WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2722 องค์ชาย 4 แห่งประเทศเถิงหลง หลงเซี่ยงอวิ๋น!
- Home
- WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
- ตอนที่ 2722 องค์ชาย 4 แห่งประเทศเถิงหลง หลงเซี่ยงอวิ๋น!
ตอนที่ 2722 : องค์ชาย 4 แห่งประเทศเถิงหลง หลงเซี่ยงอวิ๋น!
เห็นการตอบสนองอันฉับไวของเสี่ยวซือนามเสี่ยวลิ่ว ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่า… แขกที่มาเข้าพักโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนแห่งนี้ น่าจะเสนอเงื่อนไขทานองนี้เหมือนๆกัน แต่พอลองคิดดูมันก็ไม่แปลกอะไร ในเมื่อท่านหลบหนีศัตรูมาอยู่ที่นี่ แล้วไหนเลยจะกล้าออกไปทาธุระนอกโรงเตี๊ยมส่งเดช? ยังมีใครบอกได้ว่าตอนนี้ศัตรูใช่ซุ่มรออยู่นอกโรงเตี๊ยมหรือไม่? และเหล่าผู้ที่มาเข้าพักในโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนแห่งนี้ ก็ล้วนมีสิ่งของต้องใช้คล้ายๆกัน ไม่ว่าจะเป็นโอสถบ่ม
เพาะ หรือวัตถุดิบในการหลอมอุปกรณ์ โอสถ ไม่เว้นจารึกอาคม…ทุกอย่างที่ว่ามาจาต้องออกไปซื้อหาทั้งสิ้น! “ดี” หลังจากรับผ้าสีแดงมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็เดินเข้าประตูเรือนพักภายใต้การนาของเสี่ยวซือ เนื่องจากโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนมีพื้นที่ใหญ่โตกว้างขวาง เช่นนั้นถึงแม้จะมีเรือนพักทั้งสิ้น 999 หลัง แต่เรือนพักแต่ละหลังก็มีขนาดกว้างใหญ่ไม่น้อย แถมเรือนพักแต่ละหลังยังเป็นบ้านเดี่ยวพร้อมลานกว้างที่มีห้องหับ 3 ห้อง มีห้องหนึ่งติดลาน ส่วนอีกสองห้องที่หันหน้าเข้าหากันอยู่ด้านใน… “ยินดีต้อนรับท่านลูกค้า”
และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเข้ามาในลาน เขาก็ได้ยินเสียงใสๆทักทายดังขึ้น พอมองไปเขาก็พบว่าที่ขอบลานติดบ้าน มีสตรีในชุดสาวใช้คนหนึ่งยืนอยู่อย่างเรียบๆร้อยๆ และเป็นสตรีรับใช้นางนี้ที่เอ่ยทักเขา สตรีรับใช้นางนี้หน้าตาดีพอสมควร ถึงแม้จะด้อยกว่าฮ่วนเอ๋อกับภรรยาทั้ง 2 ของเขารวมถึงคนรักอย่างเฟิ่งเทียนหวู่ แต่นางก็นับว่าเป็นคนสวยคนหนึ่ง “ท่านลูกค้าเรือนพักแต่ละหลังของพวกเรา ล้วนมีสาวใช้คอยปรนนิบัติ…หน้าที่ของสาวใช้กก็คือ คอยดูแลเรื่องจัดส่งอาหารและคอยทาความสะอาด รวมทั้งเรื่องราวทั่วไปที่ท่านลูกค้าต้องการดั่งแม่บ้าน แน่นอนว่าถ้าหากสาวใช้ของทางเราเต็มใจ ลูกค้าก็สามารถทากิจกรรมชาย
