WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2705
ตอนที่ 2,705 : บ่อเกิดเภทภัย
ได้ยินฮ่วนเอ๋อเล่าชะตากรรมของบุรุษทั้ง 8 ออกมาหน้าตาเฉย มุมปากต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกระตุก
ด้วยรูปโฉมอันงดงามไร้ที่ติถึงขั้นกล่าวได้ว่า ‘ไร้ผู้ใดเสมอเหมือน’ ของนาง ขอเพียงเป็นผู้ชายที่ยังใช้การได้และไม่มีความผิดปกติในรสนิยม ย่อมไม่มีทางไม่หวั่นไหวได้แน่!
และในบรรดาผู้ชายพวกนั้น ก็ต้องมีไม่น้อยที่บังเกิดจิตคิดครอบครอง!
กล่าวได้ว่าทั้งหมดเป็นเพราะเขาผ่านเรื่องราวมากมายมาถึง 2 ช่วงชีวิตแล้ว จิตใจถึงสงบนิ่งดั่งน้ำในบ่อ เลยไม่เสียอาการอะไรต่อหน้าฮ่วนเอ๋อเหมือนคนอื่น
‘โชคดีที่ข้าไม่ได้คิดอะไรอกุศลต่อหน้าฮ่วนเอ๋อ…ไม่งั้นนางได้ลงมือฆ่าข้าเหมือนกับที่ฆ่า 8 คนก่อนหน้าแน่’
คิดถึงเรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เหลือบมองลงไปยังหลุมฝังศพทั้ง 9 เบื้องล่างโดยไม่รู้ตัว ‘หากเป็นแบบนั้นจริง ข้าคงได้ฝังร่างอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล…สุดท้ายก็เป็นแค่ 1 ในหลุมศพไร้นามน่าสังเวช…’
นึกถึงเรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดขอบคุณหัวจิตหัวใจอันเข้มแข็งของตัวเองไม่ได้
‘จริงสิ!’
ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนเหมือนจะนึกอะไรได้ออก สองตาหดเล็กลงลอบกล่าวในใจว่า ‘เกือบลืมไปแล้ว…ก่อนที่ข้าจะเริ่มบ่มเพาะพลัง ไม่ใช่ว่าข้าจนปัญญาเพราะหาแก่นกลางของพื้นที่ลวงตาไม่เจอรึไง เมื่อไม่อาจทำลายแก่นกลางนั่นได้ข้าก็เลยไร้หนทางไปจากที่นี่’
‘จากนั้นข้าก็ได้แต่บ่มเพาะพลัง ด้วยหวังว่าหากระดับพลังก้าวหน้าอาจจะออกไปได้’
เนื่องเพราะการได้พบเจอฮ่วนเอ๋ออย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ต้วนหลิงเทียนเลยลืมไปหมดสิ้นว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่เขาจะมานั่งบ่มเพาะพลังกลางอากาศ
ตอนนี้พอสติสตังกลับมาแจ่มใสแล้ว เขาก็นึกถึงเรื่องราวก่อนหน้าได้ออกเป็นธรรมดา
‘หรือว่า…นี่จะเป็นภาพลวงตาเหมือนกัน?’
‘สตรีนามฮ่วนเอ๋อนางนี้ก็ด้วย…เป็นแค่ภาพมายาในพื้นที่ลวงตาเหมือนกันรึเปล่า?’
คิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ยื่นมือออกไป หมายจะลองแตะสตรีอันมีรูปโฉมงดงามไร้ที่ตินามฮ่วนเอ๋อดู ว่าที่แท้นี่ผีหรือคน
จนเมื่อมือเขาได้สัมผัสถึงความอ่อนนุ่มหากแต่แฝงแรงดีดสะท้อนหนึ่ง จากขุนเขาน้อยๆของร่างเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนก็สะท้านไปราวถูกไฟช็อต ในใจลอบร่ำร้อง ‘ฉิบหาย’ เบาๆ เพราะตระหนักได้แล้วว่านางไม่ใช่ภาพลงตา
“เอ่อ…ขอโทษทีฮ่วนเอ๋อ”
ในขณะที่ชักมือกลับฉับไวปานฟ้าผ่า ต้วนหลิงเทียนที่รู้สึกงงานเข้า เร่งกล่าวคำขอโทษออกไปอย่างร้อนรน ในใจยังบังเกิดความหวั่นหวาดไม่น้อย!
