WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2922
WSSTH ตอนที่ 2,922 : นวโอรสบงกชบัลลังก์ ไม้ปัดฝุ่นกวาดโลกา
เมื่อกรงสีม่วงเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าออกมา ขนาดของมันก็ค่อยๆหดเล็กลงทันที สุดท้ายรูปลักษณ์ที่คล้ายตระกร้อสานถึกกักล้อมร่างหวางตันเฟิ่งไว้ ก็แปรเปลี่ยนกลับกลายไปเป็นม่านพลังอ่อนหยุ่นมองไปคล้ายปุยเมฆบางๆสีม่วง!
อย่างไรก็ตามแม้ม่านพลังเบาบางคล้ายปัยเมฆนี้จะดูอ่อนแอบอบบาง ทว่าฤทธิ์เดชของมันนั้นร้ายกาจแค่ไหนหวางตันเฟิ่งได้กระจ่างชัดถึงทรวง! เพราะบัดนี้ไม่ว่านางจะต่อต้านแข็งขืนเพียงใด ก็ไม่อาจกระทำได้เลย!!
ม่านพลังดั่งปุยเมฆทรงกลมสีม่วงนี้ แผ่พุ่งพลังสะกดสาดโถมเขามาที่ร่างของนางปานน้ำหลาก ทุกครั้งที่หวางตันเฟิ่งพยายามโคจรเร่งเร้าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดขึ้นมาหมายแข็งขืนทำลาย ก็ไม่วายโดนพลังดังกล่าวสลายพลังในร่างให้เหือดหายไปหมดสิ้น!!
วินาทีนี้หวางตันเฟิ่งรู้สึกเสมือนตัวเองกับกลายเป็น ปลาบนเขียงที่รอให้ผู้อื่นแล่สับได้ตามใจ! ทำให้ในใจบังเกิดความทดท้อทั้งหวาดกลัวถึงขีดสุด!!
“ปราณม่วงบูรพา!”
พอเห็นหวางตันเฟิ่งถูกผนึกเอาไว้ในม่านพลังทรงกลมสีม่วงดังกล่าว สีหน้าหนานกงซิ่วกับหลินหรูอดไม่ได้ที่จะแปรเปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึม ขณะเดียวกันพวกนางก็จดจำได้ ว่าสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนใช้คืออะไร เป็นเวทย์พลังระดับขุนนางของนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับ ปราณม่วงบูรพา!
ยิ่งไปกว่านั้น มองจากการควบคุมและลักษณะพลังที่เลือนรางไม่อาจจับต้องของต้วนหลิงเทียน พวกนางก็ตระหนักได้ทันทีว่านั่นคือจขุดสูงสุดของปราณม่วงบูรพา หาไม่แล้วไม่มีทางที่พลังจะแปรเปลี่ยนได้ดั่งใจนึกถึงขนาดนี้!
“ต้วนหลิงเทียน เจ้ารีบปล่อยศิษย์น้องของข้าเดี๋ยวนี้!!”
ถึงแม้จะตกตะลึงกับพลังอันเข้มแข็งและวิธีการลงมืออันฉับไวน่ากลัวของต้วนหลิงเทียน แต่เมื่อเห็นหวางตันเฟิ่งถูกต้วนหลิงเทียนจับขังไว้แบบนั้น หนานกงซิ่วก็ไม่อาจไม่ลงมือ
ร่างบางคล้ายกลับกลายเป็นสายลมกรรโชกหอบหนึ่ง พัดจี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียน!
แม้หลินหรูจะไม่เอื้อนเอ่ยคำใด แต่คนก็พุ่งร่างติดตามหนานกงซิ่วไปดั่งเงาตามตัว พร้อมร่วมมือผนึกกำลังสยบปราบต้วนหลิงเทียน!
หากเป็นก่อนหน้านี้ ถ้าไม่คำนึงถึงความสามารถในเต๋าโอสถของต้วนหลิงเทียน พวกนางก็ไม่เคยเห็นต้วนหลิงเทียนอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
ทว่าไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าวันหนึ่งพวกนางกลับต้องมาผนึกกำลังกันสยบปราบต้วนหลิงเทียน!
ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางยังไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อย ว่าหากร่วมมือกันแล้วจะจัดการต้วนหลิงเทียนได้!!
นั่นเพราะการลงมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมามันทรงพลังเกินไป อย่างน้อยๆก็ต้องอยู่ในขอบเขตพลังขุนนางอมตะ 10 ทิศ ซ้ำร้ายยังอาจจะเหนือกว่านั้นอีก!
ต้วนหลิงเทียนที่ตระหนักได้แต่แรกว่าหนานกงซิ่วกับหลินหรูลงมือจู่โจมเข้ามา หากแต่เขาก็ไม่ได้สนใจทั้งคู่แต่อย่างใด ยังคงเหม่อมองหวางตันเฟิ่งที่กำลังดิ้นรนอยู่ในม่านพลังดั่งปุยเมฆสีม่วงของเขาด้วยสายตาซับซ้อน
หากสตรีนางนี้ไม่ได้เป็นอาจารย์ของมู่หรงปิง และมู่หรงปิงก็ให้ความรักและความเคารพนางสุดใจ ป่านนี้เขาคงฆ่านางให้ตายไปแล้ว เพื่อตัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ถึงแม้เบื้องหลังของนางจะมีตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศอยู่…
แต่ในเวลานี้เขาฆ่าได้กระทั่งราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด แล้วจะยังต้องกลัวขุนนางอมตะ 10 ทิศทำอะไร?
“ราชันไม่เคลื่อนไหว”
สัมผัสได้ว่าหนานกงซิ่วกับหลินหรูจู่โจมเข้ามาใกล้บรรลุถึงร่างแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่ได้ละสายตาออกจากร่างหวางตันเฟิ่งแต่อย่างไร เพียงโคจรใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดออกมาขุมหนึ่ง
จากนั้นไม่ทันไร พุทธองค์ร่างทองตัวเขื่องก็เริ่มปรากฏห้อมล้อมคลุมกายร่างต้วนหลิงเทียนที่มีไอพลังสีม่วงปกคลุมก่อนหน้า ดั่งปราการแกร่ง!
ปงงงง!!
ตูมมม!!
…
ไม่ว่าหนานกงซิ่วกับหลินหรูจะดำเนินการอย่างไร จู่โจมออกไปด้วยกระบวนท่ารุนแรงแค่ไหน หากแต่พุทธองค์ร่างทองที่อยู่ๆก็อุบัติขึ้นมาปกคลุมทั่วร่างต้วนหลิงเทียน ก็ไม่ส่อแววจะพังทลายลงเลย!
เรียกว่าการโจมตีของสตรีทั้งสอง ยามตกกระทบพุทธองค์ร่างทองตัวเขื่อง เสมือนหนึ่งหมัดชกเข้ากำแพงเหล็ก ไร้ซึ่งภัยคุกคามใดๆต่อร่างด้านในทั้งสิ้น!
“นวโอรสบงกชบัลลังก์!”
“ไม้ปัดฝุ่นกวาดโลกา!”
เมื่อได้รับทราบถึงความน่ากลัวจากการป้องกันอันแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน ในที่สุดหนานกงซิ่วกับหลินหรู ก็นำอุปกรณ์อมตะระดับราชาออกมาใช้ทันที!
สิ่งที่ปรากฏอยู่ในมือของหนานกงซิ่วก็คือดอกบัวอันมีร่างเด็กชายตัวเล็ก 9 คนยืนเรียงตัวกันสามแถว
ชั้นนอกสุดมีเด็กชายยืนอยู่บนกลีบดอกบัวที่เบ่งบานด้วยกันทั้งสิ้น 5 คน ส่วนชั้นถัดมามี 3 และชั้นในสุดใจกลางดอกบัวก็มีเด็กชายยืนอยู่เพียงลำพัง!
นี่คือ นวโอรสบงกชบัลลังก์ 1 ใน 3 อุปกรณ์อมตะระดับราชาของนิกายอมตะสือหัง และยังเป็นอุปกรณ์อมตะที่เพรียบพร้อมในด้านป้องกันและจู่โจม!
นอกจากนั้นยังเป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชาที่ดีที่สุดในบรรดาอุปกรณ์อมตะระดับราชาทั้ง 3 ชิ้นอีกด้วย!
