WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2708
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2708
ตอนที่ 2,708 : เย็นชา ศักดิ์สิทธิ์!
ห่างออกไปราวๆแสนลี้ จากจุดที่ต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋ออยู่ ปรากฏร่างหนึ่งขึ้นในอากาศว่างเปล่า
เป็นหนางกงลี่ที่ใช้ยันต์แสงเงาเหินหลบหนีมาภายใต้จมูกต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อได้ทันเวลา และมันยังเป็นลูกชายของผู้นำตระกูลหนานกงแห่งประเทศอวิ๋นเหยียน ประเทศอมตะระดับกลาง
แม้จะหลบหนีมาได้แล้ว แต่สีหน้าหนานกงลี่ก็ยังเผยความหวาดกลัวไม่หาย
“โฉมงามไร้ตำหนิผู้นั้นที่แท้นางเป็นใครกันแน่?ไฉนพลังฝีมือถึงได้สูงส่งขนาดนั้น!?”
“ผู้เฒ่าทั้ง 2 จะอย่างไรก็เป็นต้าหลัวจินเซียนขั้นเหลือง…แต่นางกลับไม่ได้ลงมือจริงจังอะไร อาศัยแค่ไอเย็นที่แผ่ออกจากร่างก็แช่แข็งผู้เฒ่าทั้ง 2 ให้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง ฆ่าคนในพริบตา!”
“ที่สำคัญไอเย็นนั่นเกิดจากพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของนาง…โดยที่นางไม่ได้ใช้ศาสตราอมตะ!”
คิดถึงจุดนี้หนานกงลี่ก็อดสูดหายใจเข้าลึกๆอีกรอบไม่ได้ ค่อยเอ่ยพึมพำต่อว่า “ปกติแล้ว…มีแค่ต้าหลัวจินเซียนขั้นสุดยอดเท่านั้นที่สามารถฆ่าต้าหลัวจินเซียนขั้นเหลือง 2 คนได้พร้อมๆกันโดยอาศัยแค่แผ่ไอพลังโดยไม่ต้องใช้ยอดสมบัติสวรรค์! สตรีนางนั้นไม่เพียงเลอโฉมแต่กลับร้ายกาจขนาดนี้?”
จังหวะนี้สติของหนานกงลี่ได้กลายเป็นแจ่มใส เสมือนมีน้ำเย็นถังหนึ่งราดรดลงหัว
ความปรารถนาอยากครอบครองในใจหายไปไม่มีเหลือ
“แล้วที่นี่มันที่ไหน?”
หลังได้สติหนากงลี่ก็เริ่มสำรวจสภาพแวดล้อมรอบกายทันที และมันก็พบว่าตัวเองอยู่บนยอดเขาสูงชันลูกหนึ่ง
‘หาที่ซ่อนก่อน…จากนั้นค่อยส่งข้อความกลับไป ท่านพ่อจะได้ส่งคนมารับข้ากลับเมืองหลวง’
ตอนนี้หนานกงลี่ไม่กล้าเดินทางกลับเมืองหลวงด้วยตัวคนเดียว
ด้วยระดับพลังฝึกปรือของมัน หากมันรีบร้อนกลับเมืองหลวงไปเพียงลำพัง หากเจอโจรร้ายคิดปล้นชิงหรือสัตว์อมตะอะไรขึ้นมา มันก็มีโอกาสตกตายสูงนัก
ดังนั้นมันเลยหาถ้ำในเขาเพื่อซ่อนตัว จากนั้นจึงหยิบยันต์อมตะออกมาจ่ายพลังลงไป ตัวยันต์ก็ส่องสว่างจ้า ก่อนจะกลายเป็นลำแสงพุ่งหายลับขอบฟ้าไปยังทิศทางที่ตั้งเมืองหลวงของประเทศอวิ๋นเหยียน
ในตอนที่ส่งยันต์อมตะกลับไป หนานกงลี่ไม่ใช่แค่บอกให้บิดาส่งคนมารับเท่านั้น มันยังต้องอธิบายลัษณะภูมิประเทศโดยละเอียด เพื่อไม่ให้คนที่มารับหาไม่พบ
ส่วนตอนนี้มันอยู่ทิศไหนมันก็ไม่รู้เลย
อย่างไรก็ตามในตอนที่บิดามันได้รับยันต์อมตะที่มันส่งไป ก็ต้องสมควรเห็นทิศทางที่ยันต์อมตะพุ่งข้ามขอบฟ้ามาแต่แรก มันเชื่อว่าบิดาต้องยืนยันทิศทางได้แน่นอน
เพราะสุดท้ายแล้วยันต์อมตะสื่อสารก็จะเดินทางเป็นเส้นตรง
ในฐานะลูกชายของผู้นำตระกูล ยันต์อมตะสื่อสารที่หนานกงลี่ใช้ ย่อมเป็นยันต์อมตะที่จารึกสร้างขึ้นด้วยพลังของตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะในตระกูล!
