WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2695
ตอนที่ 2,695 : ปะทะฉู่เหยียน
“ท่านอ๋อง 3…”
โจวอันที่ได้สติ ตอนนี้สีหน้าของมันซีดเซียวปานกระดาษ สองมองอ๋อง 3 อย่างหวั่นๆ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวว่า “ข้ารู้ว่าท่านเป็นสักขีพยานในการเดิมพันระหว่างข้ากับอาวุโสกิตติมศักดิ์เทียนหลิงของนิกายมังกรบิน…ทว่าข้ามิเคยรู้มาก่อนว่าที่แท้มันจะเป็นต้วนหลิงเทียน ไพ่ตายของมณฑลจิ่วโยวปลอมตัวมา…”
“หากข้ารู้แต่แรกว่ามันคือต้วนหลิงเทียนปลอมตัวมา แม้ว่ามันจะให้ข้าพนันด้วยหินอมตะระดับสูงแค่ 5,000 ก้อน ข้าก็ไม่คิดพนันกับมันเด็ดขาด!”
“เช่นนั้น…กล่าวได้ว่าการพนันครานี้มันไม่ยุติธรรมแต่แรกแล้ว!”
พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ โจวอันก็เริ่มโมโหขึ้นมาทันที
ทว่าโจวอันยังรู้ดี
การพนันครานี้ไม่ว่าจะมันหรือต้วนหลิงเทียน ก็ไม่อาจยกเลิกได้ตามอำเภอใจ! ด้วยเพราะตอนนี้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของสักขีพยานอย่างอ๋อง 3 แค่คนเดียว!!
กับต้วนหลิงเทียนมันอาจบิดพริ้วหรือเบี้ยวหนี้ได้…
ทว่าต่อหน้าอ๋อง 3 มันไม่อาจเล่นลูกไม้ใดๆทั้งสิ้น!
“เหลวไหลสิ้นดี!”
พอโจวอันกล่าวฟ้องร้องจบคำ ไม่ทันที่อ๋อง 3 จะได้ตอบอะไร ก็เป็นรองประมุขนิกายมังกรบินหวงกวงจี๋ ที่อดระเบิดเสียงหัวเราะเยาะเย้ยออกมาไม่ได้
“โจวอัน ถึงเจ้าจะไร้ยางอายก็ต้องให้มันมีขอบเขตบ้าง! เจ้ากล้ากล่าวเรื่องนี้ออกมาได้อย่างไร? เจ้าไม่รู้สึกว่าวาจาเจ้ามันเหลวไหลบ้างหรือ?”
“เจ้าอย่าได้ลืมเลือนไป…การพนันครานี้เจ้าเป็นคนต้นคิด! หาใช่อาวุโสกิตติมศักดิ์เทียนหลิงของพวกเราริเริ่มขึ้นมาไม่!!”
“อีกทั้งตอนที่อาวุโสกิตติมศักดิ์เทียนหลิงของพวกเราเผยทีท่าว่าจะพนันกับเจ้า มิใช่เจ้าเองหรอกหรือที่ลิงโลดออกหน้าออกตา ทำราวกับหินอมตะระดับสูง 50,000 ก้อนอยู่ในกำมือของเจ้าแล้ว? ไฉนตอนนั้นเจ้าไม่ร่ำร้องออกมาแต่แรกเล่าว่าการพนันครานี้ไม่ยุติธรรม?”
“มาตอนนี้ พอเจ้าได้รับทราบว่าที่แท้อาวุโสกิตติมศักดิ์เทียนหลิงก็คือต้วนหลิงเทียน และรู้ว่าตัวเองกำลังจะแพ้พนันเข้าหน่อย…ก็รีบออกมาร่ำร้องหาความเป็นธรรมปานคนคลั่ง? เพ่ย! ไม่เป็นธรรมกับมารดาเจ้า! ลองหันไปถามผู้อื่นดู…ว่ามีใครคิดว่าเรื่องนี้มันไม่ยุติธรรมกับเจ้าบ้าง!?”
กล่าวถึงท้ายประโยคสีหน้าแววตาของหวงกวงจี๋ก็เผยความเย้ยเยาะโจวอันนัก ยังเริ่มหันไปมองผู้คนบนอัฒจันทร์ที่นั่งพิเศษรอบๆทันที
“สหายทุกท่าน…ในที่นี้มีผู้ใดรู้สึกว่าการพนันครานี้ไม่ยุติธรรมบ้าง? มีสหายท่านใดคิดว่าการพนันคราวนี้สมควรเป็นโมฆะบ้าง?”
