WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2720 สตรีจองหอง!!
ตอนที่ 2,720 : สตรีจองหอง!!
ตึง! ครืดดด!!
…
ทันใดนั้นเอง อยู่ๆเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็ปรากฏฝุ่นปลิวคละคลุ้ง เหล่าผู้คนที่สัญจรไปบนถนนหลายคนอดไม่ได้ที่จะหวาดเสียว เพราะหากพวกมันฉากร่างออกข้างทางช้ากว่านี้อีกนิด ไม่แน่ว่าอาจจะถูกสัตว์อสูร 9 หัวเหยียบร่างแบนติดถนนให้ผู้คนหัวร่อไปแล้ว!
เมื่อฝุ่นคลีที่ฟุ้งว่อนเบื้องหน้าเริ่มซาลง ก็ปรากฏสัตว์อสูร 9 หัวตัวเขื่องพร้อมรถไร้หลังคาขวางทางต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเอาไว้
สตรีในชุดสีส้มที่ยืนอยู่บนรถไร้หลังคา ยังคงมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาร้อนแรงปานเพลิงไฟ!
ด้านหลังของสตรีในชุดสีส้ม ยังมีหญิงชราคนหนึ่งที่แลดูแก่หง่อมในชุดคลุมสีเทา คนยืนอยู่ด้วยสีหน้าเฉยเมยสายตาไม่จับจ้องจดจ่อสิ่งใด ทำให้ผู้คนไม่อาจเดาได้ ว่าในใจนางคิดอะไรอยู่
“นี่ เจ้าน่ะ…เรียกว่าอะไร?”
สตรีในชุดสีส้มที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนไม่วางตา ค่อยๆเอ่ยถามออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน แม้เสียงนางจะไม่ได้ดังอะไร แต่กลับสร้างความระคายหูให้ต้วนหลิงเทียนเป็นพิเศษ
อีกทั้งขณะกล่าวคำ แววตาที่สตรีชุดส้มใช้มองต้วนหลิงเทียน ก็คล้ายจะเผยความคิดหื่นกามประการหนึ่ง เผยให้ผู้คนรับทราบว่านางไม่ใช่กุลสตรีอันใด
ตั้งแต่ที่เห็นสตรีนางนี้ ให้สัตว์อสูร 9 หัวตัวเขื่องวกกลับมากระโดดข้ามผู้คนบนถนน โดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ต้วนหลิงเทียนก็มั่นใจได้สิบส่วนเต็ม…
สตรีนางนี้เป็นพวกจองหอง!
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังเห็นชีวิตคนเป็นแค่ผักปลา!
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองสตรีชุดส้มด้วยสายตาเฉยชาเล็กน้อย คร้านจะกล่าวอะไรกับนาง เพียงจูงมือฮ่วนเอ๋อเดินหลบออกข้าง คิดเลี่ยงสัตว์อสูร 9 หัวตั่วเขื่องเพื่อไปหาที่พักต่อ
หากแต่ในขณะที่เขากำลังจะจากไป
เพี๊ยะ!! ปักก!!!
เสียงบางสิ่งแหวกอากาศฉับไวก่อนที่จะฟาดลงบนพื้นถนัดถนี่ จนทำนองเสียงหนักดังขึ้น! เป็นสตรีในชุดสีส้มที่ไม่ทราบว่าในมือถือไว้ด้วยแส้ยาวตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้ตวัดแส้ฟาดหวดลงบนพื้นถนนเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนอย่างแรง!!
เจอแบบนี้ต้วนหลิงเทียนก็หยุดลง สีหน้ายังเปลี่ยนไปทันใด
กระทั่งสีหน้าฮ่วนเอ๋อเองก็คล้ายมีม่านน้ำแข็งฉาบเคลือบไว้ในฉับพลัน ทั่วร่างเริ่มแผ่กลิ่นอายเย็นชาออกมา
“แม่นาง…เจ้าคิดจะทำอะไร?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามสตรีชุดส้มด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
“ข้าคิดจะทำอะไร?”