วู้มมม!!
หนานกงซิ่วที่ชักสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังถ่ายพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดลงศาสตราในมือเร็วไว ทันใดนั้นตัวนวโอรสบงกชบัลลังก์ก็เริ่มเปล่งแสงลี้ลับเรืองรองออกมาเจิดจ้า จากนั้นปรากฏเงาร่างเด็กน้อย 2 คนพวยพุ่งขึ้นมาจากบงกชลอยล่องอยู่เบื้องหน้าหนานกงซิ่ว!
จากนั้นนวโอรสบงกชบัลลังก์ในมือของหนานกงซิ่ว ก็เริ่มสาดแสงออกมาเจิดจ้าอีกครั้ง ทันใดนั้นเงาร่างเด็กน้อยหนึ่งคนก็พุ่งไปอยู่ใต้เท้าของหนานกงซิ่ว ยังขยายขนาดขึ้นจนใหญ่โตมากพอให้หนานกงซิ่วยืนได้อย่างไม่ลำบาก
ส่วนเงาร่างอีกตัวที่ลอยล่องอยู่เบื้องหน้า ก็เริ่มแผ่ขยายใหญ่ขึ้น จากนั้นก็ซ้อนคลุมร่างหนานกงซิ่วเอาไว้ ดั่งอาภรณ์โปร่งแสง!
ส่วนอีกด้านนัก ไม้ปัดฝุ่นในมือหลินหรู หาได้เป็นสิ่งของที่ไม่คุ้นตาต้วนหลิงเทียนแต่อย่างไร
มันเป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชา ที่เขากับมู่หรงปิงพบเจอในโลกใบเล็กที่เหลือไว้โดยราชาอมตะของนิกายอมตะสราญรมย์…ไม้ปัดฝุ่นกวาดโลกา 1 ใน 3 อุปกรณ์อมตะระดับราชาประจำนิกายอมตะสือหัง!
ไม้ปัดฝุ่นกวาดโลกานั้นได้หายสาบสูญไปจากนิกายอมตะสือหังนานปี จนสุดท้ายก็เป็นมู่หรงปิงไปพบเจอแล้วนำกลับมาเมื่อไม่กี่ปีก่อน
นอกจากนั้นนิกายอมตะสือหังยังคงมีอุปกรณ์อมตะระดับราชาอีกชิ้น ทว่ามันอยู่ในมือของขุนนางอมตะ 10 ทิศหนึ่งเดียวของนิกายอมตะสือหัง บิดาของหวางตันเฟิ่ง หวางชิวขวง
“ท่านประมุขถึงกับต้องนำนวโอรสบงกชบัลลังก์ออกมาใช้เชียวหรือ? นี่การป้องกันของต้วนหลิงเทียนมันทรงพลังเข้มแข็งขนาดไหนกัน?”
“ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ ก่อนที่จะนำอุปกรณ์อมตะระดับราชาประจำนิกายออกมา กระทั่งท่านประมุขกับท่านผู้พิทักษ์หลินร่วมมือกันยังมิอาจฝ่าการป้องงกันของต้วนหลิงเทียนเข้าไปได้เลย การป้องกันมันยังจะไม่น่ากลัวได้รึ?”
“ตอนนี้กระทั่งผู้พิทักษ์หลินก็ถึงกับนำไม้ปัดฝุ่นกวาดโลกาออกมาใช้…ขุนนางอมตะ 9 ตำหนักสองคนผนึกกำลังลงมือโดยใช้อุปกรณ์อมตะระดับราชาถึง 2 ชิ้น สมควรฝ่าการป้องกันของต้วนหลิงเทียนเข้าไปได้แล้วกระมัง?”
“จังหวะนี้ต่อให้การป้องกันของต้วนหลิงเทียนจะถูกทะลวงฝ่า แต่พลังฝีมือของมันก็ไร้กังขาอีกต่อไป…อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศ!!”
…
เหล่าอาวุโสของนิกายอมตะสราญรมย์ในที่เกิดเหตุ พึ่งจะสามารถดึงสติกลับมาจากอาการตกตะลึงได้ แต่นี่ก็ช่วยไม่ได้เพราะต้วนหลิงเทียนนั้นสร้างความตกให้ให้พวกนางครั้งใหญ่จริงๆ!