โฉมงามไร้คู่เปรียบนางนี้ คงไม่ลงมือฆ่าเขาเพราะเขาไปแตะหน้าอกของนางหรอกนะ?
ถึงแม้ไม่ทราบว่าโฉมงามไร้เทียมทานนามฮ่วนเอ๋อเบื้องหน้ามีพลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตขีดขั้นอันใด แต่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกได้ชัดเจนว่าพลังของนางไม่ควรอ่อนด้อยไปกว่าเขา และในเมื่อนางสามารถใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ลวงตาที่กักขังเขาได้แบบนี้ นางต้องไม่ธรรมดาแน่…
‘นางบอกว่า นางรออยู่ที่นี่มานานหลังจากที่ท่านแม่จากไป…หมายความว่าพื้นที่ลวงตาแห่งนี้อาจเป็นมารดาของนางสร้างทิ้งเอาไว้…’
ต้วนหลิงเทียนลอบคาดเดา
“หือ?”
ฮ่วนเอ๋อที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยความคึกคัก พอเห็นต้วนหลิงเทียนเอื้อมมือมาแตะหน้าอกนาง จากนั้นก็หดมือกลับไปราวสายฟ้า นางก็เลียนแบบด้วยการเอื้อมมือออกไปจิ้มหน้าอกต้วนหลิงเทียนดูบ้าง
“เอ๋? ไฉนตรงนี้ของเจ้าแข็งเหมือนหินเลยเล่า…ข้ากดไม่เห็นจะยุบลงไปเลย”
ฮ่วนเอ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นนางก็ถอนมือที่จิ้มๆหน้าอกต้วนหลิงเทียนกลับมาจิ้มๆบนหน้าอกของตัวเอง “ของฮ่วนเอ๋อนุ่มนิ่มกว่ามาก…หรือนี่จะเป็น…ความแตกต่างระหว่างชายหญิงที่ท่านแม่บอก?”
“ผู้ชาย…ไม่เห็นจะดีเลย”
หลังจากบ่นเบาๆ ฮ่วนเอ๋อก็พุ่งมือทั้ง 2 ข้างออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะเริ่มลูบคลำๆหน้าอกต้วนหลิงเทียนอย่างสนุกมือ เสมือนได้ของเล่นใหม่
“ฮ่วนเอ๋อ…”
ต้วนหลิงเทียนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก จากนั้นก็จับมือของฮ่วนเอ๋อยกออกไปจากหน้าอกเขา
หากไม่ใช่เพราะสายตาของฮ่วนเอ๋อช่างใสกระจ่างแลดูบริสุทธิ์ราวเด็กน้อย เผยให้เห็นชัดว่านางไม่รู้เรื่องราวทางโลกจริงๆ เขาคงคิดว่านางกำลังยั่วให้เขาก่ออาชญากรรมไปแล้ว…
“ฮ่วนเอ๋อ…ก่อนหน้าเจ้าพูดถึงเรื่องออกจากที่นี่ หรือเจ้ามีวิธีออกจากที่นี่?”
ต้วนหลิงเทียนสูดอากาศเข้าลึกๆ พยายามระงับความร้อนที่พุ่งพล่านขึ้นมาบริเวณท้องน้อย ก่อนจะถามออกไป และพยายามเบือนหน้าไปทางอื่น
“ใช่”
ฮ่วนเอ๋อพยักหน้า ค่อยเอ่ยถามว่า “ต้วนหลิงเทียน…เจ้าจะพาฮ่วนเอ๋อออกไปด้วยรึเปล่า?”
