WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2775 ปฏิกิริยาในเมืองไท่อี
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ตอบคำถามของหลงเฟยอวิ๋น หากทว่าสีหน้าจริงจังทั้งตึงเครียดของต้วนหลิงเทียนก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนสำหรับหลงเฟยอวิ๋นแล้ว…
‘ไม่คิดเลยจริงๆ…ว่ารูปโฉมที่แท้จริงของแม่นางฮ่วนเอ๋อที่แท้จะงามล่มเมืองถึงขั้นนี้ ไม่ว่าบุรุษผู้ใดที่ไม่มีรสนิยมผิดเพี้ยน เกรงว่าไม่พ้นต้องถูกความงามของนางสะกดใจ มิแปลกเลยที่ไฉนนางถึงได้สวมผ้าปิดปากทั้งงอบคลุมหน้าเอาไว้ตลอดเวลา หากไม่ทำเช่นนี้น่ากลัวจะชักนำเภทภัยมาสู่ตัวไม่จบไม่สิ้น’
หลงเฟยอวิ๋นลอบกล่าวในใจ
ถึงแม้ว่าหลงเฟยอวิ๋นจะไม่ได้ถึงรู้จักกับต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อแค่วันสองวัน แต่ทว่าฮ่วนเอ๋อนั้นมักจะปกปิดรูปโฉมต่อทุกคนที่ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน เช่นนั้นแล้วหลงเฟยอวิ๋นจึงไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของนาง
กระทั่งวันนี้พอได้เห็นรูปโฉมที่งดงามของฮ่วนเอ๋อเป็นครั้งแรก หลงเฟยอวิ๋นที่แต่เดิมไม่มีเวลาสนใจสตรีคนไหน และมุ่งมั่นแต่จะสร้างผลงานเพื่อหวังนั่งบัลลังก์ยังต้องใจสั่น บังเกิดความหวั่นไหวไปโดยไม่อาจห้าม กระทั่งยังอื้ออึงอยู่นานกว่าจะสงบอารมณ์ลงได้
“ต้วนหลิงเทียน”
ฉินอวี่ก็ชักสีหน้าจริงจังมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงหนัก “เจ้าปล่อยให้นางเข่นฆ่าองค์ชาย 6 ของประเทศอวิ๋นเหยียนกับคนอื่นทิ้งแบบนี้ ฮ่องเต้ประเทศข้าสมควรคับแค้นเจ้าไม่น้อย…อย่างไรก็ตามมันสมควรกริ่งเกรงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับองค์ชาย 13 จึงไม่กล้าลงมือแก้แค้นเจ้าซึ่งๆหน้า…แต่มันไม่พ้นต้องคิดยืมมีดฆ่าคนเป็นแน่”
ขณะที่ฉินอวี่กล่าวประโยคนี้ มันก็หันไปมององค์ชาย 13 ก่อนที่จะวกกลับมาจ้องมองรูปภาพบนโต๊ะ
สตรีในภาพเหมือนนางนี้ มีรูปโฉมงดงามเกินไป ไร้ตำหนิเกินไป ราวกับไม่ใช่ผู้คน…อานุภาพความงามของนางนับว่าเกินใจบุรุษจะต้านทานได้จริงๆ!
“อย่างเช่น…มันอาจนำภาพเหมือนนี้ไปเปิดเผยให้ทุกคนได้เห็นทั้งยังแพร่กระจายข้อมูลคร่าวๆ ถึงตอนนั้นทุกคนต้องรู้ว่าข้างกายเจ้า ต้วนหลิงเทียน มีโฉมงามอันไร้คู่เปรียบนางนี้ดำรงอยู่ และข้าเกรงว่าด้วยความงามของนาง ไม่พ้นต้องไปเตะตาคนบางจำพวกในนิกายอมตะใหญ่ทั้ง 3 แน่…”
ฉินอวี่กล่าวเรื่องที่มันกำลังกังวลออกมา
และความกังวลของมันก็เป็นสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนกำลังวิตกกังวลอยู่เช่นกัน
สีหน้าต้วนหลิงเทียนยิ่งมาก็ยิ่งมืดดำคล้ำลง
ด้านหลงเฟยอวิ๋นพอได้ยินคำของฉินอวี่ มันก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ คนลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง สองตาฉายประกายเยียบเย็น กล่าวออกมาตรงๆ “ข้าจะไปกดดันคนของประเทศอวิ๋นเหยียนเอาไว้ และกล่าวเตือนฮ่องเต้ประเทศอมตะอวิ๋นเหยียน…”
“หากคนของมันกล้าแพร่งพรายภาพนี้ออกไป ข้าหลงเฟยอวิ๋นไม่มีวันเลิกรากับมันแน่!”
