WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2979
ตอนที่ 2,979 : โอสถเฉียนจินราคาเสียดฟ้า!
จากที่พักของต้วนหลิงเทียนไปยังโถงหลักของตำหนักนั้น ก็มีระยะห่างพอสมควร จำต้องใช้เวลาเดินอยู่บ้าง
และระหว่างทางหวงเจียหลงที่หายคึกแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องก่อนหน้า จึงกลายเป็นสลดอีกครั้ง หันไปมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซึมเซาราวเด็กน้อยทำผิด “น้องต้วน…ก่อนหน้าเป็นข้าไม่เชื่อว่าท่านจะหลอมโอสถเฉียนจินได้จริงๆ…ท่านคงไม่ถือโทษโกรธข้าใช่ไหม?”
เห็นได้ชัดว่าหวงเจียหงเป็นกังวลเรื่องนี้จริงๆ เพราะสุดท้ายแล้วความแคลงใจของมัน กล่าวไปในระดับหนึ่งแล้ว…ก็ไม่ต่างอะไรกับรู้สึกไม่ไว้วางใจในตัวต้วนหลิงเทียน!
“พี่เจียหลงเป็นท่านคิดมากไปเอง ข้าจะไปถือโทษโกรธท่านทำเพื่อ…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม “หากข้าเป็นท่าน ข้าเกรงว่าก็คงจะไม่เชื่อเช่นกันหากมีใครมาบอกว่าตัวมันที่อายุไม่ถึงร้อยจะหลอมโอสถเฉียนจินได้…สุดท้ายโอสถเฉียนจินก็ไม่ใช่โอสถอมตะระดับสูงธรรมดาๆ”
“และสุดท้ายข้าก็เป็นแค่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงคนหนึ่งเท่านั้น…”
ตอนนี้พอต้วนหลิงเทียนได้ผ่านการหลอมกลั่นโอสถเฉียนจินมากับมือ เขาจึงรู้ซึ้งแล้วว่าไฉนโอสถเฉียนจินนี้ถึงได้ถูกเรียกหาว่าเป็นโอสถอมตะระดับสูงพิเศษ และปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงหมื่นคนอาจไม่มีแม้แต่ผู้เดียวที่หลอมได้สำเร็จ…
ที่สำคัญยังมีคำกล่าวกันหนาหูอีกด้วย ว่าให้สุ่มเลือกปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับขุนนางมาสักร้อยคน ก็ไม่แน่ว่าจะมีสักคนที่หลอมมันได้!
‘หากคราวนี้ไม่ได้ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน กับเพลิงเทพโกลาหลคอยช่วย ข้าก็ไม่ต่างอะไรจากปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงที่มีเพลิงอมตะพิเศษ
หน่อยเท่านั้น…หากวัดแต่ความสามารถเฉพาะตัวของข้าจริงๆ โดยไร้ความช่วยเหลือจากภายนอก โอกาสหลอมโอสถเฉียนจินสำเร็จคงอยู่ที่ราวๆ 10 ใน 100 ส่วน…’
ก่อนที่จะลองหลอมโอสถเฉียนจินเองกับมือ ต้วนหลิงเทียนยังไม่อาจตระหนักได้ถึงความยากลำบากในการหลอมชัดเจน
ทว่าตอนนี้เขารู้ซึ้งไปถึงทรวง ว่าโอสถเฉียนจินนี่ มันหลอมยากนรกเรียกพี่ขนาดไหน…
คราวนี้หากไม่ได้พลังอันเหนือชั้นของเพลิงเทพโกลาหล และความช่วยเหลือจากปฐพีแรกกำเนิดฟ้าดิน เขาไม่มีทางหลอมโอสถเฉียนจินได้แน่นอน
‘แต่จะว่าไป ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินจะมีความสามารถผสานเข้ากับเตาหลอมโอสถอมตะแล้วช่วยยกระดับอัตราความสำเร็จในการหลอมยาของข้าได้แบบนี้…และฟังจากที่เพลิงเทพโกลาหลบอก ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินยังสามารถหลอมรวมเข้ากับอุปกรณ์อมตะแล้วช่วยเสริมพลังของพวกมันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์อมตะประเภทป้องกัน จะทำให้มันทรงพลังขึ้นผิดหูผิดตา?’
ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้แต่แรก ว่าปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็สมควรมีความสามารถบางอย่างที่ช่วยเหลือเขาได้มากเหมือนทองเทพสุดลี้ลับกับเพลิงเทพโกลาหล และพอได้รู้จักพลังของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเข้าจริงๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจอยู่บ้าง
…
ภายในห้องโถงใหญ่ ตอนนี้หวงเหยี่ยนเฟยกับผู้เฒ่าโม่ก็ประพฤติตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี คอยรับรองอาคันตุกะอย่างคนของประเทศโม่หลุนและคนของประเทศตงหมิงอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
คนของประเทศตงหมิงมาด้วยกันทั้งสิ้น 3 คน
ส่วนทางด้านคนของประเทศโม่หลุน มากันแค่ 2 คนเท่านั้น
“น้องต้วน 3 คนของประเทศตงหมิงด้านนั้น ชายชราที่เป็นผู้นำของพวกมันเรียกว่า หูชิง เป็นยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดของประเทศตงหมิงที่มีชื่อเสียงไม่ใช่ชั่ว”
“ส่วนชายหนุ่มสองคนนั่นที่นั่งอยู่ด้านหลัง เจ้าคนที่ใส่ชุดสีเงินนั่นเป็นองค์ชายรองของประเทศตงหมิง ส่วนชายหนุ่มชุดเทานั่นก็คืออัจฉริยะปีศาจที่พึ่งโด่งดังขึ้นมาในการประลองสวรรค์ใต้ของประเทศตงหมิง”
ก่อนที่จะเดินเข้ามาภายในโถงหลักตำหนัก หวงเจียหลงที่เดินนำต้วนหลิงเทียนกับหลิวก่วงหลินมาถึง ก็หยุดหน้าประตูโถงพลางชี้มือไปด้านในกล่าวอธิบายตัวตนของผู้คนในโถงให้ต้วนหลิงเทียนรับทราบ
“ส่วน 2 คนจากประเทศโม่หลุนด้านนั้น ชายวัยกลางคนนั่นก็คือยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดเหมือนหูชิง เรียกว่า เหลียนเจิ้งสิง”
“ส่วนอีกคนก็คือองค์ชาย 7 ของประเทศโม่หลุน”
เมื่อหวงเจียหลงกล่าวแนะนำทั้งหมดให้ต้วนหลิงเทียนรู้จักแล้ว มันก็พาพวกต้วนหลิงเทียนข้ามธรณีประตูโถงหลักตำหนัก และซอยเท้าก้าวอาดๆไปหาบิดาด้วยท่าทางมั่นใจ
“ท่านพ่อ”
หวงเจียหลงเมื่อก้าวอาดๆเข้ามาในโถงจนมาถึงเบื้องหน้าหวงเหยี่ยนเฟยแล้ว ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เพียงยื่นส่งขวดโอสถให้หวงเหยี่ยนเฟยทันที
เมื่อเห็นความเคลื่อนไหวดังกล่าวของหวงเจียหลง สองตาหวงเหยี่ยนเฟยก็ลุกวาวทอประกายสดใสปานดวงดารา ขณะเดียวกันในใจที่คล้ายมีขุนเขากดทับก็กลับกลายเป็นปลอดโปร่งโล่งสบาย…
ถึงแม้ว่ามันจะค่อนข้างมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียน แต่ต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดของทั้งประเทศตงหมิงและประเทศโม่หลุนพร้อมๆกัน มันย่อมรู้สึกกดดันอย่างหนักหน่วง!
“ลุงหวง”
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนที่เดินตามหวงเจียหลงมา ก็ก้าวไปทักทายหวงเหยี่ยนเฟยด้วยรอยยิ้ม
“เสี่ยวเทียน ลำบากเจ้าแล้ว…”
หวงเหยี่ยนเฟยพยักหน้ารับการทักทาย จากนั้นก็ส่งเสียงผ่านพลังถึงต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ระหว่างนี้มันก็ได้รับทราบจากหวงเจียหลงผู้เป็นบุตรชายเรียบร้อย ว่าต้วนหลิงเทียนนั้นประสบความสำเร็จในการหลอมโอสถเฉียนจินทั้ง 2 เม็ด กระทั่งยังรับประทานไปแล้วเม็ดหนึ่งจนทะลวงด่านพลัง บรรลุถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดได้อย่างราบรื่น!
