WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2707
ตอนที่ 2,707 : ให้เจ้าดูคนเดียว…
“ฮ่วนเอ๋อ…เจ้าสวมผ้าคลุมหน้าเอาไว้จะดีกว่า”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองฮ่วนเอ๋อ ค่อยกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ
ด้วยรูปโฉมงดงามแบบนี้ ไม่ต่างอะไรจากน้ำหวานดอกไม้แม้แต่น้อย…หากไม่ปกปิดเอาไว้ ไม่ทราบจะล่อลวงแมลงให้มารุมตอมดอมดมอย่างบ้าคลั่งอีกเท่าไหร่…
“ทำไมล่ะ?”
ฮ่วนเอ๋อแลดูไม่ค่อยจะชอบใจสักเท่าไหร่
“หากฮ่วนเอ๋อไม่สวมผ้าคลุมหน้าไว้…ฮ่วนเอ๋อก็จะเจอคนน่ารำคาญแบบเมื่อกี้มาหาเรื่องไม่หยุด”
ต้วนหลิงเทียนได้แต่กล่าวออกไปอย่างจนปัญญา
เขาไม่อยากเป็นจุดสนใจผู้คนมากนัก อีกทั้งตอนนี้เขายังถูกยอดฝีมือของนิกายสือหังเซียนตามล่าอยู่ หากยอดฝีมือนิกายสือหังเซียนคนนั้นรู้ว่าข้างกายเขามี ‘บ่อเกิดเภทภัย’ ติดสอยห้อยตามอยู่แบบนี้ ต้องหาเขาเจอได้ง่ายๆแน่
เพราะสุดท้ายแล้วไม่ทราบจะมีฝูงผีเสื้อหรือแมลงมากมายเท่าไหร่ ที่จะมารุมตอมอย่างบ้าคลั่ง…
เมื่อเกิดเรื่องเช่นนั้นจนเป็นจุดสนใจขึ้นมา ยอดฝีมือนิกายสือหังเซียนคนนั้นจะมากจะน้อยต้องบังเกิดความสนใจ สุดท้ายก็ไม่พ้นคลำเถาวัลย์หาต้นเช่นเขาจนเจอ…
“มาเท่าไหร่ ก็ฆ่ามันเท่านั้นล่ะ”
ฮ่วนเอ๋อตอบอย่างไร้แยแส
เรียกว่าท่าทางของฮ่วนเอ๋อตอนนี้ เสมือนนางมารน้อย ที่ฆ่าคนได้ง่ายกว่ารับประทานอาหาร…
“ฮ่วนเอ๋อ…หากเจ้าไม่สวมผ้าคลุมหน้าเอาไว้ ต่อไปก็ไม่ต้องตามข้ามาแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเข้มดุ!
อย่างไรก็ตามแม้ปากจะพูดออกไปเสียงดุ แต่ในใจเขาป้อแป้เหลือเกิน
ใครจะไปรู้ล่ะ เกิดท่านย่าน้อยนางนี้โมโหขึ้นมา แล้วตบเขาตายจะให้ทำอย่างไร?
แม้ฮ่วนเอ๋อจะพึ่งลงมือให้เห็นเพียงเล็กน้อย จนเขายังไม่อาจหยั่งถึงพลังฝีมือก้นบึ้งของนาง…
อย่างไรก็ตาม เขามั่นใจได้เรื่องหนึ่ง…
ด่านพลังฝึกปรือของฮ่วนเอ๋อ อย่างต่ำๆก็ต้องบรรลุถึงต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์! เผลอๆอาจจะเป็นต้าหลัวจินเซียนขั้นสุดยอดด้วยซ้ำ! เพราะการลงมือสังหารของนางเมื่อครู่ ต้าหลัวจินเซียนขั้นเหลืองไม่ทันใดตอบสนองสิ่งใด ก็ตกตายในพริบตา!!