พูดถึงท้ายประโยค น้ำเสียงของหลงเฟยอวิ๋นก็เผยให้เห็นถึงความดุร้ายเอาเรื่องนัก!
แต่เป็นธรรมดาว่าวาจา ‘ไม่เลิกรา’ ของหลงเฟยอวิ๋นนั้น ไม่อาจรวมถึงฮ่องเต้ประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนได้
ด้วยอำนาจที่มันมี มันไม่อาจคุกคามอะไรกับตัวตนระดับฮ่องเต้ของประเทศอมตะระดับกลางอย่างประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนได้เลย
อย่างไรก็ตามแม้มันจะไม่อาจคุกคามอะไรฮ่องเต้ประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนได้ แต่อย่างน้อยๆมันก็ยังสะกดคนอื่นในประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนได้ เพราะสำหรับมันคิดจะเข่นฆ่าองค์ชายของประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนทิ้งสักโหล ก็ไม่ใช่ปัญหา…
หลังกล่าวจบหลงเฟยอวิ๋นก็เร่งรุดจากไปทันที ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะขัดขวาง
ไม่ใช่ว่าต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะขวาง หากแต่ตอนนี้เขากำลังคิดมาตรการตอบโต้เรื่องราวอยู่
เพราะเขาบังเกิดสัญชาตญาณอันแรงกล้า…
ว่าตอนนี้ฮ่องเต้ของประเทศอมตะอวิ๋นเหยียน 9 ใน 10 สมควรลงมือแพร่งพรายภาพเหมือนของฮ่วนเอ๋อรวมถึงข้อมูลเรื่องเขาออกไปแล้ว! และข้อมูลที่ว่าไม่พ้นต้องระบุแน่ชัดว่านางอยู่ในที่พักของประเทศอมตะเถิงหลงที่ทางนิกายอมตะไท่อีจัดให้!!
และความจริงก็พิสูจน์ว่าสัญชาตญาณต้วนหลิงเทียนถูกเผง…
ในขณะที่หลงเฟยอวิ๋นเร่งรุดออกจากที่พักที่ทางนิกายอมตะไท่อีตระเตรียมไว้ให้ มันยังเดินออกไปพ้นที่พักได้ไม่ทันถึงครึ่งทาง ก็ได้ยินคนไม่น้อยสนทนากันถึงเรื่องภาพเหมือน
“พี่น้อง เจ้าเห็นภาพเหมือนนั่นรึยัง?”
“ภาพเหมือนของโฉมงามไร้คู่เปรียบน่ะหรือ? เห็นว่านางพักอยู่ในเขตที่พักของประเทศอมตะเถิงหลงที่ทางนิกายอมตะไท่อีจัดให้ไม่ไกลนี้เอง”
“ใช่ๆ ข้าได้ยินมาว่านางสนิทกับองค์ชาย 13 ของประเทศอมตะเถิงหลงไม่น้อย…กล่าวให้ชัดเหมือนคนข้างกายนางจะสนิทสนมกับองค์ชาย 13 ของประเทศอมตะเถิงหลง!”
…
ได้ยินบทสนทนาจากรอบข้าง สีหน้าหลงเฟยอวิ๋นมืดลงทันใด แววตายังฉายเจตนาฆ่าฟันออกชัด ‘ให้ตายเถอะ! ฮ่องเต้ประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนลงมือรวดเร็วยิ่ง!’