หญิงอย่างเล่นจ้าจี้ไม่ก็ผีผ้าห่มกับสาวใช้ของทางเราได้…” เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เสี่ยวซือต้องกล่าวบอกเป็นประจา อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มแหยๆออกมา ส่วนสตรีในชุดสาวใช้ก็ลอบมองต้วนหลิงเทียนเป็นระยะๆ หลังได้เห็นใบหน้าหล่อเหลารวมถึงลักษณะองอาจแลดูไม่คล้ายผู้คนธรรมดา แก้มนางก็ขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที “อีกอย่างหนึ่งท่านลูกค้า…สาวใช้ของทางเรา ล้วนแล้วแต่เป็นสตรีหวงฮวาทั้งสิ้น” (สตรีหวงฮวา = หวงฮวาคือดอกเบญจมาศหรือดอกเก๊กฮวย ในสมัยโบราณมักเปรียบเทียบสตรีบริสุทธิ์กับดอกเบญจมาศ)
เสี่ยวซือมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้งพลางกล่าวด้วยน้าเสียงจริงจัง “เมื่อครู่เจ้าพูดว่า ‘ถ้าหากเต็มใจ’ สินะ…แล้วถ้าสาวใช้ไม่เต็มใจแล้วถูกบังคับเล่า?” ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้ยความสงสัย “หากสาวใช้ทางเราไม่เต็มใจ แขกไม่อาจใช้กาลังข่มเหงนางได้…หาไม่แล้วจะถือว่าเป็นการท้าทายโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนของพวกเรา และทางโรงเตี๊ยมเราจะทาการตอบโต้ความรุนแรงด้วยความรุนแรง” เสี่ยวซือกล่าวตอบ
“อ่าว แล้วทาไมเจ้าไม่เตือนข้าแต่แรกเล่า…ไม่กลัวข้าคิดว่าเจ้าวางยาข้าหรือ?” ต้วนหลิงเทียนมองถามเสี่ยวซือด้วยสีหน้าปกติไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจอะไร “ท่านลูกค้า มิใช่ว่าข้าไม่คิดจะเตือนท่าน…แต่ข้าคิดว่าหากเป็นท่านข้าคงไม่จาเป็นต้องเตือน เพราะสาหรับสาวใช้เหล่านี้การได้รับใช้บุรุษเช่นท่านนั้นเป็นดั่งพรสาหรับพวกนาง ข้ายังเกรงว่าบุรุษรูปงามเช่นท่าน พวกนางกระทั่งหลับยังไม่อาจฝันถึงด้วยซ้า…ข้าจึงเชื่อว่าสาวใช้ของทางเราไม่มีใครคิดปฏิเสธท่านแน่” เสี่ยวซือยิ้มกว้างเห็นฟัน กล่าวประจบต้วนหลิงเทียนเต็มที่ “หากท่านลูกค้ามิเชื่อ…ลองถามนางดูได้”
ขณะที่เสี่ยวซือกล่าวถึงตรงนี้ มันก็หันไปมองสาวใช้ทันที ต้วนหลิงเทียนก็หันมองตามไปโดยไม่รู้ตัว “หากคุณชายต้องการให้หนูปี้รับใช้…หนูปี้…หนูปี้…เต็มใจเจ้าค่ะ” (หนูปี้ = แปลว่า ข้าทาส เป็นคาสุภาพที่ข้ารับใช้ เอาไว้แทนตัว) พอถูกต้วนหลิงเทียนหันมามอง สาวใช้ก็ใจเต้นรัวราวมีฝูงกวางวิ่งผ่าน เสียงกล่าวคาว่าเต็มใจก็เบาราวเสียงยุงบิน “อะแฮ่ม…” ได้ยินคาตอบของสาวใช้ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกหน้าบางเล็กน้อย รีบเบือนหน้าออกมาหันไปกล่าวกับเสี่ยวซือว่า “เอาล่ะเสี่ยวลิ่ว เจ้ามีอะไรจะไปทาก็ไปเถอะ”