หวางตันเฟิ่ง ผู้พิทักษ์ลำดับ 2 ของนิกายอมตะสือหัง ขุนนางอมตะ 9 ตำหนักอันแข็งแกร่ง ทว่าต่อหน้าต้วนหลิงเทียนกลับไม่มีแม้แต่โอกาสจะตอบโต้ พริบตาก็ถูกต้วนหลิงเทียนกักขังเอาไว้เสียแล้ว!
ถึงแม้ครั้งนี้อาจเป็นเพราะหวางตันเฟิ่งประมาทผู้อื่นเขาก่อน แต่อย่างน้อยๆต้วนหลิงเทียนก็ต้องมีพลังสามารถสูงถึงขั้น จึงจะลงมือทำอะไรเช่นนี้ได้!
มาตอนนี้พอได้เห็นว่ายอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 9 ตำหนักที่เหลืออยู่สองคนของนิกายได้ผนึกกำลังร่วมมือกันลงมือต่อต้าน แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ จนต้องหยิบควักอุปกรณ์อมตะระดับราชาทั้ง 2 ชิ้นออกมาใช้ ก็ทำให้พวกนางตั้งใจดูชมเรื่องราวกันตาไม่กระพริบ!
และตอนนี้พวกนางส่วนใหญ่ก็เชื่อมั่นกันว่า ในเมื่อยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 9 ตำหนักทั้งสองของนิกายที่ผนึกกำลังร่วมมือใช้ออกด้วยอุปกรณ์อมตะระดับราชาพร้อมกัน ต้องสามารถฝ่าปราการป้องกันของต้วนหลิงเทียนได้แน่!
ทว่าไม่ทันไร ความเชื่อมั่นของพวกนางจำต้องสั่นคลอนอีกครั้ง
“นั่นมัน…”
“หรือว่าจะเป็นนอุปกรณ์อมตะระดับราชาด้วย?!”
“ไม่ผิดแน่ อาศัยอุปกรณ์อมตะรดับขุนนาง ไม่อาจแผ่กลิ่นอายพลังลี้ลับเช่นนี้ออกมาได้!”
…
คนของนิกายอมตะสือหังที่ชมดูเรื่องราวกันอยู่ เห็นกันชัดถนัดตา ว่าในขณะที่หนานกงซิ่วกับหลินหรูหยิบอุปกรณ์อมตะระดับราชาออกมาใช้ ในมือของชายหนุ่มชุดม่วงก็ปรากฏอุปกรณ์อมตะขึ้นมาถือไว้ชิ้นหนึ่ง
อุปกรณ์อมตะที่ว่าเป็นร่มคันหนึ่ง อันมีลวดลายแปลกๆวาดเขียนเอาไว้ และบริเวณด้ามจับยังมีอักขระโบราณสลักเขียนเอาไว้ด้วย
และทันทีที่ร่มประหลาดในมือของชายหนุ่มชุดม่วงคลี่กางออก ไม่ทราบอีกฝ่ายใช้พลังโยกย้ายตั้งแต่ตอนไหน หากแต่ร่มประหลาดดังกล่าวกลับไปผุดโผล่อยู่ในฝ่ามือของพุทธองค์สีทองตัวเขื่อนอย่างน่าฉงน!
และทันทีที่ร่มประหลาดดังกล่าวไปผุดโผล่ในมือของพุทธองค์ร่างทองตัวเขื่อง ตัวร่มก็ถูกปกคลุมไปด้วยม่านแสงสีทอง นอกจากนั้นยังมีไอพลังสีม่วงอาบไล้ชโลมไปทั่วๆ!
วู้มมม!!
ทันใดนั้นเองแสงลีลับที่เรืองสว่างออกมาทั่วตัวร่มเอง ก็เริ่มสาดส่องออกมารวมผสานเข้ากับแสงพลังสีทองทั้งไอพลังสีม่วงที่ปกคลุมอยู่รอบพุทธองค์สีทองตัวเขื่องในฉับพลัน แสงพลังทั้ง 3 ยังคล้ายจะหลอมผสานเข้ากันได้อย่างลงตัวไร้แบ่งแยก!!
