WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2701
ตอนที่ 2,701 : ฉินอวี่ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว…
“ยันต์หลบหนีเงาว่างเปล่า?”
พอได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนสามารถหนีรอดไปได้ ฉินอวี่ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก จากนั้นก็ถามอ๋องฉินออกไปอย่างอดไม่ได้
เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่มันได้ยินคำว่า ‘ยันต์หลบหนีเงาว่างเปล่า’
“ยันต์หลบหนีเงาว่างเปล่า…เป็นยันต์อมตะที่ตัวตนขอบเขตราชาอมตะ ต้องใช้ความพยายามไม่น้อยหากคิดจะจารึกสร้าง ที่สำคัญโอกาสสร้างสำเร็จยังต่ำนัก! จึงกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างยิ่ง และหากมียันต์หลบหนีเงาว่างเปล่าไว้ในมือ ก็สามารถหลบหนีไปจากเงื้อมมือของผู้ที่มีพลังฝึกปรือต่ำกว่าราชาอมตะได้อย่างปลอดภัยไร้เรื่องราว…”
“หากมิใช่ราชาอมตะที่แข็งแกร่งกว่าราชาอมตะที่วาดเขียนยันต์หลบหนีเงาว่างเปล่า และมิอาจลงมือสังหารอีกฝ่ายได้ทันก่อนที่จะใช้ยันต์อมตะหลบหนีชนิดนี้ออกมา…เช่นนั้นอย่างมากก็ทำได้แค่มองอีกฝ่ายหลบหนีไปตาปริบๆ…”
กล่าวถึงจุดนี้ อ๋องฉินก็หันไปมองหยิงชราที่ลอยร่างอยู่ไกลๆ
และสีหน้าของหญิงชราตอนนี้ ก็ช่างแลดูมืดดำทั้งถมึงทึงดุร้ายเป็นที่สุด!
“ยันต์หลบหนีเงาว่างเปล่านั่น…เจ้ามอบให้มันหรือ?”
ทันใดนั้นอยู่ๆหญิงชราก็หันขวับมาถามไถ่อ๋องฉินเสียงต่ำ
ที่สำคัญนางไม่เพียงหันขวับมาถามเฉยๆ สองตายังหยีมองอ๋องฉินเขม็งด้วยประกายสังหารหนึ่ง ราวกับหากอ๋องฉินเอ่ยคำว่า ‘ใช่’ ออกมา นางจะฆ่าอ๋องฉินทิ้งอย่างไร้ลังเล…
“ท่านผู้อาวุโส…ท่านคิดว่า อย่างข้าจะมียันต์หลบหนีเงาว่างเปล่าได้หรือ?”
อ๋องฉินได้แต่กล่าวตอบไปด้วยรอยยิ้มขมขื่น
ภายใต้รอยยิ้มขื่นขมนี้ ใจอ๋องฉินยังเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวนัก
มันในฐานะอ๋องฉิน มีแต่เคยเชิดหน้าชูตาอย่างผ่าเผย ฐานะยิ่งใหญ่ไม่มีใครกล้าตั้งคำถาม…
ทว่าวันนี้พอมาอยู่ต่อหน้าหญิงชรา มันก็ได้แต่เป็นดั่งเด็กน้อยที่ต้องทำตัวเรียบๆร้อยๆ เชื่อฟังว่าง่าย
ทั้งหมดเพราะมันไม่อาจแข็งข้อต่อต้านอีกฝ่ายได้เลย!
นั่นคือชนชั้น ขุนนางอมตะ! อันที่จริงอย่าว่าแต่คิดแข็งข้อต่อต้าน แค่ทำให้อีกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา เกิดอีกฝ่ายมีโมโหตบเปรี๊ยงเดียวมันหายไปจากสวรรค์และโลก มันยังจะไปร่ำไห้ให้ผู้ใดฟังได้อีก?
“ต้วนหลิงเทียนยังไม่ตายงั้นเหรอ!?”
