WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2941
WSSTH ตอนที่ 2,941 : อุปกรณ์อมตะระดับราชาอีกชิ้น!
“หยิ่งนัก!”
“เหอะๆ ฟังจากคำพูดมัน หรือจะบอกว่าสามารถเอาชนะนายน้อยเมืองตู้อวิ๋นได้ในกระบวนท่าเดียว?”
“เพ้อฝัน!”
…
ได้ยินคำพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ผู้คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนถือดีเกินไป หวงเจียหลงนั้นแข็งแกร่งจนเรียกว่าแทบไม่เป็นสองรองใครในขอบเขตยอดเซียนอมตะของประเทศฝูชิวด้วยซ้ำ เรียกว่าวัดกันจริงๆก็ถือว่ามีพลังฝีมือติด 3 อันดับแรก!!
ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มชุดม่วงอายุไม่ถึงร้อยปี กลับกล้าพูดออกมาไม่อายปากว่าอาศัยเพียงหนึ่งกระบวนท่าก็สยบหวงเจียหลงได้!
หากนี่ยังไม่หยิ่งผยอง อันใดจึงเรียกหยิ่งผยอง!?
ตอนนี้กระทั่งเจ้าเมืองตู้อวิ๋น หวงเหยี่ยนเฟย ที่สีหน้าไม่ยินดียินร้ายมาตลอด ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าเชิดๆ มุมปากยังยกยิ้มแสยะรังเกียจ
พลังฝีมือของลูกชายมันนั้น ตัวมันไม่อาจรู้ดีไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
ต่อให้เป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่พลังฝีมือสูงส่งที่สุดในประเทศฝูชิวเวลานี้ที่มันรู้อย่างองค์ชาย 4 ต่อให้ลงมือเต็มที่ยังไม่แน่ว่าจะเอาชนะลูกชายมันได้ภายในสิบกระบวนท่า!
“จึกๆ สหายผู้นั้นช่างหยิ่งแท้ ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ…”
ลูกชายคนเล็กของหวงเหยี่ยนเฟยเองก็อดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้น กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มพลางส่ายหัว มันไม่เชื่อว่าต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจถึงขั้นเอาชัยพี่ชายมันได้ในท่าเดียว
เหนือขึ้นไปกลางหาวของสังเวียน
“ปฐมเวทย์กลืนกิน!”
ซู่ว! ซู่ว! ซู่ว!
…
ต้วนหลิงเทียนพลันใช้ออกด้วยเวทย์พลังสนับสนุนอย่างปฐมเวทย์กลืนกิน ทันใดนั้นแสงพลังสีม่วงกับสีทองที่สาดส่องรอบกายต้วนหลิงเทียนก็คล้ายจะทวีความเข้มแข็งขึ้นไปอีกระดับ
ถึงแม้วว่าพลังอำนาจของปฐมเวทย์กลืนกินจะน่ากลัวยามอยู่ในระนาบโลกียะ ใช้คราหนึ่งก็ทำให้พลังวิญญาณฟ้าดินในอาณาบริเวณโดยรอบมีอันต้องสาบสูญไปในฉับพลัน!