ขณะเดียวกันนั้นเอง การโจมตีของหนานกงซิ่วและหลินหรูก็บรรลุมาถึงแล้วเช่นกัน
หนานกงซิ่วที่ในมือถือไว้ด้วยนวโอรสบงกชบัลลังก์ และบัดนี้ตัวนวโอรสบงกชบัลลังก์ก็เริ่มสั่นไหวสะท้าน ร่างเด็กน้อยทั้ง 9 บนดอกบัว ก็พร้อมใจกันลืมตาขึ้นมาราวกับมีชีวิต!
ครู่ต่อมา!
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
…
เสียงสายลมกรรโชกพัดแรงลั่นก้องสะท้านหูอย่างเกรี้ยวกราด เป็นเด็กชายทั้ง 9 ที่เสมือนมีชีวิต บัดนี้ได้เหินทะยานร่างออกจากบงกชบัลลังก์ พุ่งจี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วฉับไวประหนึ่งอัสนีฟาดผ่า!
อีกทั้งร่างเด็กน้อยทั้ง 9 ราวกลืนกินวายุต่างอาหาร ร่างของพวกมันยิ่งมายิ่งขยายเติบโตมากขึ้นทุกขณะ!
จากนั้นร่างทั้ง 9 ที่พุ่งมาถึงม่านพลังลักษณ์พุทธองค์ตัวเขื่องสีทอง คล้ายดั่งเกิดมาเพื่อตาย พวกมันพร้อมใจกันเปล่งแสงพลังสว่างไสวเจิดจ้า ก่อนจะระเบิดตัวเองอย่างพร้อมเพรียง!!
เปรี๊ยงงงงงง!!
ครืนนน! ซู่มม!!!
…
ร่างโอรสทั้ง 9 ยามระเบิดพลัง อานุภาพทำลายล้างช่างสะท้านสะเทือนขวัญผู้คนนัก พื้นที่แถบนี้ของนิกายอมตะสือหังประหนึ่งก่อเกิดมหาภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ ความว่างเปล่าสะท้านสะเทือน อับุติสายลมเกรี้ยวกราดหอบคลื่นพลังกระแทกกวาดสะท้านออกไปทั่วสารทิศ!!
อีกทั้งลักษณ์พลังพุทธอค์ตัวเขื่องสีทองถือร่ม ก็เริ่มสั่นไหวปานจะพังทลายลง หลังถูกแรงระเบิดมหาวิปโยคเคี่ยวกรำ บิดเบี้ยวยุบยวบชวนสยอง!
ฟู่ม!!
ปงงงง!!
…
ในขณะที่เงาร่างพุทธองค์สีทองถือร่มกำลังสะท้านสะเทือนราวกับเจียนทลายลงเต็มแก่ เสียงแหวกสายลมฉับไวพลันแว่วดังขึ้นสนั่น บังเกิดร่างดั่งลมกรรโชกโถมถันเข้ามาอย่างเกรี้ยวกราด!
เป็นหลินหรูที่ที่โจนทะยานเข้ามาหมายลงมือซ้ำตามหลังหนานกงซิ่วอย่างประจวบเหมาะราวนัดกันไว้ ไม้ปัดฝุ่นกวาดโลกาในมือนางบัดนี้คล้ายมีชีวิต ตัวพู่ลุกโชนขึ้นมาเต้นเร่าๆปานเพลิงไฟ ตวัดฟาดทุบไปทางต้วนหลิงเทียนด้วยสภาวะพลังเหี้ยมหาญ มวลอากาศตามรายทางถูกแหวกเปิดอย่างไม่ยินยอม บังเกิดเป็นแรงระเบิดกำจายออกไปถล่มทลายบรรยากาศ!
ทั้งมวลพลังที่ก่อเกิดจากการฟาดไม้ปัดฝุ่นเข้ามา ยังอุบัติเป็นใต้ฝุ่นพลังดั่งอสูรสายลมจากโบราณกาลฟื้นคืนชีวิต! อ้าปากกระหายเลือดหมายขย้ำกลืนร่างต้วนหลิงเทียนในหนึ่งคำ!!