“เสี่ยวเทียนมาเถอะ ให้ข้าแนะนำทุกคนให้เจ้ารู้จัก…”
หลังจากนั้นหวงเหยี่ยนเฟยก็กล่าวแนะนำต้วนหลิงเทียนให้คนของประเทศโม่หลุนและประเทศตงหมิงทั้ง 5 รู้จัก ก่อนที่จะเริ่มผายมือแนะนำคนทั้ง 5 ให้ต้วนหลิงเทียนรู้จักทีละคน
“ที่แท้ชายหนุ่มผู้นี้ก็คืออัจฉริยะที่ปรากฏตัวในการประลองสวรรค์ใต้ของประเทศฝูชิวท่านที่เลื่องลือ…ได้พบเจอวันนี้นับว่าเป็นคนหนุ่มมากพรสวรรค์อนาคตไกลยิ่งนัก!”
เหลียนเจิ้งสิง ยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดมองไปที่ต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวยกย่องก่อน จากนั้นก็หันไปมองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นของประเทศตงหมิง พลางกล่าว “แต่ไม่ทราบว่าที่แท้ผู้ใดแข็งแกร่งกว่ากันระหว่างสหายน้อยต้วนกับสหายน้อยหลิง?”
เรียกว่าหนึ่งวาจาที่คล้ายกล่าวออกมาอย่างไร้เรื่องราว กลับเสมือนจุดชนวนความร้าวฉานให้ชาวบ้านโดยแท้! นับว่าเหลียนเจิ้งสิงผู้นี้เห็นนิ่งๆแต่ที่จริงอำมหิตไม่ใช่น้อย!!
อย่างไรก็ตามแผนคิดสร้างความร้าวฉานยุยงให้ผู้คนต่อยตีของมัน กลับมีอันต้องเหลวไปไม่เป็นท่า…
เพราะต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้นเพียงหันหน้ามามองสบตากัน จากนั้นก็ยิ้มให้อีกฝ่าย ท่าทีแลดูสงบคล้ายคนรู้จักกันมาก่อนได้พบกันอีกครั้งหลังไม่เห็นหน้าค่าตากันนานเท่านั้น ไร้กลิ่นดินปืนอันใดอย่างที่เหลียนเจิ้งสิงหวังให้เกิดแม้แต่น้อย
เห็นฉากเรื่องราวดังกล่าว หวงเจียหลงเองก็อดไม่ได้ที่จะเอียงคอมองเรื่องราวด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง
ไฉนน้องต้วนของมันทำท่าราวกับจะรู้จักกับอัจฉริยะปีศาจที่เป็นผู้ฝึกตนอิสระของประเทศตงหมิงเล่า?
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้รู้เลยว่าต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้นไม่ได้รู้จักกันแต่อย่างไร ทั้งคู่พึ่งจะเคยพบกันเพียงครั้งเดียวตอนเช้าวันงานประมูลเท่านั้น อย่างไรก็ตามทั้งคู่ต่างสัมผัสได้ถึงความยากลำบากของอีกฝ่าย ที่ก้าวเดินมาถึงจุดนี้ได้ จึงบังเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจกัน และไม่ได้มีอะไรอื่น
กระทั่งหนึ่งวาจาทักทาย ยังไม่เคยกล่าวกันออกมาด้วยซ้ำ
‘หืม พวกมันรู้จักกันมาก่อนงั้นรึ?’
สีหน้าเหลียนเจิ้งสิงแม้ผิวเผินจะแลดูสงบ หากแต่ลึกลงไปในใจ ใบหน้าของมันกลับเปลี่ยนเป็นมืดดำทั้งอัปลักษณ์ เพราะมันไม่คิดเลยว่า…วาจาที่กล่าวไปหมายสร้างความร้าวฉานให้ทั้งคู่ สุดท้ายจะจบลงโดยมีผลลัพธ์เช่นนี้!
“เจ้าเมืองหวง…เมื่อครู่ท่านบอกให้หลานเจียหลงไปนำโอสถเฉียนจินมา…ในเมื่อหลานเจียหลงกลับมาแล้วทั้งยื่นส่งขวดนั่นให้ท่าน หรือว่าในขวดนั่นมีโอสถเฉียนจิน?”