ดังนั้นความเร็วในการพุ่งข้ามฟ้าไปของยันต์อมตะ ก็ไม่ต่างอะไรจากความเร็วในการเหินบินของยอดเซียนอมตะ!
เว้นแต่จะมีตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะหรือเหนือกว่านั้นลงมือขัดขวาง ปกติแล้วยันต์อมตะดังกล่าวย่อมไปถึงเมืองหลวง กระทั่งงถึงบ้านตระกูลหนานกงได้อย่างงราบรื่น
ในขณะที่หนานกงลี่ใช้ยันต์อมตะเพื่อส่งข้อความบอกบบิดาว่าตอนนี้มันซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ รอให้บิดาส่งคนมารับนั้น…
อีกด้านหนึ่ง
ในนที่สุดฮ่วนเอ๋อที่ผล็อยหลับไปในอ้อมอกต้วนหลิงเทียนก็ตื่นขึ้น
“ต้วนหลิงเทียน ถึงแม้ตรงนี้เจ้าจะแตกต่างจากข้าทั้งแข็งยิ่ง แต่ก็หนุนสบายดี…”
ฮ่วนเอ๋อไม่เพียงตื่นขึ้นแล้ว แต่นางยังระงับความโศกเศร้าเสียใจได้แล้วด้วย ตอนนี้นางกำลังใช้มือลูบหน้าอกต้วนหลิงเทียนวนไปมาด้วยรอยยิ้ม
และแทบจะทันทีที่นางคลี่ยิ้มออกมา ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนมวลหมู่บุปผาพร้อมใจกันบานสะพรั่ง ช่างงดงามเหลือเกิน ถึงขั้นทำให้เขาสติหลุดลอยไปพักหนึ่ง
หลังดึงสติกลับมาจากอาการเหม่อเพราะเห็นรอยยิ้มของฮ่วนเอ๋อได้สำเร็จ ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ชัดว่าตอนนี้ร่างนางที่กอดกับเขาอยู่มันนุ่มนิ่มปานใด โดยเฉพาะความนุ่มจากหน้าอกหน้าใจของนางนั่น ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกร้อนรุ่มที่ช่วงล่างขึ้นมาทันที
‘ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย…’
ต้วนหลิงเทียนลอบทอดถอนในใจคราหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆใช้มือดันร่างฮ่วนเอ๋อให้ผละออกเบาๆ เนื่องเพราะหากร่างบางของนางยังมานัวเนียกับเขาอยู่แบบนี้ เดี๋ยวเขาได้ตบะแตกกันพอดี!
นับเป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่เขาถูกสตรียั่วยวนด้วยท่าทางไร้เดียงสาขนาดนี้…
แม้เขาจะไม่คิดปันใจให้สตรีอื่นใด เพราะมีคนของใจมากเกินพอแล้ว แต่อย่างไรเขาก็ยังเป็นผู้ชายคนหนึ่ง
มีสตรีที่งดงามปานเทพธิดา พร้อมด้วยรูปร่างอันสมบูรณ์แบบไร้ตำหนิมาคลอเคลียแบบนี้ หากเขายังไม่มีอารมณ์ น่ากลัวคงต้องเครียดหนัก แล้วตั้งคำถามว่าใช่ร่างกายเขามีอะไรผิดปกติหรือไม่…
“ฮ่วนเอ๋อ พวกเราลองหาดูก่อนว่าใกล้ๆแถวนี้มีเมืองอะไรอยู่บ้าง…เมื่อรู้ว่าพวกเราอยู่ที่ไหนแล้ว ค่อยเดินทางกันต่อ”
ขณะดันร่างฮ่วนเอ๋อออกไปเบาๆ ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยขึ้น
“ฮ่วนเอ๋อแล้วแต่ต้วนหลิงเทียน”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อก็พยักหน้ารัวๆราวลูกเจี๊ยบจิกข้าวสาร
ตั้งแต่ที่ฮ่วนเอ๋อเกิดมา นอกจากมารดาของนางแล้ว นางก็เคยพบเจอคนอื่นแค่ 10 คนเท่านั้น และ 9 คนที่นางเคยเจอก่อนหน้า เพียงแรกพบแต่ละคนก็เผยสายตาที่ทำให้นางรู้สึกไม่ชอบทั้งรังเกียจทั้งสิ้น นางจึงฆ่าทุกคนทิ้งไม่มีเหลือ
มีแต่ต้วนหลิงเทียนคนเดียวที่ยามแรกพบ แล้วสายตาเขาไม่ได้ทำให้นารู้สึกรังเกียจ
ยิ่งไปกว่านั้นต้วนหลิงเทียนยังตรงตามเงื่อนไขที่มารดานาตั้งไว้ทุกประการ และสมควรเป็นคนที่มารดาบอกให้นางเฝ้ารอว่าสักวันจะพานางออกไปยังโลกภายนอก…