“ขอรับท่านลูกค้า” ชายหนุ่มนามเสี่ยวลิ่วคิดว่าต้วนหลิงเทียนกาลังรีบร้อนก่อการ จึงยิ้มกว้างทั้งยกนิ้วโป้งให้ต้วนหลิงเทียนอย่างรู้กันตามประสาผู้ชาย จากนั้นก็เร่งรุดจากไป ปิดประตูหน้าเรือนพักอย่างดี “เจ้าเรียกว่าอะไร?” ต้วนหลิงเทียนหันไปกล่าวถามสาวใช้ “หนูปี้…หนูปี้เรียกว่า เฉิงเอ้อ” สาวใช้กล่าวตอบด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
“เฉิงเอ้อ…เจ้าไม่ต้องเขินจนหน้าแดงขนาดนั้นหรอก…ข้าไม่คิดให้เจ้าทาอะไรแบบนั้นกับข้า” ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ค่อยกล่าวออกห้วนๆ “ปกติเจ้าทาอะไรหรือมีอะไรที่คิดจะไปทาก็ตามสบาย…ขอแค่ไม่รบกวนการบ่มเพาะพลังของพวกเราก็พอ” ได้ยินคาพูดของต้วนหลิงเทียน สาวใช้ตัวน้อยก็ทราบได้ทันที่ว่าบุรุษที่หล่อกว่าชายในฝันไม่ได้สนใจอะไรตัวเองเลย จึงรู้สึกสลดไปด้วยความผิดหวังอยู่บ้าง “พี่หลิงเทียน…ที่เสี่ยวลิ่วบอกว่า กิจกรรมชายหญิงอย่างเล่นจ้าจี้กับเล่นผีผ้าห่มมันคืออะไรหรอ สนุกหรือไม่? ฮ่วนเอ๋อเล่นด้วยได้รึเปล่า? แล้วที่เสี่ยวลิ่วบอกว่าสาวใช้ยังเป็นสตรีหวงฮวาเล่า สตรีหวงฮวาคืออันใดหรือ?”
เสียงไพเราะเพราะพริ้งหนึ่งดังขึ้น ดึงดูดความสนใจของสาวใช้ทันที ถึงแม้สาวใช้เองจะเป็นสตรีเหมือนกัน ทว่ายังถูกเสียงไพเราะเสนาะหูของฮ่วนเอ่อที่ยืนข้างต้วนหลิงเทียนดึงดูด ทั้งหมดเพราะเสียงของฮ่วนเอ๋อ ไม่ได้ต่างอะไรจากดุริยางค์สวรรค์เลย ผู้ใดได้ฟังก็อดจมอยู่ในภวังค์ไม่ได้ ‘ที่แท้…เขาก็มีสตรีคนรักอยู่แล้ว’ และพอสาวใช้หันไปมองฮ่วนเอ๋อ ถึงแม้นางจะเห็นว่าฮ่วนเอ๋อสวมใส่งอบที่มีม่านผ้าบังหน้า รวมถึงยังมีผ้าปิดครึ่งล่างของใบหน้าเอาไว้ แต่เพียงมองจากเค้าโครงใบหน้าของฮ่วนเอ๋อ สาวใช้ก็บอกได้ทันทีว่าฮ่วนเอ๋อนั้นงดงามกว่านาง
ในขณะที่นางกาลังลอบทอดถอนในใจอย่างเสียดายนั้นเอง “ฮ่วนเอ๋อเรื่องพวกนี้ทีหลังอย่าถามอีกรู้ไหม เจ้ายังเด็กเกินไปที่จะรู้…ไว้วันหน้ารอให้เจ้าโตกว่านี้สักหลายๆปีเจ้าจะได้รู้เอง” ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับฮ่วนเอ๋อเสียงอ่อน “พี่หลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อไม่เด็กแล้วนะ ปีนี้ฮ่วนเอ๋ออายุก็จะมีอายุครบ 13 ปีแล้ว” ฮ่วนเอ๋อกล่าวออกมาด้วยน้าเสียงไม่พอใจอยู่บ้าง “สะ…13 !?”