ขณะกล่าวถามสองตาของฮ่วนเอ๋อก็ลุกกวาวฉายแสงจ้าออกมาอีกรอบ ทั้งในแววตาของนางตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความหวังและความตื่นเต้นนัก ราวกับเด็กน้อยที่ถูกกักบริเวณกำลังลุ้นว่าวันนี้จะได้ออกไปเที่ยวเล่นหรือไม่
“ลำพังตัวข้าเองยังไม่มีวิธีจะออกไปจากที่นี่เลย…แล้วข้าจะพาเจ้าออกไปได้ยังไง…”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มขื่นขม
“ทำไมจะออกไปไม่ได้ล่ะ?”
ฮ่วนเฮ่อกล่าวถามด้วยความงุนงง
“หืม?”
ได้ยินคำถามคล้ายไม่เข้าใจของฮ่วนเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็แผ่สำนึกเทวะออกไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเขาค่อยพบว่าที่แท้ซากปรักหักพังใต้เท้าของเขามีอยู่จริง ไม่ใช่แค่ภาพลวงตา
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น?”
ต้วนหลิงเทีนเผยสีหน้าตกตะลึง กล่าวพึมพำด้วยความงุนงง “ข้า…ไม่ได้ติดอยู่ในพื้นที่ลวงตาหรอกหรือ?”
“อ๋อ เจ้าหมายถึงพื้นที่ลวงตาหรือ…ตั้งแต่ที่ฮ่วนเอ๋อออกมาหาเจ้า ฮ่วนเอ๋อก็ถอนพื้นที่ลวงตาออกไปแล้ว”
ได้ยินเสียงพึมพำขอต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ่อก็ยื่นมาออกมาก่อนที่จะพลิกเบาๆตรงหน้าต้วนหลิงเทียน
จากนั้นก็เห็นลูกแก้วหนึ่งกลิ้งอยู่บนฝ่ามือของนาง
ลูกแก้วที่ว่าไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย อาศัยมือเล็กๆของฮ่วนเอ๋อก็กุมได้มิด หากแต่ไอสีขาวที่แผ่ออกมาเรื่อๆนั่น ช่างลี้ลับไร้ประมาณ เพียงมองต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนสำนึกสติกำลังจมจ่อมสู่ห้วงลึกอันไร้สิ้นสุด…
“ถอนออกไปแล้ว?”
ต้วนหลิงเทียนตกใจนัก
ต้องทราบด้วยว่าพื้นที่ลวงตานั่น เขาไม่มีปัญญาทำอะไรกับมันจริงๆ!
แต่ตอนนี้ฮ่วนเฮ่อกลับกล่าวง่ายๆว่าถอนออกไปแล้ว?
เรื่องนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนไร้คำจะพูดอยู่บ้าง
“ใช่ๆ”
ฮ่วนเอ๋อพยักหน้างึกๆด้วยท่าท่างไร้เดียงสาราวเด็กน้อย “พื้นที่ลวงตาที่เจ้าพูดถึง มาจากลูกแก้วมายาที่ท่านแม่ฮ่วนเอ๋อทิ้งไว้ให้…ฮ่วนเอ๋อจะปรากฏตัวให้เจ้าเห็นได้ ก็ต่อเมื่อถอนพื้นที่ลวงตาออกมาก่อน”
“แบบนี้นี่เอง”
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็ถามฮ่วนเอ๋อออกมาต่อว่า “ฮ่วนเอ๋อ ว่าแต่ตอนนี้ด่านพลังฝึกปรือของเจ้าถึงระดับใดแล้ว?”
“ด่านพลังฝึกปรือ?”
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียนฮ่วนเอ๋อก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย อย่างไรก็ตามด้วยรูปโฉมของนางแค่ขมวดคิ้วเฉยๆไม่ต้องอะไรมาก ก็ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกว่าช่างงดงามน่าเอ็นดูเหลือใดจะกล่าว “ฮ่วนเอ๋อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ระดับใด…แต่เท่าที่ฮ่วนเอ๋อรู้ ในบรรดา 9 คนที่ฮ่วนเอ๋อตีตายไป ครึ่งหนึ่งน่าจะเก่งกว่าเจ้า…”
“เก่งกว่าข้าครึ่งนึงเหรอ…”
ได้ยินคำของฮ่วนเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย
ต้องทราบด้วยว่าพลังรบที่แท้จริงของเขานั้น มันอยู่เหนือระดับพลังบ่มเพาะไปไกล….
แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นแค่จินเซียนตะวันเขียว แต่ระดับพลังของเขานั้นเทียบได้กับขอบเขตต้าหลัวจินเซียนเข้าไปแล้ว
กระทั่งหากเขาลงมือเต็มกำลังโดยใช้อดีตอุปกรณ์เทพอย่างกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน ก็มากพอจะเข่นฆ่าตัวตนขอบเขตต้าหลัวจินเซียนระดับทั่วไปได้ทันที
หากทว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เลย
ตอนที่ฮ่วนเอ๋อบอกว่ามีครึ่งหนึ่งเก่งกว่าเขานั้น มันเป็นตอนที่เขาใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนด้วยพลังทั้งหมด เพราะหมายทำลายพื้นที่ลวงตาให้จงได้!
ซึ่งในขณะที่เขาลงมือตอนนั้น พลังทำลายที่เขาปลดปล่อยออกมา มันมีระดับพลังทัดเทียมได้กับตัวตนขอบเขตต้าหลัวจินเซียนขั้นปฐพี! กระทั่งปริ่มๆจะเทียบได้กับขอบเขตต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์ที่อ่อนด้อยได้อยู่รอมร่อแล้ว!!
“ต้วนหลิงเทียน พวกเราจะไปที่ไหนกันดี!?”
ยามสายตาดั่งสารทฤดูของฮ่วนเอ๋อมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง มันช่างเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นนัก กระทั่งนอกจากความอยากรู้อยากเห็นแล้ว ยังเต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างมาก
“ตอนนี้ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเราอยู่ที่ไหน…ถ้างั้นก็ลองมุ่งหน้าไปให้สุดสักทางเถอะ”
ทันทีที่ดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ต้วนหลิงเทียนก็หันซ้ายหันขวาเล็กน้อย ก่อนที่จะตัดสินใจตามสัญชาตญาณ
ด้วยเหตุนี้…ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็หลุดพ้นจากพื้นที่ลวงตาอันชวนให้ปวดเศียรเวียนเกล้า โดยมีสตรีลึกลับนางหนึ่งร่วมเดินทางไปด้วยกัน…
“ฮ่วนเอ๋อ…ว่าแต่นอกจากท่านแม่แล้ว เจ้ายังมีญาติคนอื่นอยู่อีกไหม?”
ในขณะที่เหินร่างไปตามทางที่เลือกมาตามสัญชาตญาณ ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยถามฮ่วนเอ๋อด้วยสงสัย
แม้จะมีโฉมงามไร้ผู้ต้านที่บุรุษทั่วหล้าล้วนได้แต่ฝันถึงร่วมเดินทานไปด้วยทั้งคนแบบนี้ หากแต่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดีแม้แต่น้อย เขายังคิดว่านางไม่ต่างใดจาก ‘เผือกร้อน’ หัวหนึ่ง ยังสงสัยอยู่ว่าจะกำจัดนางไปอย่างไรดี…
แต่เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้คิดจะปล่อยให้นางเดินทางตัวคนเดียว
เพราะในระหว่างเดินทางไปด้วยกัน ถึงจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ต้วนหลิงเทียนยังมองออกว่า…
ฮ่วนเอ๋อ สตรีลึกลับอันมีรูปโฉมงดงามอย่างที่เขาไม่เคยยพบเคยเจอมาก่อนนางนี้ แม้รูปลักษณ์จะเติบโตเป็นสาวแล้ว แต่เพียงดูก็รู้ว่าไม่ประสีประสาและไม่รู้เรื่องราวใดๆทางโลกเลย…
กล่าวได้ว่า นอกจากมารดาแล้ว ท่าทางนางจะไม่เคยรู้จักใครมาก่อนชั่วชีวิต…!