หูชิง ยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดของประเทศตงหมิง สองตาของมันที่เอาแต่จับจองมองขวดโอสถในมือของหวงเหยี่ยนเฟยมานานสองนาน สุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นมามองถามหวงเหยี่ยนเฟยเสียงขรึม
“ผู้เฒ่าหูกล่าวถูกแล้ว”
ในขณะที่หวงเหยี่ยนเฟยพยักหน้าตอบรับ มันก็ดึงจุกไม้ขวดโอสถก่อนจะเทโอสถเม็ดหนึ่งออกมา ค่อยใช้พลังหยิบยกให้ลอยค้างกลางหาว จากนั้นกลิ่นอายโอสถทั้งรัศมีพลังไม่ธรรมดาขุมหนึ่งก็เริ่มฟุ้งกำจายไปทั่วโถง
“โอสถเฉียนจิน!!”
ทันทีที่โอสถเม็ดนี้ปรากฏขึ้น คนของประเทศโม่หลุนและประเทศตงหมิงก็ยืนยันได้ทันที…
ว่านี่เป็นโอสถเฉียนจินจริงๆ!!
“ในเมื่อโอสถเฉียนจินก็มาแล้ว พวกเราอย่าเสียเวลากันอีกเลย…เจ้าเมืองหวงเชิญท่านประกาศราคาเปิดประมูลเลยเถอะ”
เหลียนเจิ้งสิงมองหวงเหยี่ยนเฟยพลางกล่าวกระตุ้นให้อีกฝ่ายเริ่มการประมูลได้
จังหวะนี้หูชิงเองก็มองจ้องหวงเหยี่ยนเฟยไม่วางตาเช่นกัน
“เรื่องราคาเปิดประมูลนั้นคงไม่จำเป็น…เชิญท่านทั้ง 2 ประกวดราคากันได้เลย”
หวงเหยี่ยนเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
มันไม่ได้ห่วงเรื่องที่ทั้งสองจะเตี๊ยมกันหรือมีใครยอมลงให้กันแน่นอน เพราะเห็นๆกันอยู่ว่าทั้งคู่ก็ล้วนอยากได้โอสถเฉียนจิ้นเป็นอย่างมาก
“เช่นนั้นข้าขอเริ่มก่อนแล้วกัน…200,000 ผลึกอมตะระดับสูง!”
ทันทีที่เสียงกล่าวของหวงเหยี่ยนเฟยดังจบคำ เหลียนเจิ้งสิงก็ไม่รั้งรอ ชิงเปิดราคาประมูลออกมาก่อน และราคาแรกที่มันเอ่ยออกมาก็มีมูลค่า 200,000 ผลึกอมตะระดับสูง!
และราคานี้ก็เทียบได้กับอุปกรณ์อมตะระดับราชาทั่วๆไป 2 ชิ้นแล้ว!
นอกจากนี้ นี่ยังเป็นเพดานราคาสูงสุดที่ฮ่องเต้โม่หลุนกำหนดไว้ให้มันสำหรับการประมูลไส้เดือนฝอยทองทั้ง 2 ตัว หากมากกว่านี้ฮ่องเต้โม่หลุนก็คิดว่าไม่คุ้มค่าอีกต่อไป
“300,000 ผลึกอมตะระดับสูง”
และทันทีที่เสียงของเหลียนเจิ้งสิงดังจบคำ หูชิงก็ไม่รอช้า กล่าวเกทับออกมาทันที และยังเพิ่มผลึกอมตะระดับสูงไปคราวเดียวถึง 100,000 ชิ้น คล้ายในสายตาของมันผลึกอมตะระดับสูงเป็นแค่ก้อนหินไร้ค่าไร้ราคา!
“ผู้เฒ่าหูช่างใจป้ำเสียจริง!”
ได้ยินคำพูดของหูชิง สีหน้าท่าทีของเหลียนเจิ้งสิงก็จมลง จากนั้นก็กัดฟันเอ่ยราคาออกมาต่อว่า “310,000 ผลึกอมตะระดับสูง!”
“400,000 ผลึกอมตะระดับสูง”
สีหน้าหูชิงยังไม่เปลี่ยนแปลง วาจาเรียบง่ายยามกล่าวคล้ายกำลังพูดถึงสภาพดินฟ้าอากาศก็ไม่ปาน!
