WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2906
ตอนที่ 2,906 : วาระสุดท้ายของหลี่ผิง
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่จี้ฟ่านครุ่นคิดเรื่องดังกล่าว
ปงงงง!!
ซัววว!!
…
พลังสีม่วงที่ก่อเกิดจากพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของต้วนหลิงเทียน ได้โถมถันมาประหนึ่งน้ำหลาก เข้าปะทะหักหาญกับร่างพุทธองค์สีทองตัวเขื่อง เสียงพลังกระทบฟังแล้วประหนึ่งห่าพิรุณตกกระทบกันสาดอยู่บ้าง
ครู่ต่อมา
ตูมมม!!
ในขณะที่เสียงระเบิดดังขึ้นเสียดแก้วหู เหล่าระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์ก็แลเห็นว่า…
เงาร่างพุทธองค์สีทองตัวเขื่องที่ห่อหุ้มคลุมร่างหลี่ผิงเอาไว้เป็นปราการชั้นนอกสุดนั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโถมถันทำลายเข้ามาของมวลพลังสีม่วง อย่าว่าแต่ต้านทานอันใด กระทั่งจะชะลอสภาวะรุกคืบสักส่วนยังไม่อาจกระทำ! ดั่งฟองอากาศเบาบางคิดเผยอต้านรับลูกกระสุน แตกสลายลงในบัดดล!!
“ไม่—!!”
เมื่อเห็นว่าเงาร่างพุทธองค์สีทองจากวรยุทธ์อมตะราชันไม่เคลื่อนไหว ถูกทำลายลงได้อย่างง่ายดาย หลี่ผิงคำรามออกมาอย่างตื่นตระหนกเสียขวัญ และทันใดนั้น มือมันเร่งสะบัดฉับไว คว้าระฆังใบเล็กแลดูวิจิตรงดงามที่ผุดโผล่จากความว่าง ก่อนจะเร่งร้อนจ่ายพลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ลงสู่ตัวระฆังดังกล่าว!
วินาทีต่อมาต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นชัดถนัดตา
ระฆังใบเล็กที่ไม่ต่างอะไรจากกระดิ่งประดับ หลังจากได้รับถ่ายทอดพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของหลี่ผิงแล้ว ตัวระฆังก็เปล่งแสงสว่างเจิดจ้า ปรากฏอักขระโบราณมากมายพวยพุ่งออกมาเร็วรี่ จากนั้นอักขระโบราณที่ปรากฏออกมานับหมื่นพัน ก็เริ่มประทับลงบนลักษณ์พลังรูประฆังที่หลี่ผิงใช้ออกก่อนหน้า!
เรียกว่าบัดนี้ ม่านพลังลักษณ์ระฆังอันเกิดจากเวทย์พลังระฆังพิทักษ์ลี้ลับของหลี่ผิง ได้ถูกอักขระโบราณแต่งแต้มไปทั่ว! มองแสงพลังจากอักขระที่ผสานกับสีสันของระฆังพลังก่อนหน้าแล้ว ช่างแลดูสวยงามตระการตาอยู่บ้าง!!
อักขระที่พวยพุ่งออกมาจากระฆังใบเล็ก เรียกว่าหนุนเสริมพลังป้องกันของม่านพลังลักษณ์ระฆังที่ปกป้องหลี่ผิงให้ทรงงพลังอานุภาพขึ้นไม่น้อย!
“หือ? อุปกรณ์อมตะระดับราชารึ?”
มองปราดเดียว ต้วนหลิงเทียนที่รับรู้ได้ทันที ว่าระฆังใบเล็กแลดูวิจิตรงดงามในมือหลี่ผิง สมควรเป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชาไม่ผิดแน่!