อย่างไรก็ตามพลังวิญญาณฟ้าดินในบรรยากาศของระนาบเทวโลกนั้น มหาศาลสุดที่ในระนาบโลกียะจะเปรียบปราน แม้ต้วนหลิงเทียนจะใช้ออกด้วยปฐมเวทย์กลืนกิน แต่ก็ไม่ได้บังเกิดปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่อะไรนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาใช้ในลานหน้าพระราชวังหลวงของประเทศฝูชิว ที่มีพลังวิญญาณฟ้าดินในบรรยากาศหนาแน่นไม่ใช่ชั่ว แม้ต้วนหลิงเทียนจะใช้ปฐมเวทย์กลืนกินออกเต็มกำลัง ก็ไม่ได้บังเกิดความเคลื่อนไหวที่เห็นได้ชัดแต่อย่างไร
เพราะสุดท้ายแล้วในระนาบเทวโลกนั้น ปฐมเวทย์กลืนกินก็เป็นเพียงเวทย์พลังระดับสวรรค์เท่านั้น แม้ต้วนหลิงเทียนจะบรรลุมันถึงขั้นไร้ตำหนิแล้ว แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับพลังอำนาจของเวทย์พลังสนับสนุนที่มีระดับสูงกว่านี้
ทันใดนั้นเองเมื่อแสงพลังทวีความแกร่งกล้าขึ้น ร่มที่พึ่งคลี่กางในมือต้วนหลิงเทียน ไม่ทราบว่าไปอยู่ในมือเงาร่างพุทธองค์สีทองร่างเขื่องตั้งแต่เมื่อไหร่ หากทว่าตอนนี้มันได้เปล่งแสงพลังลี้ลับออกมากางกั้นเป็นมางพลังอีกชั้น แสงพลัง 3 สีสอดประสานกันได้อย่างลงตัว!
และบัดนี้หอกที่เสือกทะลวงจ้วงมาของหวงเจียหลง ก็บรรลุถึงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนเรียบร้อยแล้ว!
ปงงงง!!
หวงเจียหลงที่โถมทะลวงหอกเข้ามา บัดนี้สภาวะพลังได้ถูกเร่งเร้าถึงขีดสุด! คนหอกคล้ายอุกกาบาต พุ่งทะลวงแหวกฟ้าฉับไวจนก่อเกิดเป็นอุโมงค์อากาศสายหนึ่ง มวลอากาศที่ถูกแหวกทะลวงยังแตกระเบิดกำจายออกไปเป็นวงอย่างเห็นได้ชัด!!
เมื่อหอกบรรลุถึงม่านพลัง 3 สีสัน เกลียวอัสนีสีแดงฉานที่ม้วนพันปลายหอกก็เริ่มม้วนวนเร็วรี่ปานปานหัวส่วาน!
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง มวลพลังดั่งมังกรทองที่ม้วนขนดพันรอบตัวหอกเองก็เปล่งแสงสว่างเจิดจ้า!
จากนั้นมันก็พุ่งไปหลอมผสานเข้ากับเกลียวพลังอัสนีสีแดงแปลบปลาบ ก่อเกิดเป็นสว่านพลังอัสนีสีแดงทอง สภาวะพลังปานจะเจาะทะลวงได้ทุกสรรพสิ่ง!
ปงงงง!!
เมื่อเกลียวพลังอัสนีสีแดงแปลบปลาบหลอมผสานกับพลังสีทองได้ไม่ทันไร มันก็พุ่งออกมาปานจุดระเบิด! กลับกลายเป็นลำแสงเกลียวพลังสังหารรวมศูนย์สายหนึ่ง พุ่งออกไปอย่างน่ากลัว!
ทันใดนั้นลำแสงพลังหอกอันน่าพรั่นพรึงก็ปะทะเข้ากับม่านพลัง 3 สีสันอันฉาบคลุมพุทธองค์ร่างทองตัวเขื่อง ก่อเกิดเป็นฉากพลังปะทะตีโต้อย่างไม่มีใครยอมใคร ส่งเสียงระเบิดดังสนั่นลั่นสังเวียน!
เปรี๊ยงงงง!!
ครืนนน!!
…
ภายใต้อานุภาพพลังเจาะทะลวงอันสยดสยอง เงาร่างพุทธองค์สีทองตัวเขื่องของต้วนหลิงเทียนพลันสั่นไหวสะท้านไปปานเปลวไฟต้องลม ไอพลังสีม่วงและแสงพลังลี้ลับที่ฉาบผิวร่างเขื่องไว้ ยังเริ่มสลายตัวลงทุกขณะ พาลให้ผู้คนรู้สึกว่ามันสามารถอันตรธานหายไปได้ทุกเมื่อ!
