WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2714
ตอนที่ 2,714 : บีบคั้นตระกูลลู่
ถึงจะถูกอดีตผู้นำตระกูลลู่มองจ้องด้วยสายตาอาฆาตมากจิตสังหาร หากแต่สีหน้าต้วนหลิงเทียนยังคงสงบไม่หวั่นไหว ราวต่อให้ขุนเขาใหญ่ถล่มลงตรงหน้าก็ไม่แยแส
“ฮ่วนเอ๋อ”
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็เรียกฮ่วนเอ๋อเบาๆเสียงอ่อน ก่อนจะเอ่ยคำต่อด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ให้พวกมันประจักษ์ ว่าเจ้าทำอะไรได้…”
“หืม?”
เมื่อตระกูลลู่ได้ยินคำพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็อดตกใจไม่ได้ เร่งหันมองไปทาง ฮ่วนเอ๋อ ข้างกายต้วนหลิงเทียนอย่างไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น สองตาที่เผยให้เห็นเหนือผ้าปิดหน้าของฮ่วนเอ๋อ ก็เผยประกายเย็นชาวูบวาบ
ครู่ต่อมา
ซัว!
เพียงฮ่วนเอ๋อโบกมือเบาๆ พลันอุบัติไอยะเยือกหนึ่งผุดจากความว่างเปล่า และไม่ทันทีที่คนสกุลลู่จะทันได้ตอบสนองสิ่งใด ไอเย็นดังกล่าวก็แผ่มาปกคลุมพวกมันเสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม ฮ่วนเอ๋อยังคงปราณีอยู่
นั่นเพราะส่วนที่ถูกไอเย็นปกคลุมของคนสกุลลู่นั้น ล้วนต่ำกว่าเอวลงมาทั้งสิ้น!
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
…
ก่อนที่คนสกุลลู่จะทันได้ตอบสนองอะไร ร่างกายครึ่งล่างของพวกมันก็ถูกไอเย็นแช่จนกลายเป็นน้ำแข็ง! กระทั่งมวลอากาศใต้เท้าของพวกมันยังจับตัวเป็นแผ่นน้ำแข็ง! และด้วยความที่ไอเย็นดังกล่าวยังแผ่ความเย็นออกมาไม่หยุด แผ่นน้ำแข็งก็เริ่มแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว!!
แกก! แกก! แกก! แกก!
เปรี๊ยะ!
…
เสียงคล้ายวัตถุควบแน่นดังขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า มองไปพบว่าเป็นไอเย็นที่ปะทุออกมาก่อนหน้า บัดนี้ได้แช่แข็งอากาศ จนปรากฏแผ่นน้ำแข็งกว้างใหญ่แผ่นหนึ่งขึ้นกลางอากาศ!!
เมื่อลานน้ำแข็งนี้ปรากฏขึ้น มันก็ได้ทำประโยชน์ทันที
ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!
…
เสียงวัตถุตกกระทบดังขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน เป็นคนสกุลลู่ที่ครึ่งร่างถูกแช่เป็นน้ำแข็งนั้น พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างกายของพวกมันเริ่มโคจรติดขัดจากไอเย็น สุดท้ายร่างพวกมันก็สั่นไหวไปมากลางหาวระรัว ค่อยร่วงตกลงไปเพราะพลังขาดห้วง…
ยังดีที่พวกมันไม่ได้ตกลงมารวดเร็วอะไร และลานน้ำแข็งที่ก่อเกิดขึ้นก็ไม่ได้อยู่ห่างจากเท้าของพวกมันมากนัก
หาไม่แล้วหากร่วงตกลงมาแรงกว่านี้อีกนิดสูงกว่านี้อีกหน่อย ไม่พ้นร่างกายท่อนล่างที่กลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งไปแล้วของพวกมัน คงต้องแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆแน่นอน!
ถึงตอนนั้นพวกมันทุกคนก็คงเป็นผู้พิการ และมีร่างเหลือครึ่งตัว!