ถึงแม้หวงกงจี๋เองก็ไม่อาจทราบได้ว่าไฉนต้วนหลิงเทียน ไพ่ตายของมณฑลจิ่วโยวถึงได้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถระดับต่ำไปได้ แถมยังมาเข้าร่วมกับนิกายมังกรบินของพวกมันในฐานะอาวุโสกิตติมศักดิ์อีก…
ทว่าอย่างน้อยๆตอนที่ต้วนหลิงเทียนดำรงตำแหน่งอาวุโสกิตติมศักดิ์นั้น ผู้อื่นก็ไม่เคยหาประโยชน์หรือทำอะไรที่เป็นการส่งผลร้ายอะไรต่อนิกายมังกรบินของพวกมันเลย…
แถมยังช่วยหลอมโอสถระดับต่ำที่มีคุณภาพสูงจำนวนมากให้พวกมันอีกต่างหาก!
เช่นนั้นระห่างโจวอันรองเจ้าสำนักราชันพิษ กับต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเปิดเผยตัวตน มันย่อมต้องเข้าข้างต้วนหลิงเทียนแน่นอน!
“ข้าเองก็เคยพบเห็นคนไร้ยางอายมาบ้าง แต่ยังไม่เคยเห็นผู้ใดไร้ยางอายเท่ารองเจ้าสำนักราชันพิษแซ่โจวผู้นี้จริงๆ…หรือมันจะมิมีขีดจำกัดล่างอยู่เลย?”
“นั่นสิ! ตอนแรกที่ข้าเห็นรองเจ้าสำนักโจวเปิดหัวข้อพนันขึ้นมา ข้าก็รู้สึกว่ามันไร้ยางมากแล้ว…ไม่คิดเลยตอนนี้พอเห็นว่าตัวเองกำลังจะแพ้พนัน มันยังกล้ากลับคำพูด คิดให้การพนันคราวนี้เป็นโมฆะ? หน้าด้านเกินไป!!”
“ข้าล่ะสงสัยจริงๆไฉนสำนักราชันพิษถึงมีคนเช่นมัน…กระทั่งยังได้เป็นถึงชนชั้นรองเจ้าสำนักอีก! หรือเรื่องที่มันกล่าวว่าตัวมันเป็นน้องชายของเจ้าสำนักราชันพิษจะเป็นเรื่องจริง? หากเป็นจริงเช่นนั้นไม่พ้นฐานะตำแหน่งนี้ของมัน ก็มิใช่ได้มาด้วยสามารถแต่อาศัยเส้นสายมาไม่ผิดแน่!”
“สำนักราชันพิษยิ่งมายิ่งตกต่ำแล้วจริงๆ…หรือเดี๋ยวนี้ไก่สุนัขที่ไหนก็สามารถเป็นรองเจ้าสำนักได้? กระทั่งยังกล้าปล่อยให้ออกมาทำเรื่องเสื่อมเสียจนขายขี้หน้าสำนักเช่นนี้อีก!?”
…
คนจากขุมพลังอื่นบนอัฒจันทร์ที่นั่งพิเศษ ก็ไม่ได้มีผลได้ผลเสียอะไรกับนิกายมังกรบินและสำนักราชันพิษเป็นพิเศษ
เช่นนั้นปกติแล้วพวกมันก็มักจะกล่าวออกมาในฐานะคนกลาง ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตาม ครานี้นับว่าพวกมันทนความไร้ยางอายของโจวอันไม่ไหวแล้วจริงๆ และรู้สึกว่าการพนันระหว่างโจวอันกับต้วนหลิงเทียน ไม่มีเหตุจำเป็นให้ต้องล้มเลิก…
และผู้คนทั้งอัฒจันทร์ที่นั่งสำหรับบุคคลสำคัญ ก็เห็นพ้องต้องกันในเรื่องนี้
“ถึงขนาดนี้แล้ว…เจ้ายังคิดว่าการพนันคราวนี้ ยังสามารถทำให้เป็นโมฆะได้?”
อ๋อง 3 แห่งวังฉิน มองถามโจวอันด้ยสายตาเยียบเย็น
ตุบ!