‘อาศัยแค่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด นับว่ายากจะป้องกันการโจมตีรวมศูนย์ระดับนี้ได้ไหว…พลังกระบวนท่าของหวงเจียหลง นับว่าทรงพลังอย่างพบพานได้ยากในขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดจริงๆ’
‘กระทั่งใช้วรยุทธ์อมตะอย่างราชันไม่เคลื่อนไหว ผสานด้วยเวทย์พลังปราณม่วงบูรพาและอุปกรณ์อมตะระดับราชาแล้ว ยังเอาไม่อยู่…ดูท่าข้าทำได้แค่เร่งเร้าพลังให้เพิ่มพูนขึ้นอย่างแยบคาย จนใกล้เคียงกับขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิดมากที่สุดเพื่อหยุดมัน!’
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจกระบวนท่าเจาะทะลวงของหวงเจียหลง สีหน้าต้วนหลิงเทียนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจังอยู่บ้าง ขณะเดียวกันก็เริ่มควบคุมพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างอย่างแยบคาย
พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่เหลืออยู่ในร่างของเขาตอนนี้ มันเหลือแค่ระดับขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิดเท่านั้น เขาจำเป็นต้องใช้การควบคุมอันละเอียดอ่อนและแม่นยำถึงขีดสุด เพื่อควบคุมให้มันใกล้เคียงกับขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิดให้ได้มากที่สุด! ซึ่งนับว่าไม่ใชเรื่องที่จะกระทำได้ง่ายๆ!!
อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์ตอนนี้เขามีก็แต่ต้องเสี่ยงลงมือเท่านั้น และถ้าการควบคุมพลังของเขาพลาดไปแค่นิดเดียว จนระดับพลังที่ใช้ออกแตะขอบเขตขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิดขึ้นมา ไม่พ้นระดับพลังของเขาก็ต้องถูกเปิดโปง! หลังจากนั้นไม่เพียงแต่จะถูกตัดสิทธิ์ในการประลอง ฮ่องเต้ฝูชิวอาจพิโรธขึ้นมาด้วยซ้ำ
เจ้าชีวิตพิโรธ เลือดนองนับพันลี้!
ถึงแม้ว่าหากเขาใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองอีกสักครั้ง ก็มีพลังมากพอตบฮ่องเต้ฝูชิ้วให้แหลกเป็นหมอกเลือดอย่างง่ายดาย แต่หากไม่จำเป็นเขาก็ไม่อยากใช้มันในลักษณะนี้
เพราะสุดท้ายแล้วในปัจจุบันเขาก็เหลือโอกาสใช้มันอีกแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ใช้หนึ่งครั้งก็ลดลงไปอีกหนึ่งครั้ง!
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
ภายใต้สายตาจับจ้องมองมาอย่างไม่วางตาของทุกคน พลังกระบวนท่าของหวงเจียหลงตอนนี้ก็กำลังสำแดงพลังอานุภาพบั่นทอนพลังป้องกันของต้วนหลิงเทียนไม่หยุด! คล้ายใกล้เจาะทะลวงม่านพลังป้องกันของต้วนหลิงเทียนได้เต็มที!!
จังหวะนี้ผู้คนส่วนใหญ่ถึงกับกลั้นหายใจ!
“ช่างเป็นการป้องกันที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้!”
ถึงแม้ว่าเงาร่างพุทธองค์สีทองตัวเขื่องของต้วนหลิงเทียนจะเริ่มสั่นไหว คล้ายใกล้แตกสลายลงได้ทุกเมื่อ แต่การที่สามารถต้านทานรับพลังกระบวนท่าอันร้ายกาจของหวงเจียหลงได้นานสองนาน ก็ทำให้ทุกคนตกใจกันยกใหญ่!
และหลังจากต่อต้านแข็งขืนกันไปอีกหลายลมหายใจ ในที่สุดฝ่ายที่สิ้นสูญพลังก่อน กลับเป็นลำแสงทะลวงจากหอกของหวงเจียหลง!!