‘ได้ยินมาว่านิกายอมตะสราญรมย์มีอุปกรณ์อมตะระดับราชาทั้งสิ้น 2 ชิ้น อยู่ในมือประมุขนิกายชิ้นหนึ่ง ส่วนอีกชิ้นก็อยู่ในมือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของนิกายที่เป็นตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศ…’
ต้วนหลิงเทียนยังคงจำเรื่องราวที่บรรพจารย์ไท่อีเคยเล่าให้เขาฟัง ขณะเดินทางออกจากนิกายอมตะไท่อีไปยังเมืองเต๋าโอสถของพื้นที่แห้งแล้งได้เป็นอย่างดี
และเพราะสาเหตุนี้เอง หลี่อัน บรรพบุรุษของนิกายอมตะสราญรมย์อีกคนจึงไร้อุปกรณ์อมตะระดับราชาไว้ในครอบครอง ทำให้หลังต้วนหลิงเทียนฆ่ามันไปแล้ว เขาก็ไม่ได้รับอุปกรณ์อมตะระดับราชาแต่อย่างใด
ปงงงง!!
ซัววว!!
…
อักขระโบราณพวยพุ่งไปประดับประดาบนม่านพลังลักษณ์ระฆังจนก่อเกิดเป็นภาพอันสวยงามตระการตาได้ไม่ทันไร มวลพลังสีม่วงจากเวทย์พลัง ปราณม่วงบูรพา ของต้วนหลิงเทียนที่ฝ่าเงาร่างพุทธองค์สีทองตัวเขื่องมาได้โดยสภาวะไม่ถดถอย ก็ได้ตกกระทบเงาระฆังใบเขื่องอย่างจัง!
ทันใดนั้น!
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
ครืนนน! เวิงงง!!!
…
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวยิ่งกว่าก่อนหน้าอุบัติขึ้นมากังวาลก่องฟ้า เงาระฆังอันมีอักขระแต่งแต้มบัดนี้เริ่มสั่นไหวไปอย่างรุนแรง อีกทั้งอักขระโบราณที่แต่งแต้มทั้งหลาย ก็เริ่มหม่นแสงลงด้วยความเร็วจนเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า!
จากนั้นอักขระก็เริ่มสลายหายไปเรื่อยๆ!
‘ไม่คิดเลยจริงๆว่าหลังใช้อุปกรณ์อมตะระดับราชานั่นช่วย เวทย์พลังของมันจะมีพลังป้องกันเพิ่มพูนขึ้นถึงขนาดนี้…’
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะแปลกใจอยู่บ้าง ที่ปราการป้องกันของหลี่ผิงสามารถต้านทานคลื่นพลังที่มีพลังจากปราณม่วงบูรพาหนุนเสริมได้แบบนี้ ต้องเข้าใจด้วยว่าเมื่อครู่นั้น ราชันไม่เคลื่อนไหว ของอีกฝ่ายยังถึงกับพังทลายลงไปในพริบตา
ถึงแม้การลงมือของเขา จะไม่ได้ใช้พลังมากมายอะไร
อย่างไรก็ตามหลังจากที่มันตีโต้ปะทะเข้ากับม่านพลังลักษณ์ระฆังอันมีอักขระที่เกิดจากระฆังใบเล็กหนุนเสริมนั่น พลังทำลายของมันก็จำต้องพร่องไปอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะพร่องไปไม่เยอะก็ตามที
หากเมื่อครู่บอกว่า ม่านพลังลักษณ์พุทธองค์สีทองตัวเขื่องจากราชันไม่เคลื่อนไหวของหลี่ผิงสามารถต้านทานพลังเขาได้เสี้ยวอึดใจล่ะก็…
นับว่าตอนนี้ระฆังพลังอันมีอักขระโบราณแต่งแต้ม สามารถต้านทานรับพลังของเขาได้ถึง 2 เสี้ยวอึดใจ!
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนรู้ดี ว่ารอให้อักขระที่ประทับผิวนอกของม่านพลังลักษณ์ระฆังนั่นหายไปหมดเมื่อไหร่ หลี่ผิงก็ถึงคราวตายเมื่อนั้น…แน่นอนว่าไม่ต้องรออะไรนานนัก!
“ต้วนหลิงเทียน! ข้ายอมแล้ว! ข้ายอมแพ้แล้ว!!”
“ต้วนหลิงเทียน นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้ามิใช่บรรพบุรุษขอนิกายอมตะสราญรมย์อีก! ยังไม่ใช่แม้แต่คนขอนิกายอมตะสราญรมย์ แต่นี้ต่อไปเรื่องราวอันใดของนิกายอมตะสราญรมย์ไม่เกี่ยวกับข้า!!”