ได้ยินคาพูดของฮ่วนเอ๋อ ไม่เพียงแต่ต้วนหลิงเทียนจะตกใจ กระทั่งสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆก็ตกใจไม่น้อย 13? สาวใช้ได้แต่มองสารวจฮ่วนเอ๋ออีกครั้งด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ และยิ่งมองเห็นรูปร่างโค้งเว้าอันสมบูรณ์แบบของฮ่วนเอ๋อ นางก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ เพราะหุ่นนางสู้ฮ่วนเอ๋อไม่ได้เลย! และที่สาคัญนี่ใช่หุ่นที่คนอายุ 13 จะมีได้จริงๆหรือ?! “อายุ 13 ปีงั้นเหรอ…ฮ่วนเอ๋อพึ่งจะมีอายุครบ 13 ในปีนี้?” หลังต้วนหลิงเทียนดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวได้ เขาก็มองถามฮ่วนเอ๋อด้วยสีหน้าตกตะลึง กล่าวถามฮ่วนเอ๋อออกไปด้วยน้าเสียงเหลือเชื่อหมายยืนยันให้มั่นใจ
“ใช่…” ฮ่วนเอ๋อพยักหน้ารับ “ฮ่วนเอ๋อ…เผ่าพันธุ์ของเจ้า…โตไวขนาดนี้เลยหรอ?” ต้วนหลิงเทียนได้แต่ยิ้มอย่างขื่นขม มาตอนนี้เขาพึ่งนึกได้ว่าฮ่วนเอ๋อไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาๆ ทว่าสายเลือดครึ่งหนึ่งที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของนางของคือสายเลือดของ เผ่าพันธุ์จิ้งจอกมายา และเผ่าพันธุ์จิ้งจอกมายาที่ว่าสมควรเป็นสัตว์อมตะที่ไม่ธรรมดาในระนาบเทวโลก! “ฮ่วนเอ๋อ พวกเราเข้าไปพักในห้องกันก่อน”
เมื่อตระหนักได้ว่าข้างๆยังมีคนนอกอยู่ ต้วนหลิงเทียนที่ไม่สดวกใจจะคุยอะไรตรงนี้ จึงกล่าวชวนฮ่วนเอ๋อเข้าห้อง แล้วปิดประตูกระตุ้นใช้ค่ายกลทั้งหมดทันที เห็นทั้งสองเข้าห้องหับแล้วปิดประตู สาวใช้นามเฉิงเอ้อ ก็ได้แต่ยอมแพ้โดยสดุดี … ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเข้าพักในโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนนั้น ทางด้านโจวชู่ตง คุณหนู 4 สกุลโจว ก็ได้หอบร่างสะบักสะบอมกลับไปถึงสกุลโจวเรียบร้อย ในขณะเดียวกันเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางวันนี้ก็เริ่มแพร่ไปในเมืองหลวงของประเทศเถิงหลงปากต่อปาก และเกรงว่าคงใช้เวลาไม่นาน ผู้คนคงได้รู้กันทั่ว
นาง โจวชู่ตง คุณหนู 4 แห่งสกุลโจว ได้ต้องตาพึงใจบุรุษรูปงามผู้หนึ่งกลางถนน จึงคิดใช้กาลังบีบบังคับให้อีกฝ่ายมาเป็น นายบาเรอ… อนิจจานางถูกผู้อื่นเขาปฏิเสธ ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากชายหนุ่มผู้นั้นปฏิเสธแต่คนก็ยังอยู่ดีมีสุข กลับกันข้ารับใช้รวมถึงสัตว์ขี่ของนางกลับถูกผู้อื่นเขาเข่นฆ่าตายตก! ที่สาคัญยังซัดนางจนเปลี้ยกลางถนน!! “มันเป็นผู้ใดกันแน่?” “มันบอกว่าที่ไม่ฆ่าข้าเป็นเพราะเห็นแก่หน้าสกุลโจว…กล่าวได้ว่ามันยังคงกริ่งเกรงสกุลโจวของข้าอยู่ แต่ที่มันกล้าฆ่าคนแบบนี้ก็หมายความว่าไม่ได้กริ่งเกรงมากมายอะไร!!”