สำหรับทั้ง 9 คนที่หลงมาเจอกับนางนั้น ด้วยเพราะยามแรกพบสายตาของทั้งหลายทำให้นางรู้สึกรังเกียจ นางก็คงเข่นฆ่าทั้งหมดทิ้งทันที จึงกล่าวได้ว่านางไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับใครเลย…
‘ฟังจากที่นางกล่าว…ตั้งแต่นางเกิดมานางก็เพียงอยู่กับมารดาสองคน และมารดาของนางต้องการให้นางเฝ้ารอคนรู้จักสักคนมาพบเจอ’
‘สำหรับเรื่องที่บอกให้นางติดตามคนที่ไม่ทำให้นางรังเกียจไป…เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรมากไปกว่าคิดปกป้องไม่ให้นางไปกับคนแปลกหน้า…’
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่า การได้มาพบเจอกับสตรีลึกลับนามฮ่วนเอ๋อนั้น เป็นการจับพลัดจับผลูมาเจอโดยที่มารดานางไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้แน่ๆ
อันที่จริงมารดาของนางสมควรให้นางเฝ้ารอญาติหรือใครสักคนที่จะดีต่อนางไม่ผิดแน่ แต่ฮ่วนเอ๋อกลับเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนๆนั้นที่มารดาบอกให้นางรอคอย…
“ไม่มีนะ”
หลังได้ยินต้วนหลิงเทียนถามว่ามีญาติไหม ฮ่วนเอ๋อก็ส่ายหน้าออกมาทันที
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ลอบทอดถอนในใจเบาๆ…
ตอนนี้เขารู้สึกได้ ว่าคงยากจะกำจัดฮ่วนเอ๋อโฉมงามไร้ผู้ต้านนางนี้ได้อีกพักใหญ่ๆ…
“หืม?”
หลังจากเหินร่างเดินทางมุ่งตรงดิ่งมาทิศทางหนึ่งกับฮ่วนเอ๋อได้สักพัก ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็พบเห็นผู้คนแล้ว ยังเป็นกลุ่มคน 5 คนอีกด้วย!
กลุ่มคนที่ว่ามีชายหนุ่ม 3 คนและชายชรา 2 คน
“ฮ่วนเอ๋อ…ข้าว่าเจ้าหาผ้าคลุมหน้ามาใส่ไว้สักหน่อย จะดีกว่าไหม?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองฮ่วนเอ๋อ โฉมงามไร้ผู้ใดเสมอเหมือนด้านข้างที่แลดูกำลังคึกคัก พลางกล่าวออกมาเสียงอ่อน
“ทำไมเล่า?”
ฮ่วนเอ๋อแลดูงุนงงไม่น้อยเมื่อได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน
“สวรรค์! นั่นเป็นสตรีบ้านใดกัน ไฉนงามล้ำนักเล่า!?”
ทันใดนั้นเอง เสียงอุทานหนึ่งพลันดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน ทำให้เขารู้ทันทีว่ามันสายไปแล้ว…
ในบรรดาทั้ง 5 คนเบื้องหน้า ชายชรา 2 คนยังนับว่าไม่เป็นอะไร
หากแต่ชายหนุ่มทั้ง 3 นั่น จากชุดเสื้อผ้าแพรปักลายพร้อยแลดูหรูหราเป็นพิเศษ และกริยาท่าทางยามพบเห็นฮ่วนเอ๋อ มันบ่งบอกให้รู้ว่าพวกนี้…ไม่พ้นนายน้อยเจ้าสำราญ!
และผู้ที่อุทานออกมาเสียงดังอย่างออกนอกหน้า ก็เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งในบรรดาทั้ง 3
หลังอุทานออกมาแล้ว สายตาที่ใช้มองฮ่วนเอ๋อก็ยังฉายแววสัปดนมากล้นไปด้วยความหื่น ราวกับทนโยนร่างฮ่วนเอ๋อลงเตียงไม่ไหวแล้ว
“ที่แท้นางเป็นผู้ใดกันแน่! ให้ตายเถอะ ต่อให้เป็นโฉมงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ก็ยังหมองไปเลยหากมายืนข้างนาง!!”