“นี่มันอะไรกัน เจอแรงระเบิดมหาประลัยนั่นเข้าไปมันยังรอดได้อีกเรอะ!?”
“ไฉนมันถึงไม่ตายเล่า?”
…
ตอนนี้เหล่าผู้คนที่ยังเหลืออยู่โดยรอบ พอได้ฟังบทสนทนาระหว่างอ๋องฉินกับหญิงชรา พวกมันก็เริ่มตระหนักกันได้คร่าวๆว่าต้วนหลิงเทียนยังไม่ตาย
“ต้วนหลิงเทียนสมควรหนีรอดไปได้จริงๆ…เห็นว่ามันใช้ยันต์หลบหนีเงาว่างเปล่า!”
“ยันต์หลบหนีเงาว่างเปล่า…หรือจะเป็นยันต์อมตะหลบหนี ที่มีแต่ตัวตนขอบเขตราชาอมตะขึ้นไปจึงจะสามารถจารึกสร้างได้ แถมโอกาสสร้างสำเร็จยังมีไม่ถึง 1 ใน 100 ส่วนนั่น?”
“มิผิด! ยันต์หลบหนีเงาว่างเปล่านั้น ว่ากันว่าหากใช้ออกมา ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่ราชาอมตะก็สามารถหลบหนีไปได้สบายๆ นับเป็นยันต์อมตะหลบหนีที่มีราคาค่างวดมหาศาลนัก!”
“ที่สำคัญ…ปกติแล้วยันต์หลบหนีเงาว่างเปล่าที่ว่า แม้จะเป็นในประเทศอมตะระดับสูงยังหาได้ยากยิ่ง แล้วไฉนต้วนหลิงเทียนถึงมีได้เล่า?”
…
ผู้คนที่รอดมาได้เริ่มคุยกันหนาหู ฟังแล้วทั้งหมดตกใจไม่น้อยที่ต้วนหลิงเทียนนั้นมียันต์หลบหนีเงาว่างเปล่าอยู่ในมือ ที่สำคัญวันนี้ก็ได้ใช้มันหลบหนีไปได้สำเร็จ!
“ดูท่าพื้นเพความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนจะไม่ง่ายดายแล้วจริงๆ…ไม่เพียงแต่กระตุ้นให้ยอดฝีมือจากนิกายสือหังเซียนไล่ล่าสังหารมาถึงที่นี่ แต่ยังมียันต์หลบหนีเงาว่างเปล่าแสนล้ำค่าในครอบครอง มันสมควรเป็นคนจากขุมพลังที่ทัดเทียมกับนิกายสือหังเซียนไม่ผิดแน่!!”
“ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่แน่ใจในเรื่องนี้สักเท่าไหร่…แต่ตอนนี้ข้าเชื่อแล้วว่ามันต้องเป็นคนของขุมพลังคู่อรินิกายสือหังเซียนแน่นอน! และขุมพลังของมันสมควรไม่อ่อนด้อยเลย ที่สำคัญ ‘ฐานะ’ ของต้วนหลิงเทียนในขุมพลังดังกล่าว ก็สมควรไม่ต่ำทราม!!”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว! กระทั่งเป็นนิกายสือหังเซียน แต่หากมองในบรรดาเหล่าศิษย์ที่มาอายุไม่ถึงร้อยปีล่ะก็…ข้าเกรงว่าคงมีไม่กี่คนหรอกที่มีพรสวรรค์ขนาดนี้และมียันต์หลบหนีเงาว่างเปล่าอันหายากพกติดตัว!”
…
หลายคนเริ่มสรุปกันอย่างมั่นเหมาะ
ว่าต้นกำเนิดของต้วนหลิงเทียนนั้นไม่ธรรมดาแน่นอน และสิบในสิบสมควรเป็นคนสำคัญในขุมพลังคู่อริของนิกายสือหังเซียน
“เมื่อครู่…เจ้าบอกข้าว่ามันพึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนได้ไม่ถึง 5 ปี?”