ทว่าด้วยระดับพลังฝึกปรือของเขาตอนนี้ หากลงมือเต็มกำลังใช้ออกกด้วยทุกสิ่ง อย่างดีก็เพียงทัดเทียมกับต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์อ่อนๆเท่านั้น
ต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์อ่อนๆที่เขากล่าวถึง ก็คือต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์ที่พึ่งบรรลุมาไม่นาน ด่านพลังยังไม่เสถียรดี หรือต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์ที่มีวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังต่ำกว่าระดับปฐพีลงไป อย่างไรก็ตามอาศัยต้าหลัวจินเซียนที่มีเงื่อนไขเช่นนี้ เขาที่ใช้ออกด้วยทุกสิ่งก็ทำได้แค่พอต้านทานรับมือให้ไม่แพ้เท่านั้น
อย่างไรก็ตามหากฮ่วนเอ๋อเป็นถึงต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์จริง วรยุทธ์ทั้งเวทย์พลังของนางจะต้อยต่ำกว่าระดับปฐพีได้หรือ?
ถึงแม้เขาจะยังหยั่งไม่ถึงก้นบึ้งของฮ่วนเอ๋อ แต่ดูจากลูกแก้วมายาที่มารดาของนางทิ้งไว้ให้ น่ากลัวว่ามารดาของนางจะไม่ใช่ชนชั้นธรรมดาสามัญ!
ในเมื่อมารดานางมิใช่ธรรมดาสามัญ แล้วไหนเลยวรยุทธ์กับเวทย์พลังที่ถ่ายทอดให้ฮ่วนเอ๋อจะง่ายดาย?
เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนจึงสรุปได้ไม่ยาก
ให้เขาลงมือสุดกำลัง สิบในสิบก็คงสู้ฮ่วนเอ๋อไม่ได้!
สุดกำลังที่ว่าย่อมหมายถึงใช้ออกด้วยอดีตอุปกรณ์เทพอย่างกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนแล้ว!
‘แถม…ตอนที่ฮ่วนเอ๋อลงมือฆ่าต้าหลัวจินเซียนขั้นเหลืองทั้ง 2 นางยังไม่ได้ใช้อาวุธอมตะด้วยซ้ำ’
ในขณะที่คิดไปอย่างตื่นตระหนก ต้วนหลิงเทียนก็นึกถึงจุดนี้ได้ และนั่นทำให้เขาต้องสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บอย่างอดไม่ไหวอีกรอบ ‘แต่เผลอๆอาจจะเป็นข้าดูเบาฮ่วนเอ๋อไปก็ได้…นางอาจจะไม่ใช่แค่ต้าหลัวจินเซียนขั้นสุดยอด…แต่อาจเป็นถึงยอดเซียนอมตะ’
ยอดเซียนอมตะ!
มองไปทั่วทั้งอาณาเขตของวังฉินที่เขาจากมา ตัวตนระดับยอดเซียนอมตะก็มีแค่อ๋องฉินเพียงผู้เดียว!
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนอยู่ในอาการหวั่นใจเพราะรอให้ฮ่วนเอ๋อตอบกลับนั้นเอง…
“ข้ารู้แล้ว!”
สองตาฮ่วนเอ๋อที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนอย่างจริงจัง อยู่ๆก็ฉายแววซุกซนออกมา หยีมองต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กล่าวว่า “เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนไม่อยากให้ใครเห็นหน้าฮ่วนเอ๋อใช่มั้ยล่ะ เลยอยากให้ฮ่วนเอ๋อใส่ผ้าคลุมปิดหน้าเอาไว้?”
“เอ่อ…”
ต้วนหลิงเทียนไร้คำจะพูดอยู่บ้าง เมื่อได้ยินคำถามนี้ของฮ่วนเอ๋อ
“ไงล่ะ ฮ่วนเอ๋อเดาถูกใช่หรือไม่?”
