WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2950
ตอนที่ 2,950 : เปิดหูเปิดตา
“แต่เป็นธรรมดาว่า ไม่ใช่ผู้ที่สามารถสร้างยันต์อมตะสื่อสารผ่านรอยประทับวิญญาณได้จะต้องเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถหรืออุปกรณ์อมตะระดับราชาเสมอไป…เพราะยังมีปรมาจารย์ค่ายกลอมตะ ที่มุ่งเน้นศึกษาแต่วิธีแห่งค่ายกลอย่างเดียวอยู่ด้วย”
“แต่ตัวตนเช่นนี้ย่อมไม่ใช่ธรรมดาเลย…อย่างน้อยๆในประเทศฝูชิวก็ไม่มีแม้แต่คนเดียว กระทั่ง 3 นิกาย 2 ตระกูลที่อยู่ในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็ไม่ใช่ว่าจะมี”
หวงเจียหลงเริ่มจ้อเรื่องราวออกมาไม่หยุด หากทว่าทุกวาจาล้วนมีสาระทั้งสิ้น ทำให้ต้วนหลิงเทียนกับหลิวก่วงหลินได้รับทราบถึงความล้ำค่าของยันต์อมตะสื่อสารผ่านรอยประทับวิญญาณที่พึ่งใช้เล่นไปทันที…
“นายท่านขอรับ…ยันต์อมตะสื่อสารนี้เป็นดั่งเครื่องรางช่วยชีวิตในประเทศฝูชิวเลยก็ว่าได้…ข้าน้อยว่านายท่านเก็บไว้ทั้งหมดเลยเถอะ”
หลิวก่วงหลินถึงกับมือไม้สั่นไปทันใดเมื่อรับทราบถึงความล้ำค่าของยันต์อมตะสื่อสารประเภทนี้ มันเร่งสะบัดมือเรียกยันต์อมตะสื่อสารดังกล่าวออกมาจากแหวนพื้นที่ 3 ชิ้น ก่อนส่งเสียงผ่านพลังพร้อมยื่นของคืนให้ต้วนหลิงเทียนทันที
ตอนแรกนั้นคนของตระกูลราชวงศ์ประเทศฝูชิวก็ได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ฝูชิว ให้นำยันต์อมตะสื่อสารดังกล่าวมาให้เขาถึง 10 ชิ้น ต้วนหลิงเทียนที่ไม่รู้จะมีไว้ทำอะไรเยอะแยะ ก็เลยให้หลิวก่วงหลินพกติดตัวไว้ 3 ชิ้น
ทั้งหมดเพื่อให้หลิวก่วงหลินสามารถติดต่อเขาง่ายขึ้น หากมีเรื่องเร่งด่วนอะไร
แน่นอนว่าตราประทับวิญญาณที่นิยมใช้ร่วมกับยันต์อมตะสื่อสารประเภทนี้มากที่สุดก็คือลูกแก้ววิญญาณนั่นเอง ต้วนหลิงเทียนก็เลยมอบลูกแก้ววิญญาณของตัวเองให้หลิวก่วงหลินไปด้วย ขณะมอบยันต์อมตะสื่อสารดังกล่าวให้
ในลูกแก้ววิญญาณนั้น เสี้ยววิญญาณที่ประทับไว้ในลูกแก้วถึงแม้ไม่ได้มากมายอะไร ทว่าการใช้ยันต์อมตะสื่อสารดังกล่าวโดยอาศัยรอยประทับวิญญาณนั้น มันก็กินพลังวิญญาณที่ประทับไว้ในลูกแก้วเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น เรียกว่าถึงจะใช้ยันต์คุยเล่นกันไปเป็นปีก็ไม่มีปัญหา…
ที่สำคัญหากเสี้ยววิญญาณที่ประทับไว้ในลูกแก้ววิญญาณหมดลง เจ้าของก็แค่เติมมันเท่านั้น ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ
เช่นนั้นวันก่อนตอนฮ่องเต้ฝูชิวให้คนนำยันต์อมตะสื่อสารดังกล่าวมามอบให้เขา ก็เลยมีลูกแก้ววิญญาณของฮ่องเต้ฝูชิวรวมอยู่ด้วย
และเป็นธรรมดาว่าลูกแก้ววิญญาณของฮ่องเต้ฝูชิวนั้น ก็ยังมีคุณสมบัติบ่งชี้ได้ว่าฮ่องเต้ฝูชิวยังอยู่หรือตายเช่นกัน อย่างไรก็ตามจุดประสงค์ที่ฮ่องเต้ฝูชิวให้คนนำเอาลูกแก้ววิญญาณขอตัวมาให้ต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่ว่ามันอยากให้ต้วนหลิงเทียนรู้ว่ามันอยู่หรือตาย ก็แค่อยากให้ต้วนหลิงเทียนใช้วิญญาณที่ประทับในลูกแก้ววิญญาณของมันเป็นช่องทางติดต่อเท่านั้น