ถึงแม้มันจะรู้ดีว่าฮ่องเต้อวิ๋นเหยียนช่างสมควรตายนัก แต่หลงเฟยอวิ๋นก็ไม่แปลกใจอะไรที่อีกฝ่ายทำแบบนี้
เพราะหากเป็นมัน ก็คงลงมือแบบนี้เหมือนกัน
ขณะเดียวกัน ทางด้านเขตที่พักของประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนที่ทางนิกายอมตะไท่อีจัดให้
“ฝ่าบาท กระหม่อมทำตามรับสั่งเรียบร้อยแล้วพะย่ะค่ะ…ภาพเหมือนของสตรีนางนั้น กระหม่อมได้นำไปแพร่กระจายทั่วเมืองไท่อี ยังส่งคนไปปล่อยข้อมูลเรื่องของนางที่อยู่ในเขตที่พักของประเทศอมตะเถิงหลงเรียบร้อย”
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่เหินกลับมาหยุดลงเบื้องหน้าอวิ๋นฉือหลิง คุกเข่ากล่าวรายงานออกไปเสียงดังฟังชัด
“ฝ่าบาท จากการติดตามผลการปล่อยข่าว บัดนี้ผู้คนกว่าครึ่งเมืองไท่อีได้แลเห็นรูปโฉมนาง และล่วงรู้แล้วว่านางเป็นคนขององค์ชาย 13 แห่งประเทศอมตะเถิงหลง อีกไม่นานยอดฝีมือในเมืองคงมีความเคลื่อนไหวเป็นแน่!”
“ฝ่าบาท กระหม่อมได้ส่งรูปเหมือนของสตรีนางนั้นไปถึงมือ อาวุโสเถิงชิ่ง แห่งนิกายอมตะหลงหวู่ตามบัญชา กระทั่งยังแจ้งข้อมูลที่อยู่ของสตรีนางนี้ให้มันรับทราบเรียบร้อยพะยะค่ะ!”
“ฝ่าบาท ทางกระหม่อมได้ส่งรูปเหมือนของสตรีผู้นั้นไปถึงมือผู้คุมกฏเชวียลั่งของนิกายอมตะเชียนจีเป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งยังกระทำตามรับสั่งของฝ่าบาท แจ้งเบาะแสของนางอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง!”
“กราบทูลฝ่าบาทด้านอาวุโส หวงเชา ของนิกายอมตะไท่อี ข้าก็ไปเข้าพบเป็นการส่วนตัวทั้งมอบรูปเหมือนของสตรีนางนั้นให้ไปเป็นที่เรียบร้อย!”
…
ในห้องโถงปรากฏร่างชายวัยกลางคนมากมายทยอยกันมาถึงและคุกเข่ารายงานต่อฮ่องเต้ประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนไม่หยุดหย่อนด้วยความเคารพ
“ดี ดี…ดีมาก!!”
หลังได้รับฟังรายงานทั้งหลาย ฮ่องเต้อวิ๋นเหยียน อวิ๋นฉือหลิง ก็ขานรับอย่างสะใจ สองตายังฉายแสงดุร้ายบ้าคลั่ง “ข้าอยากจะรู้นัก…ว่าองค์ชาย 13 จะมีปัญญาสามารถเก็บสตรีนางนั้นไว้ได้อยู่หรือไม่!”
“หาญกล้าฆ่าลูกชายของข้า ต่อให้ข้าฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่อย่าหวังว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าอยู่ดีมีสุข! เจ้าร้ายกาจนักแล้วอย่างไร มีองค์ชายของประเทศอมตะรดับสูงหนุนหลังแล้วอย่างไร…ข้าอยากรู้นักว่านางแพศยาเจ้าจักทำอย่างไรเมื่อต้องเจอยอดฝีมือของนิกายอมตะใหญ่ทั้ง 3 มาตามราวี!”
“บางทีเจ้าอาจไม่ถึงกับตายตก…แต่อย่างน้อยๆนังแพศยาเจ้ามิพ้นต้องตกเป็นของเล่น ของคนใดคนหนึ่งในนั้นแน่! หรือเจ้าอาจกลายเป็นของเล่นที่พวกมันแบ่งปันหมุนเวียนกันก็เป็นได้!!”
วาจาท้ายประโยคที่อวิ๋นฉือหลิงกล่าวออก น้ำเสียงฟังดูเหี้ยมเกรียมนัก พาลให้ผู้ที่ได้ยินอดไม่ได้ที่จะขนลุกเกรียว!
เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้อวิ๋นเหยียน อวิ๋นฉือหลิง เคียดแค้นผู้ที่ลงมือเข่นฆ่าบุตรชายที่มันรักขนาดไหน ถึงขั้นคิดทำลายให้ย่อยยับอับปางกันไปข้าง! และนางแพศยาที่มันกล่าววถึงก็ไม่ใช่ใครอื่น…
ฮ่วนเอ๋อ!!