ท่ามกลางสายตาของทุกคน หญิงชราที่ลอยร่างอยู่เหนือหลุมอุกกาบาตที่แต่เดิมเคยเป็นเวทีประลอง ก็หันไปมองฉินอวี่ด้วยสายตาเยียบเย็น กล่าวถามออกมาด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันเย็นชา
“ท่านผู้อาวุโส ข้าไม่ได้โกหกท่านจริงๆ…”
ฉินอวี่ได้แต่ฉีกยิ้มขื่นขม
หากแต่แม้ใบหน้ามันจะเผยยิ้มแหยๆ แต่ในใจก็มีความสุขไม่น้อย เพราะต้วนหลิงเทียนสามารถหลบหนีไปได้อย่างราบรื่นแล้ว! ยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก!!
“คนที่อายุมิถึงร้อยปี และพึ่งจะขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนได้ไม่ถึง 5 ปี…ไม่เพียงมีพลังฝีมือทัดเทียมกับต้าหลัวจินเซียน แต่ยังมียันต์อมตะหลบหนีล้ำค่าอย่าง ‘ยันต์หลบหนีเงาว่างเปล่า’ ที่มีแต่ชนชั้นราชาอมตะขึ้นไปเท่านั้นจึงจารึกสร้างได้? นี่เจ้าเห็นข้าเป็นตัวโง่งมจริงๆ?”
เสียงของหญิงชรายิ่งมายิ่งเยียบเย็นมากขึ้นทุกขณะ สายตาของนางช่างแหลมคมทั้งชืดชาเป็นที่สุด ทำให้ฉินอวี่รู้สึกเหมือนร่างจมจ่อมลงไปใต้หล่มน้ำแข็ง สีหน้าซีดลงถนัดตา!
“ท่านผู้อาวุโส ข้าไม่ได้หลอกท่านจริงๆ!”
ยิ้มระทมของฉินอวี่ได้แต่คลี่กางขึ้นมาอย่างทดท้ออีกรอบ
แต่ต้นจนจบสายตาของหญิงชราไม่เคยละออกจากตาของฉินอวี่เลย นางพยายามมองหาพิรุธ และอาการผิดปกติไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม…
อย่างไรก็ตาม นางพบว่า…
ถึงแม้ตอนนี้นางจะจี้ถามก็แล้ว ใช้พลังกดดันก็แล้ว แต่ฉินอวี่ยังไม่เผยอาการผิดปกติและพิรุธใดๆออกมาให้เห็นเลย
เรื่องนี้ทำให้ในใจนางบังเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาประการหนึ่ง
‘เจ้าหนุ่มนั่น…หรือมันจะพึ่งขึ้นมายังหลิงหลัวเทียนได้ไม่ถึง 5 ปีจริง?’
‘หากนี่เป็นเรื่องจริง…มิใช่ว่าภูมิหลังของมัน สมควรยิ่งใหญ่สุดที่นิกายสือหังเซียนของเราจะต้านทานได้หรือไร?’
ไม่ใช่ว่านางจะปักใจเชื่อ ว่าใต้หล้าจะไม่มีอัจฉริยะที่พึ่งขึ้นมาหลิงหลัวเทียนไม่ถึง 5 ปี แต่พลังฝีมือบรรลุถึงขอบเขตต้าหลัวจินเซียนอยู่เลยจริงๆ เพียงแต่อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์อันน่ากลัวถึงระดับนั้น ให้มองไปทั่วระนาบเทวโลกทั้งมวลก็หาได้ยากยิ่งนัก!