พออ๋อง 3 กล่าวจบคำ โจวอันที่ถูกสายตาเยียบเย็นจี้ถามอีกรอบ ไม่เพียงแต่หน้าจะซีดเซียว แข้งขายังรู้สึกไร้เรี่ยวแรง คนทรุดลงไปนั่ง ยากจะลุกขึ้นได้อยู่นาน…
ตอนนี้ขามันสั่นพั่บๆไปด้วยความหวาดกลัว
‘หินอมตะระดับสูง 500,000 ก้อน…นั่นมันหินอมตะระดับสูงตั้ง 500,000 ก้อน…’
เมื่ออ๋อง 3 แสดงจุดยืนออกมาแล้ว โจวอันก็รู้ได้ทันที
หินอมตะระดับสูง 500,000 ก้อนนั้น สำนักราชันพิษของมันไม่อาจไม่จ่าย! พวกมันทำได้แค่ต้องนำมาส่งมอบให้ถึงวังฉินครบทุกก้อนเท่านั้น!
หาไม่แล้วนี่จะเป็นการท้าทายอ๋องฉิน ยังไม่ต่างอะไรกับท้าทายอำนาจของวังฉิน!
ถึงแม้สำนักราชันพิษของพวกมันจะไม่ใช่อ่อนด้อย แต่เมื่อเทียบกับวังฉินแล้วยังไม่อาจพูดจาใหญ่โตได้!
และไม่ต้องกล่าวถึงอ๋องฉินเลย…
อาศัยแค่ อ๋อง 3 เบื้องหน้าเพียงคนเดียว ก็บุกไปเข่นฆ่าล้างบาง สร้างสายธารโลหิตให้ไหลท่วมสำนักราชันพิษของพวกมันได้ง่ายๆ…
“ภายใน 1 เดือน หากเปิ่นหวางยังไม่เห็นหินอมตะระดับสูง 500,000 ก้อนจากสำนักเจ้าส่งมาถึง…เปิ่นหวางจะพาคนไปเก็บหินอมตะที่สำนักราชันพิษของเจ้าด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นเจ้าอย่าได้หวังว่าเรื่องราวจะจบลงง่ายๆแค่จ่ายหินอมตะ!”
หลังกล่าววาจาข่มขู่ทิ้งท้ายจบคำ อ๋อง 3 ก็เหินร่างกลับชั้นลอย ลอดผ้าม่านหายลับไปจากสายตาของทุกคน
“กลับ!”
หลังจากที่อ๋อง 3 กลับไปแล้ว โจวอันก็รีบร้อนลุกขึ้น ก่อนจะพาคนของสำนักราชันพิษจากไปทันที
ตอนนี้มันไม่เหลืออารมณ์จะชมดูการประลอง 16 มณฑลอะไรอีก
ไม่ใช่เพราะมันคาดเดาจุดจบของการประลองครั้งนี้ได้ออก หรือคร้านจะดูเด็กน้อยต่อยตีกันแล้ว…
ทว่าตอนนี้สำหรับมัน ไม่มีอะไรสำคัญกว่ารีบนำข่าวร้ายนี้กลับไปสำนักราชันพิษ รายงานกับพี่ใหญ่…เจ้าสำนักราชันพิษด้วยตัวเอง!
เห็นคนของสำนักราชันพิษรับร้อนจากไป เหล่าคนของนิกายมังกรบินก็บังเกิดความสนุกสนานนัก ยังหัวเราะเยาะเย้ยออกเสียงดังเป็นการส่งแขก
“ผู้แซ่โจวกลับสำนักดีๆเล่า รีบเอาข่าววันนี้ไปแจ้งพี่น้องของเจ้าให้ไว…ข้าเชื่อว่าทั้งหมดต้องยิ้มหวานรับข่าวนี้ของเจ้าแน่!”
“ฮ่าๆๆๆ…!!”
เหล่าศิษย์ของนิกายมังกรบินเรียกว่าสนุกสนานกันยกใหญ่จริงๆ พวกมันไม่ได้รู้สึกสะใจแบบนี้มานานมากแล้ว
“รอให้พวกเรากลับไปถึงนิกายมังกรบินก่อนเถอะ ไม่ทราบหากเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เหล่าพี่น้องฟัง ทุกคนจะบันเทิงกันขนาดไหน! นิกายมังกรบินของพวกเราไม่ได้ถล่มสำนักราชันพิษราบคาบดั่งวันนี้มานานแล้ว!”