อย่างไรก็ตาม ด้วยอยู่ๆก็เจอเรื่องน่ากลัวเช่นนี้ ทำให้คนสกุลลู่ทั้งหมดแม้จะร่วงตกไปยืนอยู่บนลานน้ำแข็งกลางอากาศได้แล้ว แต่พวกมันก็ตกตะลึงไปด้วยความหวาดกลัว เนิ่นนานกว่าจะดึงสติกลับมาได้
ซูว ซูว
ผู้ที่รู้สึกตัวก่อนใคร ก็คือบรรพบุรุษตระกูลลู่ กับอดีตผู้นำตระกูลลู่ และตอนนี้พอมองสบตากับสตรีอันมีผ้าปิดหน้าอยู่ แววตาของพวกมันก็ฉายชัดถึงคามหวาดกลัวจับใจ!
‘ยอดเซียนอมตะ! เป็นยอดเซียนอมตะ!!’
‘สตรีนางนี้…กลับเป็นถึงยอดเซียนอมตะ!!’
…
จังหวะนี้ในใจของผู้ยิ่งใหญ่ตระกูลลู่ทั้ง 2 เสมือนมีมรสุมเข้าก็ไม่ปาน
สตรีที่มีผ้าปิดหน้าข้างๆชายหนุ่มชุดม่วงนั้น เพียงลงมือส่งๆ แต่ตัวตนขอบเขตต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์อย่างพวกมันทั้งสอง กลับไม่อาจตอบสนองสิ่งใดได้ทัน
กว่าจะรู้ตัว ก็โดนดีเสียแล้ว!
สิ่งนี้ยืนยันให้พวกมันรับบทราบเรื่องหนึ่ง…
อย่างน้อยๆ สตรีตรงหน้าก็ต้องเป็นยอดเซียนอมตะ!!
เพราะต่อให้เป็นต้าหลัวจินเซียนขั้นสุดยอด ก็ไม่มีพลังมากพอจะจัดการพวกมันได้ง่ายดายขนาดนี้
ยอดเซียนอมตะ!
ตัวตนระดับนี้ คิดจะลบตระกูลลู่ของพวกมันให้หายสาบสูญไปจากโลกหล้า ก็ลำบากเพียงยกมือ!
“ใต้เท้ายอดเซียนอมตะ พวกเรามาที่นี่เพราะมีธุระกับตระกูลฉี…ขอใต้เท้าเมตตาละเว้นคนโง่เขลา ที่เข้าใจผิดเช่นพวกเราสักครา”
“ขอใต้เท้าเมตตาละเว้นพวกเราด้วย”
…
ครู่ต่อมาบรรพบุรุษตระกูลลู่กับผู้นำตระกูลลู่ ก็เร่งกล่าวคำวิงวอนร้องขอคามเมตตาออกมาทันที ขณะกล่าวร่างพวกมันยังสั่นระริกไปด้วยความหวาดกลัว
กระทั่งอดีตผู้นำรุ่นก่อนที่ตอนแรกกระเหี้ยนกระหืออยากล้างแค้นให้ผู้หลานเต็มพิกัด บัดนี้ก็สิ้นท่า เร่งวิงวอนร้องขอออกมาตัวสั่นด้วยความกลัว
แม้การล้างแค้นให้หลานชายจะเป็นเรื่องสำคัญ ทว่านั่นก็ต้องดูสถานการณ์ก่อน…
และเมื่อพินิจจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะล้างแค้นให้หลานชายได้
เช่นนั้นถึงแม้ในใจมันจะไม่ยินยอมเพียงไหน มันก็ได้แต่ต้องยอม
เพราะหากมันไม่ยอมแพ้ ไม่เพียงแต่จะแก้แค้นไม่สำเร็จ กระทั่งชีวิตตัวเองยังต้องดับสูญไปเปล่าๆปลี้ๆ
ที่สำคัญก็คือพวกมันล้วนใช้ชีวิตมานาน ย่อมแยกแยะระหว่างกำไรขาดทุนได้ชัดเจน
“ยอดเซียนอมตะ!?”
“สตรีผู้นั้น…เป็นถึงยอดเซียนอมตะ!?”