“บะ…บ้าน่า! เป็นไปได้ยังไง!?”
เมื่อเห็นว่ากระบวนท่าที่มันทุ่มเทใช้ออกด้วยพลังทั้งหมด สุดท้ายกลับไม่อาจฝ่าปราการป้องกันของคู่ต่อสู้ได้ สีหน้าหวงเจียหลงก็ฉายชัดถึงความตกตะลึงพรึงเพริดโดยไม่รู้ตัว!
แม้แต่ ‘หูจี้หย่ง’ องค์ชาย 4 ที่นั่งอยู่ข้างๆฮ่องเต้ฝูชิว ลูกตายังอดหดเล็กลงไม่ได้
เพราะต่อให้เป็นมัน ถึงแม้มันมั่นใจว่าจะเอาชนะหววงเจียหลงได้แน่
อย่างไรก็ตามมันไม่อาจป้องกันการลงมือเต็มกำลังของหวงเจียหลงได้แบบนั้น!
“อีก 1 กระบวนท่า…”
ทันใดนั้น เสียงไม่แยแสของต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นทำลายบรรยากาศอันเงียบสงัด ดึงสติทุกคนให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอยทันที
“สัตว์ประหลาด!”
“ปีศาจ!!”
“ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้เป็นใครกันแน่ ไฉนการป้องกันของมันถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้!?”
…
ตอนนี้ไร้ผู้ใดกล้าตั้งคำถามเกี่ยวกับพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนสืบไป และยังรู้สึกกันว่าคงไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับต้วนหลิงเทียนที่จะเอาชนะหวงเจียหลง…
แต่แน่นอนว่าถ้ามาบอกว่าต้วนหลิงเทียนอาศัยเพียงหนึ่งกระบวนท่าก็เอาชนะหวงเจียหลงได้ พวกมันยังไม่เชื่อ!
พลังป้องกันร้ายกาจเหนือสามัญสำนึก การโจมตีก็ไม่ใช่ว่าจะดุร้ายเหนือสามัญสำนึกเช่นกัน!
“น้องชาย มิทราบน้องชายเรียกว่าอะไรหรือ?”
หวงเจียหลงสูดอากาศเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งสีหน้าท่าทีมันก็เต็มไปด้วยความเคร่งขรึมจริงจัง กระทั่งลึกลงไปในแววตายังฉายให้เห็นความหวาดกลัวอยู่บ้าง
ยอดฝีมือที่ยังอายุเยาว์เช่นนี้ นับว่าชั่วชีวิตมันไม่เคยพบพานมาก่อนเลย
อายุไม่ถึงร้อยปี…แต่กลับทรงพลังเหนือมัน!
ยิ่งไปกว่านั้นนอกเหนือจากเวทย์พลังสนับสนุนแล้ว ไม่ว่าจะวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังอื่นใดที่ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ใช้ออกมา ก็ล้วนแต่เป็นระดับขุนนางทั้งสิ้น ที่สำคัญยังแตกฉานถึงขั้นตอนไร้ตำหนิทั้งหมด!
“ต้วนหลิงเทียน”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยตอบเสียงเบา
“น้องต้วนไม่ต้องกล่าวใดอื่น อาศัยแค่การป้องกันอันน่ากลัวของเจ้า ก็บ่งบอกชัดเจนแล้วว่าเจ้าแข็งแกร่งเหนือข้า…สำหรับกระบวนท่าที่เหลือข้าคงไม่จำเป็นต้องลงมืออีก เพราะข้าไม่มีความมั่นใจจะฝ่าการป้องกันนั่นของเจ้าได้แม้แต่นิดเดียว”
หวงเจียหลงกล่าวออกมาตามตรง “เช่นนั้น…ตอนนี้ให้เจ้าเป็นฝ่ายโจมตีแล้วข้ารับดูบ้างเป็นไร?”