“ไม่ได้! เรื่องนี้…ข้าปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้! ข้าโจวชู่ตง ไหนเลยจะเคยเสียหน้าขนาดนี้!!” … หลังจากที่โจวชู่ตงกลับบ้านมารักษาตัวได้ไม่นาน นางที่ไม่คิดจะปล่อยให้เรื่องมันจบลงง่ายๆแบบนี้ ก็เร่งรุดออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังพระราชวังหลวง ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของคนในตระกูลราชวงศ์ทันที หมายนาเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ไปฟ้องร้องต่อคนผู้หนึ่ง ลาพังเคหะสถานของสกุลโจวก็มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลอย่างน่าเหลือเชื่อแล้ว ทว่าพระราชวังหลวง อันเป็นที่อยู่ของงตระกูลราชวงศ์แห่งประเทศอมตะเถิงหลงนั้น ยังมีพื้นที่กว้างใหญ่
ไพศาลสุดที่ตระกูลโจวจะเทียบเทียมได้! เรียกว่ามันกินอาณาบริเวณเกือบครึ่งหนึ่งของพื้นที่ในเมืองหลวงของประเทศอมตะเถิงหลง แถมตัวพระราชวังยังมีแม่น้าห้อมล้อม… “คุณหนูโจว…” เมื่อโจวชู่ตงมาถึงประตูหน้าพระราชวัง ทหารยามหน้าประตูที่จดจานางได้ก็ยิ้มทักทายนางทันที ทว่าด้วยความที่ในใจนั้นเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองทั้งรีบร้อน โจวชู่ตงจึงไม่มีอารมณ์มัวมาสนใจอะไรกับคาทักทายของเหล่าทหารยามเฝ้าประตู ทว่านางไม่สนก็เรื่องของนาง สุดท้ายยังคงถูกเหล่าทหารหยุดขวางไว้อยู่ดี
“คุณหนูโจว…แม้พวกเราหลายคนนจะรู้จักคุณหนูดี…แต่ตามกฏของพระราชวังหลวงแล้ว ท่านต้องแสดงป้ายอนุญาตของท่านออกมาให้พวกเราดูก่อน” หัวหน้าทหารยามโค้งคานับด้วยท่าทีมากคารวะ ค่อยกล่าวบอกโจวชู่ตงด้วยน้าเสียงสุภาพ “ดูเสีย!” โจวชู่ตงที่ร้อนรุ่มในใจ หยิบป้ายที่มีแสงสีเงินเรืองๆออกมาจากแหวนพื้นที่ ก่อนที่จะชูไว้เบื้องหน้าหัวหน้าทหารยามเฝ้าประตูวัง เมื่อหัวหน้าทหารยามยืนยันความถูกต้องเรียบร้อยเสร็จแล้ว จึงค่อยปล่อยให้โจวชู่ตงเข้าไปด้านใน และนางก็ก้าวอาดๆหายลับสายตาไปอย่างไว
“ข้าเฝ้าประตูวังมาก็หลายปีแล้ว แต่นี่นับเป็นครั้งแรกเลยที่ข้าเห็นคุณหนู 4 ตระกูลโจวแลดูรีบร้อนขนาดนี้…ใช่เกิดเรื่องอะไรกับนางหรือไม่?” ทหารยามกล่าวคาดเดา “ยังไม่ชัดอีกรึไง ลองนางรีบร้อนถึงขั้นลืมแสดงป้ายแบบนี้ ท่าทางจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้วล่ะ…” ทหารยามคนอื่นกล่าว หลังจากที่โจวชู่ตงเข้าวังมาแล้ว นางก็ก้าวอาดๆไปหาลูกพี่ลูกน้องที่นางสนิทสนมด้วยที่สุดทันที อีกฝ่ายนับเป็นลูกพี่ลูกน้องฝ่ายบิดาของนาง เนื่องเพราะอีกฝ่ายคือลูกชายที่เกิดจากพี่สาวแท้ๆของบิดานางกับฮ่องเต้ของประเทศอมตะเถิงหลงแห่งนี้…