“ไว้ชีวิตข้าเถอะ ไว้ชีวิตข้าด้วย! ได้โปรด!!”
ในห้วงเวลาดุจละอองไฟวาบดับ หลี่ผิงที่รู้ตัวดีว่าพลังกระบวนท่านี้ของต้วนหลิงเทียน มันรับไว้ไม่ได้! มันก็รีบร่ำร้องออกมาเร็วไว เต็มใจสละทุกสิ่งเพื่อความปลอดภัยในชีวิตอันเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของมัน!!
นี่ก็เป็นธรรมชาติของผู้คน…
บางทีในอดีตหลี่ผิงอาจแลดูเต็มใจอุทิศตัวเพื่อนิกายอมตะสราญรมย์
อย่างไรก็ตามหากชีวิตของมันตกอยู่ในอันตรายถึงตายจริงๆ ใจก็ต้องแปรเปลี่ยนไปแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลี่ผิง พึ่งจะทะลวงมาถึงขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดได้หมาดๆ หลังฝึกปรือมาชั่วชีวิต ในที่สุดมันก็จะได้ออกจากพื้นที่ชายแดนเข้าสู่ภาคกลาง แสวงหาความเป็นไปได้และอนาคตอันไร้จำกัด ไล่ตามความฝันครั้งยังเยาว์…
หากทว่ามันต้องมาตายที่นี่ ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเกียรติยศชื่อเสียงก็ดี ความฝันอันใดก็ดี ล้วนไม่มีเหลืออีกต่อไป…
นอกจากนั้นหากมันตกตายไปสักคน ระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์ก็ไม่พ้นต้องตาย กระทั่งนิกายอมตะสราญรมย์คงต้องถูกทำลายพินาศสิ้น…
ถึงตอนนั้น ยังจะเหลือใครมาเล่าขานวีรกรรมของมัน ที่อุทิศได้กระทั่งชีวิตเพื่อนิกาย?
หลังจากฉุกคิดเรื่องราวทั้งหมดได้ หลี่ผิง ก็ตระหนักได้ว่า ที่แท้แล้วในโลก มีแต่ชีวิตเราเท่านั้นจึงมีค่าที่สุด…
“สายไปแล้ว…”
ได้ยินวาจาร้อนรนมากล้นไปด้วยความหวาดกลัวของหลี่ผิง สีหน้าแววตาต้วนหลิงเทียนก็ยังคงสงบไม่แยแสอันใด กล่าวตอบกลับไปสั้นๆด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
ปงงง!!
ทันใดนั้น อักขระที่ประทับลงบนม่านพลังลักษณ์ระฆังของหลี่ผิง ก็อันตรธานหายไปหมดสิ้น และเงาร่างระฆังใบเขื่อง ก็ไม่อาจคงสภาพอยู่ได้แม้ครึ่งลมหายใจ ถูกพลังสีม่วงของต้วนหลิงเทียนฝ่าทะลวงไปในบัดดล…
ครู่ต่อมา!
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
เมื่อปราการป้องกันทั้ง 2 ชั้นของหลี่ผิงพังทลาย พลังของต้วนหลิงเทียนก็ประหนึ่งสัตว์ร้ายกระหายเลือด กลืนกินร่างหลี่ผิงในหนึ่งคำ!
หลี่ผิง บรรพบุรุษนิกายอมตะสราญรมย์ ราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด…
ตกตายโดยไร้ซึ่งซากศพให้กลบฝัง!!
กระทั่งการโจมตีของต้วนหลิงเทียนหลังกลืนร่างหลี่ผิงจนหายไปไม่เหลือซากแล้ว ก็ไม่ได้สิ้นสภาวะแต่อย่างใด ยังคงพุ่งทำลายสะท้านสะเทือนความว่างเปล่าไปอย่างน่ากลัว!
ซู่มม! ครืน! ครืน! ครืน!!