ฮ่วนเอ๋อที่ไม่เคยเจอโลกภายนอกมาก่อน ย่อมแปลกหูแปลกตาไปหมด และไม่ได้รับทราบถึงความน่ากลัวของโลกแม้แต่น้อย กระทั่งสตรีที่ถูกเลี้ยงไว้ในห้องหับดั่งนกในกรงทั้งหลาย ก็ยังพอรู้เรื่องราวอะไรมากมาย ทว่าสำหรับฮ่วนเอ๋อแล้ว นางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้เลย
และนับตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนปรากฏตัว ฮ่วนเอ๋อที่แต่เดิมโลกทั้งใบก็มีแค่มารดา ทว่าตอนนี้ด้วยความที่มารดานางไม่รู้ไปไหนแล้ว เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนเลยกลายเป็นโลกทั้งใบของนางแทน…
เป็นธรรมดาว่าฮ่วนเอ่อในตอนนี้ไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ใดๆ คนรักหรือสหายนางก็ไม่รู้ทั้งสิ้น
นางรู้แค่ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนที่มารดาบอกว่าจะพานางไปจากซากปรักหักพังนั่นเท่านั้น และในเมื่อต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนที่นางเกลียด กระทั่งยังเป็นคนที่นางสนใจ เช่นนั้นนางจึงไม่อนุญาตให้ใครทำร้ายต้วนหลิงเทียน
และใครที่ทำร้ายต้วนหลิงเทียนต้องตาย!
เพราะเหตุนี้ชายชราทั้ง 2 จากตระกูลหนานกงที่คิดลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนจึงต้องตาย สุดท้ายจึงบังเกิดเป็นฉากสังหารก่อนหน้า
ฮ่วนเอ๋อในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจาก กระดาษขาว…
สีสันที่จะแต่งแต้มลงไปหลังจากนี้ ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในวันหน้าที่นางพบเจอ รวมถึงคำชี้แนะของต้วนหลิงเทียน
“งั้นพวกเราไปกันเลยเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวชวนฮ่วนเอ๋อ ก่อนที่จะเริ่มเหินร่างนำออกไป ฮ่วนเอ๋อก็ตามมาติดๆดั่งเงาตามตัว ราวกับไม่อยากอยู่ห่างเขา
ต้วนหลิงเทียนย่อมสัมผัสได้ถึงอาการติดเขาแจของฮ่วนเอ๋อ
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สนใจอะไร
เพราะเขารู้ดีว่าทั้งหมดเป็นเพราะฮ่วนเอ๋อไม่รู้จักใคร ทั้งไม่รู้เรื่องราวในโลกมากพอ พออยู่ด้านนอกไปสักพัก สุดท้ายก็คงรู้ถึงความแตกต่างระหว่างหญิงชายเอง จากนั้นก็คงไม่มาติดเขาแจแบบนี้อีกแล้ว
ไม่กี่วันต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็เห็นเมืองหนึ่งไกลๆ
หังจากเข้าเมืองมาแล้ว สิ่งแรกที่ต้วนหลิงเทียนทำก็คือการไปซื้อผ้าปิดหน้าให้ฮ่วนเอ๋อ ยังเป็นผ้าปิดหน้าแบบทึบแสงที่ปกปิดรูปโฉมอันงดงามไร้ตำหนิของฮ่วนเอ่อได้มิดชิด กันไม่ให้ความงามของนางชักนำเภทภัยมาได้อีก
อย่างไรก็ตาม ต่อให้ฮ่วนเอ๋อสวมผ้าคลุมหน้าแล้ว แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ยังคงดึงดูดความสนใจของผู้ชายอยู่ดี
กระทั่งผู้หญิงเองก็มีหลายคนที่อดเหลียวหลังกลับมามองฮ่วนเอ๋อไม่ได้
ฮ่วนเอ๋อก็ติดตามอยู่ข้างกายต้วนหลิงเทียนไม่ห่าง เมื่อเห็นผู้คนมากมายรอบๆ นางก็ไม่ได้แสดงท่าทางไร้เดียงสาราเด็กน้อยอีก หากแต่เย็นชาไม่สนใจอะไร ให้ผู้คนรู้สึกเสมือนถูกนางผลักไสไปหลายพันลี้
ด้วยชุดคลุมสีขาวของฮ่วนเอ๋อ กับท่าทางเย็นชานั่น ยังให้ความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์จนผู้คนไม่กล้าตอแยด้วย
“สตรีนางนั้นแม้จะสวมผ้าปิดหน้าเอาไว้…หากแต่ลักษณะท่าทางของนาง รูปร่างนั่น ดวงตาที่ทำให้ข้ารู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางสารทฤดูนั่น ข้ามั่นใจว่าใต้ผ้าปิดหน้าของนาง ต้องมีรูปโฉมอันเลิศล้ำเป็นแน่!!”