พุทธองค์ร่างทองถือร่มตัวเขื่องเดิมทีหลังถูกนวโอรสพุ่งเข้ามาระเบิดพลีชีพ ก็สะเทือนยุบยวบไปคล้ายจะแตกสลายลงอยู่รอมร่อ บัดนี้เมื่อถูกคลื่นพลังดั่งมหาพายุโถมถล่มเข้าไปอีกรอบ มันก็บิดเบี้ยวจนแทบไม่เป็นทรง กระเพื่อมไหวไปอย่างรุนแรง!!
“การป้องกันของต้วนหลิงเทียนกำลังจะพังทลายลงแล้ว!!”
เหล่าศิษย์และอาวุโสของนิกายอมตะสือหังจับจ้องมองชมเรื่องราวเบื้องหน้าตาไม่กระพริบ แต่ละคนลุ้นระทึกหนักหนาเมื่อเห็นพุทธองค์ร่างทองถือร่มตัวเขื่องของต้วนหลิงเทียน เริ่มบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ แววตายังเริ่มฉายถึงความยินดีออกมา ราวได้เห็นฉากร่างพลังสีทองตัวเขื่องแตกสลาย!
อย่างไรก็ตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อมา กลับทำให้พวกนางจำต้องผิดหวัง
เพียงเห็นว่าพุทธองค์ร่างทองถือร่มตัวเขื่องที่บิดเบี้ยวสั่นไหวเจียนพังทลายลงไปก่อนหน้า หลังจากยุบยวบอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็หวนคืนสู่สภาพปกติ ร่างทองหวนกลับมายืนตระหง่านตัวตรงดั่งขุนเขาไร้ทลาย ไม่หวั่นมวลพลังที่โถมกระหน่ำเข้ามาประหนึ่งพายุลมฝนอันใด!!
ยังดีที่ตั้งแต่ระเบิดพลังจู่โจมครั้งแรก เป็นหนานกงซิ่วประมุขนิกายอมตะสือหังได้กางกั้นม่านพลังกำบังเอาไว้แล้ว เหล่าศิษย์และอาวุโสของนิกายอมตะสือหังทั้งหลายจึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรกับการปะทะหนักหน่วงแม้แต่น้อย
“อะ…อะไรกัน! ขนาดนี้แล้ว…แต่ยังมิอาจทลายฝ่าการป้องกันของมันได้อีกหรือ!?”
“อุปกรณ์อมตะระดับราชาในมือมันหาได้ง่ายดายไม่! ข้าเกรงว่าคงเป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทป้องกันเต็มตัว!”
“แต่ตอนนี้พวกเราสามารถยืนยันเรื่องหนึ่งได้แน่ชัด…ด่านพลังฝึกปรือของมันสมควรบรรลุถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศแล้วจริงๆ!!”
…
เหล่าศิษย์และชนชั้นอาวุโสของนิกายอมตะสือหังตกตะลึงพรึงเพริดกันไม่น้อย เมื่อเห็นว่าร่างในชุดสีม่วงยังคงลอยตระหง่านนิ่งไม่ไหวติง สามารถต้านทานการผนึกกำลังลงมือของหนานกงซิ่วและหลินหรูได้อย่างมั่นคง และตอนนี้สายตาของทุกคนก็จับจ้องมองไปยังร่มคันนั้นเป็นพิเศษ
ร่มคันดังกล่าวตอนนี้ก็อยู่ในมือของเงาร่างพุทธองค์สีทองตัวเขื่อง ยังเปล่งแสงพลัง 3 สีที่ม้วนพันกันออกมาเช่นเคย สภาวะของมันคล้ายจะบดบังลมฝนใดๆในโลกได้อย่างไร้ครั่นคร้าม!
“หวางชิวขวง?”
ในขณะที่ทุกคนกำลังพากันตื่นตระหนกตกตะลึงกับพลังป้องกันอันน่าสะพรึงกลัวของต้วนหลิงเทียนอยู่นั้น ด้านต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆหันหน้าไปแหงนมองยอดเขาสูงไกลตา
เห็นเป็นเงาร่างหนึ่ง!