…
ด้วยอานุภาพพลังร้ายกาจ มวลอากาศเหนือฟ้าแตกระเบิดอย่างแรง ก่อเกิดเป็นคลื่นลมวิปริตหอบหิ้วคลื่นกระแทกมหาประลัยหนึ่ง กวาดทำลายไปทั่วสารทิศอย่างเกรี้ยวกราด
เหล่าศิษย์นิกายอมตะสราญรมย์แม้จะนกรู้ ชิงถอยห่างออกมาแต่แรก แต่ก็ไม่วายถูกสายลมวอปริตอันหอบหิ้วพลังรุนแรง พัดปลิดปลิวละลิ่วร่วงฟ้าไปปานดาวตกบาดเจ็บสาหัสกันเป็นแถบ แต่ลคนหน้าซีดไปไร้สีเลือด ที่โชคร้ายหนีไปไม่ห่างมากพอ ก็ถูกคลื่นพลังดังกล่าวกระแทกทำลายร่างจนแหลกเหลว…
ผู้ที่รอดชีวิตจากภัยพิบัติมาได้ ตอนนี้พวกมันพากันตื่นตระหนกทั้งเสียขวัญนัก! ยังได้รับบทเรียนที่จะจดจำไว้ไปจนวันตายว่า…
การปะทะกันของยอดฝีมือด่านพลังสูงๆนั้น แม้จะเป็นผู้มุงชมอยู่ห่างๆก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยไร้เรื่องราว ราคาของความสนุกสนาน บางครั้งก็ต้องจ่ายออกด้วยหนึ่งชีวิตอันสำคัญของพวกมัน!
‘สลาย’
จนเมื่อต้วนหลิงเทียนใช้หนึ่งห้วงคิดถอนรั้งพลังคืนกลับ มวลพลังสีม่วงที่ถล่มทำลายฟ้าไปอย่างอุกอาจ ค่อยสลายหายไปจากฟ้าอย่างไร้ร่องรอย ทำราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
จากนั้นสายลมวิปริตอันหอบหิ้วคลื่นกระแทกมหาประลัยก็ค่อยๆซาลง…
“มา!”
จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอช้า สะบัดมือเบาๆคราหนึ่ง แหวนพื้นที่กับระฆังใบเล็กที่ปลิดปลิวกระเด็นไป ก็ถูกพลังไร้สภาพหอบหิ้วมาเข้ามือ
“เป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชาจริงๆ!”
รับระฆังมาตรวจสอบได้ไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันได้ทันทีว่ามันเป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชาจริงๆ “แถมพลังยังไม่เลวเลย…เมื่อครู่มันสามารถเพิ่มพูนพลังป้องกันให้กับเวทย์พลังป้องกันของหลี่ผิงได้ไม่น้อย!”
“จากลักษณะพลังของมัน น่าจะใช้งานร่วมกับเวทย์พลังอื่นๆได้ด้วย…ไม่ทราบมันจะผสานเข้ากับเวทญ์พลังปราณม่วงบูรพาบทป้องกันของข้าได้รึเปล่า…”
พึมพำถึงจุดนี้ เพียงใจคิดจิตสั่ง ทั่วร่างต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏมวลพลังสีม่วงขึ้นมาอีกครา และในพริบตามวลพลังสีม่วงดังกล่าวก็พุ่งมาก่อลักษณ์เป็นม่านพลังทรงกลมปกคลุมร่างกายของเขา
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ลองใช้ระฆังใบเล็กในมือดู จากนั้นก็เห็นว่าอักขระโบราณได้พวยพุ่งออกมาจากตัวระฆัง เริ่มพุ่งไปผสานกับม่านพลังทรงกลมของเขา ทำให้ม่านพลังทรงกลมประดับประดาไปด้วยอักขระโบราณมากมาย!
“ได้จริงด้วยๆ…ว่าแต่ มันจะใช้กับวรยุทธ์อมตะได้รึเปล่า?”
พอฉุกคิดถึงเรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ใช้ ราชันไม่เคลื่อนไหว วรยุทธ์อมตะที่ชนะเดิมพันได้มาจากนิกายอมตะสราญรมย์ทันที เงาร่างพุทธองค์สีทองตัวเขื่องปรากฏขึ้นมาห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ในบัดดล
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ลองคิดสั่งการมันดู อักขระโบราณที่แต่งแต้มม่านพลังทรงกลมสีม่วงของเขาอยู่ ก็เริ่มโบนบินออกจากม่านพลังทรงกลมไปผสานเข้ากับเงาร่างพุทธองค์สีทองตัวเขื่องทันที
“ทำได้ด้วย!”