นอกจากนั้นอีกฝ่ายยังมีฐานะเป็นถึง องค์ชาย 4 แห่งประเทศอมตะเถิงหลง ยังเป็นถึง 1 ใน 3 โอรสที่โดดเด่นที่สุดของฮ่องเต้เถิงหลง! เรียกว่าหากไม่มีอะไรผิดพลาด ยามฮ่องเต้คิดแต่งตั้งรัชทายาท ก็จะเลือกเฟ้นจากองค์ชายทั้ง 3 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงองค์ชาย 4 ด้วย… “ตงเอ๋อ…วันนี้ไฉนเจ้าแลดูรีบร้อนนักเล่า เกิดอะไรขึ้น?” ณ สวนของวังองค์ชาย 4 ภายในศาลาชมบุปผา ปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดคลุมสีเขียวขลิบทองนั่งจิบชาบนโต๊ะอย่างเอื่อเฉื่อย พอเห็นร่างบางที่เร่งรุดเข้ามานั่งลง สองตาของมันก็ทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง ค่อยเอ่ยถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
ชายหนุ่มผู้นี้แม้แลดูเอื่อยเฉื่อย หากทว่าด้วยสายตาแหลมคมบนใบหน้าหล่อเหลา กับร่างสูงใหญ่บึกบึนของมันทาให้รู้ว่าคนไม่คล้ายจะเอื่อยเฉื่อยเหมือนอริยาบถ กระทั่งทั่วร่างยังให้ความรู้สึกโดดเด่นไม่ธรรมดา…มันคือองค์ชาย 4 ของประเทศอมตะเถิงหลง หลงเซี่ยงอวิ๋น! หลงนั้นเป็นแซ่ของฮ่องเต้ รวมถึงตระกูลราชวงศ์ที่ปกครองประเทศอมตะเถิงหลง “ถังเกอ ท่านช่วยสืบหาคนผู้หนึ่งให้ข้าที…หากท่านสืบหาความเป็นมาของมันไม่พบข้าไม่ยอม!” (ถังเกอ = คาเรียกลูกพี่ลูกน้องผู้ชายฝั่งพ่อ) โจวชู่ตง กล่าวกับหลงเซี่ยงอวิ๋นด้วยน้าเสียงเอาแต่ใจ สีหน้ายังขุ่นขึ้งแลดูอัปลักษณ์นัก
ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นั้น ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นคนที่มีความเป็นมาไม่ธรรมดา ถึงขั้นที่ตระกูลโจวของนางก็ไม่อาจล่วงเกินได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะสืบหาความเป็นมาของอีกฝ่ายได้กระจ่างแล้ว นางไม่คิดจะเลิกราแต่เพียงเท่านี้! เพราะบางทีอีกฝ่ายอาจไม่ได้ยิ่งใหญ่มาจากไหนเลยก็เป็นได้ไม่ใช่หรือ? “เจ้าอยากให้ข้าตรวจสอบใครงั้นเหรอ?” หลงเซี่ยงอวิ๋นเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่มันเห็นเปี่ยวเม่ยชักสีหน้าบึ้งตึงขนาดนี้ ทาให้มันบังเกิดความสนใจในคนที่ทาให้เปี่ยวเม่ยของมันมีอาการแบบนี้ทันที (เปี่ยวเม่ย = คาเรียกลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้หญิงฝั่งแม่) ที่แท้อีกฝ่ายลงมือเลิศล้าอันใด ถึงทาให้เปี่ยวเม่ยของมันหัวเสียได้ขนาดนี้?