“สำหรับไอ้หนูชุดม่วงนั่น…ข้าฆ่าเจ้ามิได้ แต่ให้เจ้าได้เห็นสตรีข้างกายกลายเป็นของเล่นคนอื่น ถึงตอนนั้นเจ้าสมควรคับแค้นทั้งอับจนยิ่งนักใช่หรือไม่ ฮ่าๆๆ!!”
หลังกล่าวจบอวิ๋นฉือหลิงก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งทำให้ผู้ที่อยู่ในห้องโถงบังเกิดอาการหนาววูบถึงไขสันหลัง หลายคนยังเส้นขนลุกตั้งชันขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ หากแต่ไม่มีใครกล้าขมวดคิ้วหรือพูดอะไรสักคำ
และจากรายงานของคนที่อวิ๋นฉือหลิงส่งไปนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสของนิกายอมตะหวู่หลง เถิงชิ่ง ผู้คุมกฏนิกายอมตะเชียนจี เชวียลั่ง หรือแม้แต่ หวงเชา อาวุโสของนิกายอมตะไท่อี ล้วนขึ้นชื่อลือชาว่ามากราคะขนาดไหน กล่าวได้ว่ายามพวกมันทั้ง 3 ไม่ว่าจะเป็นใคร หากเดินทางไปที่ไหน ผู้คนที่ล่วงรู้ก่อนล่วงหน้า หากมีลูกสาวหน้าตาสะสวย ก็ถึงขั้นห้ามไม่ให้ออกจากบ้านเป็นอันขาด!
และตอนนี้ทั้ง 3 ก็อยู่ในเมืองไท่อีกันพร้อมหน้าพร้อมตา
เช่นนั้นอวิ๋นฉือหลิงจึงไม่เพียงจะแพร่กระจายภาพเหมือนและข้อมูลที่อยู่ของฮ่วนเอ๋อไปทั่วเมืองไท่อี ยังจงใจส่งภาพเหมือนและที่อยู่รวมถึงข้อมูลที่นางใกล้ชิดกับองค์ชาย 13 ของประเทศอมตะเถิงหลง ไปถึงมือ เถิงชิ่ง เชวียลั่ง และหวงเชา โดยเฉพาะ!
“ใต้หล้ากลับมีสตรีที่งดงามถึงเพียงนี้อยู่ด้วยหรือ ข้าต้องได้นาง! นางเป็นได้แค่ของๆข้า หวงเชา ผู้นี้เท่านั้น!!”
หลังได้เห็นภาพเหมือนของฮ่วนเอ๋อ ผู้อาวุโสของนิกายอมตะไท่อี หวงเชา ที่แต่เดิมยังจิบชาด้วยสีหน้าสงบ ใบหน้าของมันก็กลายเป็นแดงก่ำ สองตายังฉายถึงความปรารถนาอันร้อนรุ่มแสนรุนแรง ลมหายใจยังถี่รัวราวกับอดใจไม่ไหวแล้ว
“อยู่ในเขตที่พักของประเทศอมตะเถิงหลงงั้นรึ?”
หลังยืนยันที่อยู่ของฮ่วนเอ๋อได้แล้ว หวงเชาก็เหินร่างออกจากที่พักอย่างไร้ซึ่งความลังเลใดๆ มุ่งตรงไปยังเขตที่พักที่ทางนิกายอมตะไท่อีจัดให้ประเทศอมตะเถิงหลงพักอาศัยทันที
“สตรีนางนี้ต้องเป็นของข้า!!”
“สตรีที่มีรูปโฉมทั้งรูปร่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้ คู่ควรให้ข้าเชวียลั่งออกไปรับเป็นการส่วนตัว!!”
ในขณะที่หวงเชาเร่งรุดไปยังเขตที่พักของประเทศอมตะเถิงหลง ผู้อาวุโสของนิกายอมตะหวู่หลง และผู้คุมกฏของนิกายอมตะเชียนจี ก็เร่งรุดเดินทางไปที่นั่นเช่นกัน
ตอนนี้สำหรับพวกมันแล้ว คล้ายเขตที่พักของประเทศอมตะเถิงหลง มีสมบัติฟ้าดินอันเลิศล้ำหาใดเปรียบอุบัติขึ้น!
เพราะในสายตาของพวกมัน ฮ่วนเอ๋อที่มีรูปโฉมงดงามไร้คู่เปรียบเช่นนั้น ย่อมไม่แตกต่างอะไรจากสมบัติฟ้าดินอันเลิศล้ำเลย ทั้งหมดต้องการเด็ดบุปผางามนางนี้มาชื่นชมดอมดมเป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว!