พริบตาเงาร่างพุทธองค์สีทองตัวเขื่องที่ปกคลุมร่างต้วนหลิงเทียนอยยู่ ก็ปรากฏอักขระแต้มไปทั่วกาย ให้ความรู้สึกขลังขึ้นหลายส่วน อีกทั้งต้วนหลิงเทียนยังสัมผัสได้ชัดเจนว่าพลังป้องกันของพุทธองค์สีทองตัวเขื่องบัดนี้ ได้ทวีความแข็งแกร่งขึ้นผิดหูผิดตา
“ดูเหมือนว่า…มันจะเป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทสนับสนุนการป้องกัน!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำออกมาขณะมองจ้องระฆังใบเล็กในมือไม่วางตา
ตั้แต่ที่มาถึงแดนสวรรค์หลิงหลัวเทียนแห่งนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ได้รู้ว่าในระนาบเทวโลกมีอุปกรณ์อมตะหลากหลายประเภท และหนึ่งในประเภทของอุปกรณ์อมตะเหล่านั้น แน่นอนว่ามีไว้สำหรับหนุนเสริมพลังป้องกันโดยเฉพาะ
ดุจเดียวกับระฆังใบเล็กแสนวิจิตรงดงามในมือเขาตอนนี้
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนทดสอบระฆังใบเล็กปานเด็กน้อยได้ของเล่นใหม่ ระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์ไม่เว้นตัวประมุขอย่างหลิวเสวียนคงนั้น ได้แต่นิ่งเงียบไม่ไหวติง ยังไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง สองตามองต้วนหลิงเทียนด้วยความวิตกกังวลระคนหวาดกลัว
และตอนนี้สิ่งที่มันกลัวที่สุดก็คือ ทำอะไรจนเป็นการกระตุ้นความสนใจของต้วนหลิงเทียน จนชักนำหายนะสังหารมาสู่ตัว!
ต้องทราบด้วยว่า กระทั่งบรรพบุรุษหลี่ผิง ตัวตนที่ทรงพลังที่สุดในนิกายอมตะสราญรมย์ ยังตกตายคามือต้วนหลิงเทียนโดยไม่อาจตอบโต้!
หากเป็นก่อนหน้านี้ ตอนที่หลี่ผิงยังไม่ทะลวงด่านพลังบรรลุถึงราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเข่นฆ่าหลี่ผิงไป พวกมันก็คงไม่กังวลเรื่องต้วนหลิงเทียนจะทำลายนิกายอมตะสราญรมย์ เพราะสุดท้ายแล้ว อีกฝ่ายก็ต้องพะวงเรื่องที่นิกายอมตะสราญรมย์ของพวกมัน อาจจะมียอดฝีมือกึ่งราชาอมตะที่เร้นกายใน 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้อยู่…
ทว่าตอนนี้กระทั่งหลี่ผิงที่บรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะยังถูกฆ่าตายตก พวกมันก็รู้ดีว่าชายหนุ่มเบื้องหน้านั้น หาได้หวั่นเกรงยอดฝีมือกึ่งราชาอมตะของนิกายอมตะสราญรมย์ที่อาจเร้นกายอยู่ใน 6 พื้นที่ภาคตะววันออกเฉียงใตอีกต่อไป
เพราะพลังฝีมือของยอดฝีมือเร้นกายกึ่งราชาอมตะ ยังอ่อนด้อยกว่าหลี่ผิงที่ตกตายไปเมื่อครู่เสียอีก!
ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าคนนี้ ในเมื่อสามารเข่นฆ่าหลี่ผิงได้ง่ายดาย เช่นนั้นคิดเข่นฆ่ายอดฝีมือกึ่งราชาอมตะของนิกายอมตะสราญรมย์ที่เร้นกายอยู่ ยังนับเป็นเรื่องราวอันใดได้…