ถึงแม้เมื่อครู่หวงเจียหลงจะลงมือสุดกำลัง แต่มันเชื่อว่าหากรีดเค้นพลังอย่างเอาเป็นเอาตายจริงๆมันอาจเพิ่มพูนพลังได้อีก 1 ส่วน แต่ลำพังพลังที่เพิ่มมาแค่ 1 ส่วน มันก็รู้สึกว่าคงไม่อาจทลายฝ่าการป้องกันต้วนหลิงเทียนได้อยู่ดี!
ดังนั้นล้มเลิกไปเสียแต่เนิ่นๆย่อมดีกว่า
“เอางั้นก็ได้ และถ้าท่านสามารถป้องกันการโจมตีของข้าได้ล่ะก็…ข้ายังขอยืนยันคำพูดเดิม ว่าหากข้าเอาชนะท่านไม่ได้ใน 1 กระบวนท่าให้ถือว่าข้าแพ้”
ต้วนหลิงเทียนยังคงมองกล่าวหวงเจียหลงอย่างสงบ จากนั้นเขาก็รับร่มที่ลอยกลับมาเข้ามือก่อนจะหุบร่มดั่งกล่าวลงแล้วสะบัดมือส่งมันหายสาบสูญไปในความว่างเปล่า เก็บกลับเข้าแหวนไปนั่นเอง
และฉากนี้ยังทำให้ผู้คนทั้งหมดอดงุนงงสับสนไปไม่ได้
“เอ๊า…มัน…มันไฉนเก็บอุปกรณ์อมตะระดับราชานั่นไปซะเล่า?”
“ล้อเล่นน่า! อย่าบอกนะว่ามันคิดจะลงมือด้วยมือเปล่าโดยไม่อาศัยอุปกรณ์อมตะระดับราชา!?”
“ไม่หรอก! อุปกรณ์อมตะระดับราชาชิ้นนั้นของมัน ข้าว่าสมควรเป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชาสายป้องกันเต็มตัว…อุปกรณ์อมตะระดับราชาเช่นนี้ ในแง่การเสริมพลังจู่โจมไม่แน่ว่าจะแข็งแกร่งกว่าอุปกรณ์อมตะระดับขุนนางประเภทศาสตราด้วยซ้ำ”
“มิผิด…ข้าว่าเหตุผลหลักที่ทำให้มันหยุดกระบวนท่าของหวงเจียหลงได้ ไม่พ้นต้องยกความดีความชอบให้อุปกรณ์อมตะระดับราชาสายป้องกันนั่น!”
…
ตอนนี้หลายคนรู้สึกว่า ต้วนหลิงเทียนคิดจะเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์อมตะระดับขุนนางประเภทศาสตราที่เน้นการจู่โจมโดยเฉพาะ
แต่อย่างไรก็ตาม พอทั้งหมดเห็นไม้พลองเล่มหนึ่งที่ผุดโผล่จากความว่างเปล่ามากระชับถือไว้ในมือของต้วนหลิงเทียนเท่านั้นแหล่ะ…
“มะ…มารดามันเถอะ! พวกควักอุปกรณ์อมตะระดับราชาออกมาอีกชิ้นแล้ว!!”
“เหอะๆ ชายหนุ่มนามต้วนหลิงเทียนผู้นี้ที่แท้เป็นเทพยดาองค์ใดกันแน่? ไม่เพียงพลังฝีมือจะร้ายกาจ แต่มันถึงกับหยิบควักอุปกรณ์อมตะระดับราชาออกมาใช้หน้าตาเฉยได้ 2 ชิ้นจริงๆ!?”
“น่ากลัวความเป็นมาของมันจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว!”
…
เรียกว่าทันทีที่ต้วนหลิงเทียนถ่ายทอดพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดลงสู่ตัวพลอง จนตัวพลองเปล่งแสงพลังเรืองรองปลดปล่อยกลิ่นอายพลังลี้ลับออกมา ใจของหลายๆคนก็อดสะท้านไปไม่ได้
“อุปกรณ์อมตะระดับราชา?”