“สวรรค์! ลูกสาวบ้านใดไฉนงดงามได้ขนาดนี้!?”
“ให้ตายเถอะ…ใต้หล้ายังมีสตรีที่งดงามถึงเพียงนี้ดำรงอยู่ด้วย? นางเป็นคนของประเทศอมตะเถิงหลงงั้นเหรอ?”
“มิผิด! เห็นว่านางยังเป็นคนสนิทขององค์ชาย 13 แห่งประเทศอมตะเถิงหลงด้วย”
“นี่มันอะไรกันแน่ ประเทศอมตะเถิงหลงปรากฏสตรีที่งดงงามถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใด ทำไมข้าจึงไม่ทราบ…โชคดีที่คราวนี้ข้ามายังเมืองไท่อี หาไม่แล้วคงเสียดายไปชั่วชีวิต!”
…
ในขณะเดียวกันกับที่ยอดฝีมือของ 3 นิกายอมตะใหญ่ในแดนร้างกำลังมุ่งหน้ามายังเขตที่พักของประเทศอมตะเถิงหลงด้วยความเร็วสูง วาจาทำนองเดียวกันนี้ก็เริ่มดังระงมไปทั่วเมืองไท่อี
ในเวลาแค่ครึ่งวันทั้งเมืองไท่อีก็ล่วงรู้ว่าในบรรดาคนของประเทศอมตะเถิงหลงที่มาเข้าร่วมการประลองใหญ่ในแดนร้างที่เมืองไท่อีครั้งนี้ มีโฉมงามอันไร้คู่เปรียบนางหนึ่ง
โฉมงามอันไร้คู่เปรียบนั้น แม้จะเป็นแค่ภาพเหมือน ทว่ายามคลี่กางภาพเหมือนนี้ออกมาดูชม สรรพสิ่งโดยรอบคล้ายถูกความงามของนางกลบรัศมีจนหมอง…
ในขณะเดียวกันกับที่คนในเมืองไท่อีกำลังแตกตื่นฮือฮา ด้านคนของประเทศอมตะเถิงหลงก็ไม่อาจสงบจิตสงบใจอยู่ได้
“สตรีที่ปิดหน้าปิดตาและมักอยู่กับองค์ชาย 13 นางนั้น ที่แท้กลับมีรูปโฉมงดงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ…ให้ตายเถอะนี่ข้าเคยเดินสวนกับโฉมงามไร้คู่เปรียบในภาพนี้จริงๆ?”
“ดูเหมือนนางจะเป็นสตรีที่มักอยู่ข้างๆชายหนุ่มุชดม่วงอันมีความเป็นมาลึกลับข้างกายองค์ชาย 13 ตลอดเวลา…ตอนนี้รูปโฉมของนางถูกเปิดเผยออกมา ข้าเกรงว่าคงเกิดปัญหาแน่…”
“เหอะๆ สตรีที่ประเสริฐยากหาใดเสมอเหมือนเช่นนี้ ตราบใดที่เป็นบุรุษและยังใช้การได้ อย่างไรก็ต้องหวั่นไหว…หากข้ามีความสามารถมากพอ ข้าก็อยากได้นางมาเป็นผู้หญิงของข้าเช่นกัน”
“ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นั้นดูเหมือนจะไม่ธรรมดา…แต่ไม่ทราบคราวนี้พอโฉมหน้าที่แท้จริงของสตรีชุดขาวข้างกายมันเปิดเผยสู่สายตาคนทั้งเมืองไท่อี มันยังจะสามารถปกป้องนางได้อยู่หรือไม่…”
…
ในบรรดาคนของประเทศอมตะเถิงหลงที่ได้เห็นภาพเหมือนของฮ่วนเอ๋อนั้น กระทั่งฮ่องเต้เถิงหลงอย่าง หลงตงผิง ยังอดไม่ได้ที่จะตะลึงไปเล็กน้อยเมื่อได้เห็นรูปโฉมที่แท้จริงของฮ่วนเอ๋อ ขณะเดียวกันมันก็สงสัยนัก…
ว่าในเมื่อเรื่องราวครั้งนี้มันลุกลามบานปลายเกินจะควบคุมได้แล้วแบบนี้ ชายหนุ่มชุดม่วงที่มีความเป็นมาลึกลับผู้นั้น ยังจะสามารถปกป้องสตรีชุดขาวข้างกายได้อยู่ไหม!