…
เมื่ออดีตผู้นำตระกูลกับบรรพบุรุษวิงวอนร้องขอความเมตตาออกมา เหล่าอาวุโสของตระกูลลู่ที่ติดตามมาด้วย ก็รู้สึกเสมือนในใจมีพายุกระหน่ำ!
แม้พวกมันจะเห็นตัวตนดั่งผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 2 ของตระกูลร้องขอความเมตตาออกมาอย่างน่าสมเพช แต่พวกมันก็ไม่มีใครมองว่าน่าละอายแม้แต่น้อย
เพราะสุดท้ายแล้วอีกฝ่ายก็เป็นถึงยอดเซียนอมตะ ตัวตนที่ทรงพลังเหนือต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์มากมาย!
“ข้าน้อยขอคารวะใต้เท้ายอดเซียนอมตะ!”
“ข้าน้อยขอคารวะใต้เท้ายอดเซียนอมตะ!”
…
และด้วยมีบรรพบุรุษกับอดีตผู้นำตระกูลเป็นแบบอย่าง อาวุโสทั้งหลายก็เร่งประสานมือคารวะฮ่วนเอ๋อ พลางโค้งหัวลงไปเท่าที่ร่างกายจะอำนวย
ภาพความฮึกเหิมที่คิดมาเอาเรื่องก่อนหน้า ไม่ทราบหายไปที่ใดหมด?
กลับกันในขณะที่ทำความเคารพฮ่วนเอ๋อ ร่างท่อนบนที่พยายามโค้งลงไปของพวกมันก็เผยอาการสั่นสะท้านเพราะความตื่นตระหนกตกใจให้เห็นชัดเจน
ยอดเซียนอมตะ!
นั่นคือตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะ!
คววามพิโรธของยอดเซียนอมตะ สามารถฆ่าล้างตระกูลพวกมันได้ง่ายๆ!
“เป็นอย่างไรบ้างต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อทำดีหรือไม่?”
อย่างไรก็ตามในขณะที่สกุลลู่เร่งโค้งหัวคารวะ ร่ำร้องขอความเมตตาฮ่วนเอ๋ออย่างหวาดกลัวเสียขวัญ ด้านฮ่วนเอ๋อที่เป็นผู้ลงมือกลับหันไปมองต้วนหลิงเทียน ด้วยสีหน้าแววตาราวกับรอคำชม
“ดีสิ…ครั้งนี้ฮ่วนเอ๋อทำได้ดีมาก!”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ พลางเอื้อมมือไปลูบหัวฮ่วนเอ๋อ ค่อยกล่าวต่อว่า “เอาล่ะ ฮ่วนเอ๋อถอนพลังผนึกร่างของพวกมันกลับได้แล้ว”
“ได้เลย!”
ฮ่วนเอ๋อพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง ทันใดนั้นนางก็สะบัดมืออีกครา อุบัติสายลมอีสายพัดโชยออกไป…
ซู่ววว!!
และในขณะที่สายลมดังกล่าวพัดผ่านไป นอกจากร่างกายครึ่งล่างของคนตระกูลลู่ทั้งหลายที่ถูกแช่เป็นน้ำแข็งจะเริ่มหวนคืนสู่สภาพปกติแล้ว ลานน้ำแข็งกลางหาวยังคงลอยตระหง่านแน่นิ่งแผ่ไอเย็นเช่นเดิม…
ตุบ! ตุบ!
ต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์ทั้ง 2 ของตระกูลลู่ ย่อมฟื้นตัวก่อนผู้ใด พวกมันยังเร่งคุกเข่าลงไปยังลานน้ำแข็งเยียบเย็นให้ฮ่วนเอ๋อ ขณะเดียวกันพอพวกมันมองไปทางต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาของพวกมันก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกทั้งวิตกกังวล
บางทีพลังฝีมือของชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าอาจไม่ดีเท่าพวกมัน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกมันมองเห็นกันชัดเจน
ว่าสตรีผ้าปิดหน้าอันมีพลังฝีมือน่ากลัวนั่น คล้ายจะเชื่อฟังคำพูดของชายหนุ่มชุดม่วงนัก!