อัจฉริยะเยี่ยงปีศาจเช่นนั้น ปกติแล้วตอนที่ยังอยู่ในระนาบโลกียะ สมควรได้รับสืบทอดมรดกจากขุมพลังอันยิ่งใหญ่ในระนาบเทวโลกโดยบังเอิญ โดยที่เดิมทีก็เป็นชนชั้นสุดยอดอัจฉริยะมากพรสวรรค์อยู่แล้ว
เนื่องเพราะมีคนไม่น้อยในระนาบโลกียะที่บังเอิญได้รับมรดกจากยอดคนในระนาบเทวโลก หากแต่แม้จะขึ้นมายังระนาบเทวโลกได้โดยที่อายุไม่ถึงร้อยปี แต่ก็ไม่อาจบรรลุถึงขอบเขตต้าหลัวจินเซียนได้ในเวลาแค่ 5 ปี…
และผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มาได้โดยที่อายุไม่ถึงร้อยปีนั้น ไม่มีทางเป็นเซียนอมตะเสเพลไปได้เลย! เพราะไม่มีทางที่เซียนอมตะเสเพลจะมีอายุไม่ถึงร้อยปี…
เซียนอมตะเสเพลจากระนาบโลกียะนั้น เมื่อขึ้นมายังระนาบเทวโลก ก็จะกลายเป็นจินเซียนทันที เช่นนั้นหากมีเวลา 5 ปีก็ไม่แน่ว่า ผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มาเพราะสาเหตุนี้อาจจะบรรลุถึงต้าหลัวจินเซียนได้…
ทว่าผู้ที่ขึ้นสวรรค์มาจากระนาบโลกียะโดยที่ไม่ได้เป็นเซียนอมตะเสเพลนั้น…พอขึ้นมาอย่างไรก็เป็นได้แค่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดงเท่านั้น! ยิ่งอยู่ในเขตวังฉินที่ทรัพยากรไม่เอื้อ นางจึงแทบมองไม่เห็นทางที่อีกฝ่ายจะบรรลุถึงระดับนี้ได้ในเวลาไม่ถึง 5 ปีจริงๆ!!
“หากวันหน้าข้าพบว่าที่เจ้าพูดมาเป็นคำโกหก…ข้าไม่เพียงแต่จะกลับมาฆ่าเจ้าให้ตายง่ายๆ ข้ายังจะสับร่างเจ้าให้เป็นหมื่นๆชิ้นบดกระดูกเจ้าให้แหลกเป็นผง จากนั้นค่อยฆ่าล้างคนของวังฉินทั้งหมด ให้พวกมันร่วมกลบฝังไปกับเจ้า!!”
มองจ้องฉินอวี่ด้วยสายตาเย็นชา พร้อมกล่าวข่มขู่ด้วยจิตสังหารอำมหิตจบคำ ร่างของหญิงชราก็กลายเป็นเงาเลือนไปต่อหน้าต่อตาผู้คน!
และครู่ต่อมา…เงาเลือนที่ว่า ก็ค่อยๆจางหายไปไม่ต่างอะไรจากภูตผี
สุดท้ายก็อันตรธานหายไปในอากาศว่างเปล่า…
ซูว ซูว
แม้ว่าหญิงชราจะจากไปแล้ว หากแต่วาจาทิ้งท้ายก่อนไปของนาง ก็ทำให้อ๋องฉินกับอ๋อง 3 หน้าเปลี่ยนสีไปถนัดตา!
ซูว
กระทั่งยอดฝีมือของวังฉินที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกรดำเนินการจัดการประลอง ตอนนี้สีหน้าที่พึ่งจะมีเลือดฝาดของมัน ก็จำต้องซีดลงไปปานกระดาษอีกรอบเมื่อได้ยินคำขู่ออำมหิตดังกล่าว…
ซูว ซูว ซูว ซูว
…
และเจ้าหน้าที่ๆลอยร่างอยู่ท่ามกลางเศษซากปรักหักพังโดยรอบ กับผู้ที่อยู่หลังผ้าม่านชั้นลอย ไม่ว่าใครหากเป็นคนของวังฉินตอนนี้ก็พากันหน้าเปลี่ยนสีไปเป็นแถบ!