สตรีนางนั้นยังคงมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาร้อนแรงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน นางกล่าวตอบออกมาอย่าถือดี “แล้วเจ้าไม่ได้ยินหรือไร? ข้านายหญิงกำลังถามไถ่ชื่อเจ้า!”
“ข้ารู้จักเจ้าด้วยเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว เอ่ยถาม
“เช่นนั้นตั้งแต่วินาทีนี้ไปเจ้าจงจดจำเอาไว้ให้ดี…ข้านายหญิงเรียกว่า โจวชู่ตง และนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าจักเป็น นายบำเรอ ของข้านายหญิง! เจ้าจงขอบคุณฟ้าเสีย ที่มีโอกาสดีๆเช่นนี้!!”
สตรีชุดส้มกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ สีหน้าเชิดขึ้นอย่างมาดมั่น เผยความหยิ่งยโสจองหอง
นายบำเรอ?
ได้ยินวาจาดังกล่าวของสตรีชุดส้ม ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้งไปพักหนึ่ง ไร้คำจะพูด
เขาย่อมรู้ดีว่านายบำเรอคืออะไร?
ไม่ใช่กล่าวกันว่ามีแต่หญิงชราแก่หง่อมแล้วหรือไร ที่ชอบซื้อนายบำเรอเอาไว้ปรนเปรอทั้งประกอบกามกิจกับเรือนร่างเหี่ยวๆไร้ผู้ใดเหลียวแลของตัวเองเพื่อหาความสุข?
แล้วไฉนสตรีจองหองถือดีเบื้องหน้าที่ดูแล้วก็ยังอายุไม่มาก ถึงได้มีงานอดิเรกเช่นนี้ได้?
‘จริงสิ…เซียนอมตะทั้งหลายบนระนาบเทวโลกจะอย่างไรก็มีชีวิตนิรันดร์ อันที่จริงไม่ต้องกล่าวถึงคนในระนาบเทวโลกด้วยซ้ำ เผลอๆสตรีที่แลดูยังเยาว์วัยนางนี้อาจเป็นยายเฒ่าหมื่นปีก็เป็นได้…’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
“นายบำเรอ?”
เมื่อฮ่วนเอ๋อได้ยินฐานะที่สตรีจองหองยัดเยียดมาให้ต้วนหลิงเทียนหน้าตาเฉย นางก็หันไปถามต้วนหลิงเทียนที่อยู่ข้างๆด้วยความสงสัยอย่างอดไม่ได้ “พี่หลิงเทียน นายบำเรอที่ว่าคืออะไรหรือ?”
ได้ยินคำถามของฮ่วนเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็ใบ้รับประทาน ด้วยไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี
“ข้าก็สงสัยแต่แรก…ว่าไฉนอยู่ๆคุณหนู 4 ของตระกูลโจวถึงได้บังคับสัตว์อสูรให้โดดย้อนกลับไปเช่นนั้น ที่แท้นางต้องตาพึงใจเจ้าหนุ่มชุดม่วงและคิดจับมันไปเป็นนายบำเรอคนใหม่นี่เอง…”
ทันใดนั้นเองเสียงกระซิบเบาๆ จากผู้ที่สัญจรบนถนนก็แว่วดังเข้าหูต้วนหลิงเทียน และทำให้ต้วนหลิงเทียนรับทราบว่าสตรีจองหองนาม โจวชู่ตง คนนี้เป็นคนจากตระกูลโจว
“ถึงคุณหนู 4 ตระกูลโจวผู้นี้จะเป็นโรคขาดผู้ชายมิได้และชมชอบสะสมนายบำเรอไว้ปรนเปรอความต้องการอันไม่รู้จักพอของนางเป็นที่สุด…แต่ข้าต้องยอมรับเลยว่าวิสัยทัศน์ของนางดียิ่ง มิใช่บุรุษทุกคนจะมีโอกาสได้เป็นนายบำเรอของนาง”
“เจ้าหนุ่มชุดม่วงผู้นั้นไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตาหรือท่วงท่าลักษณะก็แลดูไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ก็ไม่แปลกที่นางจะออกอาการขนาดนั้น”
“แต่เท่าที่ข้าดูชายหนุ่มผู้นั้นมีลักษณะไม่ธรรมดาจริงๆ เห็นชัดว่าไม่น่าจะใช่คนธรรมดาๆแน่แท้…นี่คุณหนู 4 ตระกูโจวไม่กลัวไปล่วงเกินเทพยดาองค์ใดเข้าหรือไร?”