จังหวะนี้สีหน้าของเหลียนเจิ้งสิงถึงกับเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งสีหน้าขององค์ชาย 7 แห่งโม่หลุนยังกลับกลายเป็นปั้นยากดูแทบไม่ได้
เพราะพวกมันทั้งคู่ล้วนไม่มีใครคิดใครฝัน ว่าหูชิงจะกล่าวราคา 400,000 ผลึกอมตะระดับสูงออกมาตาไม่กระพริบ!
ต้องทราบด้วยว่าโอสถเฉียนจินนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยปรากฏขึ้นในเขตปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยวมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ทุกคราที่โอสถเฉียนจินปรากฏขึ้น ราคาในตลาดมืดก็มักอยู่ที่ 200,000 ผลึกอมตะระดับสูงสุด และไม่เคยแตะถึง 300,000 ผลึกอมตะระดับสูงสุดเลย
หลังพยายามระงับลมหายใจที่กลายเป็นหอบถี่ เหลียนเจิ้งสิงก็ยังคงไม่กล่าวอะไร จนเมื่อหวงเหยี่ยนเฟยหันมามองถามว่า “ท่านเหลียน ท่านยังคิดเพิ่มราคาอีกหรือไม่?”
“อาเหลียน…”
องค์ชาย 7 แห่งประเทศโม่หลุนเองก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังเหลียนเจิ้งสิงด้วยสายตาเป็นกังวล และกล่าวทักเพื่อกระตุ้นเตือนอีกฝ่าย
“500,000 ผลึกอมตะระดับสูง!”
เหลียนเจิ้งสิงสูดอากาศเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง ค่อยกัดฟันเสนอราคาออกมา จากนั้นก็หันไปมองหูชิงพลางกล่าวว่า “ผู้เฒ่าหู หากท่านยังเพิ่มราคามากไปกว่านี้ โอสถเฉียนจินนี่ข้าก็ไม่ต้องการมันแล้ว…”
“เพียงแค่ว่า…ท่านยินดีจ่ายออกด้วยผลึกอมตะระดับสูงเกิน 500,000 ชิ้นเพื่อซื้อโอสถเฉียนจินให้คนนอกผู้หนึ่ง…มันคุ้มค่าแน่หรือ?”
วาจาท้ายประโยคของเหลียนเจิ้งสิงยามกล่าวออก เห็นชัดว่าจงใจจะสื่อความนัยประการหนึ่ง…
วันนี้ที่มันเหลียนเจิ้งสิงพยายามซื้อหาโอสถเฉียนจิน ก็เพื่อมอบให้องค์ชาย 7 แห่งประเทศโม่หลุน และองค์ชาย 7 แห่งโม่หลุน ก็คือทายาทสายเลือดหลักของตระกูลราชวงศ์ กล่าวได้ว่าเป็นคนของประเทศโม่หลุนมันเต็มตัว!
ทว่าหูชิงนั้น กำลังจะประมูลโอสถเฉียนจินให้กับคนนอกผู้หนึ่ง!
จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มันกล่าวถามหูชิงออกไปแบบนั้น
“ไม่ว่าจักคุ้มค่าหรือไม่ ในใจข้าล้วนดีดลูกคิดรางแก้วคำนวณไว้ชัดเจน…อย่างไรก็ตามข้ายังต้องขอขอบคุณสหายเหลียนอยู่บ้าง ที่สละโอสถเฉียนจินเม็ดนี้ให้ข้า”
หูชิงเอ่ยออกเสียงเบา จากนั้นหลังหยุดลงเล็กน้อยค่อยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “510,000 ผลึกอมตะระดับสูง!”
“หึ!”
พอได้ยินวาจาเสนอราคาอีกครั้งของหูชิง หน้าเหลียนเจิ้งสิงก็จมลง หลังสูดอากาศเข้าลึกๆอีกครั้ง มันก็พ่นลมออกมาเสียงเย็นคำหนึ่ง จากนั้นก็ใช้พลังหอบหิ้วร่างองค์ชาย 7 แห่งประเทศโม่หลุนเหินออกจากโถงหลัก! จากไปโดยไร้คำลาทันที!!