เพราะพวกมันรู้สึกว่าที่ฉินอวี่บอกกับหญิงชราไป สมควรเป็นเรื่องโกหก!!
ต้วนหลิงเทียนน่ะหรือ จะพึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนได้ไม่ถึง 5 ปี?
เรื่องพรรค์นั้นมันจะเป็นไปได้อย่างไร!?
“ข้าเกรงว่ากระทั่งตัวฉินอวี่ก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าคำโกหกที่มันคิดว่าฉลาดกล่าวนั้น ที่แท้จะลากวังฉินให้ล่มจมไปกับมัน?”
“ฉลาดกล่าว? ผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มาหลิงหลัวเทียนไม่ถึง 5 ปี และมีอายุน้อยกว่าร้อย…คนแบบนั้นมันจะบรรลุพลังฝีมือร้ายกาจขนาดนั้นได้อย่างไรในเวลาไม่ถึง 5 ปี?”
“ยอดฝีมือของนิกายสือหังเซียนผู้นั้นกล่าวขู่ทิ้งท้ายไว้แล้ว ว่าวันหน้าหากนางล่วงรู้ว่าที่ฉินอวี่กล่าวเป็นคำโกหกล่ะก็…ไม่เพียงแต่ฉินอวี่จะประสบเคาะห์ กระทั่งวังฉินยังจะพลอยประสบเคราะห์ไปพร้อมกับฉินอวี่ด้วย!”
“ฉินอี่คนนี้เป็นดาวมฤตยูของวังฉินหรือไร พึ่งกลับมานับญาติถึงวังฉินได้ไม่ทันไร ก็ชักนำเภทภัยใหญ่หลวงเช่นนี้มาสู่วังฉินแล้ว ยังเป็นเภทภัยถึงขั้นล่มสลายตั้งตระกูล…”
…
เหล่าคนที่ลอยร่างในอากาศ นอกจากคนของนิกายมังกรบินที่ยังคงเงียบไม่ได้พูดอะไร ทุกคนล้วนรู้สึกว่าที่ฉินอี่กล่าวอ้างมาก่อนหน้าช่างเหลวไหลสิ้นดี และทำให้วังฉินตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงถึงขั้นหายนะล่มสลาย
กระทั่งคนของวังฉินเองยังรู้สึกแบบนั้น
“อวี่เอ๋อ เจ้า…”
อ๋องฉินกับอ๋อง 3 ได้แต่หันไปมองฉินอวี่ด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี แต่พวกมันก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี…
หากฉินอวี่เป็นลูกชายของมันล่ะก็ ป้านนี้ไม่พ้นคงต้องตบตีฉินอวี่สักรอบ!
หากแต่ฉินอวี่นั้นเป็นลูกกชายคนเดียวของน้อง 4 พวกมัน
“ท่านลุงใหญ่ ท่านลุง 3 …ตอนนี้ในเมื่อยอดฝีมือของนิกายสือหังเซียนจากไปแล้ว หมายความว่าข้าไม่จำเป็นต้องโกหกอะไรพวกท่านต่อแล้วใช่หรือไม่? ข้าจะบอกพวกท่านอีกรอบ…ต้วนหลิงเทียนสหายข้า เป็นคนที่พึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนของพวกเราได้ไม่ถึง 5 ปีจริงๆ!”
พอเห็นว่าอ๋องฉินกับอ๋อง 3 ยังชักสีหน้าสงสัยไม่เชื่ออยู่ ฉินอวี่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว…
คำที่หญิงชราขู่ทิ้งท้ายเอาไว้นั้น สำหรับฉินอวี่นั้น…ไม่ต่างอะไรกับผายลมสักนิด! เพราะมันช่างไร้ความหมายเสียเหลือเกิน…!!
แต่ถึงกระนั้นมันก็เข้าใจความรู้สึกของลุงใหญ่และลุง 3 ของมันเช่นกัน
“อวี่เอ๋อ…นี่เจ้าพูดจริงๆหรือ?”