เพราะในสายตาของฮ่องเต้ฝูชิวแล้ว ต้วนหลิงเทียนเป็นคนที่กำลังจะนำผลประโยชน์อันมหาศาลมาให้มัน เช่นนั้นมันจึงเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียนเป็นอย่างมาก
หรืออย่างน้อยๆมันก็ต้องปกป้องคุ้มครองต้วนหลิงเทียนให้อยู่รอดปลอดภัย จนกว่าต้วนหลิงเทียนจะทำประโยชน์ให้มันได้
วันก่อนต้วนหลิงเทียนได้ส่งยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณให้หลิวก่วงหลิน 3 ชิ้น
และตอนนี้หลิวก่วงหลินก็คืนให้ต้วนหลิงเทียนทั้งหมด เพราะวันนั้นมันไม่รู้ค่าก็เลยรับมาอย่างไม่คิดอะไร
“เจ้าเก็บไว้เถอะ…ข้ายังมีอีกตั้ง 6 ชิ้น”
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รับยันต์อมตะสื่อสารที่หลิวก่วงหลินส่งคืนให้แต่อย่างไร แค่บอกให้อีกฝ่ายเก็บไว้เท่านั้น จากนั้นก็หันไปมองหวงเจียหลง “เจ้าเมืองน้อย…”
“น้องต้วน ข้าว่าท่านเลิกเรียกหาข้าว่าเจ้าเมืองน้อยเหมือนคนอื่นเถอะ…เรียกข้าว่าเจียหลงก็ได้”
ทว่าต้วนหลิงเทียนพูดจะเปิดปากพูดได้ไม่ทันไร หวงเจียหลงก็ยกมือขึ้นขัดคำต้วนหลิงเทียนเสียก่อน จากนั้นก็กล่าวออกมาด้วยสายตาเผยประกายมุ่งหวังวาบหนึ่ง “เว้นเสียแต่…น้องต้วนยังไม่เห็นข้าเป็นสหาย”
“พี่เจียหลง”
เห็นสายตาวับวาวแฝงความมุ่งหวังของหวงเจียหลง ต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนคำเรียกหาอีกฝ่าย ขณะเดียวกันก็กล่าวออกไปตรงๆ “ในเมื่อท่านได้รับยันต์อมตะสื่อสารของข้าแล้ว ท่านคงรู้แล้วว่าตอนนี้ข้าต้องการอะไร…”
“เช่นนั้นท่านพอจะมีเบาะแสของไส้เดือนฝอยทองบ้างหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม
ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณที่เขาพึ่งใช้ติดต่อหวงเจียหลงไปเมื่อครู่ ก็ได้ถามหวงเจียหลงเรื่องไส้เดือนฝอยทองไปแล้ว ว่าอีกฝ่ายมีเก็บไว้ไหม หรือพอจะรู้ไหมว่าใครที่มีมันบ้าง…
“อ้อ ไส้เดือนฝอยทองน่ะหรือ…”
หวงเจียหลงเลิกคิ้วขึ้น “วัตถุดิบยานี้กล่าวไปก็ไม่ค่อยจะมีประโยชน์อะไรมากมาย…ข้ารู้แค่ว่ามันใช้เป็นวัตถุดิบยาหลักในการหลอมโอสถเฉียนจินเท่านั้น และยังเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้”
ถึงงแม้จะรู้เรื่องนี้ แต่หวงเจียหลงก็ไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะตามหาไส้เดือนฝอยทองเพราะโอสถเฉียนจิน เพราะในสายตามัน ต้วนหลิงเทียนเป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดไปแล้ว โอสถเฉียนจินย่อมไม่มีค่าอะไร
โอสถเฉียนจินนั้น สามารถช่วยให้ตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะทะลวงขั้นพลังขึ้นไปอีกขั้นได้โดยตรง อย่างเช่นหากยอดเซียนอมตะขั้นเหลืองใช้ ก็จะทะลวงถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นลี้ลับได้ และถ้ายอดเซียนอมตะขั้นลี้ลับใช้มันก็จะทะลวงถึงยยอดเซียนอมตะขั้นปฐพีได้โดยตรง
นอกจากนี้ยอดเซียนอมตะขั้นปฐพีก็สามารถใช้เพื่อทะลวงไปถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ และยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ก็สามารถใช้มันเพื่อบรรลุถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดได้ในคราเดียว!