“กล่าวไปแล้วต้องขอบคุณต้วนหลิงเทียน…หากมิใช่เพราะเขา พวกเราคงไม่ได้ทีถล่มสำนักราชันพิษกันแบบนี้”
“แต่จะว่าไป…ข้าล่ะคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าที่แท้ท่านผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์เทียนหลิงจะเป็น ต้วนหลิงเทียน อัจฉริยะที่ร้ายกาจเยี่ยงปีศาจของมณฑลจิ่วโยวที่กำลังโด่งดังไปทั่วเขตปกครองวังฉินไปได้ อายุไม่ถึงร้อยปีแท้ๆแต่พลังฝีมือกลับใกล้เคียงต้าหลัวจินเซียนแล้ว แถมยังเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำอีกด้วย นี่จะไม่ร้ายกาจเกินไปหน่อยหรือ?”
“จริงด้วย! หากเจ้าไม่พูดขึ้นมาข้าก็เกือบลืมไปแล้ว ท่านผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์เทียนหลิงหรือต้วนหลิงเทียนยังเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำ…สวรรค์! ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำอายุไม่ถึงร้อยปี ผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์เทียนหลิงนับว่าเป็นอัจฉริยะปีศาจแล้วจริงๆ!!”
…
พอเหล่าคนของนิกายมังกรบินมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนที่กำลังลอยล่องค้างกลางหาวเหนือเวทีประลองอีกครั้ง ไม่เพียงแต่ในแววตาของพวกมันจะฉายแววชื่นชม ยังนับถือเลื่อมไสนัก!
กลางอากาศ เหนือเวทีประลอง
“ต้วนหลิงเทียน…”
หลังจากที่เหินร่างมาเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนได้สักพัก ในที่สุดฉู่เหยียนที่เงียบมาตลอด สุดท้ายก็เอ่ยขึ้นก่อน
มันมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงทุ้มว่า “ถึงแม้ข้าจะได้ยินคำร่ำลือมานาน ว่าพลังฝีมือเจ้าร้ายกาจสุดที่ข้าจะทาบติด…แต่ข้าก็ยังอยากจะสู้กับเจ้า!”
“ตราบใดที่เจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ อันดับ 1 ในการประลอง 16 มณฑลคราวนี้ก็จะเป็นของเจ้า!”
“ข้าหวังแค่ว่า ชื่อเสียงของเจ้าจะมิใช่ชื่อเสียงจอมปลอม!”
กล่าวจบประโยค แววตาของฉู่เหยียนก็เผยให้เห็นจิตต่อสู้อันน่าเกรงขามลุกโชนขึ้นมาดั่งเพลิงไฟ
ครืนน!!
พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่สั่งสมในร่างยังปะทุระเบิดออกมาทันใด มวลอากาศเริ่มกระเพื่อมออกไปเป็นวงรอบกาย ปลดปล่อยกลิ่นอายพลังดุร้ายยน่ากลัว!
“ลงมือเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวด้วยยน้ำเสียงเฉยเมย
แม้ปากจะกล่าวบอกฉู่เหยียนไปแบบนั้น ทว่าทั่วร่างต้วนหลิงเทียนยังคงสงบ ไร้ซึ่งกลิ่นอายพลังใดๆปะทุออกมา
ราวกับการลงมือของฉู่เหยียน ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกังวลจนถึงขั้นต้องเร่งเร้าพลังออกมาเตรียมพร้อม….
“หึ!”
เห็นดังนี้ ฉู่เหยียนก็เสมือนได้รับความอัปยศประการหนึ่ง อารามโทสะมันปะทุพลังขุมหนึ่ง คนพุ่งทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนฉับไวปานอัสนีฟาดผ่า!
ขณะที่คนทะยานเข้ามาปานสายฟ้า มือขวายังสะบัดคว้าศาสตราอมตะระดับกลางหนึ่งที่ผุดจากความว่างมากระชับแน่น พลังเกรี้ยวกราดหลั่งไหลถ่ายทอด เตรียมพร้อมป้อนกระบวนท่าไม้ตาย!
แม้ก่อนหน้าเรื่องพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน มันก็ได้ยินมาอีกทีเท่านั้น ไม่ได้เคยประสบพบเจอกับตัว…
อย่างไรก็ตาม มีคำกล่าวไว้ว่า ‘ภายใต้นามเกริกไกรไม่มีชนชั้นจอมปลอม’ รวมถึงได้เห็นท่าทีสบายๆของต้วนหลิงเทียนตรงหน้า ทำให้มันทราบได้ทันทีว่าพลังฝีมืออีกฝ่าย…น่ากลัวคงใกล้เทียบต้าหลัวจินเซียนได้เต็มทีดั่งข่าวลือแล้วจริงๆ!