“มันยังมีอุปกรณ์อมตะระดับราชาอีกชิ้นงั้นหรือ!?”
…
เพราะพววกมันตระหนักได้ทันทีจากกลิ่นอายพลังลี้ลับที่แผ่ออกมาทั่วตัวพลองนั่น…ว่าเป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชาไม่ผิดแน่!
ถึงแม้พวกมันจะพอมองออกแต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนดูเหมือนจะเปลี่ยนอุปกรณ์อมตะ แต่พวกมันคิดว่าน่าจะเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์อมตะระดับขุนนางประเภทศาสตราที่เน้นการโจมตีเต็มตัว
แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าต้วนหลิงเทียนกลับหยิบควักอุปกรณ์อมตะระดับราชาออกมาอีกชิ้นหน้าตาเฉย!
“ชายหนุ่มผู้นี้…มิใช่ผู้ฝึกตนพเนจรธรรมดาสามัญแน่!”
ฮ่องเต้ฝูชิวมองจ้องไปยังชายหนุ่มชุดม่วงกลางอากาศในรัศมีแสงสังเวียนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ
‘อุปกรณ์อมตะระดับราชา 2 ชิ้น?’
และสนมหลันที่นั่งข้างๆฮ่องเต้ฝูชิว ยามนี้ก็ชักสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากนัก ‘เดียรัจฉานน้อยนี่…มันถึงกับมีอุปกรณ์อมตะระดับราชา 2 ชิ้นเชียวหรือ?’
หลังได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ลงมือเข่นฆ่าหลานชายของนาง นางก็คิดจะฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายเพื่อเป็นการล้างแค้นให้หลานชาย
ทว่าพอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนหยิบร่มออกมาคันหนึ่ง และเป็นถึงอุปกรณ์อมตะระดับราชา นางก็ตระหนักได้ทันทีว่าแค้นนี้คงยากจะชำระแล้ว
คนที่มีอุปกรณ์อมตะระดับราชาพกติดตัว ยังเป็นคนธรรมดาสามัญได้หรือ?
มาตอนนี้พอเห็นต้วนหลิงเทียนหยิบควักอุปกรณ์อมตะระดับราชาออกมาอีกชิ้น นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ ทั้งสิ้นหวัง
‘หากข้าคิดช่วยพี่ใหญ่ลงมือแก้แค้นมัน…ถึงจะฆ่ามันได้ แต่คนที่อยู่เบื้องหลังมันจะปล่อยให้ข้ามีลมหายใจอยู่ต่อรึไง?’
‘นอกจากนั้น อัจฉริยะเช่นมัน ไหนเลยจะไม่มียอดฝีมือติดตามคุ้มครอง?’
พอฉุกคิดได้ถึงจุดนี้ สนมหลันก็เร่งใช้ยันต์อมตะสื่อสารเพื่อส่งข่าวไปถึงพี่ชายนางอีกครั้ง
“น้องต้วน ข้ายอมใจเจ้าแล้วจริงๆ…เจ้าถึงกับพกอุปกรณ์อมตะระดับราชาติดตัวมา 2 ชิ้น นี่เจ้าเป็นใครมาจากไหนกันแน่เนี่ย?”
พอหวงเจียหลงเห็นต้วนหลิงเทียนนำอุปกรณ์อมตะระดับราชาชิ้นที่สองออกมาหน้าตาเฉย มันก็ได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขื่นขมทันที เพราะมันเริ่มตระหนักได้ว่า…
ท่าทางเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนประกาศว่าจะเอาชนะมันได้ในกระบวนท่าเดียว อีกฝ่ายหาได้กล่าวออกมาด้วยความหยิ่งผยองลำพองอันใดไม่! แต่เป็นเพราะเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจจริงๆ!!