หากชายหนุ่มชุดม่วงนั่นเอ่ยให้นางฆ่าพวกมัน เกรงว่าสตรีผ้าปิดหน้าก็คงจบชีวิตพวกมันโดยทันทีแน่!
ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ!
…
หลังได้เห็นต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์ทั้ง 2 คุกเข่าลงไป ผู้นำตระกูลลู่รวมถึงอาวุโสตระกูลลู่ที่เดินทางมาด้วยกัน ก็เร่งคุกเข่าลงบนลานน้ำแข็งกลางอากาศให้ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อทันที
“ผู้นำตระกูลลู่ เจ้าจำคนไม่ผิดหรอก…”
ในขณะที่คนของตระกูลลู่พากันคุกเข่าลงไป ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองลู่เฉียนผู้นำตระกูลลู่ ค่อยกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมยว่า “ลูกชายของเจ้า นายน้อยตระกูลลู่ ลู่เหวินปิน เป็นข้าฆ่ามันจริงๆ…หากผู้นำตระกูลลู่ยังคิดจะล้างแค้นให้ลูกชาย ตอนนี้เชิญเจ้าลงมือได้เลย”
กล่าวถึงท้ายประโยค ต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องลู่เฉียนตาเขม็ง
“ไม่…ข้าน้อยไม่กล้า! ข้าน้อยไม่กล้า!!”
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ลู่เฉียนที่ก้มหน้าอยู่ก็เร่งส่ายหัวไปมาอยางตื่นตระหนก ราวกับการที่ต้วนหลิงเทียนบอกให้มันลงมือนั้น เป็นดั่งการเอาชีวิตของมัน!
แต่มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะในใจของลู่เฉียนการที่ต้วนหลิงเทียนบอกให้ลงมือนั้น ไม่ต่างอะไรกับการบอกให้มันไปตาย!
ล้อกันเล่นหรือไร?!
บางทีพลังฝีมือของชายหนุ่มุชดม่วงเบื้องหน้าอาจจะไม่ดีเท่ามัน…
อย่างไรก็ตาม ไม่เห็นหรือวาสตรีผ้าปิดหน้าอันเป็นตัวตนยอดเซียนอมตะยืนหัวโด่อยู่ข้างๆชายหนุ่มชุดม่วง แถมอีกฝ่ายยังแลดูเหมือนเฝ้ารอคอยให้มีเรื่อง เพื่อจะได้ลงมือเอาหน้าอย่างไรก็ไม่ทราบ…
มันนึกภาพออกได้ทันที ว่าถ้าหากมันลงมือกับชายหนุ่มชุดม่วงขึ้นมา น่ากลัวว่าคงได้ถูกสตรีนางนั้นฆ่าทิ้งก่อนที่จะทันได้แตะชายเสื้ออีกฝ่าย…
“เช่นนั้น…ผู้นำตระกูลลู่ไม่คิดล้างแค้นแล้วหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามอีกรอบ
“ไม่…ไม่แล้ว…ข้าไม่คิดอะไรเช่นนั้นแล้ว! ทั้งหมดเป็นลูกชายไม่เอาไหนของข้ามีตาแต่หามีแววไม่ ขุนเขาตั้งอยู่เบื้องหน้าไม่อาจแลเห็น กล้าไปล่วงเกินใต้เท้าทั้งสอง! กล่าวไปข้ายังต้องขอบคุณใต้เท้าทั้ง 2 ที่ช่วยจัดการเก็บกวาดคนไม่เอาไหนให้ข้า!!”
ลู่เฉียนเดิมทีก็คิดจะพูดปฏิเสธไปว่าไม่แล้วอย่างเดียว แต่พอนึกอีกทีมันก็รู้สึกว่าเท่านี้ยังไม่เหมาะเท่าไหร่ จึงเร่งกล่าวเสริมด้วยการขอบคุณต้วนหลิงเทียนแทน
“แล้วเจ้าล่ะ…ฟังจากที่เจ้าพูดก่อนหน้าเหมือนลู่เหวินปินจะเป็นหลานชายของเจ้านี่?”