ขณะที่ถูกหอบหิ้วจากมา สีหน้าขององค์ชาย 7 แห่งประเทศโม่หลุนก็เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากนัก
แต่มันรู้ดีว่ามันถูกลิขิตให้ไร้วาสนากับโอสถเฉียนจินแล้ว…
เพราะผลึกอมตะระดับสูง 500,000 ชิ้นก็เป็นขีดจำกัดที่ใจมันรับไหวเช่นกัน หากมากกว่านี้แม้แต่ 1 ผลึกอมตะระดับสูง กระทั่งตัวมันที่จะเป็นผู้ใช้เองแท้ๆ ยังรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า!
“ขอแสดงความยินดีกับผู้เฒ่าหูด้วย…”
พอเห็นว่าคนของประเทศโม่หลุนทั้ง 2 ด่วนจากไป หวงเหยี่ยนเฟยก็เก็บโอสถเฉียนจินลงขวด ก่อนจะใช้พลังประคองขวดโอสถส่งตรงถึงเบื้องหน้าหูชิง
ด้านหูชิงหลังรับขวดโอสถมาเก็บ ก็สะบัดมือเรียกผลึกอมตะระดับสูงออกมา 510,000 ก้อนแล้วบรรจุลงแหวนพื้นที่ว่างๆวงหนึ่ง ค่อยใช้พลังประคองส่งให้หวงเหยี่ยนเฟยทันที
“ท่านเจ้าเมืองหวง พวกเราขอตัวลาไปก่อน”
หลังปิดการซื้อขายได้ด้วยดีแล้ว หูชิงก็กล่าวคำอำลาหวงเหยี่ยนเฟย จากนั้นก็ก้าวนำหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับองค์ชายรองของประเทศตงหมิงจากไปทันที
สุดท้ายภายในโถงหลักตำหนักอันกว้างใหญ่ไพศาล ก็หลงเหลือแต่ต้วนหลิงเทียนกับพวกเท่านั้น
“เสี่ยวเทียน เจ้ารับแหวนนี้ไปเถอะ”
หวงเหยี่ยนเฟยใช้พลังหอบหิ้วแหวนพื้นที่ๆหูชิงส่งมาให้ไปทางต้วนหลิงเทียน พลางกล่าว “เมื่อครู่ข้าลองนับดูอีกรอบแล้ว พบว่ามีผลึกอมตะระดับสูง 510,000 ชิ้นครบถ้วน ไม่ขาดไม่เกินแม้แต่ชิ้นเดียว…”
“ลุงหวง นี่ท่านทำอะไร?”
หากแต่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เอื้อมมือไปรับแหวนพื้นที่มาแต่อย่างใด “ถึงแม้ข้าจะเป็นคนหลอมโอสถเฉียนจินก็จริง หากแต่ไส้เดือนฝอยทองทั้งสองก็เป็นลุงหวงซื้อมาให้ข้า”
“นอกจากนั้นบุปผาวิญญาณลี้ลับ 1 ใน 2 ก็เป็นลุงหวงมอบให้ข้าอีก”
“เช่นนั้นผลึกอมตะระดับสูง 510,000 ชิ้นนี้ เต็มที่ข้าก็ขอรับไว้เพียง 200,000 เท่านั้น”
ต้วนหลิงเทียยนกล่าวคำขาดออกมา น้ำเสียงยังฟังดูแน่วแน่ไม่คิดเปลี่ยนแปลง
เขาเองก็เป็นคนมีหลักการ ทั้งไม่ใช่คนที่ไม่รู้บุญคุณคน!
อย่างไรก็ตามเขาที่แน่วแน่ ก็ต้องเจอกับหวงเจียหลงที่แน่วแน่ไม่แพ้กัน “เสี่ยวเทียนเจ้าเกรงใจไปแล้ว…หากไม่ใช่เพราะเจ้า ยังจะมีผู้ใดหาญกล้ารับประกันว่าวัตถุดิบจะไม่ถูกหลอมไปอย่างสูญเปล่า?”
“เช่นนั้น…ข้าขอรับไว้เพียง 10,000 ผลึกอมตะระดับสูงเถอะ ส่วนผลึกอมตะระดับสูงอีก 500,000 ชิ้นที่เหลือเจ้าเก็บไว้เสีย”
“หากเจ้าไม่ยอมรับ ก็เสมือนไม่ไว้หน้าข้า เช่นนั้นต่อไปก็อย่าได้เรียกข้าว่าลุงหวงแล้ว!”