อ๋อง 3 ขมวดคิ้วย่นเป็นปม ด้วยไม่คิดเลยว่าถึงขนาดนี้แล้ว แต่หลานชายของมันยังคงยืนยันเรื่องต้วนหลิงเทียนไม่เปลี่ยนแปลง ยังย้ำว่าผู้อื่นเป็นคนที่พึ่งขึ้นสวรรค์มาหลิงหลัวเทียนได้ไม่ถึง 5 ปีจริงๆ…
แต่ก็เป็นอย่างที่หลานมันบอก…
ตอนนี้ในเมื่อยอดฝีมือของนิกายสือหังเซียนจากไปแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องหลอกพวกมันอีก…
คิ้วอ๋องฉินก็ขดย่นเป็นปมเช่นกัน
“ท่านลุงใหญ่ ท่านลุง 3…พวกท่านสมควรจัดการเรื่องราวเฉพาะหน้าก่อนเถิด สำหรับเรื่องของต้วนหลิงเทียนนั้น หลังจากท่านจัดการเรื่องราวที่นี่เสร็จแล้ว ข้าจะค่อยๆเล่าให้พวกท่านฟังอย่างละเอียดเอง”
ฉินอวี่หันไปมองรอบๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม
ด้วยมีหูตามากมายขนาดนี้ ฉินอวี่ยอมไม่คิดเปิดเผยความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนที่มันรู้ออกมา
ตอนแรกที่มันเปิดเผยเรื่องต้วนหลิงเทียนออกไปให้ยอดฝีมือของนิกายสือหังเซียนฟัง ว่าต้วนหลิงเทียนพึ่งขึ้นมาหลิงหลัวเทียนได้ 5 ปีนั้น เพราะมันคิดว่ายอดฝีมือของนิกายสือหังเซียนสมควรมาตามฆ่าผิดคน!
เพราะไม่ว่ามันจะคิดอย่างไร ต้วนหลิงเทียนกับขุมพลังระดับนั้นก็เป็นดั่งเส้นขนาน ที่ไม่น่าจะบรรจบกันได้เลย…
อย่างไรก็ตาม อยู่ๆต้วนหลิงเทียนพลันเอ่ยชื่อ มู่หรงปิง ที่สมควรเป็นสตรีนางหนึ่งขึ้นมา ทำให้มันที่ถึงแม้จะไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนกับสตรีนางนั้นเกี่ยวข้องกันด้วยเหตุผลกลใด ก็มั่นใจได้เรื่องหนึ่งทันที…
ยอดฝีมือของนิกายสือหังเซียน ไม่ได้มาหาผิดคน!!
นางมาหาต้วนหลิงเทียนสหายมันจริงๆ!!
พริบตานั้นถึงมันจะไม่รู้ว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนไปมีเรื่องมีราวอะไรกับนิกายสือหังเซียนกันแน่ ประมุขของนิกายถึงได้ส่งคนมาฆ่าต้วนหลิงเทียนแบบนี้ และไฉนต้วนหลิงเทียนถึงไปมียันต์หลบหนีเงาว่างเปล่าที่สามารถหลบหนีตัวตนใต้ราชาอมตะทั้งมวลอยู่ในครอบครองได้ แต่ทว่ามันรู้เรื่องหนึ่ง…
มันพลาดแล้ว!
มันไม่น่าเอ่ยถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนได้ไม่ถึง 5 ปีออกมาเลย!!
เพราะมันกล่าวเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป มองอีกมุมหนึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับมันทรยศต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย! เนื่องจากเรื่องนี้อาจกลายเป็น ‘ภัยซ่อนเร้น’ ที่สามารถชักนำเภทภัยใหญ่หลวงมาสู่ต้วนหลิงเทียน และทำให้เส้นทางของต้วนหลิงเทียนในวันหน้าไม่ราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็น…