อย่างไรก็ตาม โอสถเฉียนจินจะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสุดยอดเลย…
“ข้ากำลังตามหาไส้เดือนฝอยทอง ก็เพราะโอสถเฉียนจินนั่นล่ะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบออกไปตามตรง
ในเมื่อเขาไม่คิดจะปิดบังงเรื่องนี้กับฮ่องเต้ฝูชิว เช่นนั้นต่อหน้าหวงเจียหลงเขาก็ไร้ความจำเป็นใดๆที่จะต้องปิดบังอีกฝ่าย
“โอสถเฉียนจิน?”
หวงเจียหลง “น้องต้วน ท่านจะเอาโอสถเฉียนจินไปทำอะไรหรือ เพราะไม่ว่าจะเป็นท่านหรือก่วงหลิน โอสถเฉียนจินก็ไม่น่าจะมีประโยชน์อะไรแล้วนี่นา?”
ขณะกล่าวประโยคนี้หวงเจียหลงก็ละสายตาออกจากต้วนหลิงเทียนหันไปมองหลิวก่วงหลินเล็กน้อย ค่อยวกกลับมามองต้วนหลิงเทียนต่อ
“ก็ใช่ที่มันไม่มีประโยชน์กับก่วงหลิน แต่มันมีประโยชน์กับข้า”
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ เขาก็เลือกที่จะระงับพลังลึกล้ำของทองเทพสุดลี้ลับ และปล่อยให้กลิ่นอายพลังของเขาแผ่ออกมาจากร่างต่อหน้าต่อตาหวงเจียหลง
“เฮ่ย…นี่มัน”
พอสัมผัสได้ถึงงกลิ่นอายพลังของต้วนหลิงเทียนที่แผ่ออกมาจากร่างแล้วกำจายไปในบรรยากาศ หวงเจียหลงก็ถึงกับสะดุ้งโหยง โพล่งคำออกมาอย่างตกใจ และยังยืนเหวอตาเบิกกว้างปากอ้าค้างไปอยู่นานกว่าจะรู้สึกตัว
และในขณะที่หวงเจียหลงกำลังตกตะลึงหน้าเหวอ ในใจของมันก็ยังเหมือนมีมรสุมโหมกระหน่ำครั้งใหญ่
สวรรค์!
น้องต้วนที่ยืนอยู่เบื้องหน้ามัน ที่แท้ยังเป็นแค่ยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์งั้นรึ!?
มัน…ที่แท้ถูกยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ทุบตีจนสิ้นท่าในกระบวนท่าเดียวกลางสังเวียนประลองสวรรค์ใต้มาหรือ?!
“น้องต้วน…ท่าน…ท่าน”
จากนั้นพอหวงเจียหลงดึงสติให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้แล้ว มันก็มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาว่างเปล่า ทำราวกับพึ่งเคยพบเคยเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นครั้งแรก
“ตอนนี้พี่เจียหลงคงพอจะรับทราบแล้วใช่ไหม ว่าโอสถเฉียนจินมันมีประโยชน์กับข้ายังไง…”
ต้วนหลิงเทียนมองหวงเจียหลงพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน
หวงเจียหลงพยักหน้ารับอย่างเหรอหรา จากนั้นมุมปากก็เริ่มคลี่ยิ้มขื่นขม “ข้าไม่คิดเลย…ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าน้องต้วนท่านที่แท้จะยังเป็นแค่ยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์เท่านั้น…ให้ตายเถอะขั้นสวรรค์!”