ไม่นานสายตาของต้วนหลิงเทียนก็เบนไปตกยังร่างบิดาของลู่เฉียน ซึ่งเป็นผู้นำรุ่นก่อนของตระกูลลู่
“เป็นหลานชายนิสัยเสียของข้ามีตาแต่หามีแววไม่ กล้าไปล่วงเกินใต้เท้าให้ขุ่นเคือง….ขอบคุณใต้เท้าที่จัดการมันให้พวกเรา…”
แม้ในใจของอดีตผู้นำตระกูลลู่จะไม่ยินยอมเพียงใด แต่มันย่อมรู้เรื่องเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามดี จึงเร่งกล่าวคำขอบคุณตามลูกชายตัวเองออกไป
“เช่นนั้นก็ดี!”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ ค่อยกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “พวกเจ้าตระกูลลู่…กล่าวไปแล้วก็ต้องขอบคุณพวกเราจริงๆนั่นล่ะ”
“เอ่อ?”
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยประโยคนี้ออกมา คนของตระกูลลู่ก็แทบจะกระอักเลือดออกมาให้ได้
ทั้ง 2 คนเบื้องหน้า จะไม่รังแกกันไปหน่อยหรือไร? พวกมันคุกเข่าร้องขอก็แล้ว ยังต้องมาขอบคุณอีกหรือ?
อย่างไรก็ตามแม้ในใจของพวกมันจะทดท้อและรู้สึกว่าฟ้าไม่ยุติธรรมแค่ไหน แต่พวกมันก็ไม่แสดงอาการใดๆออกมา
“เพราะเมื่อครู่…ข้าพึ่งจะจัดการต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์ทั้ง 2 ของตระกูลฉีไป ข้าว่านี่สมควรเป็นข่าวดีสำหรับตระกูลลู่ของพวกเจ้าใช่ไหม?”
ต้วนหลิงเทียนพูดต่อ
และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนพูดเรื่องนี้ออกมา ก็สร้างความตกใจให้กับคนของสกุลลู่นัก แต่ละคนยืดตัวตรงขึ้นพรวด แม้จะยังคุกเข่าอยู่ ทว่าแผ่นหลังของพวกมันก็ตรงแด่วราวหอก!
“ใต้เท้า…ท่านกล่าวจริงหรือ?!”
ลู่เฉียนกล่าวถามด้วยสองตาลุกวาว ลมหายใจยังกลายเป็นหอบถี่!
ตอนนี้ไม่เพียงแต่มันจะไม่รู้สึกปวดใจอะไร กระทั่งความไม่ยินยอมทั้งความคับแค้นใจที่ไม่อาจล้างแค้นให้ลูกชายตัวเองได้ ก็มลายหายไปหมดสิ้น
“ข้าต้องโกหกเจ้าด้วยเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนมองลู่เฉียนด้วยสายตาไม่แยแส ก่อนพูดว่า “กล่าวได้ว่าคราวนี้ข้าได้ช่วยเหลือตระกูลลู่ของพวกเจ้าครั้งใหญ่เลยทีเดียว…เพราะหลังจากนี้ต่อไปผู้ปกครองเมืองฉีลู่แห่งนี้ ก็สมควรเหลือแค่ตระกูลลู่ของพวกเจ้าตระกูลเดียวเท่านั้น…”
“กลิ่นอายพลังของพวกมัน…ไม่มีอยู่ที่ใดเลย”
ขณะเดียวกันต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์ทั้ง 2 ก็ได้แผ่สำนึกเทวะออกไปครอบคลุมตระกูลลู่ และทราบได้แทบจะทันที ว่ากลิ่นอายพลังขอบเขตต้าหลัวจินเซียนนขั้นสวรรค์ทั้ง 2 ของตระกูลฉี ไม่มีอยู่แล้ว…
ทั้ง 2 คนคล้ายจะสาบสูญไปในอากาศธาตุ!
เพราะปกติแล้วไม่ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่แค่ไหน ก็สมควรมีต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์อย่างน้อย 1 คน เฝ้าระวังอยู่ที่ตระกูล ฉี…!