ฮ่วนเอ๋อหยีตามองต้วนหลิงเทียน พลางถามจี้อีกรอบ
“เจ้าจะเข้าใจแบบนั้นก็ได้…ยังไงก็แล้วแต่ รีบใส่ผ้าปิดหน้าเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนได้แต่ตอบกลับไปอย่างจนปัญญา
“ก็ได้ หากต้วนหลิงเทียนไม่อยากให้ใครเห็นหน้าฮ่วนเอ๋อ ถ้างั้นฮ่วนเอ๋อใส่ผ้าคลุมหน้าเพื่อไม่ให้ใครเห็นหน้าก็ได้…จากนี้ไปหน้าตาของฮ่วนเอ๋อจะให้ต้วนหลิงเทียนดูได้คนเดียวดีหรือไม่? อืม…ยกเว้นท่านแม่จากนี้ไปให้ต้วนหลิงเทียนดูได้คนเดียว”
ขณะกล่าวถึงจุดนี้ฮ่วนเอ๋อก็ยกมือขึ้น ทันใดนั้นปรากฏพลังเซียนอมตะอันเต็มไปด้วยไอเย็นเยียบกำจายออกมา จากนั้นพวกมันก็ควบรวมก่อเกิดผ้าสีขาวขึ้นปกปิดใบหน้าของนางเอาไว้ เข้ากับชุดที่นางสวมใส่พอดี…
ได้ยินวาจาคลุมเครือชวนให้คิดไปไกลของฮ่วนเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม พอได้เห็นแววตาใสซื่อบริสุทธิ์ของฮ่วนเอ๋อ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าฮ่วนเอ๋อไร้เจตนาอื่นใด
และมองจากสีหน้าใสซื่อของฮ่วนเอ๋อแล้ว เห็นได้ชัดว่านางยังไม่เข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงเลย
เห็นแบบนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
“ฮ่วนเอ๋อทำได้ดีมาก”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวนางเบาๆ เส้นผมของนางช่างอ่อนนุ่มเนียนมือนัก อีกทั้งกระทั่งถอยมือกลับมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนยังได้กลิ่นหอมๆฟุ้งติดมือมา…
เห็นกลิ่นหอมอันเป็นธรรมชาติของสตรี กลิ่นหอมเฉพาะตัวของฮ่วนเอ๋อ
“อย่างไรก็ตามเดี๋ยวพอพวกเราเข้าเมืองไปแล้ว ต้องไปซื้อผ้าคลุมหน้าจริงๆมาใช้…ผ้าคลุมหน้าจากพลังมันใช้การไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอีกครั้ง
ม่านผ้าที่สร้างขึ้นจากการควบแน่นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของฮ่วนเอ๋อนั้น หากเป็นคนที่มีพลังฝึกปรือเหนือกว่าฮ่วนเอ๋อ ก็สามารถมองผ่านมันได้ง่ายดาย
“อย่างนั้นก็ได้”
ฮ่วนเอ๋อพยักหน้ารับคำต้วนหลิงเทียนอย่างเชื่อฟัง
ทีท่าของนางตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับดรุณีน้อยไร้เดียงสาอ่อนต่อโลก ที่ไม่ประสีประสาอะไรเลย เมื่อเทียบกับ เทพธิดาหิมะอันเย็นชา ตอนที่นางลงมือเข่นฆ่าผู้คนทั้ง 4 ไปก่อนหน้า ช่างแตกต่างกันราวกับเป็นคนละคน
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสงสัยอย่างหนัก
‘ที่แท้…นางเป็นใครกันแน่!?’
มองไปยังฮ่วนเอ๋ออีกครั้ง ในใจต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกสับสนนัก
“ฮ่วนเอ๋อ…เจ้ารู้ไหมว่ามารดาของเจ้าเป็นใคร แล้วไปที่ใดแล้ว?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม
“ท่านแม่มิใช่มนุษย์…นางคือสัตว์อมตะ ‘จิ้งจอกมายา’ ส่วนเรื่องที่ท่านแม่ไปที่ใด ท่านแม่ไม่ได้บอกไว้ ฮ่วนเอ๋อเลยไม่รู้…”
ขณะกล่าวถึงท้ายประโยค สีหน้าน้ำเสียงขณะพูดของฮ่วนเอ๋อก็แลดูเศร้าๆนัก
“สัตว์อมตะ?”
ได้ยินคำตอบของฮ่วนเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนสุดอากาศเข้าลึกๆ มองถามฮ่วนเอ๋อด้วยความเหลือเชื่อว่า “ถ้างั้น…ฮ่วนเอ๋อเจ้าก็มิใช่มนุษย์เหมือนกันน่ะสิ?”