ด้วยเหตุนี้ เมื่อต้องประมือกับต้วนหลิงเทียนจริงๆ ไม่เพียงแต่มันจะชิงลงมือก่อน ยังคิดลงมือด้วยพลังทั้งหมด!
เพราะมันรู้ดีว่าหากไม่ทุ่มพลังทั้งหมดเท่าที่มีในกระบวนแรก เผลอๆมันอาจจะแพ้พ่ายโดยที่ไม่ทันได้ทำอะไร…
บรึมมม!!
ซู่มมมม!!
…
ด้วยฉู่เหยียนปะทุพลังทั้งหมดจู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนเช่นนี้ คนก็คล้ายกลับกลายเป็นอสูรร้ายตัวเขื่องแสนเกรี้ยวกราด โจนทะยานผ่านพ้นไปที่ใด อากาศแตกระเบิดส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ไม่ต่างอะไรจากฟ้าร้องในหู!
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
และเมื่อฉู่เหยียนโจนทะยานมาบรรลุถึงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน การโจมตีอันหอบพลังยิ่งใหญ่สุดไพศาลปานห้วงมหรรณพก็โถมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างเกรี้ยวกราด!
ทว่าเมื่อมวลพลังชั่วชีวิตของมันเจียนจะกลืนกินร่างต้วนหลิงเทียนอยู่รอมร่อ ฉู่เหยียนก็พบว่า…
ทั่วร่างต้วนหลิงเทียนยังคงสงบไร้ระลอกพลังใดๆ ราวกับคนไม่คิดจะเร่งเร้าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดออกมาต้านทานกระบวนท่าของมันเลย! กระทั่งแลดูเฉยเมยราวกับให้ไท่ซานถล่มลงตรงหน้าก็ไม่ขยับ สภาวะประหนึ่งสายลมโชยเอื่อย เมฆเคลื่อนคล้อย…
จังหวะนี้มันรู้สึกเสมือนได้รับความอัยศอดสูถึงขีดสุด! ตั้งแต่มันเกิดมาไม่เคยโดนผู้ใดหยามหน้าขนาดนี้มาก่อน!!
“ในเมื่อเจ้าอยากเจ็บตัวนัก ก็อย่าได้โทษว่าข้าอำมหิต!!”
สองตาฉู่เหยียนถลึงมองด้วยความดุร้าย ตะคอกคำเสียงแข็ง ราวกับอรหันต์พิโรธ!
ปงงง!!
ครืนนนน!!
…
และด้วยโทสะนี้เอง ทำให้กระบวนท่าดังกล่าวของฉู่เหยียนคล้ายบรรจุไว้ด้วยพลังสิบสองส่วน! มวลพลังมหาศาลปานคลื่นสมุทรคุ้มคลั่งเต็มไปด้วยอัสนีแลบลั่นแปลบปลาบ ถล่มกลืนร่างต้วนหลิงเทียนจนหายไปในหนึ่งคำ!!
เรียกว่าในสายตาของทุกคน ร่างต้วนหลิงเทียนเสมือนถูกเมฆดำเต็มไปด้วยอัสนีแลบลั่นแผ่มาปกคลุม!
“นั่นต้วนหลิงเทียนคิดจะทำอะไรกันแน่ ไฉนต้องไปยั่วให้ฉู่เหยียนมีโมโหด้วย?”
“แม้นี่จะเป็นกระบวนท่าแรกของฉู่เหยียน แต่หากตัดสินจากตอนที่มันประลองกับหยางจิ้นแล้ว…น่ากลัวกระบวนทานี้ของมันคือการลงมือเต็มพลัง กระทั่งยังรีดเค้นพลังออกมามากเกินขีดจำกัดด้วยซ้ำ ทว่าต้วนหลิงเทียนนั่นกลับยังแลดูเฉยเมยไม่คิดทำอะไร…นี่จะไม่ประมาทผู้อื่นเกินไปหน่อยหรือ?”
“ต่อให้เป็นจินเซียนตะวันม่วงทั่วไป…ก็มิกล้าประมาทการลงมือฉู่เหยียนถึงขนาดนี้มิใช่หรือไร?”
…
ตอนนี้เหล่าผู้ชมรอบเวที ล้วนจับจ้องมองเมฆทมิฬพร้อมห่าอัสนีที่กำลังกลืนร่างต้วนหลิงเทียนอย่างใจจดใจจ่อ