทกกับม่านพลังกั้นเวทีประลองนั้นเอง…
ฟุ่บบ!!
ผู้ที่รับหน้าที่เป็นทั้งโฆษกและพิธีกรดำเนินการประลองของวังฉิน คล้ายภูตผีวูบร่างมาฉับไว อาศัยเพียงพลิกฝ่ามืออย่างไร้เรื่องราว ก็ปรากฏพลังอ่อนหยุ่นไร้สภาพขุมหนึ่งรับร่างฉิงตงเอาไว้ ค่อยหอบหิ้วส่งมันไปยังอัฒจันทร์ที่นั่งของมณฑลหลัวฝูอย่างเบามือ
“ขอบคุณใต้เท้า”
ผู้ว่าการมณฑลหลัวฝูไม่รอช้า เร่งประสานมือกล่าวคำขอบคุณอีกฝ่ายก่อน จากนั้นค่อยเร่งตรวจสอบอาการบาดเจ็บของฉิงตง
พอเห็นอาการบาดเจ็บของฉิงตง ผู้ว่าการมณฑลหลัวฝูอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเฮือกหนึ่ง จากนั่นค่อยหันไปมองร่างบางที่เปี่ยมความองอาจห้าวหาญกลางฟ้าเหนือเวทีประลอง กล่าวออกไปว่า “ขอบคุณหลานฉู่อวี้ที่ยั้งมือไว้ไมตรี…”