“น้องต้วน นี่ถ้าหากท่านทะลวงถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดล่ะก็…ข้าว่าในบรรดายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นที่จะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณในอีกครึ่งปีหลังจากนี้ ท่านก็สมควรแข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆ…”
หลังกล่าวจบคำ หวงเจียหลงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาดังเฮือก
“ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่น?”
ทว่าด้านต้วนหลิงเทียนนั้น อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับคำพูดดังกล่าวของหวงเจียหลง
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าหลังจากนี้อีกครึ่งปีจะถึงเวลาที่แดนสวรรค์ใต้โบราณจะเปิดออกโดย 3 นิกาย 2 ตระกูล และถึงแม้ในประเทศฝูชิวก็มียอดเซียนอมตะ 9 คนที่ได้รับเลือก แต่ก็สมควรมีคนจากประเทศและขุมกำลังอื่นๆอีกไม่น้อย…
ทว่าเขาไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าจำนวนยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด ที่จะเข้าไปต่อสู้ช่วงชิงโอกาสวาสนาภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำนั้น…จะมีเรือนหมื่น!
ยิ่งไปกว่านั้นตัดสินจากการเฟ้นหา 9 คนของประเทศฝูชิวที่จะได้รับสิทธิ์เข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำในอีกครึ่งปีหลังจากนี้ ก็หมายความว่าในบรรดายอดเซียนอมตะนับหมื่นที่ว่า ก็สมควรเป็นยอดฝีมือที่ถูกคัดสรรมาแล้วเช่นกัน!
“มิผิด ยอดเซียนอมตะนับหมื่น…และหากให้ข้ากะประมาณ ก็คงมีราวๆ 15,000 คนได้”
หวงเจียหลงกล่าว
“น้องต้วน ประเทศฝูชิวเรานั้นเป็นแค่ประเทศเล็กๆประเทศหนึ่งในเขตปกครองขอคฤหาสน์เฉวียนโยวเท่านั้น…และในเขตปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็มีประเทศเล็กๆเหมือนประเทศฝูชิวเราอีกนับพันประเทศ”
“และในเขตปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่มีประเทศนับพันตั้งอยู่ ก็ถูกเรียกหาว่าดินแดนพันประเทศ”
“กล่าวได้ว่าลำพังแค่ยอดฝีมือที่คัดมาจากประเทศในดินแดนพันประเทศแล้ว ก็มีเหยียบหมื่น”
“นอกจากนั้น ทาง 3 นิกาย 2 ตระกูลเองก็มีส่งคนของตัวเองเข้าร่วมด้วยเช่นกัน ไหนจะยังมียอดฝีมือของขุมกำลังระดับ 8 อื่นๆอีก กล่าวได้ว่ายอดเซียนอมตะที่จะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำครั้งนี้ ก็มีราวๆ 15,000 คนนั่นล่ะ”
หลังหวงเจียหลงกล่าวจบ สองตาต้วนหลิงเทียนก็เบิกกว้างขึ้นมาโดยพลัน
ที่แท้ขอบเขตอำนาจของคฤหาสน์เฉวียนโยวก็กว้างใหญ่ไม่ใช่เล่น!
และประเทศฝูชิวแห่งนี้ ก็เป็นแค่ประเทศหนึ่งในดินแดนพันประเทศที่อยู่ใต้อาณัติคฤหาสน์เฉวียนโยว…
“กล่าวได้ว่า ในอีกครึ่งปีหลังจากนี้…ผู้ที่จะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ ก็คือยอดเซียนอมตะที่โดดเด่นทั่วทั้งเขตอำนาจคฤหาสน์เฉวียนโยว?”
หลิวก่วงหลินที่ยืนฟังอยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ด้วยไม่คิดเลยว่าที่แท้จะมียอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนยอมตะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำมหาศาลขนาดนี้!
“มิผิด”
หวงเจียหลงพยักหน้า “การเปิดแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำครานี้ ขอเพียงเป็นชนชั้นยอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนอมตะ ไม่ว่าใครก็ดิ้นรนหาสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมกันทั้งนั้น”
“และต่อให้เป็นยอดฝีมือไร้สังกัด แต่หากสามารถท้าทายเอาชนะยอดเซียนอมตะที่มีสิทธิ์ของดินแดนพันประเทศได้ ก็สามารถยึดสิทธิ์ดังกล่าวได้ทันที”
“ก็เหมือนกับการประลองสวรรค์ใต้ที่ผ่านมาของประเทศฝูชิว ต่อให้ไม่ใช่คนในประเทศฝูชิว แต่ขอเพียงพลังฝีมือสูงพอจะช่วงชิงสิทธิ์มาได้ ก็จะได้รับสิทธิ์เข้าเช่นกัน ก็แค่ไปในนามประเทศฝูชิวเท่านั้น”
“เหตุผลก็เพราะ ฮ่องเต้ฝูชิวต้องการเฟ้นหายอดเซียนอมตะที่ร้ายกาจจริงๆ 9 คนไปเข้าร่วมแดนสวรรค์ใต้โบราณในนามของประเทศฝูชิว!”
“เพราะผู้ที่เข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ ขอเพียงรอดชีวิตกลับออกมาได้ ก็มีสิทธิ์เลือกที่จะเข้าร่วมกับ 3 นิกาย 2 ตระกูลทันที…และ 3 นิกาย 2 ตระกูลก็ยินดีต้อนรับยอดเซียนอมตะที่รอดกลับออกมาได้ทุกคน เพราะผู้ที่รอดออกมาได้ ล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะที่อยู่เหนืออัจฉริยะอีกที!”
“และยิ่งเป็นอัจฉริยะที่ทำผลงานได้ยอดเยยี่ยมมากเท่าไหร่ ทาง 3 นิกาย 2 ตระกูลก็จะยิ่งให้ความสำคัญมากขึ้นเท่านั้น ต้นสังกัดของอัจฉริยะเช่นนั้นก็จะพลอยได้อานิสงค์ไปด้วย เพราะ 3 นิกาย 2 ตระกูลจะมอบรางวัลให้อย่างงาม”
กล่าวถึงจุดนี้หวงเจียหลงก็หยุดลงชั่วคราว ค่อยกล่าวต่อว่า “และรางวัลที่ 3 ตระกูล 2 นิกายจะมอบให้นั้น เอาแค่อัจฉริยะระดับกลางๆ ก็เป็นอะไรที่ตัวตนขอบเขตราชาอมตะยังต้องฝันถึง!”
“แม้จะเป็นอัจฉริยะที่ไม่ได้มีผลงานดีเด่ แต่ขอแค่รอดกลับออกมาได้ ถึงรางวัลจะต่ำ แต่อย่างน้อยๆก็ต้องมีอุปกรณ์อมตะระดับราชา โอสถอมตะระดับราชา รวมถึงวัตถุดิบสมุนไพร และสิ่งของล้ำค่ามากมาย ฯลฯ…”
คำพูดประโยคนี้ของหวงเจียหลง ทำให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ทันที ว่าไฉนฮ่องเต้ฝูชิวถึงได้ให้ ‘ความสำคัญ’ กับเขามาก
“น้องต้วน แล้วนี่ท่านไปพบฝ่าบาทแล้วรึยัง? หากฝ่าบาทรู้ว่าตอนนี้ท่านยังเป็นแค่ยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ล่ะก็ ข้าเชื่อว่าต่อให้ต้องขุดดินทั้งประเทศลึก 3 ฉื่อ ฝ่าบาทก็จะหาทางนำไส้เดือนฝอยทองมาให้ท่านให้จงได้ เพื่อช่วยให้ท่านบรรลุถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด!”
หวงเจียหลงยังคิดเผื่อต้วนหลิงเทียน
“ข้าไปพบมาแล้ว…ตอนนี้ก็เลยหมดปัญหาเรื่องบุปผาวิญญาณลี้ลับ จะขาดก็แต่ไส้เดือนฝอยทองเท่านั้น”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“เช่นนั้นท่านก็แค่รอฟังข่าวดีเถอะ…เครือข่ายข่าวกรองของประเทศฝูชิวเรา ให้มองไปทั่วดินแดนพันประเทศยังถือว่ามีความสามารถในระดับแนวหน้า”
หวงเจียหลงกล่าวออกด้วยความมั่นใจ “ข้าเชื่อว่าอีกไม่เกินสิบวันครึ่งเดือน น้องต้วนต้องได้รับไส้เดือนฝอยทองหรือไม่ก็เบาะแสของมันแน่นอน”
เห็นได้ชัดว่า หวงเจียหลง เชื่อมั่นในประสิทธิภาพหน่วยข่าวกรองของประเทศมาก!