“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แทงร้อยเอาหนึ่งยังได้ โฉมหน้าใต้ม่านผ้าของสตรีนางนั้นไม่มีทางน่าเกลียดแน่นอน!”
“ไม่ใช่ว่าใบหน้าของนางมีตำหนิอันใดจนทำให้แลดูอัปลักษณ์น่ากลัวหรือไร ถึงต้องใช้ผ้าปิดเอาไว้…พวกเจ้าคิดมากกันรึเปล่า?”
“มารดามันเถอะ ข้าอยากวิ่งไปดึงผ้านั่นลงยิ่ง…จะได้รู้กันว่าที่แท้นางมีรูปโฉมเช่นไร…”
…
ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อที่เดินไปตามถนนหนทาง ก็ได้ยินเสียงซุบซิบจากผู้คนที่กล่าวถึงพวกเขาหลายครั้ง
กล่าวได้ว่าหลังเดินสวนกันไป มีหลายคนที่อดไม่ได้ที่จะคุยกันด้วยความสงสัย
ในวาจาล้วนแล้วแต่ถูกท่าทีเย็นชาแต่ทว่ากลับดูศักดิ์สิทธิ์ของฮ่วนเอ๋อดึงดูดทั้งสิ้น อีกทั้งหลายคนก็ติดใจกับดวงตาดั่งงยามสารฤทนั่นของฮ่วนเอ๋อ จึงพากันคาดเดาไปว่า 9 ใน 10 รูปโฉมใต้ผ้าปิดหน้าต้องงดงามเป็นแน่
แม้จะไม่มีดวงตาอันไร้ที่ตินั่น ก็เกรงว่าผลคงไม่ต่างกันเท่าไหร่
“สหายทั้ง 2 ช้าก่อน”
หลังเดินตัดเข้าสู่ถนนเส้นใหญ่สักพัก ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ
ฮ่วนเอ๋อไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
จนเมื่อต้วนหลิงเทียนหยุดร่างลงและหันไปมอง ฮ่วนเอ๋อก็หยุดและหันไปมองบ้าง
ต้วนหลิงเทียนหันไปก็พบเห็นคนที่คล้ายจะเรียกหาพวกเขา เป็นชายหนุ่มรูปงามในชุดบัณฑิต ในมือถือไว้ด้วยพัดขนนก ใบหน้าหล่อเหลา รอยยิ้มแลดูอ่อนโยน หากแต่หว่างคิ้วกลับเต็มไปด้วยความชั่วร้ายประการหนึ่ง ชวนให้แลดูขัดแย้งในตัวนัก
ด้านหลังชายหนุ่มรูปงามคนนี้ ยังมีชายชราติดสอยห้อยตามมาด้วยสองคน แม้สารรูปจะแลไม่ต่างอะไรจากผู้ชราธรรมดาๆ แต่ต้วนหลิงเทียนบอกได้ทันทีว่าพวกมันไม่ธรรมดา
อย่างน้อยๆก็ไม่อ่อนด้อยไปกว่าชายชราทั้ง 2 ที่ติดตามคุ้มกันหนานกงลี่ที่ตายคามือฮ่วนเอ๋อเท่าไหร่
“สหายทั้ง 2 ดูเหมือนจะไม่ใช่คนเมืองนี้ใช่หรือไม่?”
มุมปากชายหนุ่มในชุดบัณฑิตยกยิ้มขึ้นกว่าเดิม ขณะมองถามต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ
อย่างไรก็ตามสายตาของมันดูจะให้ความสนใจกับฮ่วนเอ๋อมากกว่า
“แล้วไง?”
ต้วนหลิงเทียนมองถามอีกฝ่ายด้วยท่าทางเฉยเมย
“คุณชายท่านนี้…”
เมื่อเห็นว่าฮ่วนเอ๋อมักจะคอยหลบอยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทางสนิทสนม สองตาของชายหนุ่มรูปงามก็ฉายแววอิจฉาไม่น้อย หากแต่มันก็หันไปมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มมั่นใจว่า
“ข้าอยากให้สหายหญิงข้างท่านช่วยลดผ้าปิดหน้านั่นลงหน่อย…แน่นอนว่าข้าไม่ร้องขอเปล่าๆ”
“ตราบใดที่สหายหญิงของท่านยินดีลดผ้าปิดหน้าลง ให้ข้าได้ยลโฉมนางสักครา ข้ายินดีมอบหินอมตะระดับสูง 10,000 ก้อนให้พวกท่านแต่ละคนเป็นการตอบแทน”
ชายหนุ่มรูปงามกล่าวจบก็ฉีกยิ้มมั่นใจ