“สหายท่านนั้น ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ตระกูลโจวไม่เพียงเป็นตระกูลระดับแนวหน้าของประเทศเถิงหลง แต่ยังเกี่ยวดองกับตระกูลราชวงศ์อีกด้วย ทั้งคนที่เกี่ยวดองกับตระกูลราชวงศ์นั่นยังสนิทสนมกับคุณหนู 4 ยิ่งนัก! ชายหนุ่มที่คุณหนู 4 สกุโจวมิอาจล่วงเกินได้ นอกจากเหล่าอ๋องกับองค์ชายแล้ว ข้าไม่คิดว่าในประเทศเถิงหลงแห่งนี้จะมีผู้ใดที่นางไม่อาจล่วงเกิน…”
“พี่ชายท่านนี้ แล้วท่านไม่คิดบ้างหรือว่าเจ้าหนุ่มผู้นั้นอาจเป็นคนนอกประเทศเรา?”
“หากเป็นเช่นนั้นจริงมันก็ได้แต่ต้องโทษที่ชะตาอาภัพแล้วล่ะ…หรือเจ้ามิเคยได้ยินคำว่า ‘มังกรพลัดถิ่น หรือจะสู้งูดินเจ้าที่’ เล่า?”
…
เสียงกระซิบคุยกันของผู้คนบนถนนยังคงดังเข้าหูต้วนหลิงเทียนไม่หยุด ทำให้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจความเป็นมาและพื้นเพของสตรีจองหองเบื้องหน้าชัดเจน
คุณหนู 4 สกุลโจว
และตระกูลโจวที่ว่ายังเป็นตระกูลใหญ่ลำดับต้นๆของประเทศเถิงหลง ที่สำคัญยังมีคนในตระกูลเกี่ยวดองกับเชื้อพระวงศ์!
คนที่ดองกับตระกูลราชวงศ์จนมีฐานะไม่ต้อยต่ำไปกว่าองค์ชาย ก็เป็นถึงลูกพี่ลูกน้องนาง!
‘แบบนั้นก็ไม่แปลกที่นางจะจองหองถือดีไม่เห็นหัวใคร…พื้นเพไม่ใช่ชั่วจริงๆ’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว
เพราะเท่าที่ฟังจากผู้สัญจรผ่านไปมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็รู้ได้ว่าคนคุ้มกะลาหัวของคุณหนู 4 โจวผู้นี้อาจเป็นถึงราชบุตรเขยหรือพระชายาอะไรเทือกนั้น ซึ่งฐานะไม่ได้ด้อยไปกว่าองค์ชายทั้งหลายเลย
“คุณหนูโจวชมชอบข้า นับว่าเป็นเกียรติของข้ายิ่ง…”
ต้วนหลิงเทียนมองโจวชู่ตงด้วยสายตาสงบ เอ่ยออกเสียงเบา “อย่างไรก็ตามต้องขออภัยด้วย เพราะน้ำใจนี้ของคุณหนูข้าได้แต่รับไว้ด้วยใจ ไม่อาจตอบสนองได้ หากคุณหนูโจวไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวลา…”
หลังกล่าวจบคำต้วนหลิงเทียนก็จูงมือฮ่วนเอ๋อเตรียมพานางเดินจากไป
เมื่อได้รู้ว่าอีกฝ่ายมีพื้นเพไม่ธรรมดา ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อยากมีเรื่องกับนางหากไม่จำเป็น
แน่นอนว่าหากนางยังคิดบีบคั้นไม่เลิก เขาก็ทำได้แค่ฉีกหน้านางเท่านั้น
เพราะสุดท้ายแล้วเขาต้วนหลิงเทียนก็ไม่ใช่พลับสุกนุ่มนิ่มที่ใครจะมาบีบเล่นได้ง่ายๆ
“หยุดนะ!”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนจูงมือฮ่วนเอ๋อและกำลังจะเดินจากไป โจวชู่ตงก็ควบคุมสัตว์อสูร 9 เขื่องให้ลากรถไร้หลังคาของนางไปหยุดขวางเอาไว้อีกครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนจูงมือฮ่วนเอ๋อ แววตาขอนางก็เยียบเย็นลงทันใด
เรียกว่าหากสายตาของโจวชู่ตงเปลี่ยนเป็นใบมีดได้ น่ากลัวร่างฮ่วนเอ๋อคงถูกนางสับเป็นชิ้นๆไปแล้ว!