“ใช่”
ฮ่วนเอ๋อพยักหน้า “ฮ่วนเอ๋อไม่ใช่มนุษย์แท้…ท่านแม่บอกว่าฮ่วนเอ๋อคือ ‘จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา’ ที่ยากจะพบพานในรอบล้านปีของเผ่าจิ้งจอกมายา อีกทั้งจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาจะถือกำเนิดขึ้นจากมนุษย์กับจิ้งจอกมายาเท่านั้น”
“โดยปกติแล้ว หากมนุษย์กับจิ้งจอกมายาอยู่ร่วมกัน ส่วนใหญ่ลูกที่กำเนิดออกมาก็จะเป็นแค่มนุษย์หรือจิ้งจอกมายา…โอกาสที่จะมีจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาถือกำเนิดขึ้น ยังน้อยกว่าหนึ่งในหมื่น…”
“จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ยามแรกเกิดยังไม่ต่างอะไรจากทารกของมนุษย์…จำต้องผ่านการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องเสียก่อน ถึงจะกลายเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาได้”
ฮ่วนเอ๋อกล่าว
“งั้นพูดได้ว่า ฮ่วนเอ๋อ ก็เป็นกึ่งมนุษย์น่ะสิ?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
“อื้อ”
ฮ่วนเอ๋อพยักหน้ารับ
“ฮ่วนเอ๋อ เจ้าคิดถึงมารดาหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนถามต่อ
“คิดถึง!”
ฮ่วนเอ๋อพยักหน้างุดๆ จากนั้นก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยความกระตือรือร้น ถามว่า “ต้วนหลิงเทียน เจ้าช่วยฮ่วนเอ๋อตามหาท่านแม่ได้หรือไม่ ฮ่วนเอ๋อไม่ได้เจอท่านแม่นานมากแล้ว…ฮ่วนเอ๋อคิดถึงท่านแม่มาก…ฮ่วนเอ๋อคิดถึงท่านแม่มากจริงๆ…”
กล่าวถึงจุดนี้เสียงของฮ่วนเอ๋อก็กลายเป็นเศร้าสลด หยาดน้ำตาสองสายยังไหลรินลงมารดแก้ม ใบหน้าอันงดงามน่าเอ็นดูของนางตอนนี้กลับแฝงความเศร้าชวนให้ผู้ที่แลเห็นบังเกิดความสะทกสะท้อน ชวนให้เวทนาสงสารจับใจ…
“ฮ่วนเอ๋อไม่ร้อง…ข้าจะช่วยฮ่วนเอ๋อตามหาแม่ดีหรือไม่?”
เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของฮ่วนเอ๋อ ใจต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับอ่อนยวบ รีบกล่าวปลอบนางทันที
“ฮือออ….ฮ่วนเอ๋อคิดถึงท่านแม่…ฮ่วนเอ๋อคิดถึงท่านแม่เหลือเกิน…”
อยู่ๆฮ่วนเอ๋อก็พลันเข้าอ้อมอกต้วนหลิงเทียนร่ำไห้ราวเด็กน้อย ด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆในวงแขนทำให้ท้องน้อยต้วนหลิงเทียนอุ่นร้อนขึ้นมาในฉับพลัน หากแต่เขาก็ควบคุมอารมณ์ระงับอาการเอาไว้ได้ในพริบตา
ฮ่วนเอ๋อที่มีรูปโฉมงดงามทั้งรูปร่างสมบูรณ์แบบอยู่ๆก็โผเข้ามาอยู่ในอ้อมอกแบบนี้ ในฐานะผู้ชายแล้ว ต้วนหลิงเทียนย่อมบังเกิดความรู้สึกตามธรรมชาติอันยากทานทนเป็นธรรมดา
“ฮ่วนเอ๋อไม่ร้อง…ไม่ร้องไห้นะฮ่วนเอ๋อ…”
หลังระงับอารมณ์ที่เกิดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ต้วนหลิงเทียนก็เอื้อมมือไปตบหลังนางเบาๆ กล่าวคำปลอบราวกับนางเป็นเด็กน้อยอยู่หลายครั้ง
“นาง…หลับไปแล้ว?”