“คุณหนูโจว…แตงห่ามที่ฝืนเด็ดย่อมไม่หวาน”
(แตงฝืนเด็ดไม่หวาน = ดันทุรังทำในสิ่งที่ไปไม่รอดย่อมไม่มีผลลัพธ์ที่ดี, ฝืนทำโดยไม่พร้อม)
เมื่อถูกอีกฝ่ายหยุดขวางเอาไว้อีกครั้งแววตาน้ำเสียงต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
“สิ่งใดที่ข้าโจวชู่ตงการ ไม่มีอะไรที่ไม่ได้! เจ้าเลือกเอาว่าวันนี้เจ้าจะตายพร้อมสตรีนางนั้น หรือเจ้าจะฆ่าสตรีนางนั้นแล้วติดตามข้ากลับบ้านสกุลโจวเพื่อไปเป็นนายบำเรอของข้า!”
เสียงของโจวชู่ตงเองก็เย็นลงเช่นกัน และวาจาของนางพอพูดออกมา ก็กำหนดความเป็นตายของต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อทันที!
เมื่อนางได้เห็นบุรุษที่นางต้องตาพึงใจกำลังจับมือกับสตรีอื่น นางก็เห็นสตรีอื่นที่ว่าเป็นดั่งคนที่ตายไปแล้วทันที!
“เจ้าอยากฆ่าข้างั้นหรือ?”
ฮ่วนเอ๋อกล่าวออก เสียงของนางยังเยียบเย็นนัก
“ฮ่วนเอ๋อ”
เมื่อสัมผัสได้ว่ามือฮ่วนเอ๋อที่เขาจูงไว้เริ่มแผ่ไอเย็นอันน่ากลัวออกมา ต้วนหลิงเทียนก็เร่งกุมมือนางแน่น พลางกล่าวกระซิบบอกนางว่า “เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเอง…หากข้ารับมือไม่ไหว ฮ่วนเอ๋อค่อยลงมือดีหรือไม่?”
“คุณหนูโจว กล่าวอะไรช่วยเกรงใจน้องสาวข้าด้วย…”
หลังคลายมือที่กุมมือฮ่วนเอ๋อไว้แน่นแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็พูดออกมาเสียงต่ำ
เขาเองก็มองออกได้ทันที
ว่าโจวชู่ตงผู้นี้ช่างเป็นสตรีที่หึงแรงนัก…
“นางเป็นน้องสาวเจ้าหรือ?”
เช่นนั้นจึงเป็นธรรมดาที่พอได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน สีหน้าท่าทีเย็นชาของโจวชู่ตงจึงอ่อนลงหลายส่วน “ในเมื่อนางเป็นน้องสาวเจ้าเช่นนั้นข้าไม่ฆ่านางแล้วก็ได้ แต่เจ้าต้องติดตามข้ากลับไปสกุลโจวเพื่อเป็นนายบำเรอของข้าแต่โดยดี”
“หาไม่แล้ว…ข้ายังคงยืนยันคำเดิม พวกเจ้าพี่น้องต้องตาย!”
เอ่ยถึงท้ายประโยค ลูกตาของโจวชู่ตก็ฉายแววเยียบเย็นนัก!
“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าก็ตัดสินใจเอาเองเถอะ…เจ้าอยากร่วมกลบฝังไปพร้อมกันกับน้องสาวเจ้าตอนนี้ หรือกลับบ้านสกุลโจวไปพร้อมข้าในฐานะนายบำเรอ!”