ครู่ต่อมาพอเสียงร้องไห้ของฮ่วนเอ๋อค่อยๆซาลงสุดท้ายก็เงียบหายไป ต้วนหลิงเทียนจึงพบว่าสตรีในอ้อมกอดหลับไปแล้ว ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะอึ้งไปอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นฮ่วนเอ๋อฟุบหลับไป ต้วนหลิงเทียนก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไร เพียงลอยร่างแน่นิ่งเอาไว้
‘เมื่อครู่…เจ้าพวกนั้นมันพูดถึงองค์ชาย 6 อะไรสักอย่าง…’
‘ยังมีเอ่ยถึง โฉมงามอันดับ 1 แห่งเมืองหลวงอะไรนั่นด้วย…’
‘ชายหนุ่มในชุดคุณชายจ๋านั่นยังมีชื่อว่า หนานกงลี่…’
ต้วนหลิงเทียนเริ่มเรียบเรียงความคิด โดยอาศัยเบาะแสจากวาจาที่กลุ่มคนเมื่อครู่สนทนากัน เพื่อหาความเป็นมา
สุดท้ายเขาก็อาศัยเบาะแสดังกล่าว มาผนวกกับสิ่งที่เขารู้…
‘ตอนใช้ยันต์หลบหนีเงาว่างเปล่า จุดที่ข้ามาโผล่สมควรอยู่ห่างจากวังฉินล้านลี้…เท่าที่รู้อย่างน้อยๆตอนนี้ข้าไม่ได้อยู่ในเขตปกครองของวังฉินอีกต่อไป…’
‘อย่างไรก็ตาม แม้ข้าจะออกห่างจากวังฉินล้านลี้ แต่ระยะทางแค่นี้เป็นไปไม่ได้ที่จะออกนอกประเทศอวิ๋นเหยียน…’
‘หากยึดวังฉินเป็นจุดศูนย์กลาง ตีวงรัศมีล้านลี้ห่างจากวังฉินรวมกับระยะทางที่ข้าบินมากับฮ่วนเอ๋อ…มีโอกาสเป็นไปได้ที่ข้าจะอยู่ใกล้ศูนย์กลางการปกครองของประเทศอวิ๋นเหยียน…เผลอๆแถวนี้ยังอาจจะอยู่ใกล้ๆเมืองหลวงของประเทศอวิ๋นเหยียนด้วยซ้ำ!’
‘พอดีกับในเมืองหลวงก็มีตระกูลชื่อหนานกงอยู่ด้วย แม้จะถือว่ามันเป็นแค่ตระกูลชั้นรองในประเทศอวิ๋นเหยียน แต่ขุมกำลังของพวกมันก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าวังฉินและวังของเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การปกครองของประเทศอวิ๋นเหยียน….’
‘อีกทั้งข้ายังได้ยินข่าวลือมานานแล้ว ว่าในบรรดาองค์ชายทั้ง 6 ของฮ่องเต้ประเทศอวิ๋นเหยียน องค์ชาย 6 นับว่าโดดเด่นที่สุด ทว่านอกจากจะมีความสามารถพร้อมทั้งบุ๋นบู๊ มันกลับเป็นคนมักมากในสตรี…’
‘ยังไงก็แล้วแต่ ดูท่าตอนนี้ข้าคงอยู่ห่างจากเมืองหลวงของประเทศอวิ๋นเหยียนไม่ไกลแล้วเป็นแน่’
หลังไตร่ตรองดูแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็พอจะรู้คร่าวๆว่าตอนนี้เขาอยู่แถวไหน
‘ไม่รู้นิกายสือหังเซียนส่งหญิงชรานั่นมาฆ่าข้าแค่คนเดียวรึเปล่า…หากมียอดฝีมืออย่างหญิงชราอยู่อีก เช่นนั้นถ้าพวกนางช่วยกันปูพรมค้นหาในรัศมีล้านลี้จากวังฉิน เกรงว่าคงใช้เวลาแค่ไม่นานก็อาจมาถึงที่นี่…’
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนักใจ และเขายังตัดสินใจได้ทันที
‘ฮ่วนเอ๋อตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่…ต้องรีบออกจากประเทศอมตะอย่างประเทศอวิ๋นเหยียนนี่ทันที’
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ก้มลงมองใบหน้างดงามใต้ม่านผ้าของฮ่วนเอ๋ออย่างไม่รู้ตัว จากนั้นคนก็เหม่อไปพักหนึ่ง…