โจวชู่ตงได้เอ่ยคำขาดออกมา และมอบ 2 ทางให้ต้วนหลิงเทียนเลือกเดิน…
“คุณหนูโจว…ใต้หล้าบุรุษมากมี ไฉนต้องมายึดติดอะไรกับข้าแค่คนเดียว?”
ธรรมดาลองเจอแบบนี้ต้วนหลิงเทียน คงไม่คิดจะทนแล้ว
อย่างไรก็ตามเขาเดินทางมาตั้งไกลหลายวันกว่าจะถึงเมืองหลวงของประเทศเถิงหลง หากไม่จำเป็นเขาก็ไม่อยากมีเรื่องมีราวอะไรถึงขั้นแตกหักกับสตรีเบื้องหน้า จนสุดท้ายก็ถูกบีบให้ต้องเดินทางไปที่อื่น
“ข้าจะให้เวลาเจ้าตัดสินใจ 10 ลมหายใจ…หากครบ 10 ลมหายใจแล้วแต่เจ้ายังตัดสินใจไม่ได้ข้าจะถือว่าเจ้าปฏิเสธข้า!”
โจวชู่ตงเอ่ยออกเสียงเย็น
“ฮ่วนเอ๋อไปกันเถอะ”
ได้ยินคำขาดของโจวชู่ตง ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าไม่เหลือที่ให้ประนีประนอมสืบไป สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา เสียงกล่าวยังเผยให้เห็นความไม่แยแส
เขาจูงมือฮ่วนเอ๋อ และคิดจะเดินเลี่ยงโจวชู่ตกออกข้าง
“ฮึ่ม!”
เห็นดังนั้น โจวชู่ตงก็พ่นลมสบถเสียงเย็น นางสะบัดมือคราหนึ่ง แส้ยาวสีแดงเพลิงในมือ ก็คล้ายจะแปรเปลี่ยนไปเป็นอสรพิษมีชีวิต ฟาดจี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนทันที!
เห็นการลงมือของโจวชู่ตง ต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ทันที ว่าพลังฝึกปรือของนางก็อยู่ในขอบเขตจินเซียนตะวันเขียวเหมือนเขา
“ฟังภาษาคนไม่ออกสินะ!”
ต้วนหลิงเทียนที่หมดความอดทนเมื่อเห็นแส้ของโจวชู่ตงฟาดมา มือขวาเขาก็พุ่งไปฉับไว สองตาฉายแววเยียบเย็นพลางตะโกนเสียงเหี้ยม! สิ้นเสียงตะโกนพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดก็ปะทุขึ้นควบรวมผนึกในมือขวาฉับไว คว้าปลายแส้ของโจวชู่ตงที่ฟาดมาได้อย่างง่ายดาย!!
“ไสหัวไป!”
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ตะคอกคำเสียงเย็น ก่อนจะกระชากทั้งคนทั้งแส้อย่างดุร้าย ค่อยสะบัดซัดปลายแส้ให้ย้อนเข้าใส่โจวชู่ตงอย่างแรง!
พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดสุดไพศาลที่แฝงมาในปลายแส้ ยังกระแทกทำร้ายภายในร่างโจชู่ตงอย่างหนัก!
“คุณหนู 4!”
หญิงชราที่ยืนอยู่บนรถไร้หลังคา เร่งปะทุพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดออกมารองรับร่างโจวชู่ตงเอาไว้ทันที มาตอนนี้นางพึ่งตระหนักได้ว่าคุณหนูของนางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายหนุ่มชุดม่วง! หน้านางจึงเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง!!
“สารเลวน้อย หาที่ตาย!!”
เห็นต้วนหลิงเทียนทำร้ายคุณหนูที่ต้องปกป้องต่อหน้าต่อตา หญิงชราก็เผยสีหน้าแววตาดุร้ายอำมหิตนัก ทั่วร่างยังท่วมท้นไปด้วยจิตสังหาร โจรทะยานเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนราวนกเหยี่ยว!
“ฮ่วนเอ๋อ ฆ่านางเสีย!”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองหญิงชราด้วยสายตาฉายชา เอ่ยคำออกมาสั้